LOGINหลังจากซิ่วอิงให้ท่านลุงลู่เฉิงไปแจ้ง นายอำเภอและท่านเจ้าเมืองว่า ให้มาก่อนหนึ่งวัน เพราะนางอยากจะดูท่าทีของเขาสองคนนี้ และจะพยายามตีสนิท เพื่อสืบหาความจริง แผนการเอาคืนคนชั่วยังคงมีอยู่ และนางจะไม่รีบร้อน ปล่อยให้พวกเขาได้ตายใจไปก่อน หากสืบได้ผลแน่ชัดว่าเป็นผู้ใด นางและสหายจะให้บทเรียน พวกเขาอย่างสาสมอย่างแน่นอน
ซิ่วอิงมองรายชื่อในกระดาษ ก่อนจะถอนใจออกมาอีกครั้ง ยังดีที่นางเห็นรายชื่อคนมาจองเสียก่อน มิเช่นนั้นโรงเตี๊ยมฟู่จินต้องวุ่นวายมากเป็นแน่ อย่างน้อยตอนนี้ยังมีเวลาจัดการอีกสองวัน ถือว่ายังแก้ไขได้ทันเวลา เฉินซีฮันยกมือลูบหัวนาง อย่างปลอบใจและให้กำลังใจ “เหตุใดเจ้าถึงจะเชิญพวกเขามากินเป็นกรณีพิเศษ?” ชายชราเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “ท่านปู่ หากเราสงสัยว่าเขาเป็นคนร้ายตัวจริง เราก็ต้องตีสนิทกับเขาเอาไว้ จะได้ง่ายต่อการสืบหาความจริงเจ้าค่ะ แต่หากว่าไม่ใช่เขาก็ไม่เสียหายอะไร เราจะได้ลูกค้าชั้นดีและเงินหนาเจ้าค่ะ” “อืมเจ้าฉลาดจริง ๆ” “วันเปิดขายจริง เดี๋ยวข้าจะให้คนไปช่วยชั่วคราวเจ้าค่ะ หลังจบรอบนี้เราต้องมาวางแผนกันใหม่ ให้พนักงานแจ้งลูกค้าที่มาในวันนั้น บอกว่าเราจะเปิดจองอีกทีวันไหน ต่อไปก็คงลงตัวแล้วเจ้าค่ะ” “ขอบใจเจ้ามาก” “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” “นายหญิงน้อย มีเป็ดมาส่งหนึ่งร้อยตัวขอรับ” อู่ถงรีบเข้ามารายงาน “พี่อู่ถงจัดการหาที่ขัง อย่าฆ่าทีเดียวทั้งหมดนะเจ้าคะ ทำทีละ10ตัว ให้เด็ก ๆ มาช่วยกันถอนขนเป็ดด้วยเจ้าค่ะ” “ขอรับ” “นายหญิงน้อย มีเนื้อหมูมาส่งขอรับ” อู่จิ้งรีบเข้ามารายงาน “ยกไปในครัวเลย เดี๋ยวข้าจะไปจัดการเจ้าค่ะ” “นายหญิงน้อยมีคนมาขอพบขอรับ บอกว่าเป็นช่างตีเหล็ก” อู่หย่งรีบมารายงาน “บอกเขาไปว่าเดี๋ยวข้าไป” ทุกคนหันมามองนางกันเป็นจุดเดียวกัน นางอายุแค่นี้แถมตัวเล็กบอบบาง แต่กลับเก่งกาจมีความสามารถ กลายเป็นนายหญิงน้อย ให้ทุกคนได้พึ่งพาอาศัย ช่างน่านับถือในความมีน้ำใจของนาง ซิ่วอิงเดินออกมาตรงลานหน้าจวน ก็เห็นรถลาก ที่มีเหล็กที่นางบอกช่างให้ทำขึ้นมา ทำเสร็จเร็วขนาดนี้เชียว “นายหญิงน้อย งานที่ให้ทำเสร็จแล้วขอรับ ค่าตีเหล็กพวกข้าไม่เอาขอรับ ถือเสียว่าเป็นการตอบแทน ที่นายหญิงน้อยช่วยรักษาคนป่วยขอรับ” “ไม่ได้เจ้าค่ะ ข้าต้องจ่ายเงินให้ท่าน เพราะท่านจำเป็นต้องใช้เงิน