Share

ตอนที่ 4 การเปลี่ยนแปลง

last update Последнее обновление: 2025-04-15 16:52:54

หลี่หยุนฟางนั่งอยู่ในร้านขายของชำขนาดเล็กที่ต่อเติมแยกออกมาจากตัวบ้าน หน้าร้านติดกับถนนเส้นหลัก แต่คนที่เดินผ่านไปมาไม่ได้สนใจที่จะแวะเวียนเข้ามาจับจ่ายสินค้ามากอย่างที่ควรจะเป็น

มีบ้างที่เดินเข้ามาซื้อไข่ไก่ด้วยคูปองที่จำกัด เพราะไม่อยากสิ้นเปลืองค่ารถในการเข้าไปซื้อในตัวเอง และซื้อธัญพืชเพื่อไปทำอาหารด้วยเงินไม่กี่เหมา[1] และลูกกวาดที่ห่อกระดาษหลากสีแค่ไม่กี่เฟินเท่านั้น

คนที่ต้องการซื้อของเข้าบ้านในปริมาณเยอะเดือนละครั้ง ส่วนมากจะไปซื้อที่ร้านค้าในตัวเมืองกันมากกว่า เพราะจ่ายค่าน้ำมันรถเพียงรอบเดียวและได้แวะซื้อของอย่างอื่นติดไม้ติดมือมาด้วย

ดังนั้นของจุกจิกที่รัฐบาลไม่ได้ควบคุมการซื้อขายด้วยคูปอง จึงสามารถขายออกได้บ้าง

หญิงสาวสังเกตการจัดวางข้าวของที่วางเป็นระเบียบ แต่หากดูดีๆ แล้ว ภายใต้ความเป็นระเบียบนั้นก็ยุ่งเหยิงอยู่ไม่น้อย เพราะไม่มีการจัดแยกหมวดหมู่สินค้าอย่างชัดเจน

ถั่วและธัญพืชจัดเรียงรายแต่กลับไปปนอยู่กับในส่วนของของใช้จำพวกสบู่และแชมพู

ส่วนลูกกวาดหลากสีก็ไปวางอยู่หน้าร้าน ใกล้กับเครื่องปรุงและไข่ไก่ เพื่อดึงดูดสายตาให้คนเข้าร้าน

การจัดวางที่สะเปะสะปะนี้ ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดและอยากจัดร้านเสียใหม่

หลี่หยุนฟางใช้เวลาที่ร้านไม่ค่อยมีลูกค้า ค่อยๆ ปัดฝุ่นทำความสะอาดและจัดเรียงสินค้าให้ดูเป็นหมวดหมู่ขึ้น

เครื่องปรุง ไข่ไก่ ธัญพืช รวมถึงพวกสมุนไพรเครื่องเทศต่างๆ ที่ใช้ ปรุงอาหาร เธอจะเอาไว้เป็นหมวดหมู่เดียวกันทางด้านซ้าย

ของใช้ส่วนตัว สบู่ แชมพู ใบมีดโกน ก็จะวางไว้ฝั่งขวา โดยให้กลางร้านเป็นทางเดินในการหยิบจับสินค้า

จากนั้นก็วางลูกกวาดไว้ที่หน้าโต๊ะจ่ายเงิน เพราะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถหยิบจับได้ง่ายป้องกันการขโมยที่เกิดขึ้น การตั้งวางที่หน้าร้านจะดึงดูดสายตาเด็กได้ดีกว่าก็จริง ก็แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกขโมยได้ง่ายกว่า

ขณะที่เธอจัดร้านอยู่ก็มีคนแวะเวียนเข้ามาซื้อของบ้าง และชื่นชมกับการจัดวางร้านในรูปแบบใหม่ที่หาของได้ง่ายขึ้น พร้อมกับบ่นเรื่องคูปองที่จำกัด

หญิงสาวจึงฉุกคิดได้ว่าระบบคูปองนั้นมีผลต่อการซื้อสินค้าจับจ่ายของผู้คนก็จริง แต่ว่ารัฐบาลกำลังจะปล่อยให้มีการค้าขายด้วยตนเองอย่างเสรีมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ หญิงสาวทำงานอยู่ฝ่ายการตลาด ดังนั้นประวัติเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการค้าขายของจีนจึงได้เคยร่ำเรียนมา จึงจำได้ว่าช่วงยุค 70 นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านการค้าเกิดขึ้น ซึ่งเป็นช่วงที่เธอมาอยู่ที่นี่พอดี

