Share

ขอสงบศึกชั่วคราว

Author: zuey
last update Last Updated: 2025-11-23 23:31:57

แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับมีอาการป่วยอย่างกะทันหัน อาการป่วยที่แม้แต่หมอหลวงยังตรวจหาสาเหตุไม่พบ จากนั้นขาทั้งสองข้างก็เริ่มอ่อนแรง เพียงไม่นานอวัยวะท่อนล่างของเขาก็ไร้ความรู้สึกและไม่สามารถขยับได้อีกต่อไป เท่านั้นยังไม่พอ ดวงตาที่เคยมองเห็นได้อย่างชัดเจนก็เริ่มมืดดำจนกลายเป็นมองไม่เห็นไปโดยปริยาย

อาการที่เกิดกับเขาทั้งหมด มันได้เกิดขึ้นกับพี่ชายต่างมารดาของเขาด้วย หลังจากหาหมอภายในเมืองทั้งหมดก็ยังไม่สามารถรักษาทายาทตระกูลกู้ทั้งสองได้ บิดาที่ร้อนใจได้ออกจากจวนเพื่อสืบเสาะหาหมอมารักษาพวกเขาพี่น้องไปทั่วทุกหนแห่ง

ผ่านไปหลายเดือนหัวหน้าตระกูลกู้ได้กลับมาพร้อมกับหมอเทวดาชื่อดัง หมอเทวดาได้วินิจฉัยว่าพวกเขาพี่น้องถูกพิษและโชคดีที่เขาเองก็มียารักษาอยู่ แต่น่าเสียดายยาแก้พิษที่เขามีนั้นสามารถรักษาชีวิตบุตรชายตระกูลกู้เอาไว้ได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น เพราะสมุนไพรส่วนประกอบที่สร้างยาหนึ่งเม็ดขึ้นมาล้วนแต่เป็นสมุนไพรที่หายาก บางอย่างเป็นสมุนไพรที่เหล่าบรรพบุรุษของอาจารย์ที่ทิ้งเอาไว้ให้ศิษย์รุ่นหลัง เวลานี้มีเพียงหนึ่งระหว่างสองพี่น้องที่สามารถมีชีวิตรอดไปได้

ไม่ต้องคิดให้ลำบาก แม้เขาจะโดดเด่นเหนือพี่ชายแต่บิดาผู้ให้กำเนิดก็ไม่คิดที่จะเลือกเขาอย่างแน่นอน และเป็นอย่างที่กู้จิ่งเหยียนคิด หลังจากที่พี่ชายได้รับการรักษาจนหายดี ตำแหน่งขุนนางที่เคยเป็นของเขาและสตรีที่เขารัก ก็ถูกพี่ชายต่างมารดาช่วงชิงไปอย่างหน้าไม่อาย ถึงแม้กู้จิ่งเหยียนจะเป็นบุตรชายที่เกิดจากอนุภรรยา แต่เขากลับมีรูปลักษณ์และความสามารถที่โดดเด่นเหนือใคร แม้แต่บุตรที่เกิดจากภรรยาหลวงก็ไม่สามารถเทียบได้

หลังจากที่กลายเป็นคนพิกลพิการไปแล้ว เขามักจะหวนกลับมานึกถึงคำพูดสุดท้ายของมารดาอยู่เสมอ ก่อนสิ้นใจนางได้สั่งให้เขารีบออกจากตระกูลกู้ไปเสีย เวลานั้นกู้จิ่งเหยียนยังอยู่ในวัยทะเยอทะยาน เขาคิดว่าตนเองฉลาดหลักแหลมเหนือผู้อื่น ลูกหลานตระกูลกู้ทั้งหมดไม่มีใครสามารถเทียบเขาได้ ทำให้เขาไม่ยอมทำตามคำสั่งเสียของมารดา

เพราะความต้องการเอาชนะบุตรที่เกิดจากภรรยาหลวง ทำให้เขามุ่งมั่นจนสามารถสอบได้จอหงวนและแสดงความสามารถของตนให้ฮ่องเต้ได้ทอดพระเนตร กู้จิ่งเหยียนได้เข้าทำงานในราชสำนักในตำแหน่งสำคัญ แต่แล้วทุกอย่างที่เคยเป็นของเขาเวลานี้เหลือเพียงความว่างเปล่า

