Share

ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มดีขึ้น

Author: zuey
last update Last Updated: 2025-11-23 23:38:24

ลู่หยวนซีถามกู่จิ่งเหยียนอย่างหน้าตาเฉย เมื่อก่อนเขามองไม่เห็นก็แล้วไป แต่ตอนนี้ดวงตาของเขากลับมามองเห็นเป็นปกติแล้วจะให้นางช่วยเรื่องนั้นได้อย่างไร กู้จิ่งเหยียนส่ายหน้าปฏิเสธถึงแม้เขาจะเริ่มรู้สึกปวดเบาขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่คิดที่จะปล่อยต่อหน้านางเป็นแน่ ลู่หยวนซีพยักหน้ารับรู้ก่อนวางกระโถนเอาไว้มุมหนึ่งของถ้ำ จากนั้นจึงหันไปล้มตัวลงนอนบนที่นอนของตนที่ปูเอาไว้คนละฟากของกองไฟ

เสียงลมหายใจที่ดังอย่างสม่ำเสมอทำให้ชายหนุ่มแน่ใจว่านางนั้นได้หลับไปแล้ว กู้จิ่งเหยียนกำลังจะคลานไปที่กระโถนใบนั้นแต่แล้วลู่หยวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง นางหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังค้างอยู่ในท่าจับขอบกระโถนเอาไว้ด้วยสายตามึนงง ก่อนจะถามเขาออกไปด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

“คุณชายท่านปวดเบาหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านไม่ปลุกข้า ข้าเองก็ลืมว่ายังมิได้เปลี่ยนชุดให้ท่านเลย มาเถอะข้าช่วย”

กู้จิ่งเหยียนยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากปฏิเสธ ลู่หยวนซีก็ถึงตัวเขาเสียแล้ว ความอับอายที่มิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้มันถูกอัดแน่นอยู่ภายในอก นางช่วยเขาถ่ายเบาทั้งยังจับเขาเปลื้องผ้าและเช็ดตัวให้ หญิงผู้นี้ไม่รู้จักคำว่าอายหรืออย่างไร นางเป็นสตรีนะ

หลังเปลี่ยนชุดให้เขาเสร็จ ลู่หยวนซีก็หันมาเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดของตนบ้าง นางเปลือยกายล่อนจ้อนต่อหน้าเขาเพราะคิดว่าชายหนุ่มมองไม่เห็น กู้จิ่งเหยียนที่ใบหน้าเห่อแดงได้แต่นอนหลับตานิ่งไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมา เพราะกลัวว่านางจะรู้ว่าเขานั้นมองเห็นแล้ว

ในระหว่างที่ลู่หยวนซีและกู้จิ่งเหยียนนอนหลับพักผ่อนอย่างอบอุ่นอยู่ภายในถ้ำเล็ก เหล่ามือสังหารพวกนั้นก็ออกตามรอยของคนทั้งสองอย่างไม่ลดละ เมื่อตามรอยเท้ามาถึงช่วงหนึ่ง สายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทำให้ภารกิจออกตามรอยเป้าหมายจำต้องยุติลง

ทางด้านเฮ่อเหวินเจ๋อ คนของเขาได้ส่งรายงานมาให้แล้ว ทำให้เขาได้รู้ว่าเรือนหลังน้อยที่ตั้งอยู่บนเนินเขานั้นเป็นของสตรีที่เคยช่วยชีวิตตนเองเอาไว้ เรื่องบาดแผลที่หายสนิทของตนยังมิทันได้คลายความสงสัย กลับมีปริศนาเพิ่มขึ้นมาอีก เหตุใดมือสังหารเหล่านั้นต้องตามฆ่านางด้วย

“ซือจิ่ง ให้คนของเราที่แฝงตัวอยู่ที่นี่ออกตามรอยพวกเขา ต้องถึงตัวนางก่อนนักฆ่าพวกนั้นให้ได้ สั่งการลงไปว่างานนี้สำคัญมากห้ามมีสิ่งใดผิดพลาดโดยเด็ดขาด”