ที่ข้าช่วยถือว่าเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากว่าท่านอยากจะตอบแทนข้า ข้ามีเรื่องให้ช่วยเจ้าค่ะ ข้าจะจ้างท่านทำงาน เพราะดูแล้วพวกท่านแข็งแรงมาก และอยู่กับความร้อนจนเคยชิน ข้าจึงอยากจะจ้างท่านทั้งสามคน มาคอยย่างเป็ดให้ข้า” “ย่างเป็ดหรือขอรับ?” “ใช่แล้วย่างเป็ด ว่าอย่างไรสนใจหรือไม่เจ้าคะ?” พวกเขาหันไปมองหน้ากัน งานคือเงินเหตุใดจะไม่ได้ละ ก่อนจะเอ่ยตอบออกมาพร้อมกัน “ตกลงขอรับ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ถ้าเช่นนั้นเริ่มงานเลย” “เริ่มงานเลยเหรอขอรับ?” “ใช่ข้ามีเป็ดหนึ่งร้อยตัว ตอนนี้ต้องถอนขนทั้งหมด และจะมีมาส่งอีกในวันพรุ่งนี้เจ้าค่ะ” “ได้ขอรับ” “พี่อู่หย่งพาพวกเขาไปเจ้าค่ะ” “เจ้ามีอะไรให้พวกข้าช่วยหรือไม่?” เฉินซีฮันเอ่ยถาม ซิ่วอิงครุ่นคิดก่อนตอบเขาออกไป “ข้าอยากให้พวกท่าน เขียนราคาอาหาร แต่ว่าท่านปู่ ต้องคุยกับลุงลู่เฉิงหรือไม่เจ้าค่ะ” ชายชราครุ่นคิดก่อนจะตอบออกมา “เขียนไปเลยอย่างอื่นที่โรงเตี๊ยมทำขึ้น ให้เขียนอีกใบ” “เดี๋ยวข้าจะไปที่โรงครัวเจ้าค่ะ จะทำอาหารไว้สักอย่าง กลัวคนกินพิซซ่าแล้วยังไม่อิ่ม” “งั้นข้าจะเอากระดาษไปนั่งเขียนที่ห้องครัว” “ใช่ ๆ เอาไปเขียนที่นั่น จะได้ถามเจ้าได้ว่าราคาจะให้เขียนเท่าใด” “ข้าจะก็ไปดูเขาถอนขนเป็ด ดูสิว่าเป็นอย่างไร” ชายชราเฉินเจ๋อหยวนเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี สรุปทุกคนพากันย้ายจากลานหน้าจวน ไปที่โรงครัวกันหมด บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเมื่อนางเดินมาถึง เด็กผู้ชายสนุกสนานกันมาก ที่ได้ถอนขนเป็ด ซิ่วอิงจึงเดินเข้าไปในครัวที่ยามนี้ดูคับแคบไปถนัดตา คงต้องให้ช่างต่อเติมออกไปอีกสำหรับไว้เก็บของ ซิ่วอิงให้อู่จิ้งยกโต๊ะและเก้าอี้มาให้เขาสามคน ส่วนนาง ลี่อิน เจียวจู ป้าหวัง และเด็กผู้หญิงมาอยู่ช่วยงานในครัว “เดี๋ยวข้าจะสอนการทำเส้นบะหมี่ แต่ว่าข้าจะต้มฉับฉ่ายไว้ก่อนสักหนึ่งหม้อ ช่วงนี้ข้ายุ่งต้องทำอะไรที่กินได้หลาย ๆ วัน” พูดจบนางก็เดินไปหยิบกะละมัง และหยิบสารพัดผักลงไป แล้วนำมายื่นให้เด็กสาว ที่มายืนรอช่วยงาน “พวกเจ้านำไปล้าง แล้วเอามาหั่น” “เจ้าค่ะ” “เจ้าเอาหมูสามชั้นไปล้าง แล้วเอามาหั่น” ซิ่วอิงเตรียมหม้อใหญ่ขึ้นมาตั้ง เติมน้ำมันนิดหน่อย แล้วทุบกระเทียมลงไปผัด จากนั้นนำหมูสามชั้นไปผัดรวมกัน สักพักก็ใส่ผักลงไปผัด จากนั้นเติมน้ำต้มสุก