Share

คนบ้านหวัง

last update Last Updated: 2025-08-29 15:52:13

เสียงปะทะของไม้เรียวกับแผ่นหลังของหลี่หลงยังคงดังก้องอยู่ในหู แต่หลี่เหมยไม่มีเวลาสนใจเรื่องเหล่านั้นอีกแล้ว ท้องที่ว่างเปล่ามานานหลายวันทำให้เธอรู้สึกอ่อนเพลียอย่างถึงที่สุด หลังจากที่จัดการกับเสบียงในมิติเสร็จเรียบร้อย นางก็ถือตะกร้าไข่ออกมาพร้อมกับถุงข้าวสารที่เต็มแน่นจนล้นมือ

ลูกสาวและลูกสะใภ้ที่ยืนรออยู่หน้าห้องครัวถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พวกนางมองดูถุงข้าวสารในมือของหลี่เหมยด้วยความประหลาดใจ

"เหตุใดท่านแม่เอาข้าวออกมาเยอะขนาดนี้เจ้าคะ" 

เสี่ยวม่ายเอ่ยถามด้วยความสงสัย ปกติแล้วแม่สามีของนางจะให้ข้าวฟ่างมาต้มเพียงแค่หนึ่งหรือสองกำมือต่อมื้อเท่านั้น แต่ครั้งนี้เป๋นข้าวขาวเชียวนะ ที่เห็นนั้นน่าจะอยู่ราว ๆ ห้าถึงหกจินเลยทีเดียว

นี่มันเกิดอะไรขึ้น!

"เอามาให้ต้มไง ทำเป็นข้าวต้มสามมื้อ กินร้อน ๆ อย่ากินของเหลือ เดี๋ยวจะไม่สบาย ส่วนไข่นี่ แม่จะทำเป็นไข่น้ำ อาหลินเจ้าตั้งหม้อเล็กอีกสักใบนะ น้ำร้อนแล้วเรียกแม่ด้วย"

หลี่เหมยตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ หลี่หลินพยักหน้าอย่างว่าง่ายด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น นอกจากจะได้กินข้าวขาว วันนี้พวกเขายังจะได้กินไข่อีกด้วย ช่างน่าตื่นเต้นเสียจริง

"เจ้าค่ะท่านแม่"

ทุกคนต่างก็งงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้แต่น้ำเสียงและคำแทนตัวที่ต่างออกไป พวกเขาต่างมองหน้ากันไปมาอย่างไม่เข้าใจ ปกติแล้วข้าวสารกับไข่เหล่านี้แม่ของพวกเขามักจะเก็บเอาไว้ให้กับบ้านเดิม ไม่เคยมีครั้งไหนที่นางจะนำออกมาให้พวกเขากินอย่างเต็มที่เช่นนี้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามอะไรอีกนอกจากพากันทำงานของตัวเองไปอย่างเงียบ ๆ

ในขณะที่ทุกคนกำลังยุ่งกับงานของตัวเองอยู่นั้น หลี่เหมยก็เห็นหลานชายทั้งสองคนคือ ซางจื้อและซางหยวนกำลังเก็บกิ่งไม้แห้งเล็ก ๆ อยู่หน้าประตูบ้าน และพูดคุยหยอกล้อกันเงียบ ๆ ตามประสาเด็ก นางจึงยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูในความไร้เดียงสา ก่อนจะเดินออกไปดูพวกเขา

แต่แล้วสายตาก็พลันไปปะทะเข้ากับเงาร่างของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินตรงเข้ามายังบ้านของนาง คนกลุ่มนั้นนำโดยหญิงวัยกลางคนผู้มีใบหน้าบึ้งตึง นางหวัง มารดาของหลี่เหมยนั่นเอง 

"อาเหมย! ไหนละเงินที่ข้าบอกให้เตรียม เสบียงอาหารอีก! หลานชายกับพี่ชายของเจ้ารอใช้เงินอยู่รู้หรือไม่ อย่ารอช้า รีบไปหยิบมา!!"

