LOGINเช้าวันต่อมาเมื่อตงฮวน และหานเกอ ก็รีบลุกขึ้นมาจากเตียงนอนด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะรีบตรงมายังห้องของซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู
“ซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู เมื่อคืนพวกเจ้าได้ไปพบท่านเทพหรือไม่? ดูนี่ท่านเทพให้ข้ามา แล้วท่านยังบอกข้า ให้เชื่อฟังเจ้าอีกด้วยนะซิ่วอิง ข้าก็รับปากว่าจะเชื่อฟังเป็นอย่างดี” ตงฮวนยกแขนอวดแหวนหยกสีดำนิล ให้ทุกคนดูอย่างตื่นเต้นดีใจ “ข้าก็ด้วย พวกเจ้าดูแหวนหยกขาวของข้า หลังจากที่ข้าสวมใส่ในนิ้วของข้าแล้ว ร่างกายของข้าก็ดูจะมีพลัง และแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย ท่านเทพยังได้สั่งกำชับข้า ให้เชื่อฟังเจ้าเช่นกัน” หานเกอเอ่ยเล่าสิ่งได้ประสบพบเจอมา ด้วยสีหน้าตื่นเต้นไม่แพ้ตงฮวน เจียวจูและลี่อิงพอเห็นพวกเขามาอวด นางก็ยกแขนขึ้นอวดกำไลที่ข้อมือเช่นกัน “ของข้าเป็นกำไลหยกสีแดง” “ของข้าเป็นกำไลหยกสีฟ้า” “ดีแล้วละ ๆ จำที่ข้าบอกได้หรือไม่?” ซิ่วอิงรีบเอ่ยย้ำเตือนอีกครั้ง “เรื่องนี้ไม่ควรบอกใคร” เด็กทั้งสี่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะหัวเราะออกมา “เอาละพวกเรา ลงไปหาอะไรกินกันกันเถิด ท่านลุงท่านป้าคงตื่นกันแล้ว ข้าคิดว่าพวกเราควรออกไปสำรวจ เผื่อมีช่องทางในการหาเงิน อีกอย่างข้าคิดว่า เราควรซื้อบ้านสักหลัง จะได้ทำอะไรสะดวกขึ้น” “นายหญิงน้อย ท่านว่าอย่างไร ข้าก็ว่าตามนั้น” เจียวจูเอ่ยเย้าสหายขึ้นมา พอทุกคนได้ยินคำนี้ ก็หันไปมองซิ่วอิงในทันที คำเรียกนี้เหมาะสมกับนางยิ่ง “ไป ๆ ลงไปกันข้างล่างกัน” ซิ่วอิงรีบเอ่ยตัดบท ก่อนพาเดินนำลงไปยังชั้นล่าง ซึ่งมีท่านลุงฮุ่ยกวงและท่านป้าหวังฟางนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พอเห็นพวกเขาเดินลงมา ก็รีบลุกขึ้นอย่างให้เกียรติ ก่อนจะรีบกุลีกุจอเลื่อนเก้าอี้ให้เด็กทั้งห้าคนอย่างเอาใจ “ท่านลุงท่านป้า ทำตัวตามสบายเถิดเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงรีบเอ่ยขึ้น เพราะรู้สึกเกรงใจอยู่ไม่น้อย “ให้พวกข้าทำเถอะ หากไม่ได้พวกเจ้าก็ไม่รู้ว่า ชีวิตของพวกข้าก็ไม่รู้ว่า จะไปในทิศทางใด ชีวิตเป็นหนี้บุญคุณก็ต้องตอบแทน พวกข้าสัญญาว่า จะซื่อสัตย์และจงรักภักดีไม่เสื่อมคลาย” “ท่านลุงท่านป้า ในเมื่อซิ่วอิงรับท่านทั้งสอง มาเป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านก็อย่าได้คิดมากอีกเลย” ตงหานเอ่ยขึ้นมาบ้าง ฮุ่ยกวงและหวังฟางน้ำตาซึมด้วยความซาบซึ้ง