Share

บทที่ 6 จากลา

last update Huling Na-update: 2025-07-08 15:44:24

“แม่ ฉันกลับมาแล้ว” ซุเม่ยรีบวิ่เข้ามาชโะโงกหน้าดูอาหารบนโต๊ะดวงทาของเธอวาววับ ซีซวนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อแต่ซิ่วอิงแอบเห็นว่าตอนที่มองอาหารดวงตาของเขาเป็นประกายไม่น้อย เด็กก็คือเด็กสินะ

“ล้างมือหรือยัง” ซิ่วอิงเอ่ยถามเด็กๆ

“แม่ไม่ต้องห่วง พวกฉันล้างเรียบร้อยแล้ว” ซีห่าวพูดพร้อมกับชูสองมือให้แม่ของตัวเองดู

“งั้นรีบมากินเถอะ พ่อเขารอนานแล้ว” ซิ่วอิงรีบบอกเด็กๆ จากนั้นทั้งห้าคนก็ลงมือทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย

“แพนเค้กนี้อร่อยมาก ไข่ผัดกุ้ยช่ายนี่ก็เหมือนกันฉันไม่เคยเคยกินอะไรแบบนี้มาก่อน” คำพูดไร้เดียงสาของลูกสาวไม่ต่างจากเข็มนับพันที่ทิ่มลงที่ใจของผู้เป็นพ่อ ริมฝีปากหนาขบเม้มจนเลือดห่อจนกระทั่งมีมือเรียวมาจับมือข้างที่เขาวางไว้บนขา จางจื่อหานหันไปมองไปใบหน้าของภรรยาเธอยกยิ้มบางๆ ให้เขาดูอบอุ่นและอ่อนโยนหัวใจของเขารู้สึกผ่อนคลายลง

“พ่อกลับมาแล้วต่อไปนี้พวกเราจะได้กินแต่ของอร่อย” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับคีบอาหารให้กับซีห่าวตัวน้อย

“ห่าวห่าว เวลาผู้ใหญ่ให้ของต้องพูดว่ายังไง” ซิ่วอิงพูดกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเธอต้องค่อยๆ สอนเขา

“ขอบคุณครับแม่” ซีห่าวเอ่ยขอบคุณพร้อมกับคีบอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อย

“ซีซวน กินให้เยอะหน่อย” ซิ่วอิงเอ่ยบอกซีซวน เธอไม่ต้องการให้เขารู้สึกว่าถูกละเลยหรือไม่ได้รับความใส่ใจเหมือนลูกคนอื่น

“แค่กๆ” ซีซวนถึงกับสำลักอาหาร เขามองหน้าคนเป็นแม่ราวกับเจอสิ่งประหลาด ก่อนจะได้ยินเสียงกระแอมของคนเป็นพ่อจึงรีบก้มลงกินอาหารต่อทันทีพอกินอิ่มก็ลุกขึ้น

“ฉันจะไปทำงานต่อ” เขาเอ่ยบอกทุกคนถ้าออกไปโดยไม่บอกต้องโดนสายตาอำมหิตจากพ่อแน่ๆ

“ซีซวน กินให้อิ่ม” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเธอกลัวว่าเขาจะรู้สึกอึดอัดเกินไป

“อิ่มแล้ว ไปนะ” พูดจบก็รีบวิ่งออกไปทันทีราวกับกลัวว่าจะห้ามไว้

“กินต่อเถอะ” จางจื่อหานคีบอาหารให้ภรรยา ตัวเธอเล็กนิดเดียวควรกินให้มากหน่อย

พี่จื่อหาน อยู่ไหม” เสียงตะโกนเรียกจากหน้าบ้านดังขึ้น ซิ่วอิงจะลุกขึ้นไปดูแต่จางจื่อหานบอกให้เธอนั่งกินต่อเขาจะเป็นคนไปดูเองเธอจึงไม่ใส่ใจอีก จางจื่อหานเดินออกไปนอกบ้านสักพักก็กลับเข้ามาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง ซูเม่ยกับซีห่าวกินอิ่มแล้วจึงขอตัวออกไป

