LOGINเช้าวันต่อมาช่างตีเหล็กก็มากันแต่เช้า เพราะซิ่วอิงบอกว่า จะสอนวิธีย่างเป็ด เมื่อคืนนางได้เอานำ้มาราดตัวเป็ด ให้เป็นสีแดง แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง นางสอนวิธีป้าหวังให้ทำตาม เมื่อคืนเสร็จไปห้าสิบตัว วันนี้ต้องทำเพิ่มอีก นางจึงให้พวกเขามาแต่เช้า
งานถอนขนเป็ดนางให้ลุงฮุ่ยและเด็ก ๆ ผู้ชายช่วยกันทำ และวันนี้เตาอบก็น่าจะเสร็จอีกสองเตา ทุกอย่างค่อย ๆ ลงตัวทีละนิด “เช้านี้มีข้าวต้ม โจ๊ก และต้มจับฉ่ายข้าทำไว้เมื่อคืน ใครอยากกินอันไหน ก็บอกป้าหวังเลยนะเจ้าค่ะ” นางปล่อยให้ทุกคนได้กินอะไรรองท้อง นางเองก็ตักโจ๊กมานั่งกิน กับสหายของพวกนาง ก่อนจะเริ่มสนทนากัน “วันนี้ห้ามแสดงพิรุจอะไรเด็ดขาด พวกเราต้องทำให้พวกเขาเอ็นดู แต่ข้ามั่นใจว่าเป็นพวกเขาแน่” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้น “เข้าใจแล้ว” ทุกคนเอ่ยพร้อมกัน “เมื่อคืนข้าฝันแปลก ๆ” ตงฮวนเอ่ยขึ้น “ข้าฝันเห็นเมืองเหยียนฟาง ปกคลุมไปด้วยหิมะ ในความฝันผู้คนอดอยากมาก ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้น ๆ แค่หนึ่งเดือด แต่ก็ทำให้ทุกคนลำบากและเดือดร้อนมาก พ่อค้าเพิ่มราคาสินค้า คนจนไม่สามารถมีเงินมาซื้อได้” “จริงเหรอตงฮวน หากนับจากวันนี้ อีกกี่เดือนเหรอ?” ลี่อินถามขึ้น “คงอีกสองเดือน” ตงฮวนเอ่ยตอบ “แล้วที่อื่นจะมีหิมะเหมือนกันหรือไม่ เพราะเจ้าก็ต้องเดินทางไปเมืองหลวง?” “ในความฝันข้าไม่เห็นนะ” ซิ่วอิงครุ่นคิดว่าจะเตรียมรับมือ สิ่งที่ตงฮวนบอกอย่างไรดี ทั้งหนาวและหิมะ ผู้คนต้องตายเพราะทนหนาวไม่ไหว ยุคปัจจุบันยังมีเสื้อกันหนาว แต่ยุคนี้ยังไม่มี เสื้อกันหนาว! ใช่แล้ว ขนเป็ดต้องเก็บขนเป็ดเอาไว้ นำมายัดแล้วเย็บเป็นผ้าห่มได้ “เราต้องเก็บขนเป็ดเอาไว้ทำผ้าห่ม” “เอาไว้ทำผ้าห่มเหรอ?” “ใช่ ต้องซื้อข้าว แป้ง เอาไว้ล่วงหน้า และอาหารแห้ง ทุกอย่างเราสามารถเตรียมเอาไว้ได้” ทุกคนฟังที่ซิ่วอิงพูด ก็พยายามคิดตาม และก็เห็นด้วยกับสิ่งที่นางพูด หากเรามีอาหารสำรองไว้ ก็คงไม่ลำบากมากนัก ก่อนนางจะหันไปถามเหอชุน ช่างตีเหล็ก “ท่านลุงเหอพอจะรู้จักใคร ที่ทำงานตัดต้นไม้บ้างหรือไม่เจ้าคะ?” เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะฉีกยิ้ม “ก็ข้านี่ไงขอรับ” “ไม่ได้ท่านมีงานของท่านอยู่แล้ว หากให้พวกท่านไปตัดต้นไม้ แล้วใครจะย่างเป็ดให้ข้าละเจ้าคะ” เขายกมือขึ้นมาเกาหัวแก้เขิน เขาอยากมีมือสักสิบมือ อยากทำงานหาเงิน มีงานแต่ไม่สามารถปลีกตัวไปทำได้ เสียดายจริง ๆ “ก็พอมีอยู่ขอรับ เดี๋ยวข้าจะไปถามให้ขอรับ” “ท่านเห็นต้นไม้บนที่ดิน ที่ติดกับข้าหรือไม่? ข้าอยากให้ตัดหลายต้นเลยเจ้าค่ะ ข้าจะให้ตัดเฉพาะต้นใหญ่ ๆ” เหอชุนได้ยินก็ยิ่งเสียดาย เขาอยากทำมาก เพราะอยากได้เงิน แต่ก็นั่นแหละเฮ้อ! “งานย่างเป็ดสบายกว่าตัดไม้ ท่านลุงจะเสียดายไปทำไมเจ้าคะ?” “ข้าก็แค่เสียดายเงินนะขอรับ ดันมามีลูกเยอะเลยต้องหาเงินให้ได้มาก ๆ ขอรับ” “แล้วบ้านท่านมีใครรู้หนังสือบ้าง?” “เอ่อ…ไม่มีขอรับ ตะ..