ใบหน้าที่เคยงดงามเป็นเลิศ เมื่อยามที่สตรีใดได้เห็นเป็นต้องเอียงอาย เวลานี้กลับกลายเป็นอัปลักษณ์ดั่งอสูรร้าย แม้แต่สาวใช้ที่เคยทำงานในเรือนก็ไม่แม้แต่จะกล้าเงยหน้ามอง

หลังจากที่อาการป่วยของเขาเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ ข่าวลือที่เกี่ยวกับเขาก็เริ่มแพร่กระจายออกไปด้านนอก ตระกูลกู้ที่รักหน้าตาและเกียรติยศยิ่งชีพ มีหรือที่ยอมเก็บคนพิการอย่างเขาเอาไว้เป็นเสนียดภายในจวน

เมื่อย้อนนึกถึงอดีต กู้จิ่งเหยียนก็ไม่มีความอยากอาหารอีกต่อไป เขาวางชามโจ๊กเอาไว้ที่เดิมจากนั้นพยายามพยุงตัวเองโดยใช้แขนทั้งสองข้างที่ไร้กล้ามเนื้อดันตัวเองให้นอนลง

เสียงทอดถอนใจภายในห้องดังขึ้นเป็นระยะ คงเพราะวันนี้ได้อาบน้ำชำระกายทำให้รู้สึกสบายตัวมากกว่าทุกวัน จึงไม่รู้ว่าเขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อใด แต่เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องคำรามดังแว่วอยู่ไกลๆ

ลู่หยวนซีที่พึ่งอาบน้ำเสร็จ แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย ท้องฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยเมฆสีเทาและสายฝนที่กำลังพรมละอองบางๆ ลงมาไม่ขาดสาย หมอกสีขาวปกถูกคลุมไปทั่วบดบังทัศนวิสัยรอบด้าน เพราะเรือนของนางตั้งอยู่บนเชิงเขาทำให้มองลงไปทางหมู่บ้านเห็นเพียงแค่เงาเลือนราง

สายลมด้านนอกเริ่มพัดกระโชกแรงขึ้นเรื่อยๆ สร้างความหนาวสะท้านให้กับร่างบางที่ยืนอยู่ชานเรือน เมฆดำทะมึนก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าบ่งบอกถึงพายุที่กำลังใกล้เข้ามา

“คุณชาย ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”

ลู่หยวนซีมองชามโจ๊กที่ยังเหลือเกินกว่าครึ่ง นางถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนยกชามโจ๊กนั้นออกจากห้องไป ช่างเถอะ อย่างน้อยเขาก็ยังทานเข้าไปบ้าง เอาไว้ลองทำอาหารอย่างอื่นให้เขาทานดู เผื่อว่าเขาจะเจริญอาหารมากกว่านี้ เพราะบางทีคนป่วยมานานนางเดาว่าลิ้นอาจจะไม่ค่อยรับรส

ลู่หยวนซีทึกทักไปเองว่าที่เขาไม่ยอมทานอาหาร เป็นเพราะอาการป่วย นางเดินเข้าไปภายในห้องกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่ที่นางใช้ เป็นกลิ่นเดียวกับที่เขาใช้ก่อนหน้านี้ เมื่อกู้จิ่งเหยียนได้กลิ่นจากกายของนางทำให้ความรู้สึกของเขาปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก

เขารออยู่นานว่าเมื่อใดนางจะออกไปจากห้องนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ยินเสียงขยับตัวเสียที ทำให้เขาจำต้องเอ่ยปากไล่นางตรงๆ ทั้งที่ไม่คิดจะพูดกับนางอีก

“เหตุใดเจ้ายังอยู่ในห้องนี้ ออกไปเสียข้าต้องการพักผ่อน”

