Share

ตอนที่ 9 ประหลาดใจ

last update Last Updated: 2025-04-26 17:55:00

‘ทุกอย่างกลับมาเท่าเดิม… หรือว่าของทุกสิ่งที่อยู่ในคอนโดแห่งนี้ ไม่ว่านางจะหยิบจับสิ่งใดออกไปใช้ พวกมันก็จะกลับมาเหมือนเดิม?’

เมื่อคิดได้ดังนั้น ริมฝีปากของนางก็ยกยิ้มขึ้น ‘ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่ต้องกังวลว่าอาหารหรือยาที่อยู่ในนี้จะหมดไปอีกแล้ว’

นางรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยนี่ก็เป็นเรื่องดีเพียงสิ่งเดียวตั้งแต่ที่นางทะลุมิติมายังที่แห่งนี้

หยางฉิงหยิบไข่ไก่ออกมา เปิดเตาแล้วลงมือทำอาหาร นางทำไข่น้ำและข้าวต้มขาวเพื่อให้หลี่เซิงกินเป็นมื้อเย็น เขาเพิ่งหายจากพิษไข้ ควรกินอาหารอ่อน ๆ เพื่อให้ย่อยง่าย จะได้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

‘ข้าต้องบำรุงให้เขามีเนื้อหนังมากกว่านี้ ตอนนี้เขาผอมเกินไปแล้ว…’

ส่วนเรื่องขาที่บาดเจ็บนั้น นางแน่ใจว่าสามารถช่วยให้เขากลับมาเดินได้! แต่เขาคงเดินได้ไม่ปกติอีกต่อไป เพราะเส้นเอ็นที่ขาของเขาถูกตัดขาด อีกทั้งยังขาดการรักษาที่เหมาะสม คนที่นี่ก็คงไม่มีใครรู้วิธีต่อเส้นเอ็นเป็นแน่ ด้วยความล้าหลังของยุคสมัย ทำให้หลายคนต้องกลายเป็นคนพิการโดยไม่รู้ตัว

หยางฉิงหายตัวกลับออกมา ก่อนจะเดินไปดูประตูรั้วบ้านที่พังเสียหาย นางอยากสร้างรั้วใหม่เสียจริง ไหน ๆ มันก็พังไปแล้ว หากนางหาเงินได้ จะสร้างรั้วบ้านให้ดีกว่าเดิม และจะไม่ยอมให้ใครมองเข้ามาในบ้านของนางได้อีก

นางเดินมานั่งที่เก้าอี้ไม้เล็ก ๆ ข้างลำธาร มันตั้งอยู่ริมธารน้ำใสที่ไหลผ่านบ้านหลังนี้ สายตาของนางเหม่อมองไปยังท้องฟ้า ดวงตะวันกลมโตส่องแสงเรืองรอง ลมเย็นพัดผ่านกาย พาให้นางรู้สึกเหงาขึ้นกว่าเดิม หยางฉิงมองออกไปนอกบ้าน เห็นควันไฟลอยขึ้นมาจากเรือนใกล้เคียง กลิ่นดินชื้นและกลิ่นแม่น้ำลอยมาตามสายลม นางสูดหายใจลึก รับอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด อากาศดีเช่นนี้ ไม่มีอีกแล้วในยุคที่จากมา…

ภายในบ้านตระกูลหลี่

หลังจากที่หลี่เจิงเดินกลับบ้านมาด้วยสภาพย่ำแย่ นางก็แสร้งวิ่งร้องไห้เข้ามา บ้านของนางเป็นเรือนชั้นเดียวแต่ใหญ่โตกว่าบ้านอื่นในหมู่บ้าน เพราะสร้างขึ้นจากเงินที่น้องชายคนเล็กส่งมาให้ทั้งหมด

นางกวาดตามองไปรอบ ๆ เพื่อหาท่านแม่ แล้วก็เห็นจางเฟิงกำลังนั่งต่อว่าพี่สะใภ้ใหญ่อยู่ที่โต๊ะด้านในเรือน หลี่เจิงไม่รอช้า รีบวิ่งเข้าไปฟ้อง