“ขอให้เปลี่ยนแปลงเร็วๆ ด้วยเถอะ”

หญิงสาวพึมพำแล้วจัดร้านต่อไป จนกระทั่งเป็นที่น่าพอใจแล้วจึงยิ้มชื่นชมในฝีมือของตัวเอง

“สินค้าจำนวนเยอะก็จริง แต่ประเภทสินค้าน้อยเกินไปไม่ค่อยหลากหลาย” หญิงสาวกอดอกมองไปรอบๆ อีกครั้งเพื่อวิเคราะห์ปัญหา

ของส่วนใหญ่เป็นของที่คนซื้อหาได้ง่ายก็จริง แต่กลับมีให้เลือกอย่างจำกัด อย่างเช่นแชมพูก็มีอยู่เพียงยี่ห้อเดียว สบู่มีให้เลือกสองยี่ห้อ

บางทีนี่อาจจะเป็นปัญหาหนึ่งที่คนไม่ค่อยอยากเข้ามาเลือกซื้อของที่นี่ เพราะตัวเลือกไม่หลากหลาย

“กลับมาแล้ว” เสียงของเฉินเซียนดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงหอบน้อยๆ

“วิ่งมาทำไม บ้านกับร้านก็อยู่ห่างกันแค่นี้เอง” หญิงสาวถามในขณะที่มองดูใบหน้าที่ตื่นเต้นดีใจนั้น

“ก็ฉัน.. เอ่อ ผมคิดถึงคุณนี่” เขาพูดเสียงนุ่ม อุ้งมือหนาวาดไปเกาศีรษะด้านหลังด้วยความขัดเขินกับสรรพนามที่เปลี่ยนไป

“เอาดีๆ สิ ทำไมถึงได้วิ่งมาแบบนี้” หญิงสาวเอ็นดูความพยายามจะหยอดคำหวานของเขา แต่เธอคิดว่ามีอะไรที่มากกว่านั้น

“มีข่าวดีนะสิ วันนี้ตอนที่ผมเอาคูปองไปแลกเป็นเงิน ทางการแจ้งว่าต่อไปนี้จะเปิดให้มีการค้าขายอย่างเสรีมากขึ้น บางอย่างยังสามารถใช้คูปองได้อยู่ แต่ก็สามารถจับจ่ายด้วยเงินสดได้ ไข่ไก่ เนื้อหมู ข้าวสาร และของใช้ต่างๆ ไม่ต้องถูกจำกัดด้วยการจับจ่ายด้วยคูปองอีกต่อไป”

หลี่หยุนฟางยิ้มอย่างพอใจ สิ่งที่เธอคิดเอาไว้เป็นไปตามคาด แต่ไม่คิดว่าจะรวดเร็วขนาดนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นนิมิตหมายอันดี บางทีเหตุผลที่เธอทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ในเวลานี้ สวรรค์อาจส่งเธอมาช่วยเฉินเซียนปรับปรุงร้านของเขาก็เป็นได้

‘เหตุผลแค่นั้น ไม่ต้องส่งฉันมาก็ได้นะคะ’ คิดแล้วก็อดตัดพ้อกับโชคชะตาของตัวเองไม่ได้

เมื่อเฉินเซียนมองไปรอบๆ ร้านหลังจากแจ้งข่าวดีแล้ว พลันสายตาของเขาก็เบิกกว้างปรากฏรอยยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นว่าภายในร้านค้าของตนเองมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นมาก

“นี่คุณจัดร้านหรืออาฟาง”

“ใช่แล้วล่ะ เดิมทีคุณก็วางของเป็นระเบียบนะ เพียงแต่ว่ามันกระจัดกระจายไม่เป็นหมวดหมู่ ฉันเลยจัดให้ใหม่น่ะ คงไม่ว่ากันใช่ไหม” หญิงสาวเกรงว่าเขาจะไม่พอใจ เธอลืมคิดไปว่าต้องถามความเห็นเขาก่อน

