Share

คุณเป็นใคร

Author: zuey
last update Last Updated: 2025-11-23 23:30:15

ขอบตาแดงก่ำของลู่หยวนซี บ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แววตาของเธอสั่นไหวเพราะพยายามกลั้นน้ำตาไว้อย่างสุดความสามารถ

“ฉันรู้เรื่องนี้มานานแล้ว อย่าได้เสียเวลาอีกเลย เสี่ยวซีเอ๋อ เธอไม่จำเป็นต้องแบกรับทุกอย่างเอาไว้เองทั้งหมดหรอกนะ ออกไปใช้ชีวิตที่โลกภายนอกเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ซะ ที่ฉันดูแลพวกเธอมาสิบกว่าปี ฉันหวังเพียงว่าพวกเธอจะเติบโตขึ้นและมีชีวิตที่ดีก็เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องเด็กๆ ที่บ้านเด็กกำพร้า ฉันได้เตรียมการเอาไว้เพื่อพวกเขาเรียบร้อยแล้ว เธอไม่ต้องเป็นห่วง แคกๆๆๆ”

พูดยังไม่ทันจบผอ.ฟางก็ไอออกมาอย่างหนักอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีเลือดปนออกมากว่าปกติ ลู่หยวนซีไม่ฟังที่ผอ.ฟางห้ามอีกแล้ว เธอรีบวิ่งไปตามหมอมาตรวจดูอีกครั้ง หลังจากอาการไอทุเลาลง ผอ.ฟางก็ได้หลับไปเพราะฤทธิ์ของยา

ลู่หยวนซีย้อนกลับมาที่บ้านเด็กกำพร้าฉือชุนอีกครั้ง เธอไม่กล้าบอกความจริงเกี่ยวกับอาการของผอ.ฟางให้เด็กๆ ได้รู้ เพราะเธอกลัวว่าทุกคนจะตื่นตระหนกและขวัญเสีย

กว่าครึ่งเดือนที่ ผอ.ฟางได้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประจำเมือง ทุกครั้งที่อาการของเธอกำเริบลู่หยวนซีรู้สึกว่าหัวใจของเธอถูกบีบรัดจนไม่สามารถอธิบายถึงความเจ็บปวดนั้นได้ เธออยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของหญิงชราที่เสียสละตนเองมาทั้งชีวิตเพื่อเด็กๆ ในบ้านเด็กกำพร้าฉือชุน

แต่นั่นเป็นเพียงความรู้สึกของลู่หยวนซีเพียงฝ่ายเดียว เธอไม่ใช่หมอเธอไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงกักเก็บความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ภายในใจ และคอยตอบคำถามของเด็กๆ ที่ถามถึงผอ.ฟางของพวกเขาว่าเมื่อไหร่เธอจะกลับมา

ผอ.ฟางรู้อาการป่วยของตนเองดี เธอจึงไม่ต้องการเสียเวลาที่โรงพยาบาลอีกแล้ว เมื่อคุณหมอเข้ามาตรวจอาการของเธออีกครั้ง ผอ.ฟางจึงยื่นความประสงค์ที่ต้องการกลับมาพักที่บ้านของตน คุณหมอเจ้าของไข้เซ็นอนุญาตแต่โดยดี เพราะได้คุยกับผอ.ฟางไปก่อนหน้านี้แล้วเกี่ยวกับอาการของเธอ

เธอคิดว่าวาระสุดท้ายของชีวิตของตน เธออยากจะกลับมาอยู่กับเด็กๆ ที่เธอรักที่ฉือชุนอีกครั้ง ลู่หยวนซีที่ได้รู้เรื่องที่ผอ.ฟางจะออกจากโรงพยาบาล ความจริงเธอไม่เห็นด้วย แต่เพราะรู้ดีว่าถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีทางห้ามหญิงชราได้ จึงได้พาเธอกลับมาพบหน้าเด็กๆ อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย

งานเลี้ยงเล็กๆ ถูกจัดขึ้นเพื่อต้อนรับผอ.ฟางออกจากโรงพยาบาลโดยเด็กๆ ทุกคนในบ้านเด็กกำพร้าฉือชุน ลูกโป่งหลากสีถูกติดประดับภายในห้องโถงที่พวกเขาใช้ทำกิจกรรมรวมกันมาโดยตลอด