“ท่านแม่!” นางร้องเรียกเสียงดัง

จางเฟิงหันไปมองตามเสียง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นสภาพลูกสาวสุดรัก หลี่เจิงเนื้อตัวเปื้อนฝุ่น ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง

“หลี่เจิง! เจ้าไปทำอะไรมากันแน่? ข้าให้เจ้าไปดูว่านังหยางฉิงตายหรือยังไม่ใช่หรือ ทำไมกลับมาในสภาพนี้?”

“ตายอะไรกัน! มันนั่นแหละที่ทำให้ข้าเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงไม่ตาย ยังตีข้าอีกด้วย ท่านแม่ต้องไปจัดการมันให้ข้านะ!”

นางร้องฟ้อง น้ำเสียงแฝงความอาฆาต พลันเหลือบไปเห็นบิดาเดินออกมาจากตัวเรือน สีหน้าของเขาดูไม่พอใจนัก

ภายในบ้านหลังนี้ หากถามว่านางกลัวใครที่สุด ก็คงเป็นท่านพ่อ เพราะเขาเป็นคนที่ห่วงหน้าตาชื่อเสียงของตระกูลมาก

“ตอนนี้บ้านของเราแยกออกมาแล้ว เจ้ายังจะไปบ้านนั้นทำไม? วัน ๆ เอาแต่หาเรื่อง ถึงได้ไม่มีใครมาสู่ขอเช่นนี้!" หลี่เฉากล่าวเสียงเข้ม "อย่าให้ข้าได้ยินว่าเจ้ายังไปวุ่นวายกับบ้านหลี่เซิงอีก! อย่าให้ชาวบ้านนินทามาถึงข้า! แค่นี้ข้าก็อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว!”

“แต่ท่านพ่อ! ท่านไม่คิดจะทวงความเป็นธรรมให้ลูกเลยหรือ ท่านจะปล่อยให้นางหยางฉิงทำร้ายลูก…”

“หุบปาก! โตป่านนี้แล้วยังทำตัวเป็นเด็กอยู่ได้ ข้าบอกว่าไม่ก็คือไม่!”

เสียงตวาดของหลี่เฉาทำให้หลี่เจิงสะดุ้ง นางรู้ดีว่าบิดาเป็นคนเคร่งครัดและหัวโบราณ เขาให้ความสำคัญกับเกียรติยศของตระกูลมากกว่าสิ่งใด ทั้งยังไม่พอใจที่ลูกสาวของตนหาคู่แต่งงานไม่ได้

“ท่านก็พูดแรงเกินไปหรือไม่ ลูกของเรากำลังเสียใจนะ” จางเฟิงกล่าวขึ้น

“เจ้าก็เลิกตามใจลูกได้แล้ว! เลี้ยงกันแบบนี้ ถึงไม่มีใครมาสู่ขอไง เอาเวลาไปหาคนแต่งงานให้ลูกยังจะดีเสียกว่า!” หลี่เฉาหันไปทางภรรยา “ภายในเดือนหน้า เจ้าต้องหาชายหนุ่มมาแต่งกับนางให้ได้ ปล่อยไว้อีกไม่นานคงไม่มีใครเอาแล้ว!”

หลี่เฉาพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเดินจากไป

“ท่านแม่ ดูสิว่าท่านพ่อพูดกับข้าเช่นไร! ท่านแม่จะไม่ไปจัดการนังหยางฉิงให้ข้าหรือ?”

จางเฟิงมองลูกสาวที่ร้องไห้ฟูมฟาย แล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

“เจ้าคิดหรือว่าข้าจะทำอะไรได้? เจ้าดูพ่อของเจ้าสิ คำพูดของเขาข้าจะขัดได้หรือ? ถ้าเรื่องบานปลาย เจ้าจะเดือดร้อนเสียเอง”

“แต่ท่านแม่...”