แม้น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจะฟังดูกระด้างเล็กน้อย แต่ก็แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด ลู่หยวนซีมองใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยตะขาบไฟพาดผ่าน ก่อนขยับเข้าไปใกล้อีกนิด นางจ้องมองดวงตาคมที่กลายเป็นสีม่วงไปแล้วในยามนี้พลางทอดถอนใจอย่างเวทนา หลังจากนี้ไปนางจะหาทางรักษาเขาอย่างไรดี แต่นั่นคงไม่ใช่เรื่องสำคัญเป็นอันดับแรก ก่อนอื่นคงต้องทำให้เขาเชื่อในตัวของนางเสียก่อน

“คุณชายเจ้าคะ ความจริงนี่เป็นห้องของข้า ห้องที่ท่านเคยอยู่คงไม่สามารถเข้าอยู่ได้อีกสักพัก เรือนหลังนี้มีเพียงสามห้อง ห้องของท่าน ห้องของข้า แล้วก็ห้องเก็บของ อีกอย่างตอนนี้ข้างนอกฝนตก ข้าคงไปอยู่ที่อื่นไม่ได้ ถึงท่านจะไม่พอใจแต่ก็อดทนอีกสักสองสามวันเถอะ ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบข้า ข้าเองก็ไม่ชอบใจนักที่ต้องมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้นเราสองคนมาสงบศึกชั่วคราวจนกว่าท่านจะหายดี ดีหรือไม่ หลังจากนั้นข้าจะไปตามทางของข้าเอง ไม่อยู่ให้ท่านรู้สึกระคายอารมณ์แน่นอน”

เอ่ยจบลู่หยวนซีก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากช่องว่างในอากาศ หนังสือเล่มนี้เป็นนิยายที่ระบบส่งให้นางก่อนหน้านี้ คงต้องเอาออกมาอ่านฆ่าเวลาอันแสนน่าเบื่อนี้ไปก่อน จากนั้นค่อยหาทางหนีทีไล่ให้ตนเอง เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้เนื้อเรื่องในนิยายดำเนินไปถึงไหนแล้ว

ตั้งแต่ที่ลู่หยวนซีเอ่ยขึ้น จนกระทั่งเสียงหน้ากระดาษถูกเปิดเป็นระยะ กู้จิ่งเหยียนมิได้เอ่ยปากแม้เพียงครึ่งคำ เขายังคงเงี่ยหูฟังอากัปกิริยาของนาง ทั้งยังรู้สึกสงสัยว่าสตรีนางนี้รู้หนังสือด้วยอย่างนั้นหรือ หรือว่านางแค่แสร้งทำไปอย่างนั้น

หลังจากอ่านนิยายเล่มนั้นไปได้สักพัก แสงสว่างรำไรที่อยู่ภายนอกก็เริ่มหายไป นางเดินไปหยิบตะเกียงน้ำมันมาวางที่โต๊ะข้างเตียงก่อนจุดมันขึ้นด้วยหั่วเจ๋อจื่อหรือกระบอกจุดไฟ จากนั้นจึงหันไปถามคุณชายที่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง

“ท่านหิวหรือไม่ ถ้าไม่อยากทานโจ๊ก หรือจะเปลี่ยนเป็นอาหารอย่างอื่นแทน ข้ากำลังจะเข้าครัว เดี๋ยวทำเผื่อท่านเพิ่มอีกสักหน่อย”

ไร้เสียงตอบกลับมา มีเพียงเสียงของสายฝนที่เริ่มซาตกกระทบพื้นดินและใบหญ้าเสียงดังเปาะแปะ กลิ่นดินที่ถูกน้ำฝนโชยมาทำให้รู้สึกสดชื่น

“ถ้าท่านไม่ตอบ เช่นนั้นข้าก็จะทำตามใจตนเองนะ”

เอ่ยจบนางก็เดินออกจากห้องไป ในใจก็ได้แต่แอบบ่นเขาอยู่คนเดียว คนผู้นี้เอาใจยากเสียยิ่งกว่าเด็กสามขวบที่บ้านเด็กกำพร้าฉือชุนเสียอีก

ลู่หยวนซีหายออกจากห้องไปเพียงไม่นาน นางก็กลับมาพร้อมอาหารสามอย่าง นั่นก็คือผัดผัก ไข่เจียว และน้ำแกงกระดูกหมูพร้อมด้วยข้าวสวยร้อนๆ สองชาม ที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำย่อยในกระเพาะให้ทำงาน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   รักษาคนอีกครั้ง