คำว่ายินดีต้อนรับกลับบ้าน ถูกติดเอาไว้เด่นหราตรงกลางผนังของห้อง ผอ.ฟางเห็นภาพเหล่านั้นเธอก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้ม เด็กๆ วิ่งเข้ามารุมล้อมเธอด้วยความดีใจที่สตรีที่เป็นดังมารดาและผู้ให้ชีวิตใหม่แก่พวกเขากลับมาแล้ว

ลู่หยวนซียืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยหัวใจที่ปวดร้าว เธอทนมองภาพเหล่านั้นไม่ไหวจนต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น นี่คือสิ่งที่คุณต้องการหรือคะผอ. สิ่งเหล่านี้มันสำคัญกว่าชีวิตของคุณอีกอย่างนั้นหรือ ร่างบางเดินสาวเท้าเข้ามาภายในห้องโถง ก่อนจะปรามเด็กๆ ที่รุมล้อมผอ.ฟางให้สงบลง

หลังจากงานเลี้ยงต้อนรับผอ.ฟางผ่านไป วันต่อมาทุกคนก็ได้ทราบข่าวร้ายว่าหญิงชราได้จากไปแล้วอย่างสงบ แม้เธอจะเสียชีวิตเพียงลำพังภายในห้องพักส่วนตัว แต่ใบหน้าของเธอกลับไม่มีความเจ็บปวดใดๆ หลงเหลืออยู่เลย มีเพียงรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าเหมือนอย่างเคยที่เด็กๆ ได้เห็นอยู่เป็นประจำ

ลู่หยวนซีที่ทำใจเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ได้แต่กอดปลอบเด็กๆ ไม่ให้พวกเขาเสียใจมากเกินไป ต่อมาร่างของผอ.ฟางได้ถูกฝังเอาไว้ในสุสานรวมกับคนในครอบครัวของเธอ หลังจากนั้นเด็กๆ ในบ้านเด็กกำพร้าฉือชุนก็ถูกรับไปอยู่ในที่ต่างๆ ตามที่ผอ.ฟางได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า

สิบแปดปีของบ้านเด็กกำพร้าฉือชุนได้ปิดตัวลง ลู่หยวนซีเก็บเสื้อผ้าของเธอใส่เป้หลังใบใหญ่ด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ ก่อนเดินทางออกจากเมือง เธอได้แวะไปที่หลุมศพของผอ.ฟางอีกครั้ง

“หนูไปครั้งนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมา แต่หนูสัญญาว่าจะกลับมาที่นี่อีกแน่นอนค่ะ บ้านเด็กกำพร้าฉือชุนจะต้องเปิดขึ้นอีกครั้งเพื่อดูแลเด็กๆ ที่คุณห่วงใย หนูไปก่อนนะคะ....คุณแม่”

ลู่หยวนซีเอ่ยเรียกผอ.ฟางว่าแม่เป็นครั้งแรก จากนั้นเธอจึงมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองใหญ่ ใช้ชีวิตตามที่ผอ.ฟางต้องการ

ลู่หยวนซีย้ายเข้ามาอยู่ในปักกิ่งเพื่อหางานทำ เธอทำงานทุกอย่างเท่าที่ความสามารถของเด็กเรียนจบม.ปลายสามารถทำได้ หลังจากทำงานเก็บเงินอยู่หนึ่งปีเต็ม เธอก็ได้สอบเข้ามหาลัยตามที่ตนเองต้องการ

สี่ปีผ่านไป หลังลู่หยวนซีเรียนจบมหาลัยมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เธอได้รับจดหมายแนะนำจากบริษัทใหญ่เพื่อเข้าสัมภาษณ์งานในทันที แต่หลังจากที่เธอเข้าไปที่บริษัทดังกล่าว กลับพบว่าจดหมายแนะนำของเธอได้ถูกยกเลิกไปแล้ว

และคนที่ได้รับโอกาสสัมภาษณ์ในตำแหน่งของเธอคือเพื่อนสนิทที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกันสี่ปี นอกจากนั้นเธอยังมารู้ว่าแฟนที่คบหากันมาในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยรวมหัวกับเพื่อสนิทของเธอนอกใจเธออีก