“ตอนนี้ เจ้าควรดูแลตัวเองให้ดี แต่งตัวให้สวยเข้าไว้ ข้าจะหาชายหนุ่มฐานะดีจากหมู่บ้านอื่นให้แต่งงานกับเจ้า ดีหรือไม่?”

พอได้ยินเช่นนั้น หลี่เจิงก็หยุดร้องไห้ทันที

“จริงหรือ? ท่านแม่ต้องหาคนดี ๆ ให้ข้านะ!”

ขณะเดียวกัน สายตาของหลี่เจิงก็เหลือบไปเห็นพี่สะใภ้ใหญ่ที่ยืนก้มหน้าฟังพวกนางพูดกันอยู่

“พี่สะใภ้ จะยืนฟังพวกข้าอีกนานไหม?” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลน

“ไม่ได้ยินที่ลูกของข้าพูดหรือ? ไป! จะไปไหนก็ไปได้แล้ว! พวกข้าหิวข้าวจะตายอยู่แล้ว ยังจะมายืนเอ้อระเหยอะไรอีก รีบไปทำอาหารเสีย!”

อู๋เจิงได้ยินคำสั่งของแม่สามี นางก็รีบเดินไปยังห้องครัว บางครั้ง นางก็อดอิจฉาน้องสะใภ้เล็กไม่ได้ อย่างน้อยหยางฉิงก็ได้แยกบ้านออกไป ไม่ต้องทนลำบากเช่นนาง…

หยางฉิ่งนั่งอยู่หน้าบ้านไม่นานเท่าไหร่นัก นางเดินเข้าไปตรงที่ดินด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่รกร้างขาดคนดูแลเอาใจใส่ นางมองพื้นที่ว่างเปล่าประมาณสองไร่ ถ้ามองจากพื้นที่ด้านหลังบ้านก็จะสามารถมองเห็นหน้าต่างที่เปิดอ้าออกของห้องนอนหลี่เซิงพอดี ‘นี่เขามองวิวแบบนี้มาตลอดเลยสินะ’ นางอยากทำอะไรบางอย่างให้เขาได้รู้สึกดีแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร นางใช้เวลาที่เหลือมองหาจอบที่พอใช้ขุดหญ้าออกไปได้บ้าง

หยางฉิงเดินไปรอบตัวบ้านสายตาของนางจับจ้องไปตามพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อมองหาอุปกรณ์ที่ใช้ได้ นางเดินไปด้านข้างห้องน้ำ นางพบเจอเข้ากับจอบที่มีรอยบิ่นและขึ้นสนิ่มด้ามจับของมันยังพอให้ใช้งานได้อยู่ นางเดินไปหยิบจอบนั้นขึ้นมาขุดดินด้านหลังบ้าน โดยเริ่มจากข้างหน้าต่างห้องนอนของหลี่เซิง นางอยากปลูกเป็นไร่ผสมที่มีความหลากหลายร่วมอยู่ในนั้น

หลี่เซิงมองดูหยางฉิงนางกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ตรงหน้าต่างที่เขานอนอยู่ เขามองดูว่านางกำลังทำอะไร ก็เห็นว่านางกำลังขุดหญ้าที่รกร้างขึ้นอยู่เต็มไปหมด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 102 รักษาสัญญา [จบ]

