LOGINเฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิง เฉินจางหย่ง ยังคงปูที่นอนบนพื้นข้างเตียงของพวกนาง ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู หลังจากชำระร่างกายเสร็จ ก็ให้พี่อู่ถงและพี่อู่จิ้งมาเปลี่ยนน้ำให้ และให้พวกเขาเข้าไปชำระร่างกาย
นางนึกเห็นใจสามพี่น้องสกุลอู่ ที่ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งและไม่ปริปากบ่น คงเพราะนางรับทุกคนมาอยู่ด้วย พวกเขาเลยรู้สึกเกรงใจ จึงพยายามทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้มีคนมาเพิ่มแล้ว นางจะให้คนมาช่วยงานพวกเขา จะได้ไม่ไปหนักที่พวกเขาสามคนจนเกินไป ขนาดยามนี้ดึกมากแล้ว พวกเขายังทนรอรับใช้ นางรู้สึกซาบซึ้ง น้ำใจพวกเขาจริง ๆ อีกไม่นานเรือนพักก็จะสร้างเสร็จ ทุกคนจะไม่ต้องอยู่กันอย่างแออัดอีกต่อไป จวนที่ท่านปู่ให้คนมาสร้าง นางก็บอกช่างให้ทำใหญ่ไปเลย และมีเรือนแยกอีกหลายหลัง เพราะที่ดินกว้างมากจึงสามารถทำได้ ซิ่วอิงนอนคิดเรื่องราวจนผล็อยหลับไป พร้อมลี่อินและเจียวจู พวกเขาเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็มอง เด็กน้อยทั้งสามคนอย่างเอ็นดู เป็นเพียงเด็กแค่10ขวบ แต่ต้องมาทำอะไรมากมายเช่นนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตคนเสียจริง พวกเขาล้มตัวลงนอนก่อนจะพากันหลับไป วันต่อมาที่โรงเตี๊ยมฟู่จิน วันนี้ทุกอย่างดูจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย ลูกค้าที่มาก็ดูยิ้มแย้มแจ่มใสดี คงเพราะมีเรื่องเกิดขึ้นเมื่อวาน จึงไม่มีใครคิดอยากจะลองดี ซิ่วอิงวันนี้เลยรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก นางและสหาย จัดการเปลี่ยนใบหน้า ของสตรีทั้งห้าคน เพื่อป้องกันคนจำพวกนางได้ การทำงานจึงเป็นไปอย่างราบรื่น จวบจนมีพนักงานมาตามซิ่วอิง บอกว่าบุตรชายท่านเจ้ามาขอพบ ซิ่วอิงนึกแปลกใจว่าเขามาด้วยเรื่องอันใด เพราะนางนัดให้เขามารับเค้กในอีก5วัน “ท่านมาข้ามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ?” “เอ่อ…คือ” ซิ่วอิงมองใบหน้าที่แสนลำบากใจของเขาก็ยิ่งสงสัย “คือปิ่นที่ข้าให้เจ้าเมื่อวาน เอ่อ…ข้าหยิบผิดอันมา ก็เลยจะเอาอันใหม่มาเปลี่ยน ข้าต้องขอโทษที่ไม่ดูให้ดีก่อนจะหยิบมา” “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะเดี๋ยวข้าไปหยิบมาให้” พอได้ยินเช่นนี้ ซิ่วอิงก็โล่งใจ ในคราแรกนางก็กังวลว่า ท่านเจ้าเมืองจะรู้แล้วว่านางเป็นใคร เลยคิดจะลองใจ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า เป็นท่านเจ้าเมืองจริง ๆ ที่สั่งคนให้ไปสังหารคนในหมู่บ้าน “ขอบใจ” เสิ่นอี้หยางรับกล่อง ที่นางยื่นให้ พร้อมยื่นกล่องใหม่ไปให้นาง “ขอบคุณเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยิ้มรับ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” เมื่อเขาจากไปแล้ว ซิ่วอิงก็รีบตรงเข้ามาหา สหายของนางยังชั้นบน “ข้าคิดว่าต้องเป็นท่านเจ้าเมืองแน่ ที่เป็นคนสั่งการ ข้าจำปิ่นของท่านแม่ได้” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ “แล้วเราจะเอาอย่างไรดี เมืองเหยียนฟางถูกควบคุมโดยท่านเจ้าเมือง