“พี่สะใภ้ไม่เจอกันนานสบายดีนะ” แขกผู้มาเยือนเอ่ยทักด้วยท่าทางเกร็งๆ

“จื่อชิง ฉันสบายดีมากินข้าวด้วยกันสิ” จื่อชิงหรือจางจื่อชิงเป็นลูกของพ่อเฒ่าจางจื่อหยางพี่ชายของจางจื่อหยวนซึ่งเป็นพ่อของจางจื่อหาน คือจางจื่อหานกับจางจื่อชิงเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ในความทรงจำเดิมของเจ้าของร่างจื่อชิงกับเจ้าของร่างมักเจอกันไม่ค่อยดีนักหากเจอก็มักจะถูกเจ้าของร่างด่าทอและโวยใส่ ไม่แปลกที่พบกันครั้งนี้อีกฝ่ายดูกระอักกระอ่วนไม่น้อย

“พี่สะใภ้ ฉันว่าพี่แปลกไป” จางจื่อชิงพูดด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรปกติเป็นคนจิตใจดี

“แล้วมันดีไหม” ซิ่วอิงเลิกคิ้วถาม

“แน่นอน พี่สะใภ้เป็นแบบนี้แล้วฉันชอบสุดๆ” จางจื่อชิงพูดอย่างอารมณ์ดี พี่สะใภ้เปลี่ยนแปลงไปราวกับคนละคนกับเมื่อก่อนดูใจเย็นและมีเหตุผล หรือเป็นเพราะจางจื่อหานกลับมา คิดดังนั้นจางจื่อชิงจึงเข้าใจได้ว่าสามีภรรยาไม่ควรอยู่ห่างกัน

“มีธุระอะไร” จางจื่อหานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“อ้อ ฉันลืมไปเลย พ่อกับแม่ของฉันรู้ว่าพี่แยกบ้านกลัวว่าจะไม่มีอาหารเลยให้ฉันเข้าของพวกนี้มาให้” จางจื่อชิงเปิดผ้าที่ใช้ปิดตระกร้าออกแล้ววางลงบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ว่าแต่พี่สะใภ้ทำอาหารเป็นใช่ไหม” นอกจากทุบหม้อทุบจานแล้วเขามองภาพตอนที่พี่สะใภ้ทำอาหารไม่ออก

“อาหารบนโต๊ะนั่นพี่สะใภ้ของนายทำ” จางจื่อหานเอ่ยบอกเขา

“โอ้ ยอดเยี่ยมพี่สะใภ้คงมีฝีมือไม่น้อย” จางจื่อชิงเอ่ยชมด้วยดวงตาเป็นประกาย

“แน่นอน อย่าดูถูกพี่สะใภ้เชียวนะ” ซิ่วอิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“หมดธุระก็กลับไปได้แล้ว ฝากขอบคุณลุงกับป้าสะใภ้ด้วย” จางจื่อหานเห็นภรรยายิ้มให้คนอื่นในใจรู้สึกคันยุบยิบจึงเอ่ยไล่ลูกพี่ลูกน้องทันที

“อะไรกัน นี่ฉันเพิ่งมานะ” จางจื่อชิงประท้วง

“จื่อชิงไม่รีบกลับก็กินอาหารด้วยกันก่อน” ซิ่วอิงเอ่ยชวนเขา อย่างไรก็อุตส่าห์เอาวัตถุดิบมาให้ครอบครัวเธอ

“ฉันกำลังหิวพอดีเลยพี่สะใภ้” จางจื่อจิงพูดพลางยิ้ม

“ไม่รีบไปเก็บเกี่ยวผลผลิตเหรอ” จางจื่อหานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาของเขาเชือดเฉือนจนคนถูกมองรู้สึกขนลุก

“แหะๆ พี่สะใภ้เอาไว้คราวหน้านะฉันต้องรีบไปทำงานแล้ว” จางจื่อชิงมองไข่ผัดกุ้ยช่ายด้วยสายตาละห้อยแต่พอหันไปเห็นสายตาของจางจื่อหานมองมาเขาก็ยิ้มแห้งรีบขอตัวกลับแล้วออกไปทันที ซิ่วอิงทำเพียงโบกมือตามหลังเขาด้วยรอยยิ้มอ่อน

