LOGINสิ้นเสียงของเธอ แรงดูดมหาศาลแรงหนึ่งได้พาร่างของเธอไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นตา ลู่หยวนซีล้มหัวคะมำลงไปอย่างแรง เธอพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางตื่นตระหนก
“สวัสดีและยินดีต้อนรับ คุณลู่หยวนซี” เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เธอสะดุ้งจนตัวโยน ลู่หยวนซีมองไปรอบๆ หาที่มาของเสียง แต่แล้วกลับพบเพียงความเปล่าเท่านั้น “ที่นี่คือที่ไหน คุณเป็นใคร พาฉันมาที่นี่ทำไม” ลู่หยวนซีถามออกไปอย่างลนลาน เวลานี้เธอรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็จำเป็นต้องทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ “ใจเย็นๆ ก่อน ผมจะค่อยๆ อธิบายให้คุณได้เข้าใจไปทีละเรื่อง ถ้าพร้อมแล้วอย่างนั้นเราก็มาเริ่มกันเลย” เสียงที่ไร้ที่มาดังขึ้นกังวานภายในหัวของเธอ ลู่หยวนซีนิ่งเงียบเพื่อรอฟังว่าเจ้าเสียงนั้นจะพูดอะไรต่อ “ผมคือ ระบบ โปรแกรมอัจฉริยะที่สามารถคิดด้วยตนเองได้ ที่นี่คือภายในโลกของผม และคุณคือคนที่ผมเลือกให้ทำหน้าที่ต่อจากนี้ไป” ลู่หยวนซีได้ฟังแล้วรู้สึกว่ามันค่อนข้างเชื่อได้ยากมาก หรือว่าเธอกำลังถูกทดลองอะไรบางอย่างจากรัฐบาลอยู่หรือเปล่า “ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดแน่นอน โลกของคุณนั้นยังล้าหลังเกินไปที่จะมีโปรแกรมระบบอัจฉริยะอย่างผมได้ เอาเถอะ ต่อไปเมื่อคุณได้สัมผัสอีกโลกคุณก็จะเข้าใจได้เอง” ลู่หยวนซีตกตะลึงจนทำสีหน้าไม่ถูก เมื่อเจ้าระบบรู้แม้กระทั่งความคิดของเธอ หรือว่าเธอจะกำลังถูกทดลองอยู่จริงๆ “ก็บอกว่าไม่ใช่ยังไงเล่า!!! ยัยผู้หยิงคนนี้นี่ เชื่อยากเชื่อเย็นซะเหลือเกิน เดี๋ยวผมก็ปล่อยให้ตายไปจริงๆ ซะเลย” เสียงทุ้มที่เคยสุภาพเวลานี้ไม่ต่างจากหญิงสาวเสียงแปดหลอดที่กำลังหงุดหงิด เมื่อเวลามีคนทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ลู่หยวนซีหลังจากที่ถูกดุเธอก็สะดุ้งขึ้นมาอย่างแรง แต่แล้วเสียงนั้นก็กลับมาสุภาพเช่นเดิม “อะแฮ่ม!! ขออภัย เอาเป็นว่าทุกอย่างที่คุณกำลังสัมผัสอยู่นี้คือเรื่องจริงทั้งหมด ดังนั้นจงเชื่อเถอะว่าคุณไม่ได้กำลังถูกทดลองอยู่” ลู่หยวนซีที่นิ่งเงียบมาตลอดพยักหน้าหงึกหงัก เพราะเธอกลัวว่าหากทำอะไรให้เขาไม่พอใจ เจ้าเสียงนั่นจะวีนขึ้นมาอีก “ดี!! ถ้าอย่างนั้นก็เข้าเรื่องกันเลย คุณลู่ คุณคือผู้ถูกเลือกให้มาทำหน้าที่สำคัญบางอย่าง และหน้าที่นั้นก็คือ ช่วยชีวิตของตัวร้ายในนิยายให้มีชีวิตรอด โดยที่คุณต้องไม่ทำตัวสะดุดตาให้ผู้เขียนจับได้เป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้ เพราะในโลกของนิยายนักเขียนคือพระเจ้าที่ระบบอย่างเราไม่สามารถแทรกแซง ทำได้เพียงมองดูผ่านตัวคุณที่ถูกส่งเข้าไป พูดง่ายๆ คุณก็ไม่ต่างจากบัคที่เราแอบวางเอาไว้ในนิยายเรื่องนี้” ลู่หยวนซีไม่ค่อยเข้าใจที่ระบบพูดกับเธอ หากตัวร้ายในนิยายจะต้องตายตามความต้องการของนักเขียน แล้วระบบไปยุ่งอะไรด้วย ชื่อของเขาก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นตัวร้าย ตายไปก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง “ไม่ได้!! เขาจะตายไม่ได้เด็ดขาด ถึงยังไงคุณก็จะต้องช่วยตัวร้ายคนนี้ให้ได้ ข้อแลกเปลี่ยนคือผมจะทำให้คุณกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งในโลกจริงๆ ของคุณ” ลู่หยวนซีกลอกตาอย่างไม่พอใจ เจ้าระบบบ้านี่แอบอ่านความคิดของเธออีกแล้วอย่างนั้นหรือ น่าหงุดหงิดชะมัด “อะแฮ่ม!!” เสียงระบบกระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นมาอีก “ก่อนที่คุณจะใช้ให้ฉันทำงานให้ คุณบอกได้ไหมว่าทำไมเขาถึงตายไม่ได้” ลู่หยวนซียกมือเท้าเอวอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะเธอเองก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน “กะ...ก็แหม!!แบบว่า เขาหล่อเหลารูปงามเป็นหนึ่งในแผ่นดิน แม้แต่พระเอกในเรื่องยังต้องชิดซ้าย ถ้าปล่อยให้ตายไปแบบนี้ก็น่าเสียดายมากเลยไม่ใช่หรือ” หลังจากที่ได้ฟังคำตอบ ลู่หยวนซีก็แทบหงายหลัง นี่มันเหตุผลบ้าอะไรเนี่ย เจ้านี่มันเป็นระบบอัจฉริยะบ้าผู้ชายหรือยังไง เสียงก็ออกจะแมนซะขนาดนั้น ลู่หยวนซีพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ที่เธอต้องนอนเป็นผักอยู่ในโรงพยาบาล คงจะไม่ใช่ฝีมือเจ้านี่ด้วยหรอกกระมัง “..........” ไร้สัญญาณตอบกลับ ลู่หยวนซีรู้ว่าระบบได้ยินเสียงความคิดของเธอ แต่แล้วบางอย่างก็วาบเข้ามาในหัว หลังจากที่ความคิดของเธอหยุดลง “นี่!!! คงจะไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม คุณคงไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันเกิดอุบัติเหตุใช่ไหม” ลู่หยวนซีตวาดออกไปเสียงดัง หากว่าเป็นเรื่องจริงเธอไม่อยากจะคิดเลยว่าตนเองกำลังพบอยู่กับอะไรกันแน่ “ตะ..ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว ภัยพิบัติมีอยู่ทุกที่ เพียงแต่คุณดันซวยไปอยู่ตรงนั้นก็เท่านั้นเอง” ถ้าหากเจ้าระบบมีตัวตน เวลานี้ลู่หยวนซีจะต้องได้เห็นมันหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นปาดเหงื่อเป็นแน่ ทั้งเรื่องการสัมภาษณ์งานที่ถูกยกเลิก ทั้งเรื่องที่แฟนของเธอแอบนอกใจ เป็นฝีมือของเขาทั้งนั้น แต่ว่าจะให้เธอรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นนิสัยไม่ยอมคนอย่างลู่หยวนซีคงจะยอมตายดีกว่ายอมช่วยเหลือเขาเป็นแน่ “ไม่ใช่ก็แล้วไป ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาสิว่าฉันต้องทำยังไงบ้าง ถึงจะช่วยเจ้าตัวร้ายคนนั้นให้รอดตายจากปลายปากกาของนักเขียนคนนั้นได้” ลู่หยวนซีนั่งลงขัดสมาธิเพื่อรอฟังว่าระบบจะสั่งให้เธอทำอะไรอีก “ผมจะส่งคุณเข้าไปในตัวละครที่ไม่ได้ถูกเขียนเอาไว้ในเนื้อเรื่อง พูดง่ายๆ คือเป็นตัวประกอบที่ใช้แล้วทิ้ง คุณแค่พยายามช่วยชีวิตของตัวร้ายให้ได้เท่านั้น แล้วก็อย่าปล่อยให้เขากลับไปแก้แค้นพระเอกอีกครั้งนะ ไม่อย่างนั้นความได้แตกแน่ คุณต้องรู้เอาไว้ก่อนว่าหลังจากที่คุณเข้าไปในนิยายแล้ว ผมจะไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้ คุณต้องหาทางเอาตัวรอดด้วยตัวเองเท่านั้น” ลู่หยวนซีถอนหายใจออกมาเบาๆ เป็นระบบที่ใช้งานคนเก่งเหลือเกิน ผู้หญิงตัวคนเดียวจะเอาชีวิตรอดไปได้สักกี่วันเชียว “ไม่ต้องห่วง ผมไม่มีทางปล่อยให้คุณเข้าไปในนั้นมือเปล่าแน่นอน นี่คือเนื้อหาของหนังสือนิยายเล่มนั้น รวมทั้งระบบการรักษาที่ผมส่งให้คุณไปแล้วตั้งแต่ที่คุณเข้ามาที่นี่ รวมทั้งช่องว่างเก็บของแค่คุณนึกถึงก็สามารถใช้งานได้ เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วพวกเราก็ไปกันเถอะ” “ดะ...เดี๋ยว” ลู่หยวนซียังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างของเธอก็ถูกดูดด้วยแรงมหาศาลอีกครั้ง เมื่อเธอลืมตาขึ้นพบว่าตนเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางผู้หญิงมากมายที่แต่งตัวด้วยชุดจีนโบราณ เจ้าระบบไม่เห็นบอกเลยว่าต้องเข้ามาในนิยายย้อนยุคจีนโบราณ งานหยาบแล้วทีนี้ เธอควรจะเริ่มยังไงดี “เอ้า!!เหตุใดถึงได้เงียบไปเล่า เล่าต่อสิ ตอนนี้คุณชายผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าต้องออกจากจวนตามคำสั่งเพื่อมารับใช้คนพิการใกล้ตายเช่นนี้คงจะลำบากไม่น้อย” ลู่หยวนซียืนทำหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าไหลตามน้ำไปก่อน เพราะเธอยังไม่ได้อ่านเนื้อหาในนิยายเลย แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเวลานี้อยู่ในช่วงไหนของเนื้อเรื่องหลัก แต่แล้วอาการปวดหัวของเธอก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ภาพก่อนหน้านี้และอิริยาบถต่างๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวราวกับกำลังนั่งมองวิดีโอเก่า บางภาพชัดบ้างบางภาพก็กลายเป็นเส้นสีดำมองเห็นไม่ชัด หลังจากอาการปวดหัวได้หายไป ลู่หยวนซีก็มองไปยังเหล่าสตรีชาวบ้านเหล่านั้นทีละคน คนพวกนี้คงเป็นตัวประกอบที่ไม่ต่างจากเอ็นพีซีเหมือนเธอกระมัง “เป็นอะไรไปหรือ ไม่เล่าต่อแล้ว หรือว่าเจ้าต้องรีบกลับเรือน” หญิงชาวบ้านนางหนึ่งเอ่ยถามลู่หยวนซี หลังจากที่เห็นเธอยกมือกุมหัวของตน “ชะ..