และนำผักอยากอื่นเช่นหัวไชเท้า ขึ้นฉ่าย เห็ดหอม และผักบางอย่างที่เริ่มเหี่ยว นางก็นำไปล้างและใส่ลงไป จนยามนี้เกือบเต็มหม้อ นางปล่อยทิ้งไวอย่างนั้น ก่อนจะหันมาสอนทุกคนนวดแป้ง “ทุกคนไปล้างมือ และเตรียมกะละมังคนละใบ” นางเอ่ยบอกทุกคน “ตักแป้ง4ถ้วยแบบนี้ แล้วตอกไข่ใส่ไป2ใบ ใส่เกลือครึ่งช้อนชา ใส่แป้งมัน1ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำอุ่น แล้วนวดผสมให้เข้ากัน จนเหนียวนุ่มดี จากนั้นนำมาวางบนโต๊ะ โรยแป้งลงไปจะได้ติด นำไม้คลึงแป้งมารีดให้แบน โรยแป้งตลอดเวลา จะได้ไม่ติดกัน แล้วม้วนแบบนี้ จากนั้นหั่นแบบนี้ แล้วนำไปจัดใส่ถาด ให้เป็นก้อน ๆ แบบนี้” ซิ่วอิงปล่อยให้ทุกคนทำเส้นบะหมี่ ส่วนนางจุดเตาต้มนำ้ เพื่อจะชงชาให้กับทุกคน ในระหว่างรอต้มน้ำ นางก็หันไปปรุงต้มจับฉ่าย ก่อนจะปิดฝาเอาไว้เหมือนเดิม แล้วหยิบกาน้ำชาใส่ใบชา แล้วเติมน้ำร้อนลงไป แล้วยกไปให้ทุกคน พอนางกลับมา ก็เตรียมต้มน้ำ ทำน้ำไว้ราดตัวเป็ด ใส่นำ้ตาลทราย น้ำผึ้ง ผงสีแดง สีอิ้วขาว เกลือ ผงปรุงรส พอน้ำเดือดนางก็ปล่อยให้เย็น แล้วโขลกรากผักชีกระเทียมพริกไทยใส่ลงไป อีกทั้งผงพะโล้ แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นนางก็หันไปหมักหมูแดง นางทำทุกอย่างคล่องแคล่ว เสร็จอันนี้ไปทำอันนั้น และดูจะมีความสุขเป็นอย่างมาก พวกเขามองนางอย่างเพลิดเพลิน อีกไม่กี่วันพวกเขาต้องจากไปแล้ว นึกเป็นห่วงว่าพวกนาง จะพากันทำงานหนักจนเกินไป พวกเขาอยากจะอยู่ช่วย แต่ก็ไม่สามารถทำได้ จากนั้นนางก็เดินมาดู กลุ่มที่นวดแป้งบะหมี่ ที่ทำออกมาใช้ได้ดีเลยทีเดียว วันแรกอาจจะเยอะหน่อย วันต่อๆ ไป อาจต้องลดปริมาณลง ช่วงหนึ่งถึงสองอาทิตย์ ต้องคอยจับตา ว่าสิ่งไหนขายดี และสิ่งไหนขายไม่ค่อยดี เราจะทำไปกองไว้ แล้วขายไม่ได้ จะเสียประโยชน์โดยใช่เหตุ “มีใครหิวกันบ้าง?” จู่ ๆ นางก็อยากกินแพนเค้กขึ้นมา เพราะวิธีทำนั้นแสนจะง่าย นางจึงเอ่ยถามทุกคน “พวกข้าก็หิวนิดหน่อย” สามบุรุษเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็หิวนิดหน่อยเช่นกันเจ้าค่ะ” “งั้นเดี๋ยวข้ามา เจียวจูเจ้าไปกับข้า” ซิ่วอิงพาจูเจียวไปที่ห้อง แล้วนำอุปกรณ์การทำแพนเค้กออกมา แล้วช่วยกันถือมาที่โรงครัว ไม่นานกลิ่นหอมของแพนเค้ก ก็ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ “เจ้าทำอะไร กลิ่นหอมออกไปถึงโน้น” เป็นเฉินเจ๋อหยวนอีกตามเคย ที่ได้กลิ่นก็รีบเข้ามาดู “อันนี้เรียกว่าแพนเค้กเจ้าค่ะ” ตอบเสร็จนางก็ตักใส่จานให้เขา พร้อมกับราดน้ำผึ้งข้างบน เขายกยิ้มอย่างพอใจ นางทำอะไรก็อร่อยไปหมด ซิ่วอิงทำไปเรื่อย ๆ แล้วยกไปให้กลุ่มที่ถอนขนเป็ดได้กินด้วย ถามว่าเหตุใดนางไม่ขอ ทุกสิ่งทุกอย่างในกล่องโบราณ ก็เพราะว่ากล่องโบราณ ให้ของที่ไม่สามารถหาได้แล้วจริง ๆ ในยุคนี้ ยิ่งเป็นเงินยิ่งไปได้เลย และของที่ให้นางมา นางต้องเอามาทำอีกที เหมือนสวรรค์อยากให้นางเรียนรู้การใช้ชีวิต ในยุคโบราณนี้ด้วยเช่นกัน แต่ว่าเท่านี้นางก็พอใจมากแล้วกลิ่นเนื้อย่างส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปรอบบริเวณ ซิ่วอิงให้พวกเขาไปนับจำนวนคน รวมทั้งช่างก่อสร้างและช่างตัดต้นไม้ รวมแล้วเกือบสองร้อยชีวิต ทางโรงเตี๊ยมลู่เฉิงและลู่ไฉ่ดูแล นางจึงไม่ได้กังวลมากนัก “ซิ่วอิงเจ้าดูข้าลองเปลี่ยนใบหน้า ท่านพ่อท่านแม่ เป็นเช่นไรฝีมือข้า” ลี่อินพาอดีตฮ่องเต้ อดีตฮองเฮาและพระสนม อีกทั้งข้ารับใช้คนสนิท ออกมาจากมิติ นางทำการเปลี่ยนใบหน้า ให้พวกเขาทั้งหมด ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “คนอื่น ๆ ก็เดี๋ยวค่อยให้พี่จือหยวนและพี่จือไฉ ยกอาหารเอาไปให้ก็แล้ว ออกมากันหมดผู้คนอาจจะสงสัยเอาได้” “เข้าใจแล้ว” ลี่อินตอบรับ ก่อนจะพาพวกเขาไปนั่ง แล้วหาไปยกน้ำชามาให้ “หลานสะใภ้คนงาม เจ้ากำลังทำอะไรหรือ?” ซิ่วอิงหันไปมองตามเสียงก็เห็นท่านปู่เดินยิ้มร่าเข้ามา อย่างอารมณ์ดี “อันนี้เรียกว่าขนมเค้กเจ้าค่ะ” “สีสันงดงามน่ากินจริง ๆ” ชายชรามองเค้กอย่างพอใจ “วันนี้ข้าทำหลายก้อนเลยเจ้าค่ะ ทุกคนจะได้กินกันอย่างทั่วถึงเจ้าค่ะ” “ดี ๆ ข้าไม่ได้กินอาหาร ฝีมือเจ้าทำมาหลายวัน ข้ารู้สึกว่าข้าผอมลงไปเยอะเลย” ทุกคนได้ยินเขาพูดก็หัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูวันนี้อาหารที่นางทำ ถึงแม้จะมีคนเยอะ แต่คนช่ว
ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู กลับมาที่จวนอีกครั้ง แล้วตรงไปยังโรงครัวเพื่อทำอาหาร อยู่ในมิติแปลกมากเลย ร่างกายเหมือนอิ่มทิพย์ ไม่รู้สึกหิวอะไรเลย อาจเพราะเป็นมิติเทพ ร่างกายจึงไม่ต้องการอาหาร แต่พอกลับออกมาเช่นนี้ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที“ซิ่วอิงข้ารู้สึกหิวมากเลย”“ข้าก็เหมือนกัน”“งั้นวันนี้พวกเราจัดเต็มไปเลย ฉลองวันเกิดอายุครบ15ปี และฉลองที่พวกเราสำเร็จพลังปราณ ขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้นข้าจะทำเนื้อย่าง และจะทำเค้กด้วย” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง พอพูดถึงเนื้อย่างตงฮวนและหานเกอก็รีบเข้ามาร่วมวง “สตรีคนงามข้าขอหมูสามชั้นได้หรือไม่?” ตงฮวนรีบหยอดคำหวานทันที“สตรีผู้งามล้ำเหนือผู้ใดในใต้หล้า ข้าขอกุ้งตัวโต ๆ และเนื้อย่างแบบไม่สุกมาก”“เชอะ! พวกเจ้าเป็นบุรุษที่อยู่เป็นจริง ๆ” เจียวจูส่ายหน้าอย่างรู้เท่าทันพวกเขา“ข้าไม่ได้บอกสตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า ข้าบอกซิ่วอิงผู้เลอโลมต่างหากเล่า?” ตงฮวนตอบกลับไปอย่างยียวนกวนประสาท“นี่เจ้าเต่าโบราณล้านปี!”“หยุด! หยุดเถิดข้าขอร้อง ข้าเหนื่อยจะฟังแล้ว” ซิ่วอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าและเริ่มรำคาญ เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ก็ต่างพากันหัวเราะออ
พวกเขาเฝ้ามองแสงที่ครอบร่างของพวกเขาทุกวัน เวลาผ่านไปห้าวันแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ออกมา ยามนี้ทุกคนนั่งไม่ติด เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าเหตุใดพวกเขาถึงยังไม่ออกมา พวกเขาจะฝึกพลังนานเพียงใดกันนะ“ท่านปู่ข้าเป็นห่วงพวกเขามากเลยขอรับ” เฉินซีฮันเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อก่อนเขาก็อยู่ได้โดยที่ไม่มีนาง แต่มายามนี้ ชีวิตกระวนกระวาย เหมือนขาดอะไรไป “นั่นสิห้าวันแล้วที่พวกเขาเข้าไปฝึก หากใช้เวลาเป็นเดือนจะทำอย่างไร?” เฉินเจียวหมิงเอ่ยอย่างวิตกกังวลไม่ต่างกัน “ข้าว่าไม่นานก็คงออกมาแล้วละ พวกเจ้าดูแสงพวกนั้นสิ ค่อย ๆ จางลงแล้ว” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น พร้อมชี้ให้ทุกคนดู เมื่อทุกคนมองไปดู ก็เห็นว่าแสงเริ่มลดลงจริง ๆ พวกเขาต่างมายืนจ้องมองตาไม่กะพริบ ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขารู้สึกว่ายาวนานเหมือนห้าปี ก่อนที่การรอคอยจะสิ้นสุดลง เมื่อแสงที่เปล่งประกายได้จางหายไป ก่อนพวกเขาทั้งห้าคนจะลุกขึ้น และก้าวเดินมาที่พวกเขานี่มันอะไรกัน! ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขาเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู สวยสดงดงามดั่งเซียนน้อยมาจุติยังโลกมนุษย์ ตงฮวนหล่อเหล่าสง่างาม ดั่
เด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ







