ซ่งเจียซินมาถึงโรงเรียนพร้อมกับเด็กชายฝาแฝดทั้งสามคน ทว่าเวลาที่มาถึงนั้นกลับไม่ใช่ช่วงเช้าแต่เป็นช่วงบ่าย อีกทั้งห้องที่เธอพาพวกเด็ก ๆ ไปนั้นก็ไม่ใช่ห้องเรียน แต่เป็นห้องของ...
“ผอ.หวัง คะ ผู้ปกครองของหลี่จื่อหมิง หลี่จื่อชิง หลี่จื่อรั่ว มาขอพบค่ะ”
“ผู้ปกครองของสามแฝดหลี่หรือ มีเรื่องอะไร”
“เอ่อ... เห็นว่ามาร้องเรียนค่ะ”
“ร้องเรียน! ร้องเรียนใคร เรื่องอะไร”
“ลูกชายของครูติงค่ะ”
หวังเต๋อห้าว ได้ยินว่าอีกฝ่ายมาร้องเรียนติงฝูไห่ก็ถอนหายใจยาว เรื่องที่ติงฝูไห่รีดไถเงินของนักเรียนรุ่นน้องนั้นเขาเคยตักเตือนติงอี้เทาไปหลายหนแล้ว ไม่คิดว่าครั้งนี้จะเกิดเรื่องขึ้นจริง
“ไปเรียกครูติงกับนักเรียนติงฝูไห่มา”
“ค่ะ”
ซ่งเจียซินขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้รับคำอธิบายเหตุการณ์ที่เด็กแฝดทั้งสามของเธอถูกทำร้ายว่าเป็นเพียงการหยอกล้อกันเท่านั้น ส่วนเรื่องรีดไถเงินนั้นอีกฝ่ายยืนกรานว่าไม่เคยเกิดขึ้น เงินไม่มีเจ้าของดังนั้นจึงไม่อาจพิสูจน์ได้
“ได้ค่ะ ในเมื่อครูติงและผอ.หวังยืนยันเช่นนี้ ฉันก็จะเชื่อค่ะ”
ได้ยินหญิงสาวตรงหน้าเจรจาง่ายดายเช่นนี้หวังเต๋อห้าวและติงอี้เทาก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ติงฝูไห่ยังยกยิ้มเย้ยหยันมองมาทางสามแฝด แววตาจ้องมองอย่างเอาเรื่อง ราวกับกำลังประกาศว่าต่อจากนี้ชีวิตในโรงเรียนของพวกเขาสามคนอย่าหวังจะมีความสงบอีกเลย
หลี่จื่อหมิงมองดูหญิงสาวข้างกายด้วยสายตาผิดหวัง หากรู้ว่าเธออ่อนแอ ไร้ความสามารถถึงเพียงนี้เขาก็คงไม่ให้เธอมาสร้างความยากลำบากให้ตนเองและน้องชายในอนาคต
“เพียงแต่บังเอิญว่าวันนี้ฉันไม่สบายเลยแวะไปโรงพยาบาล อ่อ... คุณหมอยังได้ตรวจร่างกายให้หลี่จื่อหมิง หลี่จื่อชิง หลี่จื่อรั่วของพวกเราด้วย ร่องรอยบนตัวพวกนั้นระบุชัดเจนในใบรับรองแพทย์ว่าเป็นการถูกทำร้ายร่างกาย ฉันเองก็บังเอิญรู้จักคุณเฉินเซียวพอดีเห็นว่าคอลัมน์กระซิบข่าวของเขาเดือนนี้ยังไม่มีเรื่องลงเช่นนั้นเรื่องหยอกล้อกันในโรงเรียนนี้...”
ไม่รอให้หญิงสาวพูดจบหวังเต๋อห้าวก็หยิบหนังสือใกล้มือปาใส่เด็กชายติงฝูไห่ พร้อมชี้นิ้วไปทางติงอี้เทาตวาดเสียงก้อง
“ครูติง ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าเรื่องแบบนี้อย่าให้เกิดขึ้นอีก”
“ท่านผอ.ครับนี่มัน...”