ลู่หยวนซีรู้สึกเสียใจและผิดหวังเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าคนที่เธอรักสองคนจะทำแบบนั้นได้ เธอละทิ้งทุกอย่างที่ปักกิ่งเอาไว้เบื้องหลังแล้วเดินทางกลับไปยังเมืองบ้านเกิดหวังจะรักษาบาดแผลทางจิตใจของตน แต่ระหว่างทางได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ดินที่อยู่บนภูเขาถล่มลงมาทับรถโดยสารที่เธอนั่ง

“อูย!!!! เจ็บชะมัด”

ลู่หยวนซีพยุงกายลุกขึ้นยืนช้าๆ เพื่อดูว่ามีส่วนไหนของร่างกายได้รับบาดเจ็บบ้าง ก่อนมองหาผู้โดยสารร่วมชะตากรรมของตน แต่ที่นั่นกลับพบว่ารอบๆ ตัวเธอมืดมิดไร้แสงสว่าง หรือว่าตอนนี้เธอกำลังถูกฝังอยู่ใต้ซากรถคันนี้กัน เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็ไม่รอช้าลู่หยวนซีรีบตะโกนขอความช่วยเหลือทันที

“มีใครได้ยินเสียงของฉันบ้างไหมคะ ช่วยด้วยค่ะ!! ช่วยด้วย!!ตรงนี้ยังมีคนอยู่”

ลู่หยวนซีไม่กล้าขยับตัวมากเพราะเธอกลัวว่าดินที่ถล่มลงมาทับรถประจำทางคันนี้มันจะพังลงมามากกว่าเดิม แต่แล้วความรู้สึกวูบหนึ่งก็พัดผ่าน แรงบางอย่างดูดร่างของเธออย่างแรงทำให้ลู่หยวนซีไม่สามารถควบคุมตนเองได้

“เอ๊ะ!!!”

เมื่อรู้ตัวอีกทีกลับพบว่า รอบๆ ตัวของเธอมีผู้คนเดินขวักไขว่เต็มไปหมด เสียงรถฉุกเฉินและกู้ภัยที่กำลังลำเลียงร่างของผู้ประสบภัยขึ้นรถพยาบาล ลู่หยวนซีที่เห็นดังนั้นเธอก็คิดว่าตนเองรอดแล้ว จนกระทั่งได้เห็นร่างที่คุ้นตาของใครคนหนึ่ง ก่อนจะก้มลงมองชุดที่ตนเองใส่อยู่

“เดี๋ยวสิ!! นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่”

เธอวิ่งตามเจ้าหน้าที่กู้ภัยสองคนที่กำลังหามร่างนั้นออกไปให้ห่างจากที่เกิดเหตุ ก่อนจะถูกนำขึ้นรถฉุกเฉินไปอีกคน ลู่หยวนซีทรุดกายลงนั่งตรงนั้นอย่างหมดแรง เมื่อเธอพบว่าเวลานี้ตัวเธออาจจะไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว

“ขอโทษนะคะผอ. ชีวิตใหม่ในเมืองใหญ่ที่คุณคาดหวังให้ฉันไปใช้ชีวิตที่นั่น ตอนนี้มันได้จบลงแล้ว”

ลู่หยวนซีนั่งมองเจ้าหน้าที่ทำหน้าที่กู้ร่างของผู้ประสบภัยอีกหลายคนออกมาจากรถประจำทางคันนั้นด้วยใบหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึก แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นภายในหัวของเธอ

“ยอมแพ้ตอนนี้มันยังเร็วไปนะ คุณยังไม่ตายซะหน่อยแค่สลบไปเท่านั้น แต่ถ้าคุณปล่อยให้เวลาผ่านไปนานๆ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะตายไปจริงๆ ก็ได้ มาทำข้อแลกเปลี่ยนกับผมไหมล่ะ”

ลู่หยวนซีหมุนตัวไปรอบๆ เพื่อหาว่าใครกันแน่ที่กำลังคุยกับเธอ แต่ที่นั่นกลับไม่มีใครสนใจเธอเลยสักคน ทุกคนเดินผ่านเธอไปราวกับอากาศธาตุ