ใช่ข้าต้องกลับแล้ว ป่านนี้คุณชายคงจะรอแย่ ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” หญิงชาวบ้านเหล่านั้นมองตามหลังลู่หยวนซีที่รีบเดินกลับไปยังเรือนเล็กหลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาห่างจากตัวหมู่บ้านไปเล็กน้อยด้วยสายตามึนงง “นางเคยเป็นห่วงคุณชายของนางตั้งแต่เมื่อใดกัน ข้าเห็นวันทั้งวันเอาแต่เดินเที่ยวเตร่ในหมู่บ้าน ไม่ก็มานั่งเล่นกับพวกเราอยู่ที่นี่” หญิงชาวบ้านทั้งหมด ต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของสตรีนางนั้นลู่หยวนซีมิได้ตอบคำถามของเขา นางพูดเรื่องอื่นขึ้นเพื่อเบี่ยงประเด็นคำถามของเขาออกไป และกู้จิ่งเหยียนรู้ว่านั่นเป็นเรื่องที่นางถนัดนัก เขาที่รู้ทันก็มิได้เปิดโปงหรือเอ่ยเซ้าซี้นางอีก เอาเถอะเอาไว้รอให้นางพร้อมเมื่อใดนางคงจะพูดออกมาเอง“ได้ เรื่องนี้ข้าให้เจ้าตัดสินใจ”ตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ทั้งสองคนพูดคุยกันมากขึ้น กู้จิ่งเหยียนเองก็เหมือนจะเปิดใจให้นางมากกว่าเดิม บางครั้งต่อให้นางยังไม่ได้พูดกับเขา เขาก็จะเป็นฝ่ายที่เริ่มประโยคสนทนาขึ้นมาก่อน เรื่องนี้ทำให้ลู่หยวนซีเบาใจลงไม่น้อยเพราะในอนาคตยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง นางอาจจะต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไป อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงคุณชายจากจวนขุนนาง หากวันหน้าเขาหายดีนางก็คงจะถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีบุญคุณต่อเขาอยู่กระมัง“ข้าหิวแล้ว เจ้าทำอาหารง่ายๆ สักสองสามอย่างมาทานด้วยกันดีหรือไม่”กู้จิ่งเหยียนเองก็พยายามเพื่อนางเช่นกัน เขาไม่อยากให้สตรีผู้นี้รู้สึกไม่สบายใจหรือทุกข์ใจ หาอะไรให้นางทำเผื่อว่านางจะลืมเรื่องที่อยู่ในใจไปได้บ้าง“ท่านหิวแล้วหรือเจ้าคะ”ลู่หยวนซีมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเบี่ยงไปอีกด้านเล็
สิ่งที่ระบบยังไม่ทันได้บอกลู่หยวนซีก่อนที่เขาจะหายไปคือ การมาของเฮ่อเหวินเจ๋อเป็นตัวแปรอีกตัวแปรหนึ่งที่กำลังจะทำให้เนื้อเรื่องในนิยายเปลี่ยนไปลู่หยวนซีพูดคุยกับเฮ่อเหวินเจ๋ออยู่ภายในศาลาหน้าเรือนอยู่นาน นางพยายามพูดวกไปวนมาเพื่อให้เขาลืมเรื่องการรักษาของนาง และก็เป็นไปตามที่ลู่หยวนซีต้องการ เขาไม่เซ้าซี้ถามนางอีกว่าเหตุใดบาดแผลของเขาถึงได้หายดีในชั่วพริบตาแต่กลับมีบุคคลอีกคนหนึ่งที่นอนกระสับกระส่ายอยู่ภายในห้อง การมาของเฮ่อเหวินเจ๋อเขาสามารถรับรู้ได้ก่อนลู่หยวนซีเสียอีก ฝีเท้าแผ่วเบาที่ก้าวอย่างมั่นคงเข้ามาในลานเรือน เขารู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้มีวรยุทธกู้จิ่งเหยียนสามารถจดจำเสียงฝีเท้าของบุรุษทั้งหกที่เข้าไปในป่าก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทั้งร่างกายและประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาเฉียบคมขึ้นทุกที ตั้งแต่......ตั้งแต่ที่เขาดื่มเลือดของนางเข้าไป ทุกอย่างที่ผ่านตาของและเสียงทั้งหมดที่ได้ยินเขาสามารถจดจำและรับรู้ได้ไม่ลืม ความรู้สึกนี้มันช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก“ข้าสั่งให้พักผ่อนเหตุใดถึงได้ยังนั่งคุยกับผู้อื่นอยู่อีก”กู้จิ่งเหยียนเอ่ยออกมาด้วยความหงุดหงิด สตรีผู้นี้ดูแล้วเห
“คุณชายท่าน...มองเห็นข้าหรือเจ้าคะ”กู้จิ่งเหยียนรีบมองไปด้านหน้าเพื่อกลบเกลื่อนอาการของตน“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”ลู่หยวนซีเห็นสายตาที่เขามองไปด้านหน้า นางก็ยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อทดสอบดูว่าเขามองเห็นหรือไม่ แต่ดวงตากู้จิ่งเหยียนไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ นางจึงถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าคงจะคิดมากไปเอง เห็นดวงตาของคุณชายกลับมาเป็นสีปกติ คิดว่าท่านอาจจะกลับมามองเห็นได้แล้วเสียอีก”ท่าทางของนางทำให้กู้จิ่งเหยียนรู้สึกเจ็บแปลบลึกๆ ในใจ หรือว่านางเบื่อที่จะดูแลคนพิการอย่างเขาแล้ว ร่างสูงที่นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางน้อยใจ“เจ้าเหนื่อยอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ไม่ต้องดูแลข้าแล้ว พาข้ากลับไปที่เตียงแล้วเจ้าก็ไปพักเถอะ”ลู่หยวนซีมองชายหนุ่มด้วยสายตาไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้ก็เห็นนั่งเงียบไม่ตอบโต้อะไร พอมาตอนนี้กลับพูดเสียยาวเหยียด ทั้งยังแสดงท่าทางห่วงใยกลัวว่านางจะเหนื่อยอีก คนผู้นี้ยังใช่กู้จิ่งเหยียนคนเดิมอยู่หรือไม่ ท่าทางของเขาช่างดูแปลกตานักลู่หยวนซีไม่กล้าขัดใจคุณชายผู้เอาแต่ใจของนาง หลังจากพาร่างสูงไปส่งยังเตียงนอนในห้องใหญ่ นางก็ออกมาข้างนอกเพื่อยกชามโจ๊กท
“โอ้ย!! หนิงเอ๋อเหตุใดเจ้าถึงทำร้ายข้า”ลู่หยวนซีส่งเสียงหึ!ออกมาเสียงหนึ่ง ก่อนใช้สายตามองต่ำลงไปยังบัณฑิตชุดขาวที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้น“กล้าเอ่ยวาจาล่วงเกินคุณชายของข้า ลองเป็นง่อยดูบ้างเป็นอย่างไร บางทีอาจจะทำให้เจ้าเลิกปากเสียแล้วเอาเวลาไปดูแลขาของเจ้าแทน”เอ่ยจบร่างบางที่แบกชายหนุ่มเอาไว้บนหลังก็เดินจากไป ทิ้งให้บุรุษอีกหกคนที่ยืนมองดูอยู่ห่างๆ ตกตะลึงกับการกระทำของนาง สตรีผู้นี้ฝีเท้ารวดเร็วเหลือเกิน ปากไม่พูดแต่กลับตีคนอย่างหน้าตาเฉย ลู่หยวนซีเดินไปได้สักพัก นางก็หันกลับไปมองพรรคพวกอีกหกคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม“พวกท่านไม่ไปหรือ”นางตะโกนถามพวกเขาก่อนออกเดินไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจ เฮ่อเหวินเจ๋อและคนของเขาได้สติกลับมาหลังจากเสียงเรียกของนางดังขึ้น ทุกคนรีบก้าวยาวๆ ตามไปเพื่อเดินให้ทันนาง“คุณชายท่านอย่าได้ใส่ใจคำพูดที่ออกมาจากปากเน่าๆ ของเจ้าบัณฑิตนั่นเลยนะเจ้าคะ เมื่อก่อนข้าอาจเลอะเลือนและดูแลท่านได้ไม่ดี แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว ข้าสัญญาว่าจะหาทางรักษาท่านให้หายดี ขอเพียงท่านเชื่อมั่นในตัวข้าก็พอ”ลู่หยวนซีเอ่ยเสียงเบากับคนที่นางกำลังแบกเอาไว้บนหลัง ไร้เสียงตอบกลับ