นางหวังมาถึงก็ออกปากแผดเสียงสั่งทันที

เสียงตะโกนที่แหลมสูงทำเอาซางจื้อกับซางหยวนถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ ใบหน้าเล็ก ๆ ของพวกเขาซีดเผือดลงในทันทีด้วยความหวาดกลัว

หลี่เหมยไม่รอช้า นางยื่นมือไปดึงหลานชายทั้งสองคนมาไว้ด้านหลังของนางอย่างรวดเร็ว เพื่อปกป้องพวกเขาจากคนกลุ่มนี้ แล้วนางก็หันไปมองหาอาวุธที่พอจะหยิบฉวยมาไว้ในมือได้บ้าง สายตาของนางกวาดไปรอบ ๆ บริเวณบ้าน ก่อนจะคว้าไม้ไผ่แห้งท่อนหนึ่งมาถือไว้ในมือ

ในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูก ๆ ของนางที่ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก ก็รีบพากันออกมาจากบ้านเพื่อมายืนหนุนหลังมารดาของพวกเขาเอาไว้ เสี่ยวม่ายประคองท้องที่กำลังใกล้คลอดของนางเอาไว้แน่น หลี่ซาน หลี่หลง และหลี่ซุนต่างพากันมายืนด้านหลังหลี่เหมยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมที่จะปกป้องมารดาในทุกสถานการณ์

ลึก ๆ แล้วพวกเขาก็หวังว่าแม่ที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นจะเป็นแบบนั้นได้นานหน่อย ไม่ใช่เห็นว่าครอบครัวเดิมมาหาก็จะขนของให้พวกเขาจนหมด

หลี่เหมยมองหน้ามารดาของนาง นางหวัง ด้วยแววตาที่ว่างเปล่าก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา 

"มาที่นี่ทำไม?"

"อะไรของเจ้า! ทำไมถึงพูดจาเช่นนี้! เจ้าต้องเอาเงินและเสบียงมาให้ข้า! ไม่อย่างนั้นพี่ชายกับหลานของเจ้าจะกินอะไร โดนเฉพาะหลานชายของเจ้ายังรอเงินเพื่อเดินทางไปสอบอยู่นะ เจ้าลืมไปแล้วหรือ!" 

นางหวังแผดเสียงอย่างโมโห

"ข้าไม่มี ถึงมีก็ไม่ให้ หวังต้าอายุ 45 แล้ว ยังทำตัวหน้าไม่อายมาขอเงินขอข้าวคนอื่นกิน ใจคอจะให้คนอื่นเลี้ยงดูไปจนตายเลยรึยังไง แขนขาก็มีครบ อยากได้อะไรก็ควรหาเอาเอง แล้วหวังจงก็เหมือนกัน เขาไม่ใช่ลูกของข้า เขาอยากเรียนก็ให้พ่อแม่ของเขาทำงานหาเงินให้ถึงจะถูกต้อง"

ทุกคนต่างก็อ้าปากค้างเมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูด มันช่างเป็นถ้อยคำที่ทิ่มแทงเข้าไปในใจของแม่เฒ่าหวัง ผู้ที่เคยสั่งการลูกสาวหน้าโง่ได้ทุกอย่าง แต่การต่อต้านของหลี่เหมยครั้งนี้คืออะไรกัน นางไม่เคยแสดงท่าทีแข็งกร้าวเช่นนี้มาก่อน

"อะไรนะ! เจ้ากล้าพูดเช่นนี้กับข้าหรือ! จะ..เจ้ามันลูกอกตัญญู! เจ้ามันลูกสารเลว!"

"ฮึ! ลูกอกตัญญูหรือ" หลี่เหมยหัวเราะเยาะ

"..." 

"ข้าถามหน่อยเถอะ...ตั้งแต่ข้าแต่งเข้าบ้านหลี่ พวกท่านเคยให้อะไรข้าบ้าง!  ลูกชาย ลูกสาวของข้าต้องอดมื้อกินมื้อ เพื่อที่จะมีเงินไปส่งให้หลานชายตัวดีของพวกท่านได้เรียนหนังสือ!"

"..."

"พวกท่านเคยถามไถ่ถึงความสุขความทุกข์ของพวกข้าหรือไม่ ดีแต่พูดจาหลอกล่อให้ความใหวัง เรียกร้องเอาข้าวของเงินทองจากข้าไม่หยุดหย่อน! นี่หรือคือสิ่งที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ควรทำ! จากวันนี้ไป...ข้าไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพวกท่านอีก ตัดผ้าเหมือนตัดสัมพันธ์ จากนี้ไปเราไม่เกี่ยวข้องกันอีก"

แคว่ก   หลี่เหมยตัดชายเสื้อแทนการตัดสัมพันธ์ คำพูดและการกระทำของหลี่เหมยทำให้ทุกคนในครอบครัวหวังถึงกับเงียบกริบ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าหลี่เหมยจะกล้าพูดจาแบบนี้ออกมา ปกติแล้วหลี่เหมยเป็นคนหัวอ่อน พ่อแม่บอกอะไรก็เชื่อฟังทุกอย่าง

"เจ้า! เจ้าเป็นใคร! เจ้าไม่ใช่ลูกสาวของข้า! ลูกสาวของข้าไม่มีทางพูดจาเช่นนี้กับข้า!" 

นางหวังตะโกนออกมาด้วยความตกใจ

"ข้าคือหลี่เหมย! และข้าคือคนที่พวกท่านไม่เคยเห็นค่า! ที่ผ่านมาข้าวของเงินทองที่ข้าให้พวกท่านไป ข้าจะไม่เอาคืน แต่จากนี้ไปพวกท่านอย่ามายุ่งกับข้าและลูก ๆ ของข้าอีก ไม่อย่างนั้นข้าจะเข้าไปที่สำนักศึกษา แล้วป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าครอบครัวหวังเป็นยังไง ให้อนาคตของหวังจงดับมอดลงทันที!"

คำขู่ของหลี่เหมยทำให้ทุกคนในครอบครัวหวังถึงกับหน้าซีดเผือด หวังต้า พี่ชายคนโตของหลี่เหมยรีบเข้าไปจับแขนของมารดาเอาไว้แน่น

"ท่านแม่! อย่าไปต่อความยาวสาวความยืดกับนางอีกเลยขอรับ! หากนางทำเช่นนั้นจริง อนาคตของลูกชายของข้าจะต้องจบสิ้นลงแน่ๆ!"

หวังเฟยฮวา ภรรยาของหวังต้าก็รีบพูดออกมา 

"ใช่แล้วท่านแม่! อย่าไปต่อปากต่อคำกับคนบ้า ๆ บอ ๆ อย่างนางอีกเลยเจ้าค่ะ! ปล่อยให้นางเป็นคนบ้าไปเถอะ! พวกเรากลับกันเถอะเจ้าค่ะ! รอดูเมื่อนางคิดได้แล้วมาขอโทษพวกเรา ถึงตอนนี้เราต้องเรียกร้องให้นางหาเงินมาให้สักหลายสิบตำลึงเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์อีกครั้ง"

เมื่อทุกคนได้ยินคำขู่ของหลี่เหมยแล้ว พวกเขาก็รีบพากันหยุดมือ ก่อนจะก่นด่าและคาดโทษนางเอาไว้ แล้วถอยกลับหมู่บ้านของพวกเขาไปอย่างไม่เต็มใจ

หลังจากที่ครอบครัวหวังจากไปแล้ว ทุกคนในบ้านหลี่ก็พากันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พวกเขายังคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลี่ซานมองหน้ามารดาของเขาด้วยสายตาที่ทึ่งและประหลาดใจ

"ท่านแม่...ท่านช่างกล้าหาญยิ่งนัก"

"แม่ของเจ้าก็เป็นแบบนี้มาตลอดนั่นแหละ เพียงแต่พวกเจ้าไม่เคยเห็น" หลี่เหมยตอบกลับไปอย่างเรียบง่าย

ซางจื้อหลานชายตัวน้อยในวัยหกขวบเดินเข้ามาหาหลี่เหมย แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สดใส 

"ท่านย่าเก่งที่สุด! ต่อไปอาจื้อจะเอาท่านย่าเป็นตัวอย่าง! ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ใครมารังแกบ้านเรา อาจื้อจะไล่ตะเพิดไปเลย!"