เด็กห้าคนนี้ช่างมีน้ำใจและมีเมตตา พวกเขานับว่ามีวาสนา ที่ได้พบกับพวกเขาทั้งห้าคน ขอบคุณสวรรค์ หลังจากกินอาหารเช้าที่โรงเตี้ยมเสร็จ ซิ่วอิงก็พาทุกคนเดินดูตลาดและร้านค้าในเมืองเหยียนฟาง ยามนี้ผู้คนออกมาเดินจับจ่ายกันอย่างคึกคัก ซิ่วอิงให้ท่านลุงฮุ่ยกวง สอบถามที่ทำการขายบ้าน ว่าที่ใดประกาศขายบ้านบ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่บอกว่ามีบ้านหลังหนึ่งประกาศขาย เพราะจะย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวงของแคว้นเป่ยเซี่ย ซิ่วอิงสนใจจึงอยากไปดูสถานที่ว่าเป็นอย่างไร เมื่อมาถึงบ้านที่ประกาศขาย ซิ่วอิงและสหายทั้งสี่คน ก็พอใจเป็นอย่างมาก จึงตกลงซื้อในราคา5พันตำลึง ที่ซิ่วอิงตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้ เพราะต้องการให้ให้เรื่องราวที่หมู่บ้านไฉ่หลินเงียบลงเสียก่อน ช่วงเวลานี้นางและพวกเขาทั้งสี่ ต้องฝึกฝนในการใช้พลัง และวรยุทธเพื่อให้ชำนาญ เพื่อเตรียมตัวเอาคืนอย่างใจเย็น เมื่อตกลงทำสัญญาซื้อขายกันเสร็จ ซิ่วอิงก็ให้ท่านลุงและท่านป้าไปเก็บของที่โรงเตี๊ยม พวกนางจะเดินซื้อของใช้ที่จำเป็น เพื่อเอาไว้ใช้ยังบ้านหลังใหม่ นางเลือกที่จะอุดหนุนเพียงร้านเดียว เพราะเจ้าของร้านยินดีจะเอาไปส่งให้ ซึ่งนางก็คิดว่าดี เพราะของมากมาย หากขนเองคงลำบากไม่น้อย เมื่อนางคิดว่าซื้อของจนครบดีแล้ว ซิ่วอิงก็พาทุกคนเดินดูอะไรเรื่อยเปื่อย แต่แล้วสายตาก็ต้องไปสะดุด กับกลุ่มชายฉกรรจ์สามคน ที่เดินเก็บเงินเรี่ยรายตามแผงขายของ ด้วยท่าทีข่มขู่ดั่งอันธพาล ก่อนจะมีท่านลุงผู้หนึ่ง ที่คงไม่มีเงินจ่ายค่าแผง หนึ่งในชายฉกรรจ์จึงยกไม้พลอง ฟาดไปที่ตัวลุงคนนั้นทันที “ซิ่วอิงดูเจ้าพวกอันธพาลพวกนั้นสิ รังแกคนไม่มีทางสู้ น่ารังเกียจจริง” ลี่อิงเอ่ยขึ้น “ว่าจะไม่ยุ่ง แต่ก็มีเรื่องให้ยุ่ง พวกเจ้าว่าลองทดสอบวิชาดูหน่อยเป็นอย่าง?” เมื่อหัวหน้าเอ่ยขึ้นเช่นนี้ ลูกสมุนก็ยกยิ้มด้วยความพอใจ “แค่สั่งสอนให้หลาบจำก็พอ” “ได้!” ทั้งห้าคนเดินมาหยุดที่ ชายฉกรรจ์ทั้งสามคน ที่ตอนนี้ท่าทางเกรี้ยวกราดไม่พอใจ ลุงคนนั้นเป็นอย่างมาก และทำท่าจะพังแผงขายซาลาเปา แต่ซิ่วอิงก็ตะโกนร้องออกไปเสียก่อน “พี่ชายใจเย็น ๆ เหตุใดถึงใจร้ายนักเล่า” อู่ถง อู่จิง อู่หย่ง เมื่อได้ยินเสียงเล็กหวานดังขึ้นก็รีบหันมามอง ก่อนจะแสยะยิ้มออกมาอย่างน่าเกลียด “เด็กน้อย อย่าคิดว่าเป็นเด็กแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้านะ ทางที่ดีถอยไปห่าง ๆ หากไม่อยากเจ็บตัว” ยามนี้ผู้คนเริ่มหยุดมอง เมื่อเห็นว่าอันธพาลเจ้าถิ่น ไม่มีใครไม่รู้จักพวกเขาทั้งสามคนที่เป็นพี่น้องกัน พวกเขาตั้งตนเป็นเจ้าของพื้นที่ ควบคุมการเก็บแผง โดยที่ทางการก็ไม่มาใส่ใจ สร้างความเดือดร้อนให้กับ พ่อค้าแม่ค้ากันเป็นอย่างมาก แต่ไม่มีใครทำอะไรได้ จึงยอมจ่ายเงินเพื่อจบปัญหา แต่ว่าเหตุใดวันนี้เด็กห้าคนนี้ ถึงไปมีเรื่องกับพวกเขาได้ พวกเขาไม่รู้หรือว่าสามคนนี้มีนิสัยเช่นไร “เด็กน้อยพวกเจ้าอย่าไปยุ่งกับพวกมัน รีบไปเถอะ” มีบางคนตะโกนออกมา ด้วยความเป็นห่วงเด็กน้อยทั้งห้าคน ซิ่วอิง ลี่อิง เจียวจู ตงฮวน และหานเกอ ยกมือขึ้นกอดอก มองบุรุษสามคนด้วยสายตาเย่อหยิ่ง และหาได้หวาดกลัวแต่อย่างใด “คงรังแกคนมาเยอะสินะ” เจียวจูเอ่ยขึ้น “เกิดมาเสียชาติเกิดจริง ๆ” ลี่ถิง “หากไม่โดนเสียบ้าง ก็จะไม่รู้สึกว่า เวลาถูกรังแกมันเป็นอย่างไร” ตงฮวนเอ่ยขึ้นมาบ้าง “ถูกเด็กสั่งสอนคงอายไปสามวันสิบวัน” หานเกอเอ่ย “วันนี้เด็กอย่างพวกข้า จะสั่งสอนผู้ใหญ่ ที่มีนิสัยเป็นอันธพาลให้สำนึก” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น สามบุรุษพอได้ยินก็หัวเราะดังลั่น “เจ้าตัวเท่ากำปั้น ทำมาพูดจาใหญ่โต รีบไสหัวไปก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน” พอพูดจบสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อหานเกอวิ่งไปอย่างเร็ว ก่อนจะกระโดดลอยขึ้นกลางอากาศ แล้วยกขาเตะไปที่ลำคอเขาดังพลั่ก! พลังเตะหนักหน่วงจนอู่ถง ล้มหัวคะมำไปกับพื้น ก่อนเขาจะรีบลุกขึ้นมาอย่างโกรธแค้นสุดขีด เด็กก็เด็กเถอะวันนี้ ข้าจะสั่งสอนให้ร้องไห้กลับบ้านไม่ถูกเลยทีเดียว บังอาจมาเล่นกับคนอย่างข้า อู่ถงลุกขึ้นมาได้ก็พุ่งไปหาหานเกอ ที่ยืนรออยู่ แต่ว่าร่างของเขา กลับไม่ขยับไปข้างหน้า เพราะมีลี่อินดึงเสื้อทางด้านหลังของเขาเอาไว้ พอเขาหันมา ลี่อินก็กระโดดลอยขึ้นตบหน้าเขาไม่ยัง เพียะ! ๆ ๆ เสียงตบดังสนั่นซ้ายขวา ก่อนลี่อินจะใช้นิ้วจิ้ม ลงไปบนตาทั้งสองข้าง “อ๊ากกกก!!นางเด็กบ้า โอ๊ย! ๆ เจ้าน้องบ้ามาช่วยข้าสิวะ ยืนนิ่งอยู่ทำไม!” อู่จิงและอู่หย่งที่มัวแต่ตกตะลึง รีบพุ่งเขามาหาลี่อิน แต่ก็ถูกเจียวจูและตงหาน วิ่งเข้าไปเตะขาจนล้มไม่เป็นท่า คราวนี้ผู้คนที่ยืนดูอยู่ก็ตะโกนร้อง ให้เด็ก ๆ จัดการพวกเขาอย่างกึกก้อง “เอาอีก ๆ” ซิ่วอิงเดินไปหยุดตรงหน้า ของบุรุษทั้งสามก่อนจะมองอย่างเย้ยหยัน พวกเขารีบตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่ซิ่วอิงก็สะบัดหมัดเข้าให้ที่ปลายคาง ปึก! ปึก! ปึก! พลังหมัดของนาง