LOGIN“ท่านป้าท่านจะเดินทางไปไหนหรือเจ้าคะ?”
“ข้าจะไปในเมืองเหยียนฟาง คิดว่าจะไปหางานทำนะ ข้าเดินทางมาไกล เพราะครอบครัวของข้า ลำบากยากจนมาก ไม่มีเงินติดตัวเลย ได้แต่อาศัยเก็บผลไม้ข้างทางกินมาเรื่อย ๆ จนตอนนี้ข้าแทบไม่มีแรงเดินแล้ว” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ลี่อิน เจียวจู ตงฮวน หานเกอ เห็นซิ่วอิงนั่งคุยกับสตรีแปลกหน้า ก็พากันมานั่งล้อมวงด้วย พอได้ยินนางพูดเช่นนั้น ก็ต่างพากันรู้สึกสงสาร “แล้วท่านมีที่จะไปแล้วหรือไม่?” “ยังไม่มี ข้าคิดว่าหากไปถึงในเมือง จะไปสอบถามว่าใครต้องการคนงานบ้าง งานอะไรข้าก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น ขอแค่ให้มีคนจ้างก็พอ” ซิ่วอิงพอได้ยินก็ยกยิ้ม เริ่มมีความหวังขึ้นมา เมื่อเห็นว่านางยังไม่มีที่ไป “แล้วหากว่าข้าจะจ้างท่านทำงาน ท่านป้าจะทำหรือไม่ละเจ้าคะ?” “ห้ะ…เจ้านะรึ?” หวังฟางกวาดตามองซิ่วอิงอย่างไม่เชื่อถือนัก นางเป็นเพียงเด็กคงจะพูดจาไปเรื่อย แต่แล้วซิ่วอิงก็จับแขนนาง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านป้าข้าพูดจริง ๆ นี่ตั๋วเงินสิบตำลึง หากท่านป้ายินดีจะทำงานให้ข้า ข้าจะจ่ายให้ท่านอีก” หวังฟางมองตั๋วเงินอย่างชั่งใจใจ เด็กคนนี้เนื้อตัวมอมแมมไม่ต่างอะไรกับขอทาน แต่ว่านางไปเอาเงินมาจากไหนกัน แต่แล้วกลับเป็นฮุ่ยกวง ที่มาดึงเงินไปจากมือของซิ่วอิง แล้วตอบรับหน้าตาเฉย “ข้ายินดีทำ” กล่าวจบเขาก็นั่งลง พร้อมยื่นซาลาเปาในถุงกระดาษมาให้ซิ่วอิง แล้วก็น้ำที่อยู่ในกระบอกไม้ไผ่ ซิ่วอิงระบายยิ้มก่อนจะกล่าวขอบคุณ ซิ่วอิงหยิบซาลาเปามาแบ่งให้ทุกคน ก่อนจะหยิบมากัดกินดูบ้าง ก่อนจะชะงัก รสชาติไม่ไหวจริง ๆ นางทำได้อร่อยกว่านี้สิบเท่าเลย แต่ว่าเวลานี้ก็ต้องทนกินไปก่อน ฮุ่ยกวงยื่นตั๋วเงินที่ทางร้าน ทอนคืนมาให้กับซิ่วอิง แต่นางส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยออกไป “ท่านลุงเก็บไว้เถอะเจ้าค่ะ หากจะทำงานให้ข้า ต่อไปพวกเราก็ต้องมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วเจ้าค่ะ” “ครอบครัวเดียวกัน!” คราวนี้ทุกคนร้องขึ้นพร้อมกัน เพราะไม่เข้าใจความคิดของนาง ว่าคิดจะทำอะไร สหายทั้งสี่คนแม้ไม่เข้าใจว่า ซิ่วอิงคิดมีแผนอะไร แต่พวกเขาก็พร้อมทำตามอยู่แล้ว ในเมื่อยกให้นางเป็นหัวหน้า ว่าแบบไหนก็ว่าตามกัน “ใช่แล้ว ต่อไปพวกท่านทั้งสองก็มาเป็น ท่านลุงท่านป้าของพวกเรา ข้าขอแนะนำคนนี้ ลี่อิน เจียวจู ตงฮวน หานเกอ และข้าซิ่วอิงเจ้าค่ะ พวกเราอายุ9ขวบ เป็นเด็กกำพร้า” ฮุ่ยกวงแม้จะไม่ฉลาดมากนัก แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่า เด็กเหล่านี้คงมีเรื่องปิดบังเอาไว้เป็นแน่ แต่ก็ช่างเถอะตอนนี้ ปากท้องสำคัญกว่า ขอเพียงแค่ว่า งานที่นางให้ทำไม่ขัดต่อศีลธรรม เขาก็เต็มใจทำทั้งนั้น แต่ว่ารับเงินมาก่อนแล้ว และยังไม่ได้ถามว่างานคืออะไร มาตอนนี้ก็คงถอยกลับไม่ทันแล้ว ซิ่วอิงเห็นสีหน้าของเขา ก็พอจะเดาได้จึงเอ่ยขึ้น “เรื่องบางเรื่องมันก็ยากจะอธิบายเจ้าค่ะ ได้พบกันถือว่าเป็นวาสนา หากท่านช่วยพวกเรา พวกข้าสัญญาว่า จะช่วยเหลือท่านทั้งสองคนเช่นกันเจ้าค่ะ” ฮุ่ยกวงหันไปสบตากับหวังฟาง ก่อนจะตัดสินใจ “ข้าตัดสินใจแล้ว พวกเราจะมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับพวกเจ้า” “ขอบคุณเจ้าค่ะ/ขอบคุณขอรับ” เด็กทั้งห้าคนเอ่ยขอบคุณอย่างนอบน้อม ทำให้ฮุ่ยกวงและหวังฟางถึงกับตกตะลึง กับมารยาทอันดีงาม ของเด็กน้อยวัยเยาว์ ก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน พวกเขาทั้งสองไม่มีบุตร หากมีเด็กมาอยู่ด้วยคงจะดีไม่น้อย หลังจากนั้นทุกคนก็นั่งกินซาลาเปากันอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะรีบออกเดินทางอีกครั้งก่อนจะมืดค่ำเสียก่อน ฮุ่ยกวงและหวังฟางสนิทกับเด็ก ๆ ได้อย่างรวดเร็ว การเดินทางจึงเป็นไปด้วยความสนุกสนาน ฮุ่ยกวงและหวังฟางสังเกตว่า ซิ่วอิงถึงแม้จะอายุเพียง9ขวบ แต่ความคิดและคำพูดคำจาของนาง เป็นดั่งผู้ใหญ่คนหนึ่งเลยทีเดียว อีกทัังรัศมีที่เปล่งประกายรอบ ๆ ตัวนาง พวกเขายังสัมผัสได้ถึงความเป็นผู้นำ ทำให้เขารู้สึกเกรงขามนางขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อมาถึงประตูเมือง ทางการได้มีทหารยืนตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งฮุ่ยเจียงและหวังฝางก็แจ้งว่าจากไหน และเดินทางมาทำอะไร ทหารก็ให้ผ่านเข้าไปแต่โดยดี ซิ่วอิงบอกให้ฮุ่ยกวงและหวังฟาง พาไปหาร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป เพราะยามนี้เริ่มบ่ายคล้อยและใกล้ค่ำเต็มที ร้านค้าเริ่มทยอยปิดร้านกันบ้างแล้ว นางบอกทุกคนให้เลือกมาคนละสามชุด และนางจะเป็นคนจ่ายเอง จากนั้นจึงไปหาโรงเตี๊ยมเพื่อพักแรม ซิ่วอิงเลือกโรงเตี๊ยมที่ค่อนข้างเงียบ และห่างไกลจากผู้คน เพราะนางไม่อยากให้เป็นจุดสนใจมากนัก พอทุกคนได้อาบน้ำชำระร่างกาย และเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ที่สะอาด ความรู้สึกก็เริ่มผ่อนคลายและสบายใจมากขึ้น ความเคร้าหมองภายในใจ เริ่มมีไม่มากเหมือนก่อนหน้าแล้ว เพราะซิ่วอิงสอนให้พวกเขามองโลกในแง่ดี และไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นจนลืมการใช้ชีวิตของตน นางไม่ได้บอกว่าให้ลืมหรือไม่เอาคืนกับคนชั่วเหล่านั้น แต่เท่าที่นางคิดและไตร่ตรอง หากทางการมามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คนสั่งการคงมีอำนาจไม่ธรรมดา พวกนางต้องคิดและวางแผนให้ดี ดั่งคำที่ว่าแก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย ซิ่วอิงบอกพวกเขาให้ตั้งใจทำในแต่วันให้ดีที่สุด สนุกสนานในการใช้ชีวิต และมีความสุขในทุก ๆ วัน เพราะนางผ่านการตายมาแล้ว นางถึงรู้ว่า การใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและมีความสุขนั้น มีค่าและสำคัญเพียงใด นางจึงอยากให้พวกเขาเติบโตมาเป็นคนที่ดีและมีคุณภาพ ถึงจะมีความแค้นก็ไม่ควรนำมา แขวนไว้ในใจตลอดเวลา เพราะจะทำให้จิตใจหมองมัว และไร้ซึ่งความสุข คืนนี้หลังจากนางหลับ จิตวิญญาณของนางก็ได้ไปเยือนสถานที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง ก่อนนางจะพบกับวิญญาณของ บิดาและมารดาของซิ่วอิง อีกทั้งวิญญาณของซิ่วอิง และทุกดวงวิญญาณที่ตายที่หมู่บ้านไฉ่หลิน บิดาของซิ่วอิงมองนางนิ่งสงบ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “แม่นางสุดท้ายท่านก็มาเสียที ข้าไม่คิดว่าท่านจะมาอยู่ในร่างของบุตรสาวของข้า แต่อย่างไรข้าก็ต้องขอบคุณ ที่ดินที่ข้ากว้านซื้อไว้มากมาย มีสมบัติซุกซ่อนเอาไว้ แต่ข้าไม่รู้ว่าอยู่ตรงจุดที่ใดของที่ดิน พวกข้าพยายามค้นหาอยู่หลายปี แต่ก็ยังไม่พบ ในกล่องที่ข้าใส่โฉนดและตั๋วเงิน มีกล่องโบราณอยู่ในนั้น หลายปีก่อนมีนักพรตท่านหนึ่ง ได้มอบไว้ให้แก่ข้า บอกว่าจะมีคนที่เจ้าของที่แท้จริง เดินทางมารับด้วยตนเอง ข้าคิดว่าแม่นางคือคนคนนั้น” เรื่องที่พวกข้าถูกฆ่า สาเหตุคงมาจากทางการ คงรู้เรื่องมีสมบัติซ่อนอยู่ในที่ดินผืนนี้ จึงอยากครอบครองที่ดินตรงนั้นเอาไว้เอง และเป็นเพราะข้ากว้านซื้อที่ดินมาไว้ และมีโฉนดอย่างถูกต้อง พวกเขาจึงหาทางใส่ร้ายและสังหารพวกข้าทั้งหมด ข้าฝากแม่นางช่วยกำจัดคนชั่ว ละโมบโลภมากพวกนั้นด้วยขอรับ” “พวกท่านวางใจ ข้าจะไม่ปล่อยคนชั่วให้อยู่อย่างสบายใจแน่ เด็กอีกสี่คนข้าก็จะดูแลให้อย่างดี พวกท่านก็จากไปสงบเถิดเจ้าค่ะ” พอนางรับปากเช่นนั้น พวกเขาทั้งหมดก็ค่อย ๆ จางหายไป ซิ่วอิงพอรับรู้เรื่องราวทั้งหมดก็ถอนใจออกมา ความโลภทำให้คนถึงกับฆ่าแกงกัน ยุคที่นางจากมาถึงแม้ว่า จะเจริญก้าวหน้าและทันสมัย แต่ก็ยังมีคนที่โลภมากในอำนาจและเงินทองอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะยุคไหนหากขาดคนดี บ้านเมืองก็วุ่นวาย ราษฎรก็จะได้รับความเดือดร้อนไปทุกแห่งหน ที่สวรรค์มอบพลังให้นาง คงมองเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นสินะ สวรรค์ขอบคุณที่ข้าได้เกิดใหม่ และให้พลังแก่ข้า ข้าขอสัญญาว่าจะดูแลและปกป้องผู้คนอย่างสุดความสามารถ เพียงนางกล่าวจบ แสงบนท้องฟ้าก็เปล่งประกายเจิดจ้า ก่อนจะมีร่างของสตรีในชุดสีขาว ใบหน้างดงามอย่างไร้ที่ติ พร้อมส่งยิ้มให้นางอย่างอ่อนโอน นางลอยลงมาพร้อมยืนอยู่บนดอกบัวดอกใหญ่ ที่เปล่งประกายสีทองเจิดจ้า “ขอบใจเจ้ามาก ข้าคิดแล้วว่าข้าเลือกคนไม่ผิดจริง ๆ ต่อไปนี้กำไลที่เจ้าสวมเป็นตัวแทนจากข้า หมั่นทำความดีช่วยเหลือผู้คน ผลบุญและบารมีจะส่งเสริมเจ้าเอง” กล่าวจบนางก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและหายไปในพริบตาเด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ
เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิง เฉินจางหย่ง ยังคงปูที่นอนบนพื้นข้างเตียงของพวกนาง ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู หลังจากชำระร่างกายเสร็จ ก็ให้พี่อู่ถงและพี่อู่จิ้งมาเปลี่ยนน้ำให้ และให้พวกเขาเข้าไปชำระร่างกาย นางนึกเห็นใจสามพี่น้องสกุลอู่ ที่ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งและไม่ปริปากบ่น คงเพราะนางรับทุกคนมาอยู่ด้วย พวกเขาเลยรู้สึกเกรงใจ จึงพยายามทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้มีคนมาเพิ่มแล้ว นางจะให้คนมาช่วยงานพวกเขา จะได้ไม่ไปหนักที่พวกเขาสามคนจนเกินไป ขนาดยามนี้ดึกมากแล้ว พวกเขายังทนรอรับใช้ นางรู้สึกซาบซึ้ง น้ำใจพวกเขาจริง ๆ อีกไม่นานเรือนพักก็จะสร้างเสร็จ ทุกคนจะไม่ต้องอยู่กันอย่างแออัดอีกต่อไป จวนที่ท่านปู่ให้คนมาสร้าง นางก็บอกช่างให้ทำใหญ่ไปเลย และมีเรือนแยกอีกหลายหลัง เพราะที่ดินกว้างมากจึงสามารถทำได้ ซิ่วอิงนอนคิดเรื่องราวจนผล็อยหลับไป พร้อมลี่อินและเจียวจู พวกเขาเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็มอง เด็กน้อยทั้งสามคนอย่างเอ็นดู เป็นเพียงเด็กแค่10ขวบ แต่ต้องมาทำอะไรมากมายเช่นนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตคนเสียจริง พวกเขาล้มตัวลงนอนก่อนจะพากันหลับไป วันต่อมาที่โรงเตี๊ยมฟู่จิน วันนี้ทุกอย่างด
“ข้าว่าให้พวกเขาเข้าไปอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่น่าจะได้” ตงฮวนเอ่ยขึ้นอย่างวิเคราห์ ซึ่งตรงกับความคิดของซิ่วอิงพอดี เพราะตอนนี้มีพื้นที่แห่งใหม่ที่ใหญ่และกว้างขึ้น แม้จะมีข้าวของเครื่องใช้เหมือนที่นี่ แต่ชีวิตของพวกเขาปลอดภัยแน่นอน “ท่านไปพาพวกเขามาเถิด ระวังตัวด้วยเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเจียวหั่ว “ขอรับ” เจียวหั่วจึงรีบใช้วิชาตัวเบากระโดดหายไปทันที “เรามากินอาหารกันเถอะ ข้าหิวจนจะกินคนได้อยู่แล้ว พี่จือไฉ่ พี่จือหยวน ข้ารบกวนไปยกโต๊ะเก้าอี้มาที่ครัวทีเจ้าค่ะ” “เดี๋ยวข้าไปช่วย” เฉินซีฮันเอ่ยขึ้น เพราะเวลานี้ฐานะเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาคิดว่าสิ่งไหนที่ช่วยนางได้เขาก็ยินดีช่วยทำ เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ต่างก็รีบออกไปช่วยยกโต๊ะเก้าอี๊เข้ามา พอทุกคนมานั่งกันครบแล้ว ซิ่วอิงก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน “วันนี้เป็นวันเกิดของข้า ลี่อิน เจียว ลี่อิน เจียวจู ตงฮวน หานเกอ พี่ซีฮัน พี่เจียวหมิงและพี่จางหย่ง แต่เพราะวันนี้ที่โรงเตี๊ยมยุ่งมากและพรุ่งนี้ก็ยังจะยุ่งอีก เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็กินกันพอประมาณ พอทุกอย่างลงตัวดีแล้ว พวกเราค่อยฉลองใหญ่กันเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงให้ลี่อินชงชา เจียวจูและนางช่วยกันส
ทางด้านตระกูลเฟยยามนี้ เฟยเจินเฉิงตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง บิดาเขาส่งคนไปใส่ร้ายโรงเตี๊ยมฟู่จิน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบิดาเขา จะมีความคิดชั่วร้ายเช่นนี้ การแข่งขันในวันนั้น เขายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี และไม่เคยคิดโกรธเคืองผู้ชนะเลยสักนิด แต่มาวันนี้ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ใด ผู้คนต่างมองมาที่เขาด้วยสายตาตำหนิ พอเขาได้สอบถามถึงได้รู้ความจริง เขารู้สึกผิดหวังกับการกระทำของบิดาจนพูดไม่ออก เสียงผู้คนกล่าวถึงไม่ใช่มีเพียงตระกูลเฟย แต่ยังมีตระกูลจิน ที่กระทำการน่าละอายเช่นเดียวกัน พวกเขาเป็นอะไรกันไปหมด นางเป็นเพียงเด็กน้อยแต่มีความสามารถ ทุกคนควรให้การยอมรับ ไม่ใช่หาเรื่องใส่ร้ายกันเช่นนี้ นี่มันเข้าทำนองผู้ใหญ่รังแกเด็กชัด ๆ เมื่อเฟยเจินเฉิงกลับถึงจวน ก็ตรงไปหาบิดาและมารดาทันที เรื่องนี้เขาคิดว่า บิดาของเขาควรไปขอโทษ ทางโรงเตี๊ยมฟู่จิน ที่ทำให้ได้ความเสียหาย “ท่านพ่อ! ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไรกันขอรับ ตอนนี้ผู้คนต่างพูดกันไม่หยุดปาก ถึงตระกูลเราที่ทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น” เฟยเจินเฉิงเอ่ยด้วยสีหน้าผิดหวังและเจ็บปวดใจ “ข้าไม่ได้ตั้ง