“ไม่ว่าเลย ดีเสียอีก ว่าแต่ทำไมเอาลูกอมไปวางไว้ที่โต๊ะคิดเงินล่ะ ต้องวางไว้ด้านหน้าสิ เวลาที่เด็กๆ ตามพ่อแม่มาซื้อของ เขาก็จะได้อ้อนขอให้ซื้อ เราก็จะขายได้ง่ายขึ้น”

“วางไว้หน้าร้านดึงดูดเด็กๆ ได้ก็จริง แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกขโมยได้ง่ายน่ะ บางคนอยากมาซื้อของใช้ที่จำเป็นแต่ก็ไม่กล้ามาเพราะกลัวลูกๆ งอแง แบบนี้จะทำให้ผู้ใหญ่เข้าร้านได้เยอะขึ้นด้วย” เธออธิบายให้เขาเข้าใจ ในวัยยี่สิบห้าปีมีประสบการณ์มากกว่าเขา แม้ตอนนี้จะอยู่ในร่างหญิงสาววัยสิบแปดก็เถอะ

เฉินเซียนพยักหน้ารับฟังปัญหาที่เขามองข้าม สิ่งเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยจริงๆ ลูกกวาดมักจะหายไปบ่อยๆ เสมอโดยที่เขาไม่ทันสังเกต และเวลาผู้ใหญ่พาเด็กมาซื้อของด้วยก็มักบ่นเรื่องลูกกวาดเหล่านี้อยู่เสมอ แต่เขาก็มองข้ามไป

“จริงสิ วันไหนว่างให้แม่มานั่งเฝ้าร้านให้เราชั่วคราว แล้วคุณกับฉันก็ไปซื้อของในเมืองมาเพิ่มนะ”

“แต่ของเราเต็มร้านเลยนะ ยังขายไม่ออกเลย ดูสิยังเหลืออีกเยอะแยะ” เฉินเซียนถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม

“แต่มันมีตัวเลือกน้อย คนที่นี่บางคนเขาก็ไม่ได้ใช้แชมพูยี่ห้อนี้แล้ว ซีอิ๊วก็มีหลายยี่ห้อให้เลือก ทุกอย่างมันมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลง บางคนอาจจะไม่ชอบยี่ห้อที่คุณซื้อมาก็ได้”

เฉินเซียนรับฟังอย่างเปิดใจ เขาไม่เคยคิดถึงจุดนี้เลย เพราะคนเก่าคนแก่หากชอบใช้อะไรแล้วส่วนมากก็จะไม่ค่อยเปลี่ยนกัน แต่ลืมไปว่ายุคสมัยย่อมมีการเปลี่ยนแปลง คนรุ่นใหม่อาจจะอยากใช้ของยี่ห้อใหม่ๆ อย่างที่เธอบอก

“อืม เป็นความคิดที่ดีนะ ขอบคุณมากเลยนะ อาฟาง คุณช่วยผมได้เยอะเลย”

“ต้องขอบคุณอะไรเล่า ฉันเป็นภรรยาคุณนะ” หญิงสาวพูดโดยไม่ได้คิดอะไร

ในขณะที่เฉินเซียนได้ยินอย่างนั้นก็หน้าแดง ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ รู้สึกถึงหัวใจของตนที่เต้นรัวจนแทบจะทะลุออกมาด้านนอก

************************

[1] หน่วยเงินของจีน  10 เฟิน มีค่า 1 เหมา  และ 10 เหมา มีค่าเท่ากับ 1 หยวน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาเจ้าของร้านชำในยุค70   ตอนที่ 30 ตอนจบ