หลี่เหมยยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน แล้วลูบหัวซางจื้อด้วยความเอ็นดู นางมองไปยังเด็ก ๆ ทุกคนในครอบครัว แล้วคิดในใจว่า 'ลูกหลานดีขนาดนี้ เหตุไฉนร่างเดิมถึงไม่เห็นค่าเลย'

หลี่เหมยคิดว่าการที่นางหลุดเข้ามาในร่างนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก เพราะการได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้นางมีความสุขได้มากกว่าการเป็นเจ้าของห้างค้าส่งขนาดใหญ่ 

"เอาละ! ทุกคน! เข้าไปในบ้านได้แล้ว! เราจะได้กินข้าวเย็นกันสักที! วันนี้ข้าจะทำไข่น้ำให้พวกเจ้ากินเป็นพิเศษ!"

คำพูดของหลี่เหมยทำให้ทุกคนในบ้านยิ้มออกมาด้วยความดีใจ พวกเขารีบพากันเข้าไปในบ้านแล้วไปล้างมือเตรียมจัดโต๊ะ

หลี่เหมยมองตามหลังลูกหลานที่เดินเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นหัวใจ แล้วพูดพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ว่า...

 "การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในยุคที่แตกต่างกันเช่นนี้ อาจจะเป็นเรื่องที่สนุกก็ได้"

หลี่เหมยยืนอยู่หน้าเตาไฟที่กำลังลุกโชน นางมองไปยังน้ำในหม้อที่เริ่มเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น ยามที่นึกภาพสีหน้าแต่ละคนยามได้กินไข่น้ำที่นางตั้งใจปรุงเป็นพิเศษ นางถือตะกร้าไข่และเครื่องปรุงต่าง ๆ ไว้ในมือแล้วเริ่มลงมือทำอาหารทันที

เมื่อน้ำในหม้อเดือดได้ที่ นางก็เริ่มปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล และซีอิ๊วเล็กน้อย กลิ่นหอมของเครื่องปรุงที่ทำมาจากถั่วอบอวลไปทั่วทั้งห้องครัว ทำให้หลี่หลินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

"น้ำดำ ๆ ที่ท่านแม่ใส่ลงไปคืออะไรเจ้าคะ" 

หลี่หลินเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะนางไม่เคยเห็นเครื่องปรุงเช่นนี้มาก่อน หลี่เหมยยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น 

"เรียกว่าซีอิ๊ว เป็นเครื่องปรุงชนิดหนึ่งที่ทำมาจากถั่ว จะทำให้รสชาติอาหารดีขึ้น"

เมื่อปรุงรสได้ที่แล้ว นางก็ตอกไข่ทั้งหมดลงในชามแล้วตีรวมกัน ก่อนจะเทไข่ที่ตีแล้วให้เป็นสายลงไปในน้ำที่กำลังเดือดพล่าน ไข่ขาวค่อย ๆ จับตัวเป็นก้อนในขณะที่ไข่แดงยังคงเป็นสีเหลืองอ่อนลอยอยู่บนผิวน้ำ จากนั้นนางก็เติมสาหร่ายอบแห้งที่นำออกมาจากมิติลงไปในหม้ออีกครั้ง

"แล้วนี่คืออะไรเจ้าคะท่านแม่" 

หลี่หลินถามอีกครั้งเมื่อเห็นสิ่งที่ลอยอยู่ในหม้อ นางไม่เคยเห็นสิ่งของเช่นนี้มาก่อน

"มันคือผักแห้งชนิดหนึ่ง" หลี่เหมยตอบกลับไปอย่างเรียบง่าย หากจะบอกว่าเป็นสาหร่ายวากาเมะ พวกเขาก็คงจะไม่รู้จัก

หลังจากที่ชิมรสชาติจนได้ที่แล้ว นางจึงบอกให้ลูก ๆ มาช่วยกันยกหม้อข้าวและไข่น้ำไปที่โต๊ะกลมกลางบ้าน ทุกคนในครอบครัวต่างก็มารวมตัวกันที่โต๊ะกินข้าวด้วยใจที่จดจ่อ กลิ่นข้าวขาวต้มมันช่างหอมจนท้องของพวกเขาร้องโครมครามอยู่เนือง ๆ