“คุณเป็นใครคะ....”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   รักษาคนอีกครั้ง

    ลู่หยวนซีมิได้ตอบคำถามของเขา นางพูดเรื่องอื่นขึ้นเพื่อเบี่ยงประเด็นคำถามของเขาออกไป และกู้จิ่งเหยียนรู้ว่านั่นเป็นเรื่องที่นางถนัดนัก เขาที่รู้ทันก็มิได้เปิดโปงหรือเอ่ยเซ้าซี้นางอีก เอาเถอะเอาไว้รอให้นางพร้อมเมื่อใดนางคงจะพูดออกมาเอง“ได้ เรื่องนี้ข้าให้เจ้าตัดสินใจ”ตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ทั้งสองคนพูดคุยกันมากขึ้น กู้จิ่งเหยียนเองก็เหมือนจะเปิดใจให้นางมากกว่าเดิม บางครั้งต่อให้นางยังไม่ได้พูดกับเขา เขาก็จะเป็นฝ่ายที่เริ่มประโยคสนทนาขึ้นมาก่อน เรื่องนี้ทำให้ลู่หยวนซีเบาใจลงไม่น้อยเพราะในอนาคตยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง นางอาจจะต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไป อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงคุณชายจากจวนขุนนาง หากวันหน้าเขาหายดีนางก็คงจะถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีบุญคุณต่อเขาอยู่กระมัง“ข้าหิวแล้ว เจ้าทำอาหารง่ายๆ สักสองสามอย่างมาทานด้วยกันดีหรือไม่”กู้จิ่งเหยียนเองก็พยายามเพื่อนางเช่นกัน เขาไม่อยากให้สตรีผู้นี้รู้สึกไม่สบายใจหรือทุกข์ใจ หาอะไรให้นางทำเผื่อว่านางจะลืมเรื่องที่อยู่ในใจไปได้บ้าง“ท่านหิวแล้วหรือเจ้าคะ”ลู่หยวนซีมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเบี่ยงไปอีกด้านเล็

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   อยู่ให้ห่างจากพวกเขา

    สิ่งที่ระบบยังไม่ทันได้บอกลู่หยวนซีก่อนที่เขาจะหายไปคือ การมาของเฮ่อเหวินเจ๋อเป็นตัวแปรอีกตัวแปรหนึ่งที่กำลังจะทำให้เนื้อเรื่องในนิยายเปลี่ยนไปลู่หยวนซีพูดคุยกับเฮ่อเหวินเจ๋ออยู่ภายในศาลาหน้าเรือนอยู่นาน นางพยายามพูดวกไปวนมาเพื่อให้เขาลืมเรื่องการรักษาของนาง และก็เป็นไปตามที่ลู่หยวนซีต้องการ เขาไม่เซ้าซี้ถามนางอีกว่าเหตุใดบาดแผลของเขาถึงได้หายดีในชั่วพริบตาแต่กลับมีบุคคลอีกคนหนึ่งที่นอนกระสับกระส่ายอยู่ภายในห้อง การมาของเฮ่อเหวินเจ๋อเขาสามารถรับรู้ได้ก่อนลู่หยวนซีเสียอีก ฝีเท้าแผ่วเบาที่ก้าวอย่างมั่นคงเข้ามาในลานเรือน เขารู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้มีวรยุทธกู้จิ่งเหยียนสามารถจดจำเสียงฝีเท้าของบุรุษทั้งหกที่เข้าไปในป่าก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทั้งร่างกายและประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาเฉียบคมขึ้นทุกที ตั้งแต่......ตั้งแต่ที่เขาดื่มเลือดของนางเข้าไป ทุกอย่างที่ผ่านตาของและเสียงทั้งหมดที่ได้ยินเขาสามารถจดจำและรับรู้ได้ไม่ลืม ความรู้สึกนี้มันช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก“ข้าสั่งให้พักผ่อนเหตุใดถึงได้ยังนั่งคุยกับผู้อื่นอยู่อีก”กู้จิ่งเหยียนเอ่ยออกมาด้วยความหงุดหงิด สตรีผู้นี้ดูแล้วเห

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   เจ้าเหนื่อยที่ต้องดูแลข้าหรือ