ชายชุดดำที่เคยถือกระบี่ชี้หน้าของลู่หยวนซียกมือขึ้นประสานกัน ก่อนเดินออกจากห้องไปทำภารกิจของตนที่ได้รับมอบหมาย

สามวันผ่านไป สายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนักก็ได้ซาลง โชคดีที่ลู่หยวนซีเก็บฟืนใส่เอาไว้ภายในช่องว่างอากาศของนาง ทำให้ยังมีฟืนเหลือเฟือสำหรับหุงหาอาหาร

สามวันแล้วเช่นกันที่นางไม่สามารถติดต่อกับระบบได้เลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง ลู่หยวนซีแอบเรียกหาระบบในใจอยู่ตลอดแต่ก็ยังคงไม่ได้รับการตอบกลับมา

“เจ้า...เล่าเรื่องซุนหงอคงให้ข้าฟังอีกได้หรือไม่”

เป็นครั้งแรกที่กู้จิ่งเหยียนเอ่ยปากกับนางก่อนตั้งแต่ที่วิญญาณของนางเข้ามาอาศัยอยู่ในร่างนี้ ลู่หยวนซียกยิ้มอย่างพอใจอย่างน้อยความลำบากของนางที่ผ่านมาก็ไม่เสียเปล่าไปซะทีเดียว คุณชายผู้หยิ่งยโสได้โน้มตัวลงมาหานางแล้ว

“ได้แน่นอนเจ้าค่ะ แต่เรื่องราวหลังจากนี้เป็นตอนที่ซุนหงอคงออกเดินทางไปยังชมพูทวีปพร้อมกับพระถังซัมจั๋งและศิษย์น้องทั้งสอง”

ลู่หยวนซีเล่าเรื่องซุนหงอคงที่นางพอจะจำได้ให้ชายหนุ่มฟัง น้ำเสียงที่สม่ำเสมอและขึ้นลงตามจังหวะของเหตุการณ์ในเรื่องเล่า ทำให้กู้จิ่งเหยียนคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับหญิงสาวตรงหน้าไปด้วย

นางจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ระดับนักปราชญ์เป็นแน่ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางเล่าเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับว่านางเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นเอง กู้จิ่งเหยียนจะไม่มีทางพูดเช่นนี้แน่ถ้าหากเขาได้ดูซีรีส์ที่ออนแอร์ทางโทรทัศน์เหมือนอย่างที่ลู่หยวนซีได้ดู

ผ่านไปอีกสามวัน ตอนนี้ท้องฟ้าแจ่มใสโปร่งโล่งมีก้อนเมฆสีขาวลอยเอื่อยเฉื่อยไปมาผืนดินที่เคยชื้นแฉะก็เปลี่ยนเป็นแห้งสนิท ลู่หยวนซีไม่อยากรอระบบอีกแล้ว นางคิดที่จะย้อนกลับไปยังหมู่บ้านเพื่อเฝ้าดูเหตุการณ์ความเคลื่อนไหว แต่ก็ยังรู้สึกไม่วางใจที่จะให้กู้จิ่งเหยียนอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ดังนั้นหลังจากที่เก็บข้าวของเข้าในช่องว่างอากาศแล้ว นางก็แบกกู้จิ่งเหยียนขึ้นหลัง พาเขาย้อนกลับไปยังทางเดิมที่นางเคยเดินมา

ลู่หยวนซีไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดมากมาย เพราะเมื่อก่อนนางเดินขึ้นเขาเป็นประจำตอนอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าฉือชุน ต่อให้ที่นี่มิใช่ป่าที่นางเคยเดินมาก่อน แต่นางก็รู้วิธีแกะรอยจากสัญลักษณ์ที่ตนเองทำทิ้งเอาไว้ แน่นอนว่ามือสังหารเหล่านั้นย่อมจะต้องมองไม่เห็นเพราะมีเพียงนางและเด็กๆ ในบ้านเด็กกำพร้าฉือชุนเท่านั้นที่รู้