มื้อนี้ทุกคนได้ข้าวต้มขาวคนละหนึ่งถ้วยและไข่น้ำอีกหนึ่งถ้วย ทั้งแปดคนนั่งล้อมวงกันเงียบ ๆ ไม่มีใครกล้าที่จะเริ่มกินอาหารตรงหน้า  หลี่เหมยสังเกตเห็นท่าทางที่ลังเลของเด็ก ๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าในยุคนี้ ผู้ใหญ่ในบ้านต้องเริ่มกินก่อน เด็ก ๆ จึงจะสามารถกินตามได้ นางจึงไม่รอช้าที่จะหยิบตะเกียบขึ้นมาแตะอาหารเป็นคนแรก

ทันทีที่หลี่เหมยเริ่มกิน ทุกคนก็ยกถ้วยไข่น้ำขึ้นซดอย่างรวดเร็ว ส่วนอาหยวน หลานชายตัวน้อยในวัยสี่ขวบนั้นมีหลี่ซานผู้เป็นพ่อคอยดูแลและป้อนให้อย่างอ่อนโยน

ซางจื้อที่นั่งอยู่ข้างนางนั้นมองดูไข่น้ำในถ้วยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากอาหาร หลี่เหมยจึงตักไข่น้ำของนางขึ้นมาแล้วเป่าให้หายร้อน ก่อนจะป้อนให้เขา

ทันทีที่ไข่น้ำคำแรกเข้าสู่ปากของซางจื้อและทุกคนในครอบครัว พวกเขาต่างก็น้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้งและประหลาดใจ รสชาติของมันช่างอร่อยเกินกว่าอาหารที่พวกเขาเคยกินมาตลอดหลายปี

"ท่านแม่! ไข่น้ำอร่อยมากขอรับ!" หลี่ซานเอ่ยปากชมออกมาเป็นคนแรก

"ใช่เจ้าค่ะ! อร่อยเหลือเกิน!" หลี่หลินพูดเสริมด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น

"ก็...พอใช้ได้" แม้แต่หลี่หลงที่เพิ่งถูกลงโทษไปก็ยังเอ่ยปากชมออกมาอย่างไม่เต็มใจ

หลี่เหมยยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อได้เห็นทุกคนกินอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย นางสังเกตเห็นว่าซางจื้อกินอาหารเหมือนกลัวว่าอาหารตรงหน้าจะหมด นางจึงตักไข่น้ำของนางไปใส่ถ้วยให้เขาเพิ่ม

"อาจื้อกินเยอะ ๆ หน่อย โตมายังต้องเลี้ยงดูท่านย่าอีกนะ"

คำพูดของหลี่เหมยทำให้ซางจื้อถึงกับหยุดกิน และเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างไม่เชื่อสายตา นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านย่าพูดดี ๆ กับเขา และยังแสดงความเมตตาให้เขาเห็นอีกด้วย ซางจื้อยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ

"ขอรับ ท่านย่าเมตตาอาจื้อ...อาจื้อจะทดแทนคุณท่านย่าเอง"

"ช่างเป็นเด็กที่รู้ความจริง ๆ" 

หลี่เหมยลูบหัวซางจื้ออย่างอ่อนโยน เด็กที่จิตใจดีเช่นนี้ไม่สมควรที่จะถูกทอดทิ้งอย่างที่ร่างเดิมทำเลยแม้แต่น้อย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุนิยายมาเป็นคุณแม่ลูกสี่ นำพาครอบครัวสู่ความรุ่งโรจน์   จบบริบูรณ์

