ใบหน้างามของเสวี่ยหนิงร้อนฉ่าไปถึงใบหู! ผิวขาวแดงเรื่อประหนึ่งผลท้อสุก เผลอกำพัดจีบในมือแน่นจนพัดเกือบหัก! นางแทบอยากขุดหลุมฝังตัวเองหนีความเขิน เจ้าหมีบ้าจู่โจมนางอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว! คนตัวโตเห็นใบหูขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงก็ลอบยิ้มอย่างพอใจ เอ่ยเย้าคนตัวเล็กหน้าตาใสซื่อต่ออีกนิด “นายหญิงล่ะขอรับ คิดถึงข้าบ้างไหม” ฉ่าาา เสวี่ยหนิงอยากวิ่งไปกรี๊ดมาก พ่อหยางหยางจะร้ายกาจเกินไปแล้ว เขินนะ คนบ้า! แต่ถึงจะเขินจนหน้าร้อนฉ่าอยากมุดดินเป็นตัวตุ่นมากแต่ไหน เสวี่ยหนิงก็ยึดถือคำว่า สติ (ยกเว้นเวลาเจองู) เป็นที่ตั้ง สายตาพลันเหลือบไปเห็นตะกร้าปิกนิกที่เอามาด้วย เลยยกมาเป็นเครื่องช่วยแก้เขินเสียเลย “นะ นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เจ้า เจ้า หิวรึยังมากินข้าวกันก่อนเถิด ใต้ต้นไม้นั่น ข้า เอ่อ เอาข้าวกลางวันมาด้วยน่ะ “นางพูดตะกุกตะกัก พลางก้าวไปยังตะกร้าอาหารทันที ณ ใต้ร่มไม้ใหญ่ เสวี่ยหนิงปูผ้าปิกนิกง่ายๆบนผืนหญ้าใกล้โคนต้นไม้ใหญ่ ลมเย็นพัดเอื่อยเฉื่อยพร้อมกลิ่นหอมของดอกไม้และเปลือกของต้นสน พาให้บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปในฉากนิยายรัก “นั่งสิ พ่อหมีตัวโต” เว่ยลี่หยางยกยิ้มนั่งลงข้างหญิงสาวอย่างว่า
รถม้าไร้สัญลักษณ์เคลื่อนออกจากหน้าจวนสกุลเย่ มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านหว่านเซิน ระหว่างทางก็พบกับรถม้าของเผิงกั๋วกงที่มาจอดรอตามนัด ชายหนุ่มรูปงามหมดจดผู้ไม่ชอบกินผักกระโดดลงจากรถม้าคล่องแคล่ว เดินมาทักทายสหายสูงศักดิ์ของตน “ท่านอ๋อง อาชาเหงื่อโลหิตที่ทรงฝากกระหม่อมหาให้ได้มาแล้วพะย่ะค่ ขอทรงทอดเนตร” เผิงชางหนานผิวปากหนึ่งที องครักษ์ของเขาก็จูงอาชาสวรรค์สีน้ำตาลเข้มสง่างามสองตัวออกมาจากชายป่า เว่ยลี่หยางทอดพระเนตรอาชาสวรรค์รูปร่างกำยำองอาจด้วยความพอใจ “ดียิ่ง!” หลังจากทำความคุ้นเคยกับอาชาใหม่ของตน เรือนกายสูงก็โดดขึ้นไปนั่งอยู่บนอานด้วยท่วงท่าสง่างาม “ไปขี่ม้ากับข้าสักรอบ มีเรื่องต้องหารือกับเจ้า” “หารือหรือจะใช้งานกระหม่อมกันแน่พะย่ะค่ะ” ในฐานะสหายรู้ใจจวิ้นอ๋องตั้งแต่เด็ก เผิงชางหนานคาดเดาจากน้ำเสียงได้ทันที เว่ยลี่หยางไม่ตอบคำถามหากแต่ควบม้าเหยาะๆนำหน้าไป ทั้งคู่ไปหยุดอยู่บนเนินสูงที่สามารถมองเห็นสวนอรุณรักในมุมกว้าง และที่สะดุดตาที่สุดคือเสวี่ยหนิง ซึ่งวันนี้สวมผ้าคาดเอวสีส้มแปร๊ด จนสามารถมองเห็นได้ชัดเจนในรัศมีหนึ่งลี้!! แววตาของเว่ยลี่หยางสั่นระริกด้วยความเอ็นดูสุดชีวิ
เว่ยลี่หยางหูแดง พยักหน้ารับเบาๆ “ท่วงท่าการปีนกำแพงของหนิงเอ๋อร์ในวันนั้น…ทำเปิ่นหวางหัวใจกระตุก“ ยิ่งเห็นตอนที่นางไปนอนค้างเติ่งอยู่บนขอบกำแพง ด้วยอาการเหนื่อยหอบจนลิ้นห้อย ทว่าดวงตาทั้งสองข้างของหญิงสาว กลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว มิต่างจากทหารหาญที่ต้องการเอาชนะข้าศึก! ช่างร้อนแรงสุดจะบรรยาย! องครักษ์สองหลิวกลั้นขำจนไหล่สั่น ท่านอ๋องทรงมีรสนิยมไม่เหมือนใครจริงๆ “คราแรกเปิ่นหวางก็ไม่ได้แน่ใจ ว่าความรู้สึกที่เกิดในวันนั้นคือสิ่งใด จนกระทั่งได้ข่าวว่านางหย่ากับสามีแล้ว เปิ่นหวางเกิดความรู้สึกปีติยินดีอย่างบอกไม่ถูก จึงได้ตัดสินใจปลอมตัวมาอยู่ในหมู่บ้านหว่านเซิน และมาขอเป็นคนสวน เพื่อทำตามความปรารถนาในส่วนลึกของจิตใจ หากเปิ่นหวางไม่สามารถพิชิตหัวใจของหนิงเอ๋อร์ได้ นั่นก็เป็นเพราะเปิ่นหวางไม่เอาไหนเอง แต่เมื่อทราบว่าหนิงเอ๋อร์มิได้รังเกียจหมีตัวโตหน้าปานนามหยางหยางทั้งยังมีไมตรีจิตให้ เปิ่นหวางจึงได้บากหน้าหนาๆ มาสู่ขอนางกับนายหญิงเย่ หวังว่าท่านจะกรุณาเห็นใจบุรุษหยาบกระด้างผู้นี้…และยอมยกบุตรีให้แต่งกับข้าด้วยเถิด” เย่หลินเงียบไปครู่หนึ่ง มองแม่ทัพใหญ่ของแคว้นที่ตอน
บทที่ 23 อย่างมากเปิ่นหวางก็แค่สละฐานันดร จนถึงตอนนี้เวลาผ่านไปเกือบครบสามเดือนแล้ว อีกไม่กี่วันเว่ยลี่หยางก็ต้องกลับไปเป็นจวิ้นอ๋อง แม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินตามเดิม หมดเวลาสวมบทหยางหยาง หนุ่มชาวสวนผู้คลั่งรักนายหญิงเจ้าของสวน ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ มิต่างจากเนื้อย่างที่วางไว้บนโต๊ะ เพียงหันหลังไปรินชา หันกลับมาอีกทีก็ถูกหลางจื่อขโมยกินหมด! เว่ยลี่หยางขอลางานช่วงเช้ากับเสวี่ยหนิง อ้างว่ามีธุระสำคัญต้องไปจัดการ จวนตระกูลเย่ เย่หลินนั่งทำบัญชีอยู่ในห้องทำงาน พ่อบ้านเย่หานเดินมารายงานว่ามีคนมาขอพบ หากแต่ท่าทางของเขาแปลกไปจากยามปกติ จนเย่หลินสังเกตเห็น “ใครมาขอพบข้าหรือพ่อบ้านเย่” “เอ่อ คนงานที่ชื่อหยางหยางจากสวนของนายหญิงน้อยขอรับ” “คนงานที่ชื่อหยางหยางอย่างนั้นหรือ ได้บอกหรือไม่ว่ามาเพราะอะไร” นางไม่คิดว่าเกิดเรื่องกับบุตรี เพราะฝีมือการต่อสู้ของลูกน้องที่นางฝึกเองกับมือแต่ละคนไม่อ่อนด้อย โดยเฉพาะต้าเชิน พ่อบ้านเย่หานฉีกยิ้ม หากแต่ไม่ตอบคำถามเพียงบอกให้นางออกไปดูเอง โถงรับรอง เว่ยลี่หยางนั่งแผ่นหลังเหยียดตรงในท่วงท่าสง่างาม แม้จะสวมอาภรณ์เรียบง่าย แต่กลิ่นอายความองอา