แต่ว่าเมียของข้า เมียของเหอไฉ เมียของเหอกวง เย็บเสื้อผ้าปักผ้าได้ขอรับ” “แล้วพวกนางเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นแล้วหรือไม่?” “ดีขึ้นทันตาเลยขอรับ ขอบคุณนายหญิงน้อยอีกครั้งขอรับ” “หากเย็บผ้าได้ก็มาทำงานให้ข้า เด็ก ๆ อยากมีรายได้ก็ให้มาถอนขนเป็ด ท่านลุงคิดว่าเช่นไรเจ้าคะ?” เหอชุน เหอไฉ เหอกวง รีบคุกเข่าอย่างซาบซึ้ง นางช่างเป็นคนดีมีน้ำใจงาม “เจียวจูข้ารู้ว่าเจ้าชอบเรื่องเย็บปัก ข้าให้เจ้าดูแลเสื้อผ้าของคนในจวน” “ได้” เจียวจูตอบอย่างหมายมั่น เพราะนางชอบเรื่องนี้อยู่แล้ว “เอาละท่านลุงลุกขึ้นเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะสอนวิธีย่างเป็ดให้กับพวกท่าน” พอมาถึงโรงครัว นางก็เห็นอู่ถงจุดเตาไว้รอแล้ว วันนี้ได้สองเตา เตาที่สามใกล้จะเสร็จแล้ว ซิ่วอิงเปิดถังที่ใส่เป็ดไว้ ที่นางนำไปจุ่มนำราดที่ปรุงอย่างกลมกล่อม สีแดงที่เคลือบอยู่บนตัวเป็ดดูน่ากิน “ก่อนจะย่าง ท่านยกเอาวางบนถาดแบบนี้เจ้าค่ะ แล้วตักน้ำราดบนตัวเป็ดอีกครั้ง แล้วปล่อยให้แห้ง ทำทิ้งไว้เลยเจ้าค่ะ ให้สีติดกับตัวเป็ด เวลาย่างจะได้น่ากิน” “จากนั้นท่านก็วางตะแกรง แต่ต้องมีถาดรองนำ้แบบนี้เจ้าค่ะ พอย่างไปสักพัก ก็ยกออกมาแล้วราดน้ำบนตัวเป็ด ครบครึ่งชั่วยาม ท่านก็กลับด้าน แล้วราดน้ำสีแดง แล้วเอาเข้าไปย่างเจ้าค่ะ ใส่เตาละ4ตัว 1ชั่วยามก็น่าจะสุกดี” ซิ่วอิงสอนเขาเสร็จก็นำหมูแดงมาย่างด้วย เพราะวันนี้นาง จะต้องเอาไปให้นายอำเภอและท่านเจ้าเมืองได้ชิม นางใช้เตาที่สอง และให้คนสกุลเหอเรียนรู้ การย่างเป็ดในเตาแรก พวกเขาฟังครั้งเดียว ก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม นางนึกชมอยู่ในใจ ความสามารถดูแต่ภายนอกตัดสินไม่ได้เลย ซิ่วอิงจึงเดินไปเอ่ยให้กำลังใจ “พวกท่านทำได้ดีทีเดียว ฟังครั้งเดียวก็จำได้” “ขอบคุณขอรับ” “ถ้าเช่นนั้นข้าฝากด้วยนะเจ้าค่ะ วันนี้ข้าต้องออกไปทำธุระ มีอะไรก็ถามลุงฮุ่ยป้าหวังได้ ถ้าหิวก็บอกป้าหวังอีกเช่นกันเจ้าค่ะ” “ขอรับ” โรงเตี๊ยมฟู่จิน ซิ่วอิงและสหายอีกสี่คนมาก่อนเวลานัด เพราะต้องเตรียมอาหารให้พร้อม นางคิดว่าโรงเตี๊ยมควรมีเตาอบ เพราะเป็ดหากไม่ร้อนก็จะไม่อร่อย นางจึงขอให้ลุงลู่ไฉ่ ก่อเตาถ่านให้ ของทุกอย่างเตรียมมาพร้อม จึงไม่ยุ่งยากมากนัก