ทำเอาร่างพวกเขาทั้งสามลอยละลิ่ว และร่วงลงพื้นไกลออกไป เด็กทั้งห้าเดินย่างสามขุมไปหาพวกเขาอย่างหมายมั่น “เด็กเช่นพวกข้าฝีมือเป็นอย่างไรบ้าง?” หานเกอเอ่ยถามขึ้น สามบุรุษรีบลุกขึ้นคุกเขาอย่างหวาดกลัว “ข้ายอมแพ้แล้ว อย่าทำอะไรข้าเลยนะ” พวกเขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “หากข้าเห็นว่าเจ้ายังคิดรังแกผู้อื่นอีก คราวหน้าข้าจะไม่สั่งสอนแค่นี้แน่” ตงฮวนที่พยามยามทำเสียงเข้ม ให้ดูน่ากลัวและน่าเกรงขาม แต่ในสายตาของผู้ใหญ่กลับมองว่า เขาช่างน่าเอ็นดู เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างกึกก้อง พ่อค้าและแม่ค้าพากันมาขอบคุณ พร้อมของที่ตนเองขายมามอบให้เป็นน้ำใจเด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ
เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิง เฉินจางหย่ง ยังคงปูที่นอนบนพื้นข้างเตียงของพวกนาง ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู หลังจากชำระร่างกายเสร็จ ก็ให้พี่อู่ถงและพี่อู่จิ้งมาเปลี่ยนน้ำให้ และให้พวกเขาเข้าไปชำระร่างกาย นางนึกเห็นใจสามพี่น้องสกุลอู่ ที่ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งและไม่ปริปากบ่น คงเพราะนางรับทุกคนมาอยู่ด้วย พวกเขาเลยรู้สึกเกรงใจ จึงพยายามทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้มีคนมาเพิ่มแล้ว นางจะให้คนมาช่วยงานพวกเขา จะได้ไม่ไปหนักที่พวกเขาสามคนจนเกินไป ขนาดยามนี้ดึกมากแล้ว พวกเขายังทนรอรับใช้ นางรู้สึกซาบซึ้ง น้ำใจพวกเขาจริง ๆ อีกไม่นานเรือนพักก็จะสร้างเสร็จ ทุกคนจะไม่ต้องอยู่กันอย่างแออัดอีกต่อไป จวนที่ท่านปู่ให้คนมาสร้าง นางก็บอกช่างให้ทำใหญ่ไปเลย และมีเรือนแยกอีกหลายหลัง เพราะที่ดินกว้างมากจึงสามารถทำได้ ซิ่วอิงนอนคิดเรื่องราวจนผล็อยหลับไป พร้อมลี่อินและเจียวจู พวกเขาเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็มอง เด็กน้อยทั้งสามคนอย่างเอ็นดู เป็นเพียงเด็กแค่10ขวบ แต่ต้องมาทำอะไรมากมายเช่นนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตคนเสียจริง พวกเขาล้มตัวลงนอนก่อนจะพากันหลับไป วันต่อมาที่โรงเตี๊ยมฟู่จิน วันนี้ทุกอย่างด