“ไม่ต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ปีนี้ให้ลูกของคุณพักการเรียนไป”
“พักการเรียน! แต่ว่าติงฝูไห่อยู่ประถมหกแล้วนะครับ ปีหน้าเขาก็จะ...”
“วันก่อนคุณนายจางมาซื้อสร้อยเพชรที่ร้านฉัน เห็นว่าเป็นวันเกิดแม่ของรองประธานจาง ครูติงได้รับเชิญไปร่วมงานหรือไม่”
รองประธานจาง นี่หญิงสาวคนนี้คงไม่ได้หมายถึง จางอี้เซียว รองประธานกรรมการกระทรวงศึกษาธิการใช่หรือไม่ พลันร่างกายของติงอี้เทาก็คล้ายรู้สึกอ่อนแรงขึ้นมา แม้แต่คำพูดที่จะเอ่ยปากก็ติดค้างในลำคอ หากเรื่องที่ลูกชายของเขารีดไถเงินและทำร้ายเพื่อนนักเรียนรุ่นน้องล่วงรู้ไปถึงจางอี้เซียว ไม่เพียงแต่อนาคตของลูกชายเขาที่ยากจะหาสถานที่ศึกษาต่อ แม้แต่ตัวเขาเองก็คงหมดอนาคตเช่นกัน
“คุณนายหลี่ เรื่องนี้เป็นผมที่สอนลูกไม่ดี แต่ฝูไห่อยู่ประถมหกแล้ว หากเขาถูกพักการเรียนคงไม่ดีแน่ ๆ คุณช่วยอะลุ่มอล่วยหน่อยได้หรือไม่”
“อะลุ่มอล่วย นี่ครูติงกำลังว่าดิฉันบีบคั้นพวกคุณหรือคะ”
“ไม่ใช่ ๆ แบบนั้น ผมแค่...”
“เมื่อครู่ฉันเห็นสายตาของลูกชายคุณมองลูกชายของฉันแล้วฉันคิดว่าฉันให้เด็ก ๆ ของฉันย้ายโรงเรียนน่าจะปลอดภัยกว่า แล้วค่อยเล่าเรื่องนี้ให้คุณเฉินกับคุณนายจางฟังตอนที่พบหน้ากันในภายหลัง”
“ไม่ต้อง! ไม่ต้องย้าย!”
หวังเต๋อห้าวรีบยกมือห้ามปรามหญิงสาวพร้อมกับส่งสายตาปรามคุณครูในปกครองของตน ก่อนที่จะปรายตามองเด็กชายอีกคนอย่างตำหนิ
นิสัยแบบนี้เอาไว้ในโรงเรียนของเขาก็มีแต่จะสร้างเรื่อง ไม่สู้ถือโอกาสนี้ส่งเขาไปที่อื่นเสีย
“เด็กสามคนไม่ได้ผิดอะไร จะให้พวกเขาย้ายออกได้ยังไง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ติงฝูไห่ให้เขาออก”
“ท่านผอ.!”