    ปี 1985 มินิมาร์ทต้าเฉินได้ย้ายไปขายชั่วคราวในที่ดินที่ซื้อใหม่ ในส่วนของร้านขายเฟอร์นิเจอร์ไม้ของเฉินเซียนที่ดินแปลงข้างๆ ยาวลงไปเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าจะทำเป็นร้านขายเครื่องเรือน แต่ตอนนี้ย้ายของที่มินิมาร์ทมาขายชั่วคราวในระหว่างที่กำลังก่อสร้าง ‘ต้าเฉินซูเปอร์มาร์เก็ต’ด้านหลังของที่ดินเป็นส่วนของโรงงานและโกดังเก็บสินค้า ที่ตอนนี้มีช่างไม้จำนวนสิบคน ยังไม่เปิดขายหน้าร้านอย่างเป็นทางการ เพราะตลอดห้าปีที่ผ่านมารับทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ตามสั่งจนไม่มีเวลาผลิตขายการก่อสร้างต้าเฉินซูเปอร์มาร์เก็ตน่าจะใช้เวลาอีกสี่เดือนจึงจะแล้วเสร็จ ในระหว่างนี้หลี่หยุนฟางดูแลที่ร้านเต็มตัวและคอยอบรมความรู้ใหม่ๆ ให้พนักงานอยู่เสมอยิ่งร้านพัฒนามาเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ เธอก็อดภูมิใจในตัวเองไม่ได้ มองย้อนไปเมื่อเก้าปีที่แล้วเธอยังนั่งปัดฝุ่นสินค้าในร้านชำอยู่เลยสามปีก่อนพวกตนกลับไปที่หมู่บ้านเดิมในเมืองซีหยวนเขตฝั่งผู่ซี เพื่อร่วมงานแต่งงานของเจียงหมิง ที่นั่นยังไม่ได้รับการพัฒนาเทียบเท่าเขตที่ตนอยู่ด้วยซ้ำรถยี่ห้อหรูที่นั่งกลับไปพร้อมกับเสื้อผ้าที่ทันสมัยและเครื่องประดับราคาแพง ทำให้ชาวบ้านที

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาเจ้าของร้านชำในยุค70   ตอนที่ 29 กิจการร่ำรวย

    โรงงานไม้ของเฉินเซียนมีคนในเมืองนั้นมาสมัครงานช่างไม้ หยวนคังพอมีฝีมืออยู่บ้างเฉินเซียนจึงรับมาช่วยงานดูก่อนเฉินเซียนและลูกมือของเขาช่วยกันทำชุดโต๊ะและเก้าอี้เอาไว้เตรียมขาย ขณะที่หน้าร้านยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดยใช้ไม้ของตนที่ตัดเอาไว้ตอนปรับปรุงพื้นที่ และขอซื้อต่อจากเจ้าของที่ดินที่กำลังปรับปรุงที่ดินบริเวณใกล้เคียงในราคาถูก เพราะดีกว่าขนเอาไปทิ้งที่อื่นโต๊ะไม้ที่หลี่หยุนฟางช่วยออกแบบดูแปลกตาและทันสมัย โต๊ะอาหารแบบมีแป้นหมุนตรงกลางแปลกใหม่สำหรับผู้คนแถบนี้มาก เพียงทำตัวอย่างออกมาชุดเดียวยังไม่ทันขัดไม้และลงเงาด้วยซ้ำ คนที่มาซื้อของที่มินิมาร์ทเดินผ่านไปเห็นก็ถึงกับสั่งจองทันทีเฉินเซียนจึงได้โอกาส เสนอลิ้นชักไม้ ชั้นวางของ เตียง และตู้เสื้อผ้าแบบเข้าชุด ทำให้ลูกค้าเศรษฐีที่กำลังวางแผนสร้างบ้านพักในแถบนี้ตัดสินใจที่จะให้เขาทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้แก่บ้านทั้งหลัง เพราะนิยมงานไม้มากกว่างานของต่างชาติกิจการมินิมาร์ทก็ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ จนต้องสั่งสินค้าให้มาส่งที่ร้านทุกๆ สามวันเพราะสินค้าแทบไม่พอต่อความต้องการจากเงินเก็บที่มีหลักหมื่น เพิ่มเป็นหลักแสนเพียงระยะเวลาไม่ถึงสองเดือน

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาเจ้าของร้านชำในยุค70   ตอนที่ 28 บ้านใหม่