    วันหนึ่ง นางเดินทอดน่องชมร้านดอกไม้ มีเพียงบ่าวรับใช้หนึ่งคนติดตามมาด้วย ขณะกำลังเพลิดเพลินกับดอกไม้ตรงหน้า นางก็เดินชนใครบางคนเข้าอย่างจังสายตาทั้งคู่สบกันหัวใจของหลี่หยูฟางพลันเต้นแรงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่นางจดจำได้ไม่ลืม เพียงแวบเดียว...นางรู้ทันทีว่าเขาคือใครทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยทัก เขาก็เบือนหน้าหนีแล้วรีบเดินจากไป‘เขาหนีข้าไปอีกแล้ว...’ นางคิดในใจด้วยความเจ็บปวด คราวนี้นางไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว นางเติบโตพอจะออกเรือนได้ด้วยซ้ำ...ฝ่ายชายหนุ่มเมื่อเหลือบเห็นสีหน้าผิดหวังของหญิงสาว ก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ นางโตขึ้นมากจริง ๆ งดงามยิ่งนักผู้ติดตามที่คอยเฝ้าดูอยู่ข้างกายเขา ถึงกับไม่เชื่อสายตาตนเอง เมื่อนายท่านของเขาแย้มยิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตานั้น ชายหนุ่มจึงหุบยิ้มลงทันที สายตาเหม่อมองเมืองหลวงเบื้องหน้า เมืองที่เขาเคยมาเมื่อห้าปีก่อน บัดนี้เปลี่ยนไปมากจนแทบจำไม่ได้...เว้นเสียแต่กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของนาง ที่ยังคงติดอยู่ในใจเขาไม่จางหายหลังจากวันนั้น เขาก็หาเรื่องใกล้ชิดนางอยู่หลายครั้ง บ้างแกล้งเดินชน บ้างแกล้งทำของตก เพื่อให้มีโอกาสพูดค

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 101 ส่งถึงฝั่ง

    ด้านหลี่หยูฟาง นางลอบออกมานอกเรือน เดินไปยังจุดที่เคยพบเด็กชายผู้นั้น ตามที่นางสังเกต เด็กคนนั้นน่าจะมีอายุมากกว่านางเล็กน้อย และอาจจะน้อยกว่าพี่ชายของตนอยู่บ้างแต่เมื่อมาถึงจุดเดิม กลับไม่พบร่างของเด็กชายคนนั้นเสียแล้ว...นางถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความเสียดาย แล้วกำลังจะหันหลังกลับทว่าในเงามืดเบื้องหลัง ปรากฏร่างของเด็กชายผู้หนึ่ง ผมยาวสลวยรวบเป็นมวยต่ำด้านหลัง ใบหน้าขาวกระจ่าง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมีแววเจ้าเล่ห์แฝงอยู่เพียงชั่วครู่ เขามองเด็กหญิงวัยสิบขวบตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเฉยเขาเห็นว่านางกำลังมองหาใครบางคนอยู่ และเฝ้ามองนางเงียบ ๆ ไม่เผยตัว จนกระทั่งนางหันหลังกลับ จึงจงใจขยับตัวให้เกิดเสียงเสียงเบา ๆ ที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้หลี่หยูฟางหันขวับไปมอง และเมื่อพบว่าเป็นคนที่นางกำลังตามหา ดวงตาของนางก็เปล่งประกายทันใด “เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย! ข้านึกว่าเจ้ากลับไปเสียแล้ว” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดีเด็กชายผู้นั้นกลับไม่ตอบอะไร เพียงจ้องมองนางอย่างนิ่งเงียบเมื่อนางไม่ได้รับคำตอบ สีหน้าของหลี่หยูฟางก็พลันหม่นลงเล็กน้อย นางรู้สึกเสียใจลึก ๆ กับท่าทีเย็นชาของเขา...เมื่อเห็นเขาไม่ตอบ หลี่หยูฟางจึงถ