ชายชุดดำที่หายจากอาการตกตะลึง รีบออกคำสั่งให้พวกของตนรีบตามคนทั้งสองไป ลู่หยวนซีออกวิ่งเต็มกำลังแต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นสี่คนที่ใช้วิชาตัวเบาทะยานตามมาได้ กระบี่สีขาววาววับที่สะท้อนแสงแดดส่องกระทบดวงตาของนาง ร่างบางที่แบกกู้จิ่งเหยียนเอาไว้ ด้านหลังหลับตาลงคิดว่าตนเองคงจะหลบการแทงนี้ไม่พ้นแล้วแต่เสียงเคร้ง!!ก็ดังขึ้นข้างหูของนาง อาวุธลับสีนิลลอยกระเด็นไปปักอยู่บนต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป ลู่หยวนซีที่เตรียมใจตายเอาไว้แล้วหรี่ตาขึ้นมองเหตุการณ์ตรงหน้า พบว่าชายชุดดำทั้งสี่ถูกปลิดชีพลงอย่างง่ายดายด้วยน้ำมือของใครบางคน และเมื่อลู่หยวนซีได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก“เป็นท่านเองหรือ”กู้จิ่งเหยียนขมวดคิ้วอย่างสงสัย สายตาจับจ้องไปยังชายร่างสูงใหญ่ในชุดอาภรณ์สีนิลพร้อมกับผู้ติดตามทั้งหก พลางคิดในใจว่านางไปรู้จักกับคนน่าสงสัยเหล่านี้ได้อย่างไร“แม่นางข้าให้คนตามหาเจ้าตั้งหลายวัน หากไม่ได้ยินเสียงร้องของมือสังหารเหล่านั้นคงตามมาที่นี่ไม่ทันการณ์เป็นแน่”ลู่หยวนซียิ้มรับคำพูดของเขาอย่างยินดี นางไม่คิดว่าที่ระบบสั่งให้นางช่วยชีวิตเขา จะทำให้นางได้รับการตอบแทนเป็นความช่วยเ
ลู่หยวนซีถามกู่จิ่งเหยียนอย่างหน้าตาเฉย เมื่อก่อนเขามองไม่เห็นก็แล้วไป แต่ตอนนี้ดวงตาของเขากลับมามองเห็นเป็นปกติแล้วจะให้นางช่วยเรื่องนั้นได้อย่างไร กู้จิ่งเหยียนส่ายหน้าปฏิเสธถึงแม้เขาจะเริ่มรู้สึกปวดเบาขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่คิดที่จะปล่อยต่อหน้านางเป็นแน่ ลู่หยวนซีพยักหน้ารับรู้ก่อนวางกระโถนเอาไว้มุมหนึ่งของถ้ำ จากนั้นจึงหันไปล้มตัวลงนอนบนที่นอนของตนที่ปูเอาไว้คนละฟากของกองไฟเสียงลมหายใจที่ดังอย่างสม่ำเสมอทำให้ชายหนุ่มแน่ใจว่านางนั้นได้หลับไปแล้ว กู้จิ่งเหยียนกำลังจะคลานไปที่กระโถนใบนั้นแต่แล้วลู่หยวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง นางหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังค้างอยู่ในท่าจับขอบกระโถนเอาไว้ด้วยสายตามึนงง ก่อนจะถามเขาออกไปด้วยน้ำเสียงงัวเงีย“คุณชายท่านปวดเบาหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านไม่ปลุกข้า ข้าเองก็ลืมว่ายังมิได้เปลี่ยนชุดให้ท่านเลย มาเถอะข้าช่วย”กู้จิ่งเหยียนยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากปฏิเสธ ลู่หยวนซีก็ถึงตัวเขาเสียแล้ว ความอับอายที่มิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้มันถูกอัดแน่นอยู่ภายในอก นางช่วยเขาถ่ายเบาทั้งยังจับเขาเปลื้องผ้าและเช็ดตัวให้ หญิงผู้นี้ไม่รู้จักคำว่าอายหรืออย่างไร นางเป็นสตรีนะหลังเปลี่ยนชุดให







![จะไม่ทนกับบทบาทนางร้าย [รีไรท์ตอนจบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)