    การสูญเสียที่ไม่อาจยอมรับได้ทำให้หลี่เหมยเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองลงด้วยอาการตรอมใจ แต่ในห้วงเวลาสุดท้ายของการจากไป จิตใจของเธอกลับสงบและเต็มไปด้วยความรักที่บริสุทธิ์ การยอมสละทุกสิ่งในชีวิตเพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้า ทำให้เธอได้สร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ ที่ได้กลายเป็นสะพานเชื่อมให้เธอกลับไปสู่จุดจุดเดิมที่ห้วงคะนึงโหยหาอีกครั้งประตูสู่โลกใบเก่าในห้วงเวลาที่ลมหายใจสุดท้ายกำลังจะสิ้นสุดลง วิญญาณของหลี่เหมยพลันหลุดลอยออกมาจากร่างที่ผ่ายผอม เธอพบว่าตัวเองยืนอยู่ในสถานที่อันว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยหมอกควันสีขาวเย็นยะเยือก รอบกายไม่มีสิ่งใด นอกจากความเงียบงันและอุณหภูมิที่หนาวเหน็บ ทันใดนั้นเอง เสียงลึกลับที่เคยพาเธอมายังโลกแห่งนิยายในครั้งแรก ก็ดังขึ้นอีกครั้ง"หลี่เหมย... เจ้าได้สร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ด้วยการสละทรัพย์สินทั้งหมด เพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้าได้นับร้อยชีวิต ความดีงามของเจ้าได้กลายเป็นแสงสว่างนำทางให้แก่ดวงวิญญาณของเจ้า และด้วยความรักที่บริสุทธิ์ที่เจ้ามีต่อครอบครัว บุญกุศลนี้จึงได้ตอบแทนเจ้า"หลี่เหมยเงียบฟังอย่างตั้งใจ หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความหวังที่ริบหรี่"เราจะให้โอกาสเจ้าอี

  • ทะลุนิยายมาเป็นคุณแม่ลูกสี่ นำพาครอบครัวสู่ความรุ่งโรจน์   ความคิดถึง

    เสียงเครื่องวัดชีพจรในห้องคนป่วยดัง "ติ๊ด…ติ๊ด…ติ๊ด…" เนิ่นนานกว่าหนึ่งปีเต็ม ที่ร่างของหลี่เหมยนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแห่งนี้ สีหน้าของเธอนั้นสงบราวกับคนที่หลับใหลไปในห้วงนิทราอันยาวนานข้างกายของหลี่เหมย มีเพียงป้าหลัว หญิงวัยกลางคนที่จงรักภักดี คอยดูแลเธออย่างใกล้ชิดไม่เคยห่างกาย ถึงจะมีพยาบาลพิเศษคอยดูแลเรื่องต่าง ๆ แต่ป้าหลัวก็จะคอยพูดคุยกับร่างที่ไร้การตอบสนองนั้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง ราวกับเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งเจ้านายของตนจะกลับมากระทั่งเช้าวันหนึ่ง แสงตะวันสีทองอ่อน ๆ สาดส่องลอดผ่านผ้าม่านบาง ๆ เข้ามาในห้อง ดวงตาที่ปิดสนิทของหลี่เหมยค่อย ๆ กะพริบขึ้นอย่างเชื่องช้า นิ้วมือเรียวเล็กขยับสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับกำลังไขว่คว้าจับต้องบางสิ่ง ป้าหลัวที่นั่งหลับอยู่ข้างเตียงสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้น ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความยินดี ก่อนจะรีบคว้ามือของเจ้านายเอาไว้แน่น"คุณหลี่! คุณหลี่ฟื้นแล้วหรือคะ!" เสียงของป้าหลัวสั่นเครือด้วยความตื้นตันใจและดีใจจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ทันทีที่ได้รับแจ้งผ่านสัญญาณ พยาบาลและแพทย์ก็รีบเข้ามาตรวจ

  • ทะลุนิยายมาเป็นคุณแม่ลูกสี่ นำพาครอบครัวสู่ความรุ่งโรจน์   คำอำลา

    เสียงสะอื้นแผ่วเบาของเด็ก ๆ ทั้งสามดังลอดออกมาจากเรือนนอนที่เงียบสงัด ราวกับสายลมเศร้าที่กำลังร่ำร้องปลุกปลอบวิญญาณของผู้เป็นย่าให้ตื่นขึ้นมา ทว่า...ความเงียบวังเวงกลับเป็นสิ่งเดียวที่โอบล้อมอยู่เซียวติ้งเซิงก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าหนักอึ้ง ใจที่เคยแข็งแกร่งยิ่งกว่าหินผากำลังแหลกสลายอย่างไม่อาจต้าน ดวงตาคมของเขาเบิกกว้าง ก่อนจะพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตาเมื่อเห็นภาพตรงหน้าหลี่เหมยนอนนิ่งบนเตียง ผิวซีดขาวเย็นชืดประหนึ่งหยกที่ไร้ชีวิตชีวา มีร่างเล็กจ้อยของซางหนิงอิงซบอยู่กลางอก มือเล็ก ๆ ตบเบา ๆ ราวกับจะปลุกให้ท่านย่าลืมตา ซางจื้อคุกเข่าอยู่ข้างเตียง กอบกุมมือที่เย็นเฉียบไว้แน่น ดวงตาบวมช้ำด้วยน้ำตา ซางหยวนนอนข้างน้องสาวสะอื้นจนตัวสั่นไม่ยอมห่างไปไหน"ท่านย่า...ตื่นเถอะขอรับ...อาจื้ออยู่ตรงนี้แล้ว...ได้โปรดอย่าทิ้งพวกเราไป...""ต้านย่า...ต้านย่ากลับมาก่อน...ฮึก...อย่าไปนะ..."หัวใจของเซียวติ้งเซิงแทบแตกสลาย เขาก้าวเข้าไปอย่างโซซัดโซเซ ก่อนทรุดนั่งลงข้างเตียง มือใหญ่สั่นเทาขณะประคองร่างบอบบางของหลี่เหมยขึ้นมากอดแนบอก ความเย็นชืดนั้นแทงทะลุเข้าถึงกระดูก"อาเหมย...เหตุใดเจ้าจึงจากไปเช่นนี้ ข้าตั้งใ

  • ทะลุนิยายมาเป็นคุณแม่ลูกสี่ นำพาครอบครัวสู่ความรุ่งโรจน์   ท่านย่าไม่รักหยวนหยวนแล้วหรือขอรับ!

    ยามเย็นของวันนั้น แสงอาทิตย์ค่อย ๆ ลาลับทิวเขา สาดทาบเป็นสีทองเรื่อไปทั่วทุ่งนา เสียงจิ้งหรีดเริ่มขับขานทำนองแห่งรัตติกาล กลิ่นหอมจากครัวเล็ก ๆ ของจวนสกุลหลี่ก็ลอยอบอวลไปทั่วทุกห้องบนโต๊ะไม้เรียบง่ายกลางเรือน มีอาหารเรียงรายครบครัน ทั้ง ปลาช่อนทอดสามรส ผัดหน่อไม้ น้ำแกงรากบัวตุ๋นกระดูกหมู กลิ่นหอมอบอวล ชวนให้น้ำลายสอ ทั้งหมดนั้นคืออาหารที่ครั้งหนึ่งหลี่เหมยเคยทำให้ลูก ๆ ลิ้มรส และบัดนี้ถูกถ่ายทอดไปสู่มือหลี่หลินกับเสี่ยวม่าย ที่ตั้งใจปรุงรสราวกับได้รำลึกความหลัง นางทอดสายตามองอาหารตรงหน้าแล้วหัวใจสั่นสะท้าน เหมือนทุกอย่างย้อนคืนกลับสู่วันเก่า ช่วงเวลาแรกที่นางเข้ามาอยู่ในร่างนี้"โอ้โห กับข้าวพวกนี้ทำให้ลูกคิดถึงบ้านหลังเก่าของเรานะขอรับท่านแม่ ลูกยังจำวันที่เราไปสับหน่อไผ่แล้วก็จับงูมาขายได้ขึ้นใจเลย" หลี่ซุนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอาหารตรงหน้า"จริงด้วย วันที่พวกเราขึ้นเขาไปเก็บรากบัว ไปจับปลาช่อนตัวใหญ่ ก็เหมือนเพิ่งผ่านไปไม่นาน แม้กระทั่งวันที่พวกเราวิ่งหนีเสือครั้งนั้นลูกก็ยังจำได้ขึ้นใจ" หลี่ซานเอ่ยขึ้นบ้างเมื่อนึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ"แม่ก็คิดถึง ช่วงเวลานั้นแม่มีความสุขมากเลยนะ"ห

  • ทะลุนิยายมาเป็นคุณแม่ลูกสี่ นำพาครอบครัวสู่ความรุ่งโรจน์   ลูกจะไม่ทำให้ท่านแม่ผิดหวัง