ในขณะที่เสวี่ยหนิงกำลังสับสนกับความคิด ทางด้านเว่ยลี่หยางที่เดินตามพ่อบ้านไปเงียบๆ และเมื่อถึงหน้าห้องสำหรับใช้เปลี่ยนเสื้อผ้า พลั่ก! ตุ๊บ!! จู่ๆพ่อบ้านจวนโม่ก็หลับกลางอากาศโดยไม่รู้ตัว …โม่หรานกำลังรอพ่อหยางหยางหุ่นล่ำบึ้กอยู่ภายในห้องอย่างใจจดใจจ่อ กลิ่นกำยานลอยอวลอยู่ในอากาศ ผ้าม่านโปร่งบางพัดไหวตามสายลมแผ่ว แสงสลัวนวลตาจากโคมดวงเล็กที่มีก็เหมือนไม่มี ตกกระทบเรือนร่างของหญิงสาวผู้ที่อยู่ในห้อง โม่หรานเอนตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตั่ง เสื้อคลายออกนิดๆ ผมหลุดรุ่ย หน้าร้อนผ่าวเพราะดื่มไปหลายจอกเพื่อความเนียน เสียงบานประตูเปิดออก ร่างสูงกำยำเดินเข้ามาในแสงสลัว “ท่าน…” โม่หราน ยิ้มเอียงอาย ลุกขึ้นแล้วโผเข้าหาอีกฝ่ายทันที “ข้าร้อนเหลือเกินเจ้าค่ะ ช่วยข้าที ช่วยข้าด้วย” เสียงหวานเร้าอารมณ์เกินห้ามใจ มือไม้ปัดป่ายไปทั่วแผ่นอกกว้างของชายหนุ่ม ผ่างงง!! ประตูห้องถูกผลักเปิดกะทันหัน พร้อมด้วยเสียงชาวบ้านหลายคนตะโกนเสียงดังตามบทที่นัดกันไว้ “เกิดอะไรขึ้น!?” “ข้าได้ยินเสียงแปลกๆ ในห้องนี้!” และภาพที่เห็นคือ… โม่หรานในสภาพเสื้อหลุดไหล่ หน้าแดงระเรื่อกำลังคลุกวงในกับชายหนุ่มล่ำบึ้ก “
เรื่องที่โม่หรานพึงใจชายหนุ่มร่างกำยำนามหยางหยาง คนงานของสวนอรุณรักรู้ไปถึงหูของพี่ชาย โม่เจ๋อ เจ้าของที่ดินในหมู่บ้านหว่านเซิน ผู้เป็นน้องสาวมาออดอ้อนพี่ชายขอให้เขาช่วยเป็นพ่อสื่อให้นาง “พี่ใหญ่ ข้าชอบเขาจริงๆ นะเจ้าคะ ตั้งแต่ท่านพี่ของข้าเสียไป ข้าก็ไม่เคยถูกตาต้องใจบุรุษที่ไหนสักคน พี่ชายหยางหยางคนนั้นเป็นคนแรกที่ทำให้…พึงใจ” โม่เจ๋อมองน้องสาวอย่างเหนื่อยใจ เรื่องที่นางชื่นชอบบุรุษหุ่นล่ำตัวใหญ่ไยเขาจะไม่รู้ ความประพฤติของนางกับคนงานในสวนผลไม้ที่สามีทิ้งไว้ให้นั่นอีก…พ่อหนุ่มแซ่สิงนั่นก็นับว่าไม่เลว ถึงจะอายุน้อยกว่านางไปสักนิดแต่กลับขยันขันแข็ง ครอบครัวก็พอมีหน้ามีตา บิดาทำงานเป็นผู้ช่วยนายอำเภอเหอผิง ที่สิงเป้ยยอมมาเป็นคนงานในสวนผลไม้ก็เพราะถูกนางหลอกล่อมานี่แหละ… พี่ชายอย่างเขาคิดแล้วปวดหัว ใครใช้ให้เขามีน้องสาวคนเดียวกันเล่า “เจ้าจะให้ข้าช่วยอย่างไร ไหนลองว่ามาซิ” …รุ่งเช้าวันถัดมา ทุกคนในหมู่บ้านหว่านเซินและคนของสวนอรุณรัก ได้รับเทียบเชิญให้ไปร่วมงานแทนคำขอบคุณ จากเจ้าของที่ดินอย่างโม่เจ๋อ งานจะมีขึ้นที่จวนของเขาในอีกสามวัน “นายหญิงอยากไปหรือไม่ขอรับ” ชายหนุ่มที่กำลังมัด