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 100 เติบโต

    ภายในห้องนอน หยางฉิงหลับใหลไปด้วยความเหนื่อยล้า โดยมีหลี่เซิงนอนกอดอยู่เคียงข้าง ทั้งสองใช้เวลาร่วมกันตลอดทั้งคืน จนกระทั่งยามนี้จึงได้หลับพักผ่อนอย่างแท้จริงเมื่อทั้งสองตื่นขึ้นมาก็สายมากแล้ว จึงออกมาจากมิติ หลี่เซิงดูสดชื่นกว่าทุกวัน เพราะเมื่อคืนเขาได้เติมเต็มช่วงเวลาที่ขาดหายไป หยางฉิงมองเขาอย่างหมั่นไส้น้อย ๆ เมื่อออกจากห้อง นางก็พบว่าลูกชายทั้งสองออกจากห้องไปนานแล้ว ตอนนี้พวกเขาโตพอที่จะไม่ติดแม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว...เวลาแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้เข้าสู่ปีที่สอง หยางฉิงตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว ท้องครั้งนี้ของนางไม่ใหญ่เท่าตอนท้องลูกชาย ทำให้นางคิดว่าน่าจะได้ลูกเพียงคนเดียวนางมาพักอยู่ในเรือนที่เมืองหลวง เพราะอย่างน้อยก็สามารถออกมานั่งเฝ้าร้าน ดูแลกิจการหน้าร้านได้บ้าง จึงไม่รู้สึกเบื่อมากนักเมื่อเข้าสู่เดือนที่เก้า หยางฉิงคลอดลูกตามที่คาดหวังไว้ เป็นเด็กหญิงตัวอวบอ้วนน่ารักน่าชัง เด็กน้อยเปรียบเสมือนสีสันใหม่ของครอบครัว หยางฉิงจึงตั้งชื่อให้ลูกสาวว่า ‘หลี่หยูฟาง’ แปลว่า กลิ่นหอมละมุน เพราะนางเกิดมาพร้อมกลิ่นกายหอมอ่อน ๆ เป็นเอกลักษณ์ ใครเข้าใกล้ก็อดที่จะอยากอุ้มนางไม่

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 99 สั่งสอน (แสดงความรักนิดหน่อย)

    เมื่อชายชรานั่งรถเกวียนมาจนถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ก็มีผู้คนออกมาต้อนรับมากมาย พร้อมกับเสียงเรียกขานว่า“เชิญเสด็จพะยะค่ะ ฝ่าบาท!”เสียงเรียกขานเปี่ยมด้วยความยินดีดังขึ้นพร้อมกันเมื่อชายชราได้ยินคำเรียกขานนั้น เขาถึงกับถอนหายใจเบา ๆ ความสนุกตลอดหลายวันที่เขาแอบออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ตนเคยปกป้องดูแล บัดนี้จำต้องวางลงเสียแล้ว...ทางด้าน หยางฉิง นางยืนอยู่ต่อหน้าเด็กน้อยทั้งสองคนที่มีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งสุขุมเยือกเย็น อีกคนกลับซุกซนเอาเรื่อง นางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะส่ายหน้าให้ลูกชายคนโตหยางฉิงเพิ่งได้ฟังเรื่องราวจากท่านตาโจวเล่อ นางหันไปมองหลี่เต๋อชางด้วยแววตาภาคภูมิใจ เขาช่างละม้ายคล้ายสามีของนาง เพียงแต่เงียบขรึมกว่า ต่างจากหลี่เจียเฉิงโดยสิ้นเชิงนางถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ เมื่อคิดว่าลูกชายคนโตแอบออกไปเล่นตอนไหน ถึงกับไปแกล้งลูกของท่านอ๋องสามจนร้องไห้ ดีที่ท่านอ๋องไม่ติดใจเอาความอะไรหยางฉิงปรายตามองหลี่เจียเฉิงด้วยสายตาดุเมื่อหลี่เจียเฉิงเห็นสายตาของมารดา เขาก็หลบตาลงทันที“เจ้ารู้ไหมว่าวันนี้เจ้าทำอะไรผิดไป?” นางถามด้วยน้ำเสียงเข้มได้ยินเช่นนั้น หลี่เจียเฉิงสะด