“กินต่อเถอะ” จางจื่อหานเอ่ยบอกภรรยา เธอเพิ่งกินไปนิดเดียวเอง

“คุณเหมือนกัน คุณใช้แรงเยอะควรกินให้มากหน่อย” ซิ่วอิงคีบอาหารวางลงในถ้วยสามี จางจื่อหานคีบอาหารมากินดูเหมือนว่าอาหารมื้อนี้อร่อยกว่าอาหารที่เขาเคยกินมาทั้งชีวิตเสียอีก

 

เวลาผ่านไปสามวันจางจื่อหานต้องกลับไปจัดการธุระที่กองทัพ ซูเม่ยกับซีห่าวดูใจเสียไม่น้อยกลัวว่าถ้าพ่อไปแล้วย่าจะมารังแกพวกเขาอีกส่วนซีซวนทำเพียงมองด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแต่ไม่สามารถปิดแววตาที่สั่นไหว

“เดี๋ยวพ่อของลูกก็กลับมา” ซิ่วอิงปลอบใจเด็กๆ

“ถ้ามีอะไรให้ไปที่บ้านลุงหรือบอกจื่อชิง” จางจื่อหานเอ่ยบอกภรรยา เขากลัวว่าหลังจากที่เขาไปแล้วแม่เฒ่าจะมารังแกภรรยาและลูกๆ อีกเขาได้ไปขอลุงกับป้าสะใภ้ไว้แล้วว่าให้ช่วยดูภรรยาและลูกระหว่างที่เขาไม่อยู่ซึ่งทั้งสองก็รับปากทั้งยังบอกว่าจะให้จื่อชิงเอาผักมาส่งให้บ่อยๆ ซึ่งทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นอยู่มาก จางจื่อหานคิดว่าเขาควรรีบกลับไปขอย้ายงานกับผู้บัญชากองทัพแต่หากไม่ได้รับการอนุมัติเขาก็อาจจะขอลาออกอย่างไรก็ตามเขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะกลับมาอยู่กับครอบครัว

“ค่ะ คุณไม่ต้องห่วงฉันและลูกๆ นะคะแค่ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ อย่าลืมว่าพวกเรารอคุรอยู่” ซิ่วอิงเอ่ยบอกพร้อมกับส่งรอยยิ้มอ่อนโยน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่จางจื่อหานรู้สึกว่าคำพูดของภรรยาทำให้เขาอบอุ่นหัวใจเป็นนอย่างมากคงตั้งแต่ที่เขาค้นพบว่าเธอไม่ใช่เธอคนเดิมอีกต่อ

“ผมจะรีบกลับมา” จางจื่อหานเอ่ยบอกภรรยาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะลูบหัวลูกชายคนเล็กไปหนึ่งที

“พี่จื่อหาน ฉันจะไปส่งพี่ขึ้นรถไฟ” จางจื่อชิงขี่จักรยานมาจอดที่หน้าบ้านพร้อมกับตะโกนบอก จางจื่อหานหันไปมองครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาหาภรรยาและลูกๆ

“ผมต้องไปแล้ว” จางจื่อหายเอ่ยบอก

“เดินทางปลอดภัยนะคะ” ซิ่วอิงอวยพรแก่เขา จางจื่อหานพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นช้อนท้ายจางจื่อชิงเมื่อจักรยานค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปจางจื่อหานรู้สึกว่าในใจของเขาขมฝาดขึ้นเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกคิดถึงเธอแล้วสิ

 

 

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 8 บุกรุก!