    ลู่หยวนซีมิได้ตอบคำถามของเขา นางพูดเรื่องอื่นขึ้นเพื่อเบี่ยงประเด็นคำถามของเขาออกไป และกู้จิ่งเหยียนรู้ว่านั่นเป็นเรื่องที่นางถนัดนัก เขาที่รู้ทันก็มิได้เปิดโปงหรือเอ่ยเซ้าซี้นางอีก เอาเถอะเอาไว้รอให้นางพร้อมเมื่อใดนางคงจะพูดออกมาเอง“ได้ เรื่องนี้ข้าให้เจ้าตัดสินใจ”ตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ทั้งสองคนพูดคุยกันมากขึ้น กู้จิ่งเหยียนเองก็เหมือนจะเปิดใจให้นางมากกว่าเดิม บางครั้งต่อให้นางยังไม่ได้พูดกับเขา เขาก็จะเป็นฝ่ายที่เริ่มประโยคสนทนาขึ้นมาก่อน เรื่องนี้ทำให้ลู่หยวนซีเบาใจลงไม่น้อยเพราะในอนาคตยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง นางอาจจะต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไป อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงคุณชายจากจวนขุนนาง หากวันหน้าเขาหายดีนางก็คงจะถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีบุญคุณต่อเขาอยู่กระมัง“ข้าหิวแล้ว เจ้าทำอาหารง่ายๆ สักสองสามอย่างมาทานด้วยกันดีหรือไม่”กู้จิ่งเหยียนเองก็พยายามเพื่อนางเช่นกัน เขาไม่อยากให้สตรีผู้นี้รู้สึกไม่สบายใจหรือทุกข์ใจ หาอะไรให้นางทำเผื่อว่านางจะลืมเรื่องที่อยู่ในใจไปได้บ้าง“ท่านหิวแล้วหรือเจ้าคะ”ลู่หยวนซีมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเบี่ยงไปอีกด้านเล็

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   อยู่ให้ห่างจากพวกเขา

    สิ่งที่ระบบยังไม่ทันได้บอกลู่หยวนซีก่อนที่เขาจะหายไปคือ การมาของเฮ่อเหวินเจ๋อเป็นตัวแปรอีกตัวแปรหนึ่งที่กำลังจะทำให้เนื้อเรื่องในนิยายเปลี่ยนไปลู่หยวนซีพูดคุยกับเฮ่อเหวินเจ๋ออยู่ภายในศาลาหน้าเรือนอยู่นาน นางพยายามพูดวกไปวนมาเพื่อให้เขาลืมเรื่องการรักษาของนาง และก็เป็นไปตามที่ลู่หยวนซีต้องการ เขาไม่เซ้าซี้ถามนางอีกว่าเหตุใดบาดแผลของเขาถึงได้หายดีในชั่วพริบตาแต่กลับมีบุคคลอีกคนหนึ่งที่นอนกระสับกระส่ายอยู่ภายในห้อง การมาของเฮ่อเหวินเจ๋อเขาสามารถรับรู้ได้ก่อนลู่หยวนซีเสียอีก ฝีเท้าแผ่วเบาที่ก้าวอย่างมั่นคงเข้ามาในลานเรือน เขารู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้มีวรยุทธกู้จิ่งเหยียนสามารถจดจำเสียงฝีเท้าของบุรุษทั้งหกที่เข้าไปในป่าก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทั้งร่างกายและประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาเฉียบคมขึ้นทุกที ตั้งแต่......ตั้งแต่ที่เขาดื่มเลือดของนางเข้าไป ทุกอย่างที่ผ่านตาของและเสียงทั้งหมดที่ได้ยินเขาสามารถจดจำและรับรู้ได้ไม่ลืม ความรู้สึกนี้มันช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก“ข้าสั่งให้พักผ่อนเหตุใดถึงได้ยังนั่งคุยกับผู้อื่นอยู่อีก”กู้จิ่งเหยียนเอ่ยออกมาด้วยความหงุดหงิด สตรีผู้นี้ดูแล้วเห

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   เจ้าเหนื่อยที่ต้องดูแลข้าหรือ