    หลายเดือนต่อมา หลังจากที่หลี่เหมยและครอบครัวได้ตั้งรกรากในเมืองเทียนฉางอย่างมั่นคง นางก็เริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องที่อยู่อาศัยอย่างจริงจังตั้งแต่แรกนางหมายใจว่าจะซื้อบ้านที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยพร้อมหน้าพร้อมตา แต่เมื่อดูอยู่หลายแห่งก็ยังไม่ถูกใจ บ้างก็แคบเกินไป บ้างก็ทรุดโทรมเสียจนต้องซ่อมใหม่หมดสิ้น ใช้เงินมากกว่าที่นางตั้งใจไว้เสียอีกพอฮูหยินผู้เฒ่าเซียวรู้จึงได้บอกให้นางมาดูจวนที่อยู่ติดกัน จวนนี้มีการจัดสรรพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วน จวนประเภทนี้สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมและความมั่งคั่งของผู้เป็นเจ้าของ โดยมีรูปแบบจตุรนิเวศ ซึ่งเป็นการสร้างอาคารสี่หลังล้อมรอบลานกว้างไว้ตรงกลาง จวนประเภทนี้เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ร่วมกัน เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองรอง ไม่ใช่เมืองหลวง ราคาจึงอยู่ที่ 2000 ตำลึง เท่าที่หลี่เหมยหาข้อมูลมา ทว่าจวนหลังนี้นางกลับซื้อได้เพียง 1000 ตำลึงเท่านั้น ช่างโชคดียิ่งนักแต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือเซียวติ้งเซิงคือผู้อยู่เบื้องหลัง หลายเดือนมานี้เขาไม่ยอมไปทำการค้าต่างแคว้นนาน ๆ เหมือนเคย ไปก็เพียงใกล้ ๆ 1 สัปดาห์ก็รีบกลับมา แถมยังชอบหาของฝากมาให้ลูกหลานของนางอยู่ตลอดบ

  • ทะลุนิยายมาเป็นคุณแม่ลูกสี่ นำพาครอบครัวสู่ความรุ่งโรจน์   จุดจบของสกุลหวัง

    ณ ตรอกเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากร้านเต้าหู้สกุลหลี่ บรรยากาศอับชื้นและเย็นยะเยือก หวังเฟยฮวา สตรีผู้ซึ่งมีใบหน้าเต็มไปด้วยความริษยา พูดคุยอย่างออกรสกับญาติผู้น้อง ที่นางจ้างมาเพื่อแสดงละคร "พวกเจ้าสองคนต้องแสดงให้แนบเนียน อย่าให้พวกมันจับพิรุธได้รู้หรือไม่""ข้ารู้แล้วน่าพี่หญิง ว่าแต่ถ้าข้าทำสำเร็จ เมื่อได้เงินมาแล้ว 100 ตำลึงต้องเป็นของข้าตามที่ตกลงกันไว้นะ" เจิ้งฉือญาติห่าง ๆ ของนางกล่าวย้ำชัดถึงข้อตกลงอีกครั้ง"ข้ารู้แล้ว หากทำสำเร็จ เงินก็อยู่ในมือพวกเจ้ามิใช่หรือ พวกเจ้าก็หักไว้เลย 100 ตำลึง ส่วนที่เหลือค่อยเอามาให้ข้า ขอเพียงได้มาจ่ายหนี้พนันให้อาจงก็พอ เรื่องอื่น ๆ ค่อยว่ากันอีกทีหลังจากนี้"หวังเฟยฮวาตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ พูดจบสองสามีภรรยา เจิ้งฉือและเจิ้งหว่านหรู ก็เริ่มการแสดงที่ซักซ้อมกันมาอย่างดี เจิ้งฉือล้มตัวลงนอนในเปลหาม ส่วนเจิ้งหว่านหรูก็รีบเอาผ้าคลุมสีขาวปิดหน้าสามีเอาไว้ แล้วสั่งให้ลูกชายทั้งสองของพวกเขาหามผู้เป็นพ่อเดินตรงไปที่หน้าร้านเต้าหู้สกุลหลี่"ช่วยด้วย...ช่วยด้วยเจ้าค่ะ" เจิ้งหว่านหรูร้องห่มร้องไห้ "...""มาดูความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status