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 98 ชายชรา

    หลี่เจียถิง บุตรชายคนโต เป็นเด็กฉลาด ช่างพูด และกล้าแสดงออก ต่างจากหลี่เต๋อชาง ซึ่งเป็นเด็กช่างสังเกต เงียบขรึม และไม่ค่อยพูดเท่าใดนัก นางให้ลูกทั้งสองทดลองฝึกงานในกิจการของนางทั้งหมด หลี่เจียถิงชอบฝึกฝนในโรงเตี๊ยมและโรงทำน้ำมันพริก ส่วนหลี่เต๋อชางกลับชอบกิจการในเมืองหลวงและโรงเรือนทำยามากกว่า โดยเฉพาะเรื่องสมุนไพรที่เขาสนใจเป็นพิเศษนางไม่คิดจะบังคับ หากพวกเขาชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด นางก็จะตามใจ ไม่ว่าในอนาคตพวกเขาจะสานต่อกิจการหรือไม่ก็ตาม เพราะตอนนี้พวกเขายังเด็กนัก นางจึงไม่อยากให้ต้องคิดมากเหมือนผู้ใหญ่วันหนึ่ง ขณะที่นางกำลังยุ่งกับการดูแลร้านเทียนเจินถัง นางจึงฝากหลี่เต๋อชางให้อยู่กับท่านตาโจวเฉียวทางด้านโจวเฉียวกำลังนั่งคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาได้ทำงานกับหยางฉิงมาเกือบห้าปีแล้ว เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงานที่นี่ ตอนนี้โจวเล่อก็เติบโตพอจะช่วยงานได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นเด็กเรียนดี เขาจึงไม่ค่อยเป็นกังวลนักโจวเฉียวเหลือบมองหลี่เต๋อชาง ซึ่งนั่งอยู่ตรงโต๊ะคิดเงินด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจ เขารู้สึกเอ็นดูเด็กชายผู้นี้เหมือนเป็นหลานแท้ ๆ หลี่เต๋อชางเป็นเด็กฉลาดเกินวัย นั่นทำให้เขาอด

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 97 เป็นคนดี?

    เมื่อพูดจบ นางก็เหลือบมองสีหน้าของทั้งสองคนอ๋องสามที่รู้ว่ายาร้าน เทียนเจินถัง เป็นของดีจริง ๆ เคยกลับไปเพื่อซื้อยาเพิ่ม แต่กลับได้รับข่าวว่ายาทั้งหมดถูกขายหมดไปแล้ว ช่างเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าอาจารย์ของนางจะส่งยาชนิดใหม่มา เขาจึงไม่อยากพลาดโอกาสนี้เช่นกัน“ถ้าอาจารย์ของเจ้านำยาเข้ามาขายอีก เจ้าส่งคนมาแจ้งข้าได้หรือไม่?” เขาถามเสียงเรียบหวังจวิ้นเจี้ยงที่ถูกท่านอ๋องตัดบทไปก็รีบพูดขึ้นทันที “ถ้าเช่นนั้น เจ้าส่งคนมาแจ้งข้าด้วย ข้าเองก็อยากรู้ว่ายาตัวใหม่ของอาจารย์เจ้าจะเป็นยาแบบใดกันแน่”หยางฉิงเห็นความวุ่นวายตรงหน้าแล้วอดยิ้มไม่ได้ “ท่านทั้งสองวางใจได้เจ้าค่ะ ข้าจะให้คนเข้าไปแจ้งทั้งสองท่านอย่างแน่นอน”เมื่อพูดจบ นางก็แย้มยิ้มออกมา อาจารย์ที่ว่านั้นก็คือตัวนางเอง หากมีเวลาว่างเมื่อใด นางก็จะคิดค้นและปรุงยาขึ้นในเวลานั้น ร้านของนางไม่ได้เป็นร้านขายยาโดยตรง เพียงแต่นำยามาขายเสริม แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้ร้านของนางเป็นที่อิจฉาของร้านยาดัง ๆ หลายแห่งแล้ว อย่างไรก็ตาม นางยังโชคดีที่มีคนคอยคุ้มกันอย่างดี พวกนั้นจึงไม่กล้าก่อเรื่องกับครอบครัวของนางโดยตรงเมื่อทั้งสองได้รับคำมั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status