    กระเป๋าเสื้อผ้าและของใช้เด็กถูกมัดไว้บนหลังคารถ เจียงหมิงและยายของเขายืนรอส่งครอบครัวสกุลเฉินอยู่ที่หน้าบ้านด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์และซาบซึ้งในบุญคุณที่มอบให้“ผมจะดูแลบ้านสกุลเฉินให้ดี และจะทำให้ร้านขายงานไม้ของผมเจริญรุ่งเรือง หาเงินจ่ายค่าเช่าให้เถ้าแก่ตรงตามเวลาอย่างแน่นอน”“เอาเงินส่วนนั้นใจให้แม่ยายฉันเถอะ ถ้าเธอมาถามนายก็ให้เธอได้เลยไม่ต้องส่งให้ฉัน แต่หากเธอไม่กล้ามาเอานายก็เก็บเอาไว้ ถ้าตอนไหนได้ผ่านมาเมืองนี้ฉันจะแวะมาหา”“ครับเถ้าแก่” เจียงหมิงรับปากด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือคล้ายจะร้องไห้ เฉินอ้ายเฟยเดินเข้าไปกอดขา แล้วดึงชายเสื้อให้เจียงหมิงอุ้มขึ้นไปเขาอุ้มเด็กชายตัวน้อยที่ช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ มือน้อยๆ นั้นวางที่แก้มแล้วเช็ดน้ำตาให้“ไม่ร้องนะอาหมิง” เสียงเล็กๆ ที่พูดไม่ค่อยชัดนั้นพยายามปลอบใจชายหน้าดุจนเขายิ้มออกมา“แล้วพบกันใหม่นะครับนายน้อย” เจียงหมิงวางเด็กชายลง จากนั้นก็เปิดประตูรถส่งคุณชายตัวน้อยขึ้นรถไป ในขณะที่หลี่หยุนฟางอุ้มลูกน้อยวัยสี่เดือนเอาไว้แล้วยิ้มลาเขากับยายจางจินเองก็เดินมาส่งโจวชิงหลิน พร้อมกับขนมให้เอาไว้กินระหว่างทาง“คุณนายเฉินขอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาเจ้าของร้านชำในยุค70   ตอนที่ 27 อกตัญญู

    ข้าวของในร้านของร้านขายของชำสกุลเฉินเริ่มร่อยหรอลงไป แต่ก็ไม่มีการซื้อเข้ามาเพิ่ม หลายคนต่างพูดถึงเรื่องนี้ในวงกว้างแม้โจวชิงหลินจะพยายามบอกว่าขายของเพื่อเตรียมจะย้ายบ้านแต่ก็ไม่มีใครเชื่อ และคิดว่าบ้านสกุลเฉินนั้นกำลังตกอับไม่มีเงินซื้อของเข้ามาขายในร้านบ้างก็เชื่อว่าอีกฝ่ายจะย้ายเพื่อหนีหนี้ หากมีเงินเก็บจริง ทำไมบ้านหลังเก่าทรุดโทรมแห่งนี้ถึงไม่ได้รับการต่อเติมให้ดูดี ยิ่งคำพูดออกมาจากปากแม่หม้ายกู่สองแม่ลูก ก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านเริ่มพูดถึงเรื่องนี้อย่างหนาหูเฉินเซียนและเจียงหมิง ในช่วงนี้พวกเขาก็ไม่รับทำงานไม้ เดินทางออกไปตั้งแต่เช้าและกลับมาตอนเย็นแทบจะทุกวันเพื่อดูแลงานก่อสร้าง แต่ชาวบ้านกลับมองว่าทั้งสองออกไปหางานทำที่อื่นเพราะว่างานไม้นั้นไม่สามารถขายออกได้แล้ว“อยากรีบไปแล้ว เมื่อไหร่เราจะได้ไปจากที่นี่เสียที” โจชิงหมิงพูดด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความอึดอัด เธอยังใจไม่แข็งพอที่จะรับฟังคำนินทาจากพวกเพื่อนบ้านเหล่านั้นแม้ลูกสะใภ้และลูกชายจะปลอบใจอยู่บ่อยครั้งว่าที่ใหม่นั้นจะดีกว่าที่เดิม แต่เธอยังไม่เห็นกับตา มันจะจริงเท็จแค่ไหนก็ไม่รู้รู้แต่ว่าเงินในบัญชีของบ้านนั้นถูกใช้

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาเจ้าของร้านชำในยุค70   ตอนที่ 26 การกลับมา