“เอาน่า... นายก็แค่ทำเรื่องลาออกแล้วก็พาเขาไปสมัครเรียนที่อื่น ไปอยู่ไกลนายสักหน่อยเขาจะได้เรียนรู้เสียบ้าง”
เมื่อการเจรจาจบลงตามที่ต้องการซ่งเจียซินก็ยกยิ้มกว้างหันไปทางติงอี้เทาแล้วพูดเสียงอ่อนโยน
“ครูติงช่างมีใจกว้างสมกับเป็นครู ครั้งหน้าเจอคุณนายจางฉันจะพูดถึงคุณให้เขาฟังอย่างแน่นอน”
ติงอี้เทา รู้ว่านี่เป็นสัญญาณเตือนจากหญิงสาว ไม่ให้เขาแค้นใจและมาลงกับเด็กชายฝาแฝดของเธอ ติงอี้เทาแม้จะโกรธเคืองแต่เมื่อมาคิดดูแล้ว ย้ายไปเรียนที่อื่นก็ดีกว่าถูกพักการเรียน หรือถูกไล่ออกจนมีประวัติด่างพร้อยในภายหลัง
กว่าจะจัดการเจรจาแล้วเสร็จก็บ่ายคล้อยซ่งเจียซินจึงให้เด็กชายทั้งสามกลับบ้านพร้อมกับเธอ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ต่อต้าน อีกทั้งยังว่าง่ายนั่งมาในรถด้วยท่าทางสงบนิ่ง จนกระทั่งซ่งเจียซินลงจากรถและเดินเข้าบ้านเสียงราบเรียบก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง
“เดี๋ยวก่อน”
เป็นหลี่จื่อหมิงที่เอ่ยขึ้นเรียกเอาไว้ ซ่งเจียซินหันกลับมาทางเด็กทั้งสามคน ด้วยสายตาคาดหวัง
“เรื่องวันนี้... ขอบคุณ”
“ไม่เป็นไร เรื่องเล็ก ๆ”
“คุณแม่เก่งที่สุด ขอบคุณครับ”
หลี่จื่อรั่วพูดพลางวิ่งมาโอบกอดเอวบาง ซ่งเจียซินจึงย่อตัวลงแล้วโอบกอดเขากลับ พลางกดจมูกลงบนศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดูในความช่างออดอ้อนของเด็กชาย
“หึ! ก็แค่สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ”
พูดจบหลี่จื่อชิงก็เดินหนีเข้าบ้านไปโดยไม่แม้แต่จะเอ่ยคำขอบคุณ ในวันนี้หญิงใจร้ายพูดถึงเฉินเซียวที่เคยเจอในโรงพยาบาลคราวก่อน หรือว่าแท้จริงระหว่างเธอกับชายแต่งงานแล้วคนนั้นจะมีความสัมพันธ์บางอย่างต่อกันจริง ๆ
เมื่อคิดถึงใบหน้าที่โดดเด่น การแต่งตัวที่มีระดับ และท่าทางที่สง่าผ่าเผยของเฉินเซียวผู้นั้น หลี่จื่อชิงก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
เสวี่ยชิงหยวนหากเธอกล้าสวมหมวกเขียวให้พ่อเขาแล้วละก็ เขาไม่ยอมแน่นอน
"ผมไม่ให้ไป!""คุณเฉิน นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยวแบบนี้""สิทธิ์ในการเป็นสามีของคุณยังไงล่ะ"ได้ยินคำพูดที่เอาแต่ใจของชายหนุ่มตรงหน้าสิงฉู่หรันก็ได้แต่ขบกรามแน่น เดินเข้ามาประชิดตัวเขาแล้วพูดเสียงหนักแน่นลอดไรฟัน"อย่างนั้นฉันก็จะหย่า ต่อจากนี้ระหว่างคุณกับฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก"เฉิงเซียวขบกรามแน่น