    “เรื่องนี้อย่าให้พ่อของแกรู้” แม่เฒ่าจางเอ่ยบอกลูกชายคนโต แม้ว่าพ่อเฒ่าจางจะลำเอียงรักลูกชายคนโตแต่เขาก็มักจะไว้หน้าตัวเองเสมอไม่แสดงออกถึงความลำเอียงมากเกินไป วันนี้พ่อเฒ่าจางมัววแต่ไปพูดคุยกับเพื่อนฝูงทำให้ทั้งสามคนคิดวางแผนที่จะทำเรื่องนี้“คุณแม่คะ แล้วนังนั่นจะไม่ไปแจ้งสันติบาลเหรอคะ” เหมยลี่เองก็อยากได้เงินห้าร้อยหยวนแต่เธอก็กังวลไม่ได้ หากนังปากร้ายนั่นไปแจ้งสันติบาลหรือคณะกรรมการปฏิวัติพวกเธออาจจะถูกจับ“มีลูกสะใภ้ที่ไหนจะแจ้งจับแม่สามี” จะสามารถทำแบบนั้นได้ยังไง ไม่เคยมีสะใภ้คนไหนกล้าแจ้งจับแม่สามีแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่โดนทุบตีก็ตามมันถูกมองว่าเป็นปกติเว้นเสียแต่ว่าจะมีคนตาย“แต่มันแยกบ้านไปแล้วนะคะ” เหมยลี่ไม่แน่ใจว่าสามารถทำแบบนั้นได้ เธอไม่อยากถูกจับ“นี่สะใภ้ใหญ่ เธอกลายเป็นคนขี้ขลาดตั้งแต่เมื่อไหร่” แม่เฒ่าจางพูดอย่างไม่สบอารมณ์“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะแม่” เหมยลี่ที่เห็นแม่สามีเริ่มไม่พอใจก็ไม่กล้าที่จะแย้งอีก ในใจก็แอบเห็นด้วยว่าจางจื่อหานคงไม่แจ้งจับแม่ตัวเองหรอก“แม่ครับ ผมว่าเราควรไปตอนที่มันออกไปทำงาน” เวลานั้นชาวบ้านจะออกไปทำงานแลกคะแนนกันหมดไม่มีใครอยู่บ้านถือว่าทางสะด

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 7 ใครว่านางปากร้ายขี้เกียจ?

    หลังจากที่จางจื่อหานกลับไปที่กองทัพซิ่วอิงก็ยังคงทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ เพียงแต่ตอนนี้เธอคิดว่าเธอควรเริ่มไม่ทำงานแลกแต้มไม่งั้นส่วนแบ่งอาหารเธอจะได้น้อยลงเธอตั้งใจแล้วว่าจะทำให้ลูกๆ ของเจ้าของร่างกินอิ่มและนอนหลับได้เต็มที่หากเธอไม่ไปทำงานเกรงว่าอาหารจะไม่พอ วันนี้ซิ่วอิงจึงตื่นตั้งแต่ตีห้ามาเตรียมอาหารเช้าเป็นแพนเค้กและไข่ผัดมะเขือเทศ ส่วนแบ่งอาหารตอนแยกบ้านได้มาเยอะพอสมควรประกอบกับที่จางจื่อชิงนำมาให้ทำให้พวกเขามีอาหารเพียงพอที่จะกินอิ่มท้อง“แม่ทำไมวันวันนี้ตื่นเช้าจัง” ซูเม่ยที่ตื่นขึ้นมาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ส่วนซีซวนทำเพียงเหลือบมองแล้วนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว“ตื่นมาทำอาหาร” ซิ่วอิงเอ่ยตอบ เด็กคนนี้จะหาว่าเธอตื่นสายเหรอ?“แม่แปลกไปมาก” ซูเม่ยพูดพร้อมกับกินอาหาร“รีบกินจะได้รีบไปทำงาน” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเด็กสาว“วันนี้แม่จะไปทำงานด้วยเหรอ” เธอเห็นการแต่งตัวของคนเป็นแม่ก็พอจะเดาได้“แน่นอน ตอนนี้เราแยกบ้านแล้วต้องทำงานแลกคะแนน” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม“เมื่อก่อนไม่เห็นจะทำ” ซีซวนพึมพำเบาๆ“เมื่อก่อนแม่แค่เห็นว่าต่อให้ทำเราก็ไม่ได้กินดีกว่าเดิมเหมือนทำแล้วให้คนอื่นได้กิน แต่ตอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 6 จากลา