    “คุณชายท่าน...มองเห็นข้าหรือเจ้าคะ”กู้จิ่งเหยียนรีบมองไปด้านหน้าเพื่อกลบเกลื่อนอาการของตน“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”ลู่หยวนซีเห็นสายตาที่เขามองไปด้านหน้า นางก็ยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อทดสอบดูว่าเขามองเห็นหรือไม่ แต่ดวงตากู้จิ่งเหยียนไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ นางจึงถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าคงจะคิดมากไปเอง เห็นดวงตาของคุณชายกลับมาเป็นสีปกติ คิดว่าท่านอาจจะกลับมามองเห็นได้แล้วเสียอีก”ท่าทางของนางทำให้กู้จิ่งเหยียนรู้สึกเจ็บแปลบลึกๆ ในใจ หรือว่านางเบื่อที่จะดูแลคนพิการอย่างเขาแล้ว ร่างสูงที่นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางน้อยใจ“เจ้าเหนื่อยอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ไม่ต้องดูแลข้าแล้ว พาข้ากลับไปที่เตียงแล้วเจ้าก็ไปพักเถอะ”ลู่หยวนซีมองชายหนุ่มด้วยสายตาไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้ก็เห็นนั่งเงียบไม่ตอบโต้อะไร พอมาตอนนี้กลับพูดเสียยาวเหยียด ทั้งยังแสดงท่าทางห่วงใยกลัวว่านางจะเหนื่อยอีก คนผู้นี้ยังใช่กู้จิ่งเหยียนคนเดิมอยู่หรือไม่ ท่าทางของเขาช่างดูแปลกตานักลู่หยวนซีไม่กล้าขัดใจคุณชายผู้เอาแต่ใจของนาง หลังจากพาร่างสูงไปส่งยังเตียงนอนในห้องใหญ่ นางก็ออกมาข้างนอกเพื่อยกชามโจ๊กท

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   อารมณ์ที่ไม่มั่นคงของกู้จิ่งเหยียน

    “โอ้ย!! หนิงเอ๋อเหตุใดเจ้าถึงทำร้ายข้า”ลู่หยวนซีส่งเสียงหึ!ออกมาเสียงหนึ่ง ก่อนใช้สายตามองต่ำลงไปยังบัณฑิตชุดขาวที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้น“กล้าเอ่ยวาจาล่วงเกินคุณชายของข้า ลองเป็นง่อยดูบ้างเป็นอย่างไร บางทีอาจจะทำให้เจ้าเลิกปากเสียแล้วเอาเวลาไปดูแลขาของเจ้าแทน”เอ่ยจบร่างบางที่แบกชายหนุ่มเอาไว้บนหลังก็เดินจากไป ทิ้งให้บุรุษอีกหกคนที่ยืนมองดูอยู่ห่างๆ ตกตะลึงกับการกระทำของนาง สตรีผู้นี้ฝีเท้ารวดเร็วเหลือเกิน ปากไม่พูดแต่กลับตีคนอย่างหน้าตาเฉย ลู่หยวนซีเดินไปได้สักพัก นางก็หันกลับไปมองพรรคพวกอีกหกคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม“พวกท่านไม่ไปหรือ”นางตะโกนถามพวกเขาก่อนออกเดินไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจ เฮ่อเหวินเจ๋อและคนของเขาได้สติกลับมาหลังจากเสียงเรียกของนางดังขึ้น ทุกคนรีบก้าวยาวๆ ตามไปเพื่อเดินให้ทันนาง“คุณชายท่านอย่าได้ใส่ใจคำพูดที่ออกมาจากปากเน่าๆ ของเจ้าบัณฑิตนั่นเลยนะเจ้าคะ เมื่อก่อนข้าอาจเลอะเลือนและดูแลท่านได้ไม่ดี แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว ข้าสัญญาว่าจะหาทางรักษาท่านให้หายดี ขอเพียงท่านเชื่อมั่นในตัวข้าก็พอ”ลู่หยวนซีเอ่ยเสียงเบากับคนที่นางกำลังแบกเอาไว้บนหลัง ไร้เสียงตอบกลับ