และยังมีนายอำเภอจินป๋อเหวิน ข้าคิดว่าพวกเขา ต้องมีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้แน่” ตงฮวนเริ่มวิเคราะห์เรื่องราวแล้วเอ่ยขึ้น “หลังจากที่พวกเราเปิดเผยว่ามีพลัง ข้าคิดว่าข่าวนี้คงถึงหูเขาไปแล้ว และถ้าให้ข้าเดา คนเช่นเขา คงต้องเริ่มให้คนออกสืบหา ความเป็นมาของพวกเราอย่างแน่นอน” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้น “แล้วพวกเราจะทำเช่นไร?” ลี่อินถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล “พวกเราต้องฝึกตนให้แข็งแกร่งโดยเร็ว และต้องฝึกคนของเราขึ้นมาด้วย พี่ซีฮัน พี่เจียวหมิง พี่จางหย่ง ทุกคนถึงจะมีวรยุทธ แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งพอ อีกทั้งทหารองครักษ์ที่มาเพิ่ม เราต้องฝึกพวกเขาทั้งหมด แต่ว่าพวกเราต้องฝึกพลังปราณวิชาให้สำเร็จเสียก่อน เราถึงจะสามารถฝึกคนของเราได้” “เราต้องหาที่สงบฝึกพลัง” ตงฮวนเอ่ยขึ้น “ในมิตินั้นไง พื้นที่กว้างใหญ่เงียบสงบดี” หานเกอเสนอขึ้น ซึ่งตรงกับความคิดของซิ่วอิงอยู่พอดี “ความคิดเจ้าไม่เลว” เจียวจูสนับสนุน แต่แล้วลู่เฉิงก็ขึ้นมาบอกว่า ตระกูลเฟยมาขอพบ เด็กทั้งห้าคน หันมามองหน้ากันในทันที ก่อนจะพากันเดินตามลู่เฉิงลงไปยังชั้นล่าง เมื่อมาถึงก็เห็น เฟยเจินเฉิงและเฟยจูหลง ยืนรออยู่ก่อนแล้ว “ท่านมาหาข้าหรือเจ้าคะ?” “ใช่แล้วละ พวกข้าอยากจะมาขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น” เฟยจูหลงเอ่ยด้วยสีหน้าสำนึกผิด ซิ่วอิงจึงพาพวกเขามานั่ง ในส่วนที่ไว้ต้อนรับลูกค้า “ซิ่วอิงข้าต้องขอโทษ แทนบิดาของข้า ที่กระทำการโง่เขลา นี่เป็นทองคำหนัก1พันตำลึงเงิน ทางตระกูลเฟยให้เป็นการขอโทษ เจ้าจะว่าอย่างไร?” ซิ่วอิงมองหน้าเขา ก่อนจะยกยิ้ม ขอโทษเป็นทองคำเช่นนี้ ให้อภัยได้อยู่แล้ว “หากมาขอโทษด้วยความจริงใจเช่นนี้ พวกข้าก็ให้อภัย แต่ว่าข้าอยากรู้ว่า ท่านทำไปเพราะเหตุใดหรือเจ้าคะ?” “เอ่อ..คือข้ากลัวว่า โรงเตี๊ยมฟู่จินจะได้ดีกว่าโรงเตี๊ยมเฟยเจิน ก็เลยคิดแผนกลั่นแกล้งขึ้นมา แต่ว่าข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ นะ” “ตงฮวนสัมผัสเขาดูหน่อย” “ได้” ตงฮวนยื่นมือมาแตะที่แขนของเฟยจูหลง จากนั้นก็เอ่ยขึ้น “ที่เขาพูดมาเป็นความจริง” ซิ่วอิงพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ในเมื่อท่านมาขอโทษด้วยความจริงใจ ข้าจึงมีข้อเสนอให้กับพวกท่านอย่างจริงใจเช่นกันเจ้าค่ะ” “ข้อเสนออย่างจริงใจ!” “ใช่เจ้าค่ะ ข้าจะขายสูตรอาหารให้กับโรงเตี๊ยมเฟยเจิน ที่ทำให้โรงเตี๊ยมของท่าน โด่งดังเพียงชั่วพริบตา” พวกเขาได้ยินก็ถึงกับตกตะลึง นางจะขายสูตรอาหาร ที่จะทำให้โรงเตี๊ยมของเขาโด่งดัง นางพูดจริงหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร “สูตรอาหารที่ข้าขายให้ ข้าไม่มีทางทำขึ้นมาแข่งกับท่านแน่นอน และเราต้องทำให้เป็นลายลักษณ์อักษร เขียนสัญญาและลงนาม” “แล้วอาหารที่ว่ามันคืออะไร?” “อาหารที่ว่าก็คือหม้อไฟเจ้าค่ะ” “หม้อไฟ!” ฟังแค่ชื่อพวกเขาตกตะลึง หม้อกลายเป็นไฟ อาหารแปลกประหลาดเช่นนี้ ต้องขายดีแน่ เขาต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง “แล้วเจ้าจะขายอยู่ที่เท่าใด?” “สองพันตำลึงเจ้าค่ะ” พอพวกเขาได้ยินใบหน้าก็สลดลง เหตุใดนางถึงขายแพงนักเล่า “ลงทุนครั้งเดียว ท่านได้กำไรแน่นอน ไม่สนใจก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” “ไม่ ๆ ข้าสน ๆ” เฟยจูหลงรีบเอ่ยขึ้น “ถ้าเช่นนั้น เดี๋ยวข้าจะให้คนไปแจ้งว่า จะไปพบที่โรงเตี๊ยมวันไหนเจ้าค่ะ ข้าจะนำสัญญาไปให้อ่านและลงนาม จากนั้นข้าจะสอนวิธีทำเจ้าค่ะ” “ดี ขอบคุณนายหญิงน้อย ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัว แต่ว่าข้าสามารถ เอาไปป่าวประกาศล่วงหน้าได้หรือไม่?” เฟยจูหลงดีใจจนเนื้อเต้น ดวงตาเป็นประกาย เมื่อนึกถึงเม็ดเงินที่จะไหลเข้ามา “ท่านเอาไปป่าวประกาศได้เลย เดี๋ยวข้าเขียนให้เจ้าค่ะ” กล่าวจบนางหันไปขอกระดาษกับพนักงาน จากนั้นก็เขียนลงไปอย่างคล่องแคล่ว พร้อมระบายยิ้มออกมาอย่างพอใจ แล้วยื่นแผ่นกระดาษให้เฟยจูหลง เขาก็รีบรับมาอ่านอย่างรวดเร็ว “โรงเตี๊ยมเฟยเจิน ขอนำเสนออาหารแปลกใหม่ และไม่มีใครเหมือน นั่นก็คือ หม้อไฟร้อน ๆ อร่อยจนอยากท้าให้ทุกคนได้มาลอง” พอเขาอ่านเสร็จ ก็ตกอยู่ในอาการเหม่อลอย วิธีการนำเสนอช่างน่าสนใจจริง ๆ “ท่านพ่อ!” เฟยเจินเฉิงที่เห็นบิดานิ่งงันอยู่นานก็เอ่ยเรียก “ห้ะ…ว่าเช่นไร พร้อมจะกินหม้อไฟแล้ว?” ทุกคนได้ยินก็หัวเราะออกมาอย่างขบขัน ชายผู้นี้ตลกเสียจริง พอพวกเขาจากไปหานเกอก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “ซิ่วอิงทำไมเจ้าถึงขายสูตรอาหารให้พวกเขาด้วยละ พวกเราทำขายเองไม่ดีกว่าหรือ?” “ข้ามีอาหารมากมายที่จะทำขาย แบ่งขายให้ผู้อื่นไปบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยเราจะได้มิตรเพิ่มขึ้น เราต้องรู้จักแบ่งปัน เพื่อสร้างมิตรภาพ ถึงจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เราจะเก่งและโดดเด่นอยู่ผู้เดียวไม่ได้ ข้าเชื่อว่า การช่วยเหลือเขาครั้งนี้ จะทำให้เขาจดจำเอาไว้ภายในใจตลอดไป”เด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ
เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิง เฉินจางหย่ง ยังคงปูที่นอนบนพื้นข้างเตียงของพวกนาง ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู หลังจากชำระร่างกายเสร็จ ก็ให้พี่อู่ถงและพี่อู่จิ้งมาเปลี่ยนน้ำให้ และให้พวกเขาเข้าไปชำระร่างกาย นางนึกเห็นใจสามพี่น้องสกุลอู่ ที่ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งและไม่ปริปากบ่น คงเพราะนางรับทุกคนมาอยู่ด้วย พวกเขาเลยรู้สึกเกรงใจ จึงพยายามทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้มีคนมาเพิ่มแล้ว นางจะให้คนมาช่วยงานพวกเขา จะได้ไม่ไปหนักที่พวกเขาสามคนจนเกินไป ขนาดยามนี้ดึกมากแล้ว พวกเขายังทนรอรับใช้ นางรู้สึกซาบซึ้ง น้ำใจพวกเขาจริง ๆ อีกไม่นานเรือนพักก็จะสร้างเสร็จ ทุกคนจะไม่ต้องอยู่กันอย่างแออัดอีกต่อไป จวนที่ท่านปู่ให้คนมาสร้าง นางก็บอกช่างให้ทำใหญ่ไปเลย และมีเรือนแยกอีกหลายหลัง เพราะที่ดินกว้างมากจึงสามารถทำได้ ซิ่วอิงนอนคิดเรื่องราวจนผล็อยหลับไป พร้อมลี่อินและเจียวจู พวกเขาเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็มอง เด็กน้อยทั้งสามคนอย่างเอ็นดู เป็นเพียงเด็กแค่10ขวบ แต่ต้องมาทำอะไรมากมายเช่นนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตคนเสียจริง พวกเขาล้มตัวลงนอนก่อนจะพากันหลับไป วันต่อมาที่โรงเตี๊ยมฟู่จิน วันนี้ทุกอย่างด
“ข้าว่าให้พวกเขาเข้าไปอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่น่าจะได้” ตงฮวนเอ่ยขึ้นอย่างวิเคราห์ ซึ่งตรงกับความคิดของซิ่วอิงพอดี เพราะตอนนี้มีพื้นที่แห่งใหม่ที่ใหญ่และกว้างขึ้น แม้จะมีข้าวของเครื่องใช้เหมือนที่นี่ แต่ชีวิตของพวกเขาปลอดภัยแน่นอน “ท่านไปพาพวกเขามาเถิด ระวังตัวด้วยเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเจียวหั่ว “ขอรับ” เจียวหั่วจึงรีบใช้วิชาตัวเบากระโดดหายไปทันที “เรามากินอาหารกันเถอะ ข้าหิวจนจะกินคนได้อยู่แล้ว พี่จือไฉ่ พี่จือหยวน ข้ารบกวนไปยกโต๊ะเก้าอี้มาที่ครัวทีเจ้าค่ะ” “เดี๋ยวข้าไปช่วย” เฉินซีฮันเอ่ยขึ้น เพราะเวลานี้ฐานะเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาคิดว่าสิ่งไหนที่ช่วยนางได้เขาก็ยินดีช่วยทำ เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ต่างก็รีบออกไปช่วยยกโต๊ะเก้าอี๊เข้ามา พอทุกคนมานั่งกันครบแล้ว ซิ่วอิงก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน “วันนี้เป็นวันเกิดของข้า ลี่อิน เจียว ลี่อิน เจียวจู ตงฮวน หานเกอ พี่ซีฮัน พี่เจียวหมิงและพี่จางหย่ง แต่เพราะวันนี้ที่โรงเตี๊ยมยุ่งมากและพรุ่งนี้ก็ยังจะยุ่งอีก เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็กินกันพอประมาณ พอทุกอย่างลงตัวดีแล้ว พวกเราค่อยฉลองใหญ่กันเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงให้ลี่อินชงชา เจียวจูและนางช่วยกันส
ทางด้านตระกูลเฟยยามนี้ เฟยเจินเฉิงตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง บิดาเขาส่งคนไปใส่ร้ายโรงเตี๊ยมฟู่จิน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบิดาเขา จะมีความคิดชั่วร้ายเช่นนี้ การแข่งขันในวันนั้น เขายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี และไม่เคยคิดโกรธเคืองผู้ชนะเลยสักนิด แต่มาวันนี้ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ใด ผู้คนต่างมองมาที่เขาด้วยสายตาตำหนิ พอเขาได้สอบถามถึงได้รู้ความจริง เขารู้สึกผิดหวังกับการกระทำของบิดาจนพูดไม่ออก เสียงผู้คนกล่าวถึงไม่ใช่มีเพียงตระกูลเฟย แต่ยังมีตระกูลจิน ที่กระทำการน่าละอายเช่นเดียวกัน พวกเขาเป็นอะไรกันไปหมด นางเป็นเพียงเด็กน้อยแต่มีความสามารถ ทุกคนควรให้การยอมรับ ไม่ใช่หาเรื่องใส่ร้ายกันเช่นนี้ นี่มันเข้าทำนองผู้ใหญ่รังแกเด็กชัด ๆ เมื่อเฟยเจินเฉิงกลับถึงจวน ก็ตรงไปหาบิดาและมารดาทันที เรื่องนี้เขาคิดว่า บิดาของเขาควรไปขอโทษ ทางโรงเตี๊ยมฟู่จิน ที่ทำให้ได้ความเสียหาย “ท่านพ่อ! ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไรกันขอรับ ตอนนี้ผู้คนต่างพูดกันไม่หยุดปาก ถึงตระกูลเราที่ทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น” เฟยเจินเฉิงเอ่ยด้วยสีหน้าผิดหวังและเจ็บปวดใจ “ข้าไม่ได้ตั้ง