    “แม่ ฉันกลับมาแล้ว” ซุเม่ยรีบวิ่เข้ามาชโะโงกหน้าดูอาหารบนโต๊ะดวงทาของเธอวาววับ ซีซวนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อแต่ซิ่วอิงแอบเห็นว่าตอนที่มองอาหารดวงตาของเขาเป็นประกายไม่น้อย เด็กก็คือเด็กสินะ“ล้างมือหรือยัง” ซิ่วอิงเอ่ยถามเด็กๆ“แม่ไม่ต้องห่วง พวกฉันล้างเรียบร้อยแล้ว” ซีห่าวพูดพร้อมกับชูสองมือให้แม่ของตัวเองดู“งั้นรีบมากินเถอะ พ่อเขารอนานแล้ว” ซิ่วอิงรีบบอกเด็กๆ จากนั้นทั้งห้าคนก็ลงมือทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย“แพนเค้กนี้อร่อยมาก ไข่ผัดกุ้ยช่ายนี่ก็เหมือนกันฉันไม่เคยเคยกินอะไรแบบนี้มาก่อน” คำพูดไร้เดียงสาของลูกสาวไม่ต่างจากเข็มนับพันที่ทิ่มลงที่ใจของผู้เป็นพ่อ ริมฝีปากหนาขบเม้มจนเลือดห่อจนกระทั่งมีมือเรียวมาจับมือข้างที่เขาวางไว้บนขา จางจื่อหานหันไปมองไปใบหน้าของภรรยาเธอยกยิ้มบางๆ ให้เขาดูอบอุ่นและอ่อนโยนหัวใจของเขารู้สึกผ่อนคลายลง“พ่อกลับมาแล้วต่อไปนี้พวกเราจะได้กินแต่ของอร่อย” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับคีบอาหารให้กับซีห่าวตัวน้อย“ห่าวห่าว เวลาผู้ใหญ่ให้ของต้องพูดว่ายังไง” ซิ่วอิงพูดกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเธอต้องค่อยๆ สอนเขา“ขอบคุณครับแม่” ซีห่าวเอ่ยขอบคุณพ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 5 ย้ายบ้าน

    จางจื่อหานพาซิ่วอิงกลับมาเก็บสองที่ห้อง สองสามีภรรยาช่วยกันเก็บของใส่กล่องไม้ยิ่งเก็บข้าวของจื่อหานก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ ภรรยาและลูกๆ ของเขามีเพียงเสื้อผ้าเก่าๆ ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ของทั้งห้องมีแค่สองกล่องไม้ เขารู้สึกล้มเหลวในฐานะสามีและพ่อโดยสมบูรณ์ ดวงตาสีเข้มมองไปที่ภรรยาอย่างรู้สึกผิดเมื่อก่อนเธอและลูกๆ ต้องลำบากเป็อย่างมากแต่เขากลับไม่รู้อะไรเลย“แม่จ๊ะ ป้าสะใภ้บอกว่าเราต้องออกไปจากที่นี่ เป็นเรื่องจริงเหรอจ๊ะ” ซูเม่ยเอ่ยถาม ซีซวนและซีห่าวก็เดินเข้ามาในห้อง ซีห่าวรีบเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ในทันที“ผมจะไปกับแม่” ซีห่าวกลัวว่าแม่จะทิ้งจึงกอดไว้แน่น ซิ่วอิงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน“แน่นอน พวกเราจะไปด้วยกันทั้งหมด” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับยกมือเรียวลูบหัวเด็กน้อย“เราจะย้ายบ้านเหรอจ๊ะแม่” ซูเม่ยเอ่ยถามผู้เป็นแม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย ถ้าเธอไม่ต้องอยู่ที่บ้านหลังนี้อีกนับว่าเป็นเรื่องที่ดี“ใช่ ต่อไปนี้จะย้ายไปอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน” ซิ่วอิงตอบด้วยรอยยิ้ม“ยกของไปไว้ที่บ้านท้ายหมู่บ้าน” จางจื่อหานเอ่ยบอกลูกชายคนโตเสียงเรียบ ซีซวนเห็นสายตาของพ่อก็ไม่กล้าขัดรีบยกกล่องไม้ออกไปทันที“เราจะไปอยู่บ้านร้างท้ายหม