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   อย่าเข้าใกล้นางอีก

    ชายชุดดำที่หายจากอาการตกตะลึง รีบออกคำสั่งให้พวกของตนรีบตามคนทั้งสองไป ลู่หยวนซีออกวิ่งเต็มกำลังแต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นสี่คนที่ใช้วิชาตัวเบาทะยานตามมาได้ กระบี่สีขาววาววับที่สะท้อนแสงแดดส่องกระทบดวงตาของนาง ร่างบางที่แบกกู้จิ่งเหยียนเอาไว้ ด้านหลังหลับตาลงคิดว่าตนเองคงจะหลบการแทงนี้ไม่พ้นแล้วแต่เสียงเคร้ง!!ก็ดังขึ้นข้างหูของนาง อาวุธลับสีนิลลอยกระเด็นไปปักอยู่บนต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป ลู่หยวนซีที่เตรียมใจตายเอาไว้แล้วหรี่ตาขึ้นมองเหตุการณ์ตรงหน้า พบว่าชายชุดดำทั้งสี่ถูกปลิดชีพลงอย่างง่ายดายด้วยน้ำมือของใครบางคน และเมื่อลู่หยวนซีได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก“เป็นท่านเองหรือ”กู้จิ่งเหยียนขมวดคิ้วอย่างสงสัย สายตาจับจ้องไปยังชายร่างสูงใหญ่ในชุดอาภรณ์สีนิลพร้อมกับผู้ติดตามทั้งหก พลางคิดในใจว่านางไปรู้จักกับคนน่าสงสัยเหล่านี้ได้อย่างไร“แม่นางข้าให้คนตามหาเจ้าตั้งหลายวัน หากไม่ได้ยินเสียงร้องของมือสังหารเหล่านั้นคงตามมาที่นี่ไม่ทันการณ์เป็นแน่”ลู่หยวนซียิ้มรับคำพูดของเขาอย่างยินดี นางไม่คิดว่าที่ระบบสั่งให้นางช่วยชีวิตเขา จะทำให้นางได้รับการตอบแทนเป็นความช่วยเ

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มดีขึ้น

    ลู่หยวนซีถามกู่จิ่งเหยียนอย่างหน้าตาเฉย เมื่อก่อนเขามองไม่เห็นก็แล้วไป แต่ตอนนี้ดวงตาของเขากลับมามองเห็นเป็นปกติแล้วจะให้นางช่วยเรื่องนั้นได้อย่างไร กู้จิ่งเหยียนส่ายหน้าปฏิเสธถึงแม้เขาจะเริ่มรู้สึกปวดเบาขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่คิดที่จะปล่อยต่อหน้านางเป็นแน่ ลู่หยวนซีพยักหน้ารับรู้ก่อนวางกระโถนเอาไว้มุมหนึ่งของถ้ำ จากนั้นจึงหันไปล้มตัวลงนอนบนที่นอนของตนที่ปูเอาไว้คนละฟากของกองไฟเสียงลมหายใจที่ดังอย่างสม่ำเสมอทำให้ชายหนุ่มแน่ใจว่านางนั้นได้หลับไปแล้ว กู้จิ่งเหยียนกำลังจะคลานไปที่กระโถนใบนั้นแต่แล้วลู่หยวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง นางหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังค้างอยู่ในท่าจับขอบกระโถนเอาไว้ด้วยสายตามึนงง ก่อนจะถามเขาออกไปด้วยน้ำเสียงงัวเงีย“คุณชายท่านปวดเบาหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านไม่ปลุกข้า ข้าเองก็ลืมว่ายังมิได้เปลี่ยนชุดให้ท่านเลย มาเถอะข้าช่วย”กู้จิ่งเหยียนยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากปฏิเสธ ลู่หยวนซีก็ถึงตัวเขาเสียแล้ว ความอับอายที่มิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้มันถูกอัดแน่นอยู่ภายในอก นางช่วยเขาถ่ายเบาทั้งยังจับเขาเปลื้องผ้าและเช็ดตัวให้ หญิงผู้นี้ไม่รู้จักคำว่าอายหรืออย่างไร นางเป็นสตรีนะหลังเปลี่ยนชุดให

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status