    ในฤดูหนาว ปลายปี ค.ศ. 1978 เฉินอ้ายเฟยในวัยขวบเศษกำลังจ้องมองน้องสาวที่กำลังหัดพลิกคว่ำอยู่บนเบาะนิ้วน้อยๆ เลื่อนเข้าไปจิ้มแก้มป่องๆ นั้นด้วยความมันเขี้ยว แต่ก็ทำได้เพียงแค่แตะเบาๆ เพราะกลัวว่าน้องสาวจะเจ็บหลี่หยุนฟางมองภาพที่น่าเอ็นดูนั้น ทั้งสองนอนเล่นอยู่กลางเตียงโดยมีเธอและสามีนอนกั้นขอบเตียงเอาไว้“อากาศหนาวแบบนี้ไม่อยากเปิดร้านขายของเลย อยากนอนขี้เกียจอยู่ในผ้าห่มเสียมากกว่า”หลี่หยุนฟางบ่นแล้วอ้าปากหาวนอน เธอต้องตื่นมาให้นมเฉินเยว่อิงทั้งคืน ตอนนี้จึงไม่อยากลุกตื่นขึ้นไปไหน“แม่บอกว่าไม่ต้องให้คุณออกไปช่วยที่ร้าน ท่านเข้าใจว่าคุณเลี้ยงเด็กๆ เหนื่อยแค่ไหน ไม่ต้องไปฟังเสียงชาวบ้านหรอก ขอแค่เราเข้าใจกันเท่านั้นก็พอ” เฉินเซียนบอกภรรยาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มปากของสองแม่ลูกสกุลกู่ที่เป็นม่ายทั้งสอง หม้ายกู่เล็ก หม้ายกู่ใหญ่ เป็นปากที่ช่างไม่เคยอยู่สุขรู้ทั้งรู้ว่าภรรยาของเขากำลังเลี้ยงลูกน้อยทั้งสองคนจนไม่มีเวลาพักผ่อน มารดาของเขาจึงออกไปช่วยขายของที่ร้านชำ แต่กลับนินทาว่าเธอขี้เกียจไม่ทำงานปล่อยให้แม่สามีและสามีทำงานกันอยู่ลำพัง โดยที่ตัวเองนั่งสุขสบายไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูเหมือนว่าหลี

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาเจ้าของร้านชำในยุค70   ตอนที่ 25 หัวปีท้ายปี

    เฉินอ้ายเฟย ทารกวัยหกเดือนกำลังนั่งบนรถหัดเดินที่เลียนแบบรถหัดเดินในยุคปัจจุบัน ถูกทำขึ้นโดยฝีมือของเฉินเซียนและการออกแบบของหลี่หยุนฟางบริเวณที่นั่งถูกเจาะรูตรงกลางแล้วใส่ผ้าผูกเอาไว้สำหรับนั่ง ความสูงอยู่ในระดับที่ขาแตะพื้นพอดีทำให้เจ้าตัวน้อยสามารถใช้เท้าไถไปมาวิ่งเล่นได้อย่างอิสระในพื้นที่คับแคบอย่างในร้านขายของชำ ตอนนี้จึงได้แต่นั่งนิ่งไม่สามารถขยับไปไหนได้ แต่เท้าก็ยังแตะพื้นโยกไปมาพร้อมทั้งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากด้วยความชอบใจ อารมณ์ดีทั้งวันเป็นที่รักและเอ็นดูแก่ผู้พบเห็นรถหัดเดินสำหรับเด็กจึงถูกถามหาเป็นจำนวนมาก มีบางคนบอกว่าเคยเห็นเก้าอี้แบบนี้วางขายในเมืองเป็นสินค้าจากต่างประเทศ ทำให้หลี่หยุนฟางรู้ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ของแปลกใหม่สำหรับยุคนี้ เพียงแค่ที่นี่เป็นชนบทของสิ่งนี้จึงยังมาไม่ถึงเท่านั้นเองแต่ถึงอย่างนั้นก็ได้รับความสนใจของบ้านที่มีเด็กวัยไล่เลี่ยกันกับลูกชายของเธอ ดังนั้นจึงมีคนสั่งทำอยู่จำนวนหนึ่งเพื่อที่จะให้เด็กน้อยได้นั่งและหัดเดิน ในยามที่ผู้ใหญ่กำลังกินข้าวหรือว่าทำงานบ้านจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มอยู่ตลอดโจวชิงหลินที่ตอนนี้สามารถเดินได้อย่างคล่องแคล่วราวกับคนที่ไม่เคยเจ็บป่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status