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 4 ตัดขาด

    “นี่แก แก อั๊ยหยาชีวิตฉันทำไมถึงโชคร้ายแบบนี้มีลูกชายก็ไม่เชื่อฟัง ลูกสะใภ้ก็อกตัญญู” แม่เฒ่าจางเริ่มเล่นละครร้องห่มร้องไห้ตัดพ้อชะตาชีวิตตัวเอง“แม่ว่าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ไม่?” ซิ่วอิงเอ่ยถามด้วยใบหน้าใสซื่อ“ฉันด่าเธอนั่นแหละ” แม่เฒ่าจางมองค้อนทันที“โอ้ งั้นเหรอ” ซิ่วอิงยกยิ้มแบบไม่ใส่ใจ“แก เจ้าเล็กดูเมียของลูกสิ เธอต้องการทำให้แม่ปวดใจตาย” แม่เฒ่าจางเอ่ยกับลูกชายหวังให้ลูกชายหย่ากับภรรยา“แม่ เรามาตกลงกันดีๆ เถอะ ผมจะแยกบ้านแม่ควรแบ่งเงินที่เราควรจะได้” จางจื่อหานไม่สนใจการแสดงของแม่เฒ่า“นี่ลูก” แม่เฒ่าจางพูดไม่ออก เธอรู้สึกเหมือนสูญเสียลูกชายที่เชื่อฟังไปแล้ว“เอาล่ะ พอกันได้แล้ว เจ้าเล็กจะแยกบ้านเราควรมอบเงินให้เขา” พ่อเฒ่าจางพูดออกมาในที่สุด หากเขายังปล่อยให้ภรรยาดื้อรั้นต่อไปลูกสะใภ้คนรองอาจจะไปคณะกรรมการปฏิวัติจริงๆ ถึงตอนนี้เราทุกคนจะมีความผิด“ไม่มีเงินแล้ว” แม่เฒ่าจางยังคงยืนกราน“ไปเอาออกมา ร้อยหยวนหรือสองร้อยหยวนนำมันออกมา” พ่อเฒ่าจางพูดเสียงแข็ง“ฉันจะไปมีเงินมากขนาดนั้นได้ยังไง ให้พวกเขายี่สิบหยวนก็พอนี่ถือว่ามากที่สุดแล้ว” แม่เฒ่าจางไม่ยินยอมที่จะเสียเงินจำนวนมากไป“จ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 3 สิ่งที่ได้รู้

    แม่เฒ่าจางนั่งกำตะเกียบจ้องมองไปยังครอบครัวของลูกชายคนรองด้วยสายตาไม่ค่อยจะพอใจ เธอไม่ชอบที่จะเห็นนังปากร้ายกับลูกๆ กินอาหารบนโต๊ะอย่างมีความสุข ถ้าไม่ใช่ว่าสามีต้องการไว้หน้าลูกชายคนเล็กเธอคงไล่พวกมันไปแล้ว เมื่อวานขโมยไข่เธอไปวันนี้ยังมีหน้ามากินอาหารอีก ยิ่งคิดเธอยิ่งโมโห!“นี่เจ้าเล็ก” ในที่สุดแม่เฒ่าจางก็ทนไม่ไหวที่จะสั่งสอนลูกชาย“แม่กินข้าวเถอะ” จางจื่อหานบอกผู้เป็นแม่แล้วคีบอาหารให้ภรรยา ซิ่วอิงเงยหน้ามองเขา“กิน” จางจื่อหานเอ่ยบอกเธอก่อนจะคีบอาหารของตนเองเข้าปาก“นี่แกยังเห็นหัวแม่คนนี้อยู่ไหม” แม่เฒ่าจางเริ่มโมโหที่ลูกชายคนเล็กไม่สนใจเธอ“นี่น้องชาย ทำไมถึงเมินแม่แบบนี้” จางจื่อซวานอดไม่ได้ที่จะสั่งสอนเขา“พี่ใหญ่คิดมากไป” จางจื่อหานเอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบ เขาไม่ได้เมินแม่แค่ต้องก่อนกินข้าวให้เรียบร้อยก่อนพูดคุย“น้องสามีไม่ได้อยู่บ้านดูแลแม่กลับมาก็ทำตัวห่างเหินแบบนี้มันใช้ไม่ได้” เหมยลี่พูดขึ้น“สะใภ้ใหญ่พูดถูก งั้นคุณควรกลับบ้านมาดูแลพ่อแม่” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นบ้าง ทั้งๆ ที่จางจื่อหานส่งเงินมาให้พวกเขาใช้จ่ายยังจะบอกว่าเขาไม่ได้ดูแลพ่อแม่อีก“นี่ นี่” สะใภ้ใหญ่เหมยลี่พูดไม่ออก“

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status