    “คุณชายท่าน...มองเห็นข้าหรือเจ้าคะ”กู้จิ่งเหยียนรีบมองไปด้านหน้าเพื่อกลบเกลื่อนอาการของตน“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”ลู่หยวนซีเห็นสายตาที่เขามองไปด้านหน้า นางก็ยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อทดสอบดูว่าเขามองเห็นหรือไม่ แต่ดวงตากู้จิ่งเหยียนไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ นางจึงถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าคงจะคิดมากไปเอง เห็นดวงตาของคุณชายกลับมาเป็นสีปกติ คิดว่าท่านอาจจะกลับมามองเห็นได้แล้วเสียอีก”ท่าทางของนางทำให้กู้จิ่งเหยียนรู้สึกเจ็บแปลบลึกๆ ในใจ หรือว่านางเบื่อที่จะดูแลคนพิการอย่างเขาแล้ว ร่างสูงที่นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางน้อยใจ“เจ้าเหนื่อยอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ไม่ต้องดูแลข้าแล้ว พาข้ากลับไปที่เตียงแล้วเจ้าก็ไปพักเถอะ”ลู่หยวนซีมองชายหนุ่มด้วยสายตาไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้ก็เห็นนั่งเงียบไม่ตอบโต้อะไร พอมาตอนนี้กลับพูดเสียยาวเหยียด ทั้งยังแสดงท่าทางห่วงใยกลัวว่านางจะเหนื่อยอีก คนผู้นี้ยังใช่กู้จิ่งเหยียนคนเดิมอยู่หรือไม่ ท่าทางของเขาช่างดูแปลกตานักลู่หยวนซีไม่กล้าขัดใจคุณชายผู้เอาแต่ใจของนาง หลังจากพาร่างสูงไปส่งยังเตียงนอนในห้องใหญ่ นางก็ออกมาข้างนอกเพื่อยกชามโจ๊กท

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   อารมณ์ที่ไม่มั่นคงของกู้จิ่งเหยียน

    “โอ้ย!! หนิงเอ๋อเหตุใดเจ้าถึงทำร้ายข้า”ลู่หยวนซีส่งเสียงหึ!ออกมาเสียงหนึ่ง ก่อนใช้สายตามองต่ำลงไปยังบัณฑิตชุดขาวที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้น“กล้าเอ่ยวาจาล่วงเกินคุณชายของข้า ลองเป็นง่อยดูบ้างเป็นอย่างไร บางทีอาจจะทำให้เจ้าเลิกปากเสียแล้วเอาเวลาไปดูแลขาของเจ้าแทน”เอ่ยจบร่างบางที่แบกชายหนุ่มเอาไว้บนหลังก็เดินจากไป ทิ้งให้บุรุษอีกหกคนที่ยืนมองดูอยู่ห่างๆ ตกตะลึงกับการกระทำของนาง สตรีผู้นี้ฝีเท้ารวดเร็วเหลือเกิน ปากไม่พูดแต่กลับตีคนอย่างหน้าตาเฉย ลู่หยวนซีเดินไปได้สักพัก นางก็หันกลับไปมองพรรคพวกอีกหกคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม“พวกท่านไม่ไปหรือ”นางตะโกนถามพวกเขาก่อนออกเดินไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจ เฮ่อเหวินเจ๋อและคนของเขาได้สติกลับมาหลังจากเสียงเรียกของนางดังขึ้น ทุกคนรีบก้าวยาวๆ ตามไปเพื่อเดินให้ทันนาง“คุณชายท่านอย่าได้ใส่ใจคำพูดที่ออกมาจากปากเน่าๆ ของเจ้าบัณฑิตนั่นเลยนะเจ้าคะ เมื่อก่อนข้าอาจเลอะเลือนและดูแลท่านได้ไม่ดี แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว ข้าสัญญาว่าจะหาทางรักษาท่านให้หายดี ขอเพียงท่านเชื่อมั่นในตัวข้าก็พอ”ลู่หยวนซีเอ่ยเสียงเบากับคนที่นางกำลังแบกเอาไว้บนหลัง ไร้เสียงตอบกลับ