สิงฉู่หรันเธอกล้าดีอย่างไรมาพูดเรื่องหย่ากับเขาเช่นนี้ ไม่แม้แต่จะเอ่ยคำอธิบายอะไรคนโตก็ตวัดอุ้มหญิงสาวขึ้นแนบอก"ว้าย! ท่านประธานเฉิน คุณจะทำอะไร ปล่อยตัวฉู่หรันนะคะ""เธอเป็นภรรยาของผม ผมจะจับจะปล่อยคุณเกี่ยวอะไรด้วย""แต่ฉันเป็นผู้จัดการส้วนตัวของน้องฉู่หรันนะคะ""อย่างนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปก็ไม่ต้องเป็นอีก ผม! ไล่! คุณ! ออก!""คุณเฉิน คุณถือดีอะไรมาไล่คนของฉันออก""คนของเธออย่างนั้นหรอ ฉู่หรันชีวิตนี้คนที่สามารถใช้คำว่าคนของเธอมีแค่ฉัน เฉินเซียว! คนเดียวเท่านั้น"และนับจากเหตุการณ์นี้ดาราสาวดาวรุ่งสิงฉู่หรันก็หายไปจากวงการบันเทิง ผู้คนต่างเล่าลือกันว่าเป็นเพราะสามีของเธอหึงหวงภรรยาคนสวยมาก ถึงขั้นมอบหุ้นกิจการของตระกูลเฉินครึ่งหนึ่งให้เธอเป็นข้อแลกเปล
หลังจากที่หลี่จื่อหมิงหายดีแล้ว ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ เว้นเพียงเรื่องของซ่งเจียซินและหลี่โจวอี้ ที่ทุกคืนจะต้องวุ่นวายจนกลับเช้า เขาจึงยอมปล่อยให้เธอได้นอนพัก"เด็กๆ อยากได้น้องสาวมาก ช่วงนี้แม้ผมจะเหนื่อยกับคนไข้ไปหน่อยแต่ก็ยินดีทำเพื่อพวกเขา"ซ่งเจียซินถอนหายใจอย่างระอา เธอใช้ชีวิตมาสองชาติสองภพเพิ่งเคยเจอคนที่หลงและมั่นใจในตัวเองถึงเพียงนี้ "คุณเสวี่ยครับ ทางร้านเหม่ยลี่ส่งชุดมาให้แล้วครับ"ตงซานรายงานพร้อมกับส่งกล่องกระดาษห้า ใบให้กับหญิงสาวผู้เป็นนาย ซ่งเจียซินพยักหน้ารับ อาทิตย์ก่อนหลังจากที่ได้รับบัตรเชิญเข้าร่วมงานหมั้นของอันลู่ซือและประธานฮั่ว ซ่งเจียซินก็สั่งตัดชุดให้กับตัวเองและพ่อลูกบ้านหลี่ทั้งสี่คน"คุณเสวี่ย คุณจะพานายพลหลี่ แล้วก็เด็กๆ ไปร่วมงานด้วยจริงๆ หรือครับ"ถึงแม้ว่าหลี่โจวอี้จะเป็นนายพลที่ผู้คนนับหน้าถือตา แต่งานสังคมแบบนี้มีแต่นักธุรกิจเป็นส่วนใหญ่ หลี่โจวอี้เป็นทหารเข้าไปร่วมงานอาจจะรู้สึกอึดอัดไม่สะดวกในการวางตัว"พวกเขาเป็นคนของฉัน หากเกิดอะไรขึ้นฉันจะรับผิดชอบเอง"เมื่อเจ้านายสาวกล่าวออกมาเช่นนี้ ตงซานก็ไม่คิดเซ้าซี้ให้มากความ หมุนตัวเดินออกไปทำหน