“ข้าว่าให้พวกเขาเข้าไปอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่น่าจะได้” ตงฮวนเอ่ยขึ้นอย่างวิเคราห์ ซึ่งตรงกับความคิดของซิ่วอิงพอดี เพราะตอนนี้มีพื้นที่แห่งใหม่ที่ใหญ่และกว้างขึ้น แม้จะมีข้าวของเครื่องใช้เหมือนที่นี่ แต่ชีวิตของพวกเขาปลอดภัยแน่นอน “ท่านไปพาพวกเขามาเถิด ระวังตัวด้วยเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเจียวหั่ว “ขอรับ” เจียวหั่วจึงรีบใช้วิชาตัวเบากระโดดหายไปทันที “เรามากินอาหารกันเถอะ ข้าหิวจนจะกินคนได้อยู่แล้ว พี่จือไฉ่ พี่จือหยวน ข้ารบกวนไปยกโต๊ะเก้าอี้มาที่ครัวทีเจ้าค่ะ” “เดี๋ยวข้าไปช่วย” เฉินซีฮันเอ่ยขึ้น เพราะเวลานี้ฐานะเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาคิดว่าสิ่งไหนที่ช่วยนางได้เขาก็ยินดีช่วยทำ เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ต่างก็รีบออกไปช่วยยกโต๊ะเก้าอี๊เข้ามา พอทุกคนมานั่งกันครบแล้ว ซิ่วอิงก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน “วันนี้เป็นวันเกิดของข้า ลี่อิน เจียว ลี่อิน เจียวจู ตงฮวน หานเกอ พี่ซีฮัน พี่เจียวหมิงและพี่จางหย่ง แต่เพราะวันนี้ที่โรงเตี๊ยมยุ่งมากและพรุ่งนี้ก็ยังจะยุ่งอีก เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็กินกันพอประมาณ พอทุกอย่างลงตัวดีแล้ว พวกเราค่อยฉลองใหญ่กันเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงให้ลี่อินชงชา เจียวจูและนางช่วยกันส
ทางด้านตระกูลเฟยยามนี้ เฟยเจินเฉิงตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง บิดาเขาส่งคนไปใส่ร้ายโรงเตี๊ยมฟู่จิน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบิดาเขา จะมีความคิดชั่วร้ายเช่นนี้ การแข่งขันในวันนั้น เขายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี และไม่เคยคิดโกรธเคืองผู้ชนะเลยสักนิด แต่มาวันนี้ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ใด ผู้คนต่างมองมาที่เขาด้วยสายตาตำหนิ พอเขาได้สอบถามถึงได้รู้ความจริง เขารู้สึกผิดหวังกับการกระทำของบิดาจนพูดไม่ออก เสียงผู้คนกล่าวถึงไม่ใช่มีเพียงตระกูลเฟย แต่ยังมีตระกูลจิน ที่กระทำการน่าละอายเช่นเดียวกัน พวกเขาเป็นอะไรกันไปหมด นางเป็นเพียงเด็กน้อยแต่มีความสามารถ ทุกคนควรให้การยอมรับ ไม่ใช่หาเรื่องใส่ร้ายกันเช่นนี้ นี่มันเข้าทำนองผู้ใหญ่รังแกเด็กชัด ๆ เมื่อเฟยเจินเฉิงกลับถึงจวน ก็ตรงไปหาบิดาและมารดาทันที เรื่องนี้เขาคิดว่า บิดาของเขาควรไปขอโทษ ทางโรงเตี๊ยมฟู่จิน ที่ทำให้ได้ความเสียหาย “ท่านพ่อ! ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไรกันขอรับ ตอนนี้ผู้คนต่างพูดกันไม่หยุดปาก ถึงตระกูลเราที่ทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น” เฟยเจินเฉิงเอ่ยด้วยสีหน้าผิดหวังและเจ็บปวดใจ “ข้าไม่ได้ตั้ง