วันนี้เด็กทั้งห้าคน แต่งตัวด้วยผ้าตัดสำเร็จเรียบ ๆ ซิ่วอิงถักเปียให้ลี่อิงและเจียวจู ส่วนตงฮวนและหานเกอ ผมรวบตึงมัดเป็นหางม้า ส่วนซิ่วอิงนางมัดผม แล้วทำเป็นมวยก้อนกลม ๆ พวกเขายามนี้ ไม่ต่างอะไรคุณหนู คุณชาย “ท่านลุงเฉิงข้าอยากเดินดูรอบ ๆ ได้หรือไม่เจ้าคะ เอ่อแล้วพนักงานสิบคน อยู่ที่ไหนหรือเจ้าคะ?” “ได้เดียวข้าจะพาไปดูรอบ ๆ และจะพาเจ้าไปรู้จักพวกเขา” “ขอบคุณเจ้าค่ะ” ลู่เฉิงพานางเดินออกมาจากห้องครัว แล้วมาที่ห้องอาหารชั้นล่าง ที่กว้างขวางมาก แต่ว่าโต๊ะนั่งติดกันจนน่าอึดอัด “ท่านลุง ลูกค้ามากินอาหารเยอะทุกวัน เลยหรือเจ้าค่ะ?” “ก็เยอะขอรับ แต่ว่าครั้งนี้เยอะสุดขอรับ” “มาแล้วเด็กน้อยนำโชคของข้า” เป็นเฉินเจ๋อหยวนที่เอ่ยอย่างอารมณ์ดี ตามมาด้วยเฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง “คารวะท่านปู่” เด็กทั้งห้าทำความเคารพ “อืมไป ๆ เดินดูให้ทั่ว มีอะไรอย่างให้เปลี่ยนเจ้าบอกข้ามาได้เลย หากเปลี่ยนทันข้าจะรีบทำ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ ท่านปู่หยวนเป็นคน ลักษณะที่เรียกว่าน้ำที่ไม่เต็มยอมเต็มแก้ว พร้อมจะยอมรับและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่เสียแรงที่นางอยากผูกมิตรด้วย “เอาพวกเจ้า นี่นายหญิงน้อยซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู ตงฮวนและหาน พวกเจ้าต้องให้ความเคารพ ดั่งเช่นเคารพข้า คำพูดของพวกเขา เป็นดั่งคำพูดของข้า” ลู่เฉิงรีบไปเรียกพนักงานมาให้รู้จัก ซิ่วอิงมองชุดพนักงาน แล้วคิดว่าไม่เหมาะกับโรงเตี๊ยมหรูหราเช่นนี้ ควรเปลี่ยนให้ดูดีและคล่องแคล่วในการทำงาน แต่เอาไว้ก่อนเรื่องนางค่อยบอกท่านลุง “โต๊ะนั่งแน่นเกินไปเจ้าค่ะ พนักงานยกอาหาร และเก็บโต๊ะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ ควรแบ่งช่องให้คนได้เดินสะดวกเจ้าคะ ครั้งนี้ข้าจัดให้มีคนจองในแต่ละยาม ยามเฉิน (7.00-9.00เช้า) ยามซื่อ (9.00-11.00) ยามอู่ (11.00-13.00) ยามเว่ย (13.00-15.00) ยามเซิ่น (15.00-17.00) ยามโหย่ว (17-19.00) ในแต่ละยามข้าลงไว้เพียง40โต๊ะ เพราะท่านลุงเฉิงลืมถามว่ามากันกี่คน ข้าจึงเผื่อโต๊ะและเก้าอี้เอาไว้เจ้าค่ะ ส่วนโต๊ะที่สำรองเราจัดไว้มุมหนึ่ง ไม่พอแล้วค่อยเอามาเสริมเจ้าค่ะ” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย มองดูโต๊ะแล้ว โต๊ะและเก้าอี้แน่นเกินไปจริง ๆ พอนางเดินมาถึงโต๊ะ คนคิดเงินและคนต้อนรับ ซิ่วอิงจึงเดินไปหยิบสมุดมาเปิดดู ก็ถึงกับถอนใจ ดูก็รู้ว่าคิดผิดหรือว่าจงใจคิดผิด เพราะคิดว่าไม่มีคนรู้ “ท่านเป็นคนคิดเงินหรือเจ้าคะ?” “ขอรับ” ลู่เฉิงเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาสอบถาม เพราะชายผู้นี้เป็นหลานชายของเขาเอง “มีอะไรหรือขอรับ?” “ดูก็รู้ว่าคิดผิด ยอดรวมทุกหน้าเลยเจ้าค่ะ” เฉินเจ๋อหยวนหันไปมองลู่เฉิงด้วยสายตาตำหนิ ลู่เฉิงรีบคว้าสมุดมาเปิดดู แล้วหยิบลูกคิดมาดีด ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เป็นไปไม่ได้ หลายชายเขาคิดผิดหมดเลยหรือ ลู่เฉิงหน้าถอดสีลงจนไร้สีเลือด เมื่อตรวจไปสามสี่หน้า “นายท่าน!” “หาคนมาทำหน้าที่นี้แทนเขา” ชายชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่า จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น หลานชายของลู่เฉิง เขาคิดผิดหรือตั้งใจเพื่อยักยอกเงินกันนะ เรื่องนี้เขาต้องสอบถามให้ชัดเจน ส่วนหลานชายของลู่เฉิง ยามนี้ก็เอาแต่ก้มหน้า เพราะรับรู้ถึงความผิดของตน เด็กคนนี้มองแป้บเดี๋ยวก็รู้เลยหรือ เขาทำเรื่องนี้มานานยังไม่เคยมีใครสงสัย นางจะเก่งเกินไปแล้ว “ใกล้เวลานายอำเถอและท่านเจ้าเมืองมาแล้ว เจ้าไปเตรียมตัวเถิด” ชายชราเอ่ยบอกซิ่วอิง “เจ้าค่ะ”กลิ่นเนื้อย่างส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปรอบบริเวณ ซิ่วอิงให้พวกเขาไปนับจำนวนคน รวมทั้งช่างก่อสร้างและช่างตัดต้นไม้ รวมแล้วเกือบสองร้อยชีวิต ทางโรงเตี๊ยมลู่เฉิงและลู่ไฉ่ดูแล นางจึงไม่ได้กังวลมากนัก “ซิ่วอิงเจ้าดูข้าลองเปลี่ยนใบหน้า ท่านพ่อท่านแม่ เป็นเช่นไรฝีมือข้า” ลี่อินพาอดีตฮ่องเต้ อดีตฮองเฮาและพระสนม อีกทั้งข้ารับใช้คนสนิท ออกมาจากมิติ นางทำการเปลี่ยนใบหน้า ให้พวกเขาทั้งหมด ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “คนอื่น ๆ ก็เดี๋ยวค่อยให้พี่จือหยวนและพี่จือไฉ ยกอาหารเอาไปให้ก็แล้ว ออกมากันหมดผู้คนอาจจะสงสัยเอาได้” “เข้าใจแล้ว” ลี่อินตอบรับ ก่อนจะพาพวกเขาไปนั่ง แล้วหาไปยกน้ำชามาให้ “หลานสะใภ้คนงาม เจ้ากำลังทำอะไรหรือ?” ซิ่วอิงหันไปมองตามเสียงก็เห็นท่านปู่เดินยิ้มร่าเข้ามา อย่างอารมณ์ดี “อันนี้เรียกว่าขนมเค้กเจ้าค่ะ” “สีสันงดงามน่ากินจริง ๆ” ชายชรามองเค้กอย่างพอใจ “วันนี้ข้าทำหลายก้อนเลยเจ้าค่ะ ทุกคนจะได้กินกันอย่างทั่วถึงเจ้าค่ะ” “ดี ๆ ข้าไม่ได้กินอาหาร ฝีมือเจ้าทำมาหลายวัน ข้ารู้สึกว่าข้าผอมลงไปเยอะเลย” ทุกคนได้ยินเขาพูดก็หัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูวันนี้อาหารที่นางทำ ถึงแม้จะมีคนเยอะ แต่คนช่ว
ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู กลับมาที่จวนอีกครั้ง แล้วตรงไปยังโรงครัวเพื่อทำอาหาร อยู่ในมิติแปลกมากเลย ร่างกายเหมือนอิ่มทิพย์ ไม่รู้สึกหิวอะไรเลย อาจเพราะเป็นมิติเทพ ร่างกายจึงไม่ต้องการอาหาร แต่พอกลับออกมาเช่นนี้ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที“ซิ่วอิงข้ารู้สึกหิวมากเลย”“ข้าก็เหมือนกัน”“งั้นวันนี้พวกเราจัดเต็มไปเลย ฉลองวันเกิดอายุครบ15ปี และฉลองที่พวกเราสำเร็จพลังปราณ ขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้นข้าจะทำเนื้อย่าง และจะทำเค้กด้วย” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง พอพูดถึงเนื้อย่างตงฮวนและหานเกอก็รีบเข้ามาร่วมวง “สตรีคนงามข้าขอหมูสามชั้นได้หรือไม่?” ตงฮวนรีบหยอดคำหวานทันที“สตรีผู้งามล้ำเหนือผู้ใดในใต้หล้า ข้าขอกุ้งตัวโต ๆ และเนื้อย่างแบบไม่สุกมาก”“เชอะ! พวกเจ้าเป็นบุรุษที่อยู่เป็นจริง ๆ” เจียวจูส่ายหน้าอย่างรู้เท่าทันพวกเขา“ข้าไม่ได้บอกสตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า ข้าบอกซิ่วอิงผู้เลอโลมต่างหากเล่า?” ตงฮวนตอบกลับไปอย่างยียวนกวนประสาท“นี่เจ้าเต่าโบราณล้านปี!”“หยุด! หยุดเถิดข้าขอร้อง ข้าเหนื่อยจะฟังแล้ว” ซิ่วอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าและเริ่มรำคาญ เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ก็ต่างพากันหัวเราะออ
พวกเขาเฝ้ามองแสงที่ครอบร่างของพวกเขาทุกวัน เวลาผ่านไปห้าวันแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ออกมา ยามนี้ทุกคนนั่งไม่ติด เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าเหตุใดพวกเขาถึงยังไม่ออกมา พวกเขาจะฝึกพลังนานเพียงใดกันนะ“ท่านปู่ข้าเป็นห่วงพวกเขามากเลยขอรับ” เฉินซีฮันเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อก่อนเขาก็อยู่ได้โดยที่ไม่มีนาง แต่มายามนี้ ชีวิตกระวนกระวาย เหมือนขาดอะไรไป “นั่นสิห้าวันแล้วที่พวกเขาเข้าไปฝึก หากใช้เวลาเป็นเดือนจะทำอย่างไร?” เฉินเจียวหมิงเอ่ยอย่างวิตกกังวลไม่ต่างกัน “ข้าว่าไม่นานก็คงออกมาแล้วละ พวกเจ้าดูแสงพวกนั้นสิ ค่อย ๆ จางลงแล้ว” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น พร้อมชี้ให้ทุกคนดู เมื่อทุกคนมองไปดู ก็เห็นว่าแสงเริ่มลดลงจริง ๆ พวกเขาต่างมายืนจ้องมองตาไม่กะพริบ ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขารู้สึกว่ายาวนานเหมือนห้าปี ก่อนที่การรอคอยจะสิ้นสุดลง เมื่อแสงที่เปล่งประกายได้จางหายไป ก่อนพวกเขาทั้งห้าคนจะลุกขึ้น และก้าวเดินมาที่พวกเขานี่มันอะไรกัน! ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขาเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู สวยสดงดงามดั่งเซียนน้อยมาจุติยังโลกมนุษย์ ตงฮวนหล่อเหล่าสง่างาม ดั่
เด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ