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   อย่าเข้าใกล้นางอีก

    ชายชุดดำที่หายจากอาการตกตะลึง รีบออกคำสั่งให้พวกของตนรีบตามคนทั้งสองไป ลู่หยวนซีออกวิ่งเต็มกำลังแต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นสี่คนที่ใช้วิชาตัวเบาทะยานตามมาได้ กระบี่สีขาววาววับที่สะท้อนแสงแดดส่องกระทบดวงตาของนาง ร่างบางที่แบกกู้จิ่งเหยียนเอาไว้ ด้านหลังหลับตาลงคิดว่าตนเองคงจะหลบการแทงนี้ไม่พ้นแล้วแต่เสียงเคร้ง!!ก็ดังขึ้นข้างหูของนาง อาวุธลับสีนิลลอยกระเด็นไปปักอยู่บนต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป ลู่หยวนซีที่เตรียมใจตายเอาไว้แล้วหรี่ตาขึ้นมองเหตุการณ์ตรงหน้า พบว่าชายชุดดำทั้งสี่ถูกปลิดชีพลงอย่างง่ายดายด้วยน้ำมือของใครบางคน และเมื่อลู่หยวนซีได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก“เป็นท่านเองหรือ”กู้จิ่งเหยียนขมวดคิ้วอย่างสงสัย สายตาจับจ้องไปยังชายร่างสูงใหญ่ในชุดอาภรณ์สีนิลพร้อมกับผู้ติดตามทั้งหก พลางคิดในใจว่านางไปรู้จักกับคนน่าสงสัยเหล่านี้ได้อย่างไร“แม่นางข้าให้คนตามหาเจ้าตั้งหลายวัน หากไม่ได้ยินเสียงร้องของมือสังหารเหล่านั้นคงตามมาที่นี่ไม่ทันการณ์เป็นแน่”ลู่หยวนซียิ้มรับคำพูดของเขาอย่างยินดี นางไม่คิดว่าที่ระบบสั่งให้นางช่วยชีวิตเขา จะทำให้นางได้รับการตอบแทนเป็นความช่วยเ

  • ทะลุมิติมาช่วยชีวิตตัวร้ายคนโปรดของระบบ   ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มดีขึ้น

    ลู่หยวนซีถามกู่จิ่งเหยียนอย่างหน้าตาเฉย เมื่อก่อนเขามองไม่เห็นก็แล้วไป แต่ตอนนี้ดวงตาของเขากลับมามองเห็นเป็นปกติแล้วจะให้นางช่วยเรื่องนั้นได้อย่างไร กู้จิ่งเหยียนส่ายหน้าปฏิเสธถึงแม้เขาจะเริ่มรู้สึกปวดเบาขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่คิดที่จะปล่อยต่อหน้านางเป็นแน่ ลู่หยวนซีพยักหน้ารับรู้ก่อนวางกระโถนเอาไว้มุมหนึ่งของถ้ำ จากนั้นจึงหันไปล้มตัวลงนอนบนที่นอนของตนที่ปูเอาไว้คนละฟากของกองไฟเสียงลมหายใจที่ดังอย่างสม่ำเสมอทำให้ชายหนุ่มแน่ใจว่านางนั้นได้หลับไปแล้ว กู้จิ่งเหยียนกำลังจะคลานไปที่กระโถนใบนั้นแต่แล้วลู่หยวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง นางหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังค้างอยู่ในท่าจับขอบกระโถนเอาไว้ด้วยสายตามึนงง ก่อนจะถามเขาออกไปด้วยน้ำเสียงงัวเงีย“คุณชายท่านปวดเบาหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านไม่ปลุกข้า ข้าเองก็ลืมว่ายังมิได้เปลี่ยนชุดให้ท่านเลย มาเถอะข้าช่วย”กู้จิ่งเหยียนยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากปฏิเสธ ลู่หยวนซีก็ถึงตัวเขาเสียแล้ว ความอับอายที่มิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้มันถูกอัดแน่นอยู่ภายในอก นางช่วยเขาถ่ายเบาทั้งยังจับเขาเปลื้องผ้าและเช็ดตัวให้ หญิงผู้นี้ไม่รู้จักคำว่าอายหรืออย่างไร นางเป็นสตรีนะหลังเปลี่ยนชุดให

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status