แต่ความซวยของนางยังไม่หมด เมื่อลู่หยวนซีเดินย้อนกลับไปได้เพียงครึ่งทาง คนชุดดำนับสิบก็กระโดดออกมาขวางพวกนางเอาไว้ ถึงแม้จะรู้วิธีต่อสู้เพราะโรงฝึกกังฟูอยู่ข้างบ้านเด็กกำพร้าที่นางเติบโตมา แต่นั่นคือกระบี่ที่มีคม อาวุธย่อมไร้ดวงตาถ้าหากถูกฟันถูกแทงก็เจ็บและตายได้เหมือนกัน

นางต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ตนเองได้กลับไปยังโลกเดิมมาถึงขนาดนี้แล้ว กลับต้องมาพบจุดจบอย่างน่าอนาถเพราะปลายปากกาของผู้เขียนอย่างนั้นหรือ นางไม่มีทางยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่

ลู่หยวนซีวางกู้จิ่งเหยียนเอาไว้ข้างโคนต้นไม้ใหญ่ นางคิดว่ายังไงวันนี้ตนเองก็ไม่มีทางหนีไปจากพวกเขาได้แน่ แต่ก็ไม่คิดที่ยอมให้ตนเองตายอย่างเสียเปล่า

“เจ้าสองคนทำให้พวกเราเสียเวลาออกตามหาตั้งหลายวัน ไม่คิดว่าจะโง่ย้อนกลับมาตายด้วยน้ำมือตนเองเช่นนี้”

ลู่หยวนซีไม่สนใจคำเหยียดหยามที่ออกมาจากปากคนที่กำลังคิดฆ่านาง นางทำเพียงสะบัดมือเบาๆ ในมือก็มีขวดแก้วขนาดใหญ่สองขวด หลังจากที่ขว้างมันออกไปทางชายชุดดำเหล่านั้น ขวดแก้วก็แตกกระจายพลันในมือของนางก็มีขวดแก้วออกมาเพิ่มไม่หยุด ชายชุดดำเหล่านั้นกระโดดหลบไปคนละทาง เพราะคิดว่าสิ่งที่นางปาใส่พวกตนคือยาพิษหรืออะไรบางอย่างที่สามารถสังหารพวกเขาได้

หลังจากที่ขวดแก้วแตกกระจายกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น มีเพียงกลิ่นฉุนที่ลอยเข้าจมูก พลันเสียงหัวเราะครื้นเครงก็ดังขึ้นสนั่นป่า พวกเขาไม่รู้ว่านางไปนำของเหล่านี้มาจากที่ใดแต่ท่าทางการดิ้นรนเอาตัวรอดของนางช่างดูน่าสมเพชเสียจริง ลู่หยวนซียังคงไม่คิดหยุดการกระทำของตน นางปาขวดแก้วเหล่านั้นไปอีกสิบกว่าขวด ก่อนเดินถอยห่างออกมาทางกู้จิ่งเหยียน

ชายชุดดำทั้งสิบเห็นดังนั้นก็เดินย่างสามขุมตรงมาทางคนทั้งสอง เมื่อพวกเขาหยุดยืนอยู่ท่ามกลางน้ำที่ลู่หยวนซีปาออกไป นางก็ดึงเอากระบอกจุดไฟออกมาก่อนโยนไปทางมือสังหารเหล่านั้น เพียงไม่นานเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดก็ดังก้องสะท้านป่า แม้แต่กู้จิ่งเหยียนเองยังตกใจไม่คิดว่าน้ำสีใสนั่นจะสามารถจุดไฟติดได้

ลู่หยวนซีไม่มีเวลามาอธิบายว่าสิ่งนั้นคือแอลกอฮอล์สำหรับล้างแผล นางรีบแบกกู้จิ่งเหยียนขึ้นหลังแล้ววิ่งหนีออกไปจากที่นั่นทันที ชายชุดดำบางคนที่ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปในอาณาเขตของวงล้อมแห่งเปลวเพลิง จึงทำให้รอดไปได้ แต่ยังมีอีกหกชีวิตที่กำลังถูกย่างสดอยู่ข้างใน รวมถึงหัวหน้ามือสังหารคนที่หัวเราะการกระทำของลู่หยวนซีด้วย

“ช่วยพวกเขาไม่ทันแล้ว รีบตามเป้าหมายไปเร็วเข้า”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   รักษาคนอีกครั้ง

    ลู่หยวนซีมิได้ตอบคำถามของเขา นางพูดเรื่องอื่นขึ้นเพื่อเบี่ยงประเด็นคำถามของเขาออกไป และกู้จิ่งเหยียนรู้ว่านั่นเป็นเรื่องที่นางถนัดนัก เขาที่รู้ทันก็มิได้เปิดโปงหรือเอ่ยเซ้าซี้นางอีก เอาเถอะเอาไว้รอให้นางพร้อมเมื่อใดนางคงจะพูดออกมาเอง“ได้ เรื่องนี้ข้าให้เจ้าตัดสินใจ”ตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ทั้งสองคนพูดคุยกันมากขึ้น กู้จิ่งเหยียนเองก็เหมือนจะเปิดใจให้นางมากกว่าเดิม บางครั้งต่อให้นางยังไม่ได้พูดกับเขา เขาก็จะเป็นฝ่ายที่เริ่มประโยคสนทนาขึ้นมาก่อน เรื่องนี้ทำให้ลู่หยวนซีเบาใจลงไม่น้อยเพราะในอนาคตยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง นางอาจจะต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไป อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงคุณชายจากจวนขุนนาง หากวันหน้าเขาหายดีนางก็คงจะถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีบุญคุณต่อเขาอยู่กระมัง“ข้าหิวแล้ว เจ้าทำอาหารง่ายๆ สักสองสามอย่างมาทานด้วยกันดีหรือไม่”กู้จิ่งเหยียนเองก็พยายามเพื่อนางเช่นกัน เขาไม่อยากให้สตรีผู้นี้รู้สึกไม่สบายใจหรือทุกข์ใจ หาอะไรให้นางทำเผื่อว่านางจะลืมเรื่องที่อยู่ในใจไปได้บ้าง“ท่านหิวแล้วหรือเจ้าคะ”ลู่หยวนซีมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเบี่ยงไปอีกด้านเล็

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   อยู่ให้ห่างจากพวกเขา

    สิ่งที่ระบบยังไม่ทันได้บอกลู่หยวนซีก่อนที่เขาจะหายไปคือ การมาของเฮ่อเหวินเจ๋อเป็นตัวแปรอีกตัวแปรหนึ่งที่กำลังจะทำให้เนื้อเรื่องในนิยายเปลี่ยนไปลู่หยวนซีพูดคุยกับเฮ่อเหวินเจ๋ออยู่ภายในศาลาหน้าเรือนอยู่นาน นางพยายามพูดวกไปวนมาเพื่อให้เขาลืมเรื่องการรักษาของนาง และก็เป็นไปตามที่ลู่หยวนซีต้องการ เขาไม่เซ้าซี้ถามนางอีกว่าเหตุใดบาดแผลของเขาถึงได้หายดีในชั่วพริบตาแต่กลับมีบุคคลอีกคนหนึ่งที่นอนกระสับกระส่ายอยู่ภายในห้อง การมาของเฮ่อเหวินเจ๋อเขาสามารถรับรู้ได้ก่อนลู่หยวนซีเสียอีก ฝีเท้าแผ่วเบาที่ก้าวอย่างมั่นคงเข้ามาในลานเรือน เขารู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้มีวรยุทธกู้จิ่งเหยียนสามารถจดจำเสียงฝีเท้าของบุรุษทั้งหกที่เข้าไปในป่าก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทั้งร่างกายและประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาเฉียบคมขึ้นทุกที ตั้งแต่......ตั้งแต่ที่เขาดื่มเลือดของนางเข้าไป ทุกอย่างที่ผ่านตาของและเสียงทั้งหมดที่ได้ยินเขาสามารถจดจำและรับรู้ได้ไม่ลืม ความรู้สึกนี้มันช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก“ข้าสั่งให้พักผ่อนเหตุใดถึงได้ยังนั่งคุยกับผู้อื่นอยู่อีก”กู้จิ่งเหยียนเอ่ยออกมาด้วยความหงุดหงิด สตรีผู้นี้ดูแล้วเห

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   เจ้าเหนื่อยที่ต้องดูแลข้าหรือ

    “คุณชายท่าน...มองเห็นข้าหรือเจ้าคะ”กู้จิ่งเหยียนรีบมองไปด้านหน้าเพื่อกลบเกลื่อนอาการของตน“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”ลู่หยวนซีเห็นสายตาที่เขามองไปด้านหน้า นางก็ยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อทดสอบดูว่าเขามองเห็นหรือไม่ แต่ดวงตากู้จิ่งเหยียนไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ นางจึงถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าคงจะคิดมากไปเอง เห็นดวงตาของคุณชายกลับมาเป็นสีปกติ คิดว่าท่านอาจจะกลับมามองเห็นได้แล้วเสียอีก”ท่าทางของนางทำให้กู้จิ่งเหยียนรู้สึกเจ็บแปลบลึกๆ ในใจ หรือว่านางเบื่อที่จะดูแลคนพิการอย่างเขาแล้ว ร่างสูงที่นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางน้อยใจ“เจ้าเหนื่อยอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ไม่ต้องดูแลข้าแล้ว พาข้ากลับไปที่เตียงแล้วเจ้าก็ไปพักเถอะ”ลู่หยวนซีมองชายหนุ่มด้วยสายตาไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้ก็เห็นนั่งเงียบไม่ตอบโต้อะไร พอมาตอนนี้กลับพูดเสียยาวเหยียด ทั้งยังแสดงท่าทางห่วงใยกลัวว่านางจะเหนื่อยอีก คนผู้นี้ยังใช่กู้จิ่งเหยียนคนเดิมอยู่หรือไม่ ท่าทางของเขาช่างดูแปลกตานักลู่หยวนซีไม่กล้าขัดใจคุณชายผู้เอาแต่ใจของนาง หลังจากพาร่างสูงไปส่งยังเตียงนอนในห้องใหญ่ นางก็ออกมาข้างนอกเพื่อยกชามโจ๊กท

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   อารมณ์ที่ไม่มั่นคงของกู้จิ่งเหยียน

    “โอ้ย!! หนิงเอ๋อเหตุใดเจ้าถึงทำร้ายข้า”ลู่หยวนซีส่งเสียงหึ!ออกมาเสียงหนึ่ง ก่อนใช้สายตามองต่ำลงไปยังบัณฑิตชุดขาวที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้น“กล้าเอ่ยวาจาล่วงเกินคุณชายของข้า ลองเป็นง่อยดูบ้างเป็นอย่างไร บางทีอาจจะทำให้เจ้าเลิกปากเสียแล้วเอาเวลาไปดูแลขาของเจ้าแทน”เอ่ยจบร่างบางที่แบกชายหนุ่มเอาไว้บนหลังก็เดินจากไป ทิ้งให้บุรุษอีกหกคนที่ยืนมองดูอยู่ห่างๆ ตกตะลึงกับการกระทำของนาง สตรีผู้นี้ฝีเท้ารวดเร็วเหลือเกิน ปากไม่พูดแต่กลับตีคนอย่างหน้าตาเฉย ลู่หยวนซีเดินไปได้สักพัก นางก็หันกลับไปมองพรรคพวกอีกหกคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม“พวกท่านไม่ไปหรือ”นางตะโกนถามพวกเขาก่อนออกเดินไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจ เฮ่อเหวินเจ๋อและคนของเขาได้สติกลับมาหลังจากเสียงเรียกของนางดังขึ้น ทุกคนรีบก้าวยาวๆ ตามไปเพื่อเดินให้ทันนาง“คุณชายท่านอย่าได้ใส่ใจคำพูดที่ออกมาจากปากเน่าๆ ของเจ้าบัณฑิตนั่นเลยนะเจ้าคะ เมื่อก่อนข้าอาจเลอะเลือนและดูแลท่านได้ไม่ดี แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว ข้าสัญญาว่าจะหาทางรักษาท่านให้หายดี ขอเพียงท่านเชื่อมั่นในตัวข้าก็พอ”ลู่หยวนซีเอ่ยเสียงเบากับคนที่นางกำลังแบกเอาไว้บนหลัง ไร้เสียงตอบกลับ