ทางด้านซ่งเจียซินหลังจากที่หลี่โจวอี้ลงไปส่งเฟิ่งเฉิงเยว่ เธอก็ตักข้าวต้มปลาใส่ชามส่งให้เด็กๆ อย่างใส่ใจ จนพวกเขาอดที่จะคิดถึงมารดาผู้ให้กำเนิดไม่ได้ เพราะตั้งแต่ที่พ่อออกจากประตูไป เธอไม่เพียงไม่ใส่ใจพวกเขา ทุกคำพูดหากไม่ตำหนิพ่อ ก็ด่าทอมารดาเลี้ยง ยุยงให้พวกเขาเกียจชังอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา และที่ร้ายแรงเกินกว่าจะยอมรับก็คือการกระทำที่มารดาผู้นั้นกระทำกับลุงเฟิ่งของพวกเขา"ฝีมือของพี่อิงอิงนับว่าไม่เลว แต่ก็ยังเทียบกับมือของแม่ไม่ได้"“จริงครับ แม่ครับพรุ่งนี้คุณหมอก็จะให้จื่อหมิงกลับบ้านได้แล้ว แม่ทำข้าวต้มปลาให้พวกเรากินได้ไหมครับ”“ถ้าลูกๆ อยากกิน แน่นอนว่าไม่มีปัญหา”ซ่งเจียซินเห็นเด็กๆ มีความสุขเช่นนี้ในใจของเธอก็รู้สึกอบอุ่นไปด้วย เพียงแต่เมื่อมองไปยังหลี่จื่อหมิงที่นั่งอยู่บนเตียงโดยไม่ตักอาหารกินสักคำ อีกทั้งสีหน้าและแววตาของเขายังเต็มไปด้วยความกังวลบางอย่าง ก็คาดเดาไปว่าเด็กชายคงคิดถึงกวงเหยียนฟางให้เธอดีแค่ไหน ก็เป็นได้แค่มารดาเลี้ยง ไม่อาจเทียบเท่ากับมารดาที่แท้จริงในใจของเธอรู้สึกเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย เพียงแต่ซ่งเจียซินไม่ใช่คนไร้เหตุผล จิตใจคับแคบ จึงเข้าใจความรู้สึกของเด็กๆ
ซ่งเจียซินลุกจากเตียงด้วยความยากลำบากก่อนจะตวัดสายตามองไปทางชายหนุ่มที่ยังนอนอยู่บนเตียงด้วยความไม่พอใจ"คุณหลี่ ทำไมคุณยังไม่รีบลุกมาแต่งตัวอีกไม่ใช่คุณบอกว่าเด็กๆ กำลังรอกินข้าวต้มปลาของฉันอยู่หรือคะ""มีเฉิงเย่วดูแลพวกเขาอยู่ จะต้องกังวลไปทำไมกัน""คุณไม่กังวล แต่ฉันกังวลค่ะ ฉันจะไปดูลูกค่ะคุณอยากจะนอนพักต่อก็ตามสบายค่ะ"พูดจบซ่งเจียซินที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็เดินเปิดประตูออกไป โดยไม่สนใจคนบนเตียงอีกหลี่โจวอี้เห็นหญิงสาวเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามองตนเองก็อ้าปากค้างรีบลุกจากเตียง สวมใส่เสื้อผ้าอย่างเร่งรีบ ก่อนจะวิ่งตามเธอลงมาด้านล่าง"ชิงหยวน คุณกำลังจะทิ้งผมอีกแล้ว"ซ่งเจียซินถอนหายใจพลางอย่างระอาใจกับความแง่งอนไร้เหตุผลของคนตรงหน้า ทว่าเวลานี้เด็กๆ กำลังรอเธออยู่ที่โรงพยาบาล ดังนั้นเธอจึงยอมถอยให้เขาหนึ่งก้าว "ฉันจะทิ้งคุณได้ยังไงกันคะ เรารีบไปกันเถอะค่ะ เด็กๆ รอพวกเรานานแล้ว"ซ่งเจียซินบอกพร้อมกับเดินเข้ามาจับแขนของคนตัวโต เมื่อเห็นว่าเสวี่ยชิงหยวนงอนง้อตนเองด้วยท่าทางน่ารัก ใบหน้าคมเข้มของหลี่โจวอี้ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง เปิดประตูรถเข้าไปประจำที่นั่งคนขับทำหน้าที่เป็นคนข
“ผมไม่กวนคุณแล้ว แค่อยากให้พวกเราไปนอนพักกันสักหน่อยจะได้มีแรงดูแลเด็กๆ แต่ถ้าคุณต้องการผมก็ไม่ขัด”ซ่งเจียซินตวัดสายตามองคนตัวโตอีกครั้ง สองแก้มร้อนผ่าวคิดถึงเรื่องที่ร้านเสวี่ยก่อนหน้านี้ด้วยความรู้สึกอับอาย“โต๊ะทำงานของคุณแข็งมาก คุณปวดหลังไหม”เสียงทุ้มอ่อนโยนถามด้วยความห่วงใยหลังจากวางคนลงบนเตียงกว้าง ซ่งเจียซินเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนหน้านี้เขาลงมือแบบไม่มีออมแรง ตอนนี้มาถามไถ่ไม่รู้สึกว่าช้าไปหรืออย่างไร“ถ้าคุณไม่ปวดอย่างนั้นเรามา...”“คุณหลี่ หยุดนะ!เมื่อครู่คุณบอกว่าจะพักไม่ใช่หรือไง”หลี่โจวอี้มองท่าทางดึงผ้าห่มมาบังตัวของเสวี่ยชิงหยวนแล้วยิ้มกว้าง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เขารู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นสีหน้าท่าทางเช่นนี้ของเสวี่ยชิงหยวน“โอ๊ย!คุณทำอะไรน่ะ ฉันเจ็บนะ”ร้องพลางยกมือขึ้นจับหน้าผากที่ถูกนิ้วยาวของเขาดีดใส่เมื่อครู่ ทว่ายังไม่ทันตำหนิอีกฝ่ายต่อ ริมฝีปากร้อนของเขาก็กดลงบนรอยแดงเล็กที่หน้าผากเนียน“แบบนี้หายหรือยัง”“คุณหลี่!”ซ่งเจียซินเบิกตากว้างรีบขยับตัวถอยห่างจากชายหนุ่ม แต่กลับถูกวงแขนแกร่งของเขาตวัดเอวเล็กมาแนบชิดแล้วดึงนอนตะแคงบนเตียงด้วยกัน“หยวนหย
"คุณหลี่... คุณจะทำอะไร นี่มันห้องทำงานของฉันนะคะ""ผมก็แค่จะพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชายของผมให้คุณดูก็เท่านั้น""ไม่... อื้ม..."เสียงของซ่งเจียซินเงียบลงในทันที เมื่อริมฝีปากบางถูกนายพลหนุ่มจู่โจมยึดครองด้วยจุมพิตที่เร่าร้อนรุนแรง"คุณหลี่อย่าค่ะ... ที่นี่ไม่ได้... อ่ะ..."ทันทีที่ริมฝีปากบางได้รับอิสระซ่งเจียซินก็รีบเอ่ยปากร้องห้ามเขาอีกครั้ง พร้อมกับใช้สองมือออกแรงดันอกแกร่งเพื่อให้เขาถอยห่าง แต่กลับถูกเขาจับยึดเอาไว้ด้วยมือเดียว แล้วกดตัวเธอลงบนโต๊ะทำงาน"คุณหลี่ ปล่อยฉันนะ...""หยวนหยวนคุณไม่ต้องการผมจริงๆ เหรอ"หลี่โจวอี้กระซิบถามเสียงแหบพร่าพร้อมกับกดริมฝีปากไล้ไปตามลำคอระหง มืออีกข้างก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อด้านหน้าของเธอออก เผยเนินเนื้ออกอิ่มขาวเนียนตัดกับชุดชั้นในราคาแพงสีดำ ที่กำลังถูกเขาถอดออกไปให้พ้นทาง"อ่ะ... โจวอี้"ซ่งเจียซินร้องครวญเสียงกระเซ่า เมื่อยอดอกถูกริมฝีปากร้อนยึดครองดูดดึง จนเป็นรอยแดงก่ำ ความเร่าร้อน ปรารถนาในกายถูกปลุกเร้าให้ตื่นตัว จนเธอเผลอแอ่นอกอวบอิ่มเข้าหา ตอบรับสัมผัสเขาอย่างไม่รู้ตัว"อื้ม... หยวนหยวน"หลี่โจวอี้สัมผัสได้ถึงความพร้อมของเธอก็ขยับรุกเข้าห