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   อย่าเข้าใกล้นางอีก

    ชายชุดดำที่หายจากอาการตกตะลึง รีบออกคำสั่งให้พวกของตนรีบตามคนทั้งสองไป ลู่หยวนซีออกวิ่งเต็มกำลังแต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นสี่คนที่ใช้วิชาตัวเบาทะยานตามมาได้ กระบี่สีขาววาววับที่สะท้อนแสงแดดส่องกระทบดวงตาของนาง ร่างบางที่แบกกู้จิ่งเหยียนเอาไว้ ด้านหลังหลับตาลงคิดว่าตนเองคงจะหลบการแทงนี้ไม่พ้นแล้วแต่เสียงเคร้ง!!ก็ดังขึ้นข้างหูของนาง อาวุธลับสีนิลลอยกระเด็นไปปักอยู่บนต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป ลู่หยวนซีที่เตรียมใจตายเอาไว้แล้วหรี่ตาขึ้นมองเหตุการณ์ตรงหน้า พบว่าชายชุดดำทั้งสี่ถูกปลิดชีพลงอย่างง่ายดายด้วยน้ำมือของใครบางคน และเมื่อลู่หยวนซีได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก“เป็นท่านเองหรือ”กู้จิ่งเหยียนขมวดคิ้วอย่างสงสัย สายตาจับจ้องไปยังชายร่างสูงใหญ่ในชุดอาภรณ์สีนิลพร้อมกับผู้ติดตามทั้งหก พลางคิดในใจว่านางไปรู้จักกับคนน่าสงสัยเหล่านี้ได้อย่างไร“แม่นางข้าให้คนตามหาเจ้าตั้งหลายวัน หากไม่ได้ยินเสียงร้องของมือสังหารเหล่านั้นคงตามมาที่นี่ไม่ทันการณ์เป็นแน่”ลู่หยวนซียิ้มรับคำพูดของเขาอย่างยินดี นางไม่คิดว่าที่ระบบสั่งให้นางช่วยชีวิตเขา จะทำให้นางได้รับการตอบแทนเป็นความช่วยเ

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มดีขึ้น

    ลู่หยวนซีถามกู่จิ่งเหยียนอย่างหน้าตาเฉย เมื่อก่อนเขามองไม่เห็นก็แล้วไป แต่ตอนนี้ดวงตาของเขากลับมามองเห็นเป็นปกติแล้วจะให้นางช่วยเรื่องนั้นได้อย่างไร กู้จิ่งเหยียนส่ายหน้าปฏิเสธถึงแม้เขาจะเริ่มรู้สึกปวดเบาขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่คิดที่จะปล่อยต่อหน้านางเป็นแน่ ลู่หยวนซีพยักหน้ารับรู้ก่อนวางกระโถนเอาไว้มุมหนึ่งของถ้ำ จากนั้นจึงหันไปล้มตัวลงนอนบนที่นอนของตนที่ปูเอาไว้คนละฟากของกองไฟเสียงลมหายใจที่ดังอย่างสม่ำเสมอทำให้ชายหนุ่มแน่ใจว่านางนั้นได้หลับไปแล้ว กู้จิ่งเหยียนกำลังจะคลานไปที่กระโถนใบนั้นแต่แล้วลู่หยวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง นางหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังค้างอยู่ในท่าจับขอบกระโถนเอาไว้ด้วยสายตามึนงง ก่อนจะถามเขาออกไปด้วยน้ำเสียงงัวเงีย“คุณชายท่านปวดเบาหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านไม่ปลุกข้า ข้าเองก็ลืมว่ายังมิได้เปลี่ยนชุดให้ท่านเลย มาเถอะข้าช่วย”กู้จิ่งเหยียนยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากปฏิเสธ ลู่หยวนซีก็ถึงตัวเขาเสียแล้ว ความอับอายที่มิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้มันถูกอัดแน่นอยู่ภายในอก นางช่วยเขาถ่ายเบาทั้งยังจับเขาเปลื้องผ้าและเช็ดตัวให้ หญิงผู้นี้ไม่รู้จักคำว่าอายหรืออย่างไร นางเป็นสตรีนะหลังเปลี่ยนชุดให

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status