ลูกค้ารายนี้อมยิ้มเล็กน้อย ไม่คิดว่าแม่ค้าสาวคนนี้จะมองเธอออกว่าเธอไม่ใช่ลูกค้าทั่วไปที่หาซื้ออาหารมากิน จึงได้สอบถามถึงสินค้าชนิดอื่น
“แล้วเธอมีสินค้าอื่นเสนออีกหรือไม่ ฉันไม่ได้ต้องการเฉพาะเนื้อตากแห้งเท่านั้น ฉันไม่ได้อยู่เมืองนี้ แต่ต้องการหาซื้อของจำพวกอาหาร
ไปขายที่เมืองข้าง ๆ”
“มีค่ะ มีอีกหลายอย่างเลย ว่าแต่ลูกค้าจะรออีกสักหน่อยได้หรือไม่คะ พอดีว่าฉันติดลูกค้าหน้าร้าน หรือว่าจะเดินเลือกซื้อของก่อนก็ได้ อีกครึ่งชั่วโมงค่อยกลับมาใหม่ เดี๋ยวฉันจะเอาสินค้าอื่น ๆ มาให้ดู”
ฟางเจียวเหมยแม้ว่าอยากจะได้ลูกค้ารายใหญ่ แต่เวลานี้เธอมีลูกค้าหน้าร้านที่ต่อคิวซื้อจำนวนไม่น้อย เลยต้องเสียมารยาทให้อีกฝ่ายรอก่อน
หรือว่าจะไปซื้อของเพื่อขั้นเวลา
“ได้สิ เธอขายของไปก่อน อีกครึ่งชั่วโมงฉันจะกลับมาใหม่” ลูกค้ารายนี้ยินยอมที่จะรอ เพราะเธอเดินตลาดมืดมาหลายแห่งแล้วก็ไม่มีของที่ต้องการเหมือนร้านนี้ จากนั้นจึงไปเดินเล่นและเลือกซื้อของร้านอื่นก่อนเพื่อฆ่าเวลา
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ลูกค้าหน้าร้านก็หมดลงจริง ๆ และวันนี้ฟางเจียวเหมยขายได้ไม่น้อยเลย จากที่คาดคะเนเวลานี้ในมิติน่าจะมีเงินราว ๆ หนึ่งพันกว่าหยวนแล้ว รวมของเก่าที่มาขายเมื่อวานด้วย ไม่คิดว่าการตัดสินใจเอาสินค้าออกมาขายหลายอย่าง จะขายง่ายกว่าเดินหาลูกค้าเหมือนเมื่อวาน
เมื่อไม่มีลูกค้าแล้ว ฟางเจียวเหมยทำทีเป็นหยิบของออกมาจากตะกร้าที่มีผ้าปิดที่เธอวางไว้ข้าง ๆ ก่อนจะหยิบ หมูแผ่น หมูสวรรค์ หมูทุบ หมูฝอย หมูหย็อง หมูตากแห้ง หมูแดดเดียว เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นจะต้องการสินค้าแบบไหน
ส่วนพวกขาหมูตากเกลือหรือที่เรียกว่าแฮม และเบคอนนั้น เธอไม่ได้เอาออกมา เพราะถ้าเอาออกมา อีกฝ่ายคงสงสัยว่าเธอแบกเอาขาหมูใส่ตะกร้าแล้วยังมีของอื่น ๆ อยู่ด้านในตะกร้าใบเล็ก ๆ อย่างนี้ได้อย่างไร
“ฉันกลับมาแล้ว” ลูกค้าคนเดิมเดินกลับมา ก่อนจะเอ่ยเรียกหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะคุณลูกค้า นี่คือเนื้อหมูแปรรูปที่ฉันพอจะหาได้ ไม่ทราบว่าลูกค้าต้องการแบบไหนบ้างคะ เดี๋ยวฉันจะแกะให้ลูกค้าลองชิมนะคะ ”
พูดจบ ฟางเจียวเหมยก็ไม่รีรอ ก่อนจะแกะห่อของเนื้อหมูแปรรูปทั้งหลายออก ก่อนจะส่งให้ลูกค้าคนนี้ชิม ซึ่งสร้างความพอใจให้กับลูกค้าไม่น้อย จากนั้นฝ่ายลูกค้าจึงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเพื่อเจรจาการค้าในครั้งนี้
“ฉันต้องการทุกชนิดอย่างละหนึ่งร้อยชิ้น เธอให้ราคาฉันเท่าไหร่ สิบสามหยวนได้ไหม”
หากจะบอกว่านี่เป็นการต่อราคาเกือบครึ่งของราคาขายหน้าร้าน ลูกค้ารายนี้ยอมรับว่าเธอต่อราคาโหดจริง แต่สำหรับการเอาไปขายเพื่อหวังกำไร การต่อราคาจึงเป็นสิ่งปกติของแม่ค้าเช่นเธอเหมือนกัน และคิดว่าเธอซื้อจำนวนเยอะ อย่างน้อย ๆ ต่อให้ได้กำไรชิ้นละห้าเหมา แม่ค้าคนนี้ก็ได้หลายร้อยหยวน อย่างไรก็ดีกว่านั่งขายจนหลังแข็ง
“โอ้..ให้ลดราคาขนาดนี้เลยเหรอคะ ขอฉันคิดดูก่อนนะคะว่าจะยังพอเหลือกำไรอยู่ไหม” ฟางเจียวเหมยแกล้งทำหน้าตกใจและเคร่งเครียดเล็กน้อย แต่ในใจนั้นคิดคำนวณราคาอย่างเร่งรีบว่าเธอจะได้เงินจากการขายครั้งนี้เป็นเงินเท่าไร
‘เรานำสินค้าแปรรูปมาให้ดูแปดอย่าง ถ้าขายได้อย่างละหนึ่งร้อยชิ้น รวมทั้งหมดแปดร้อยชิ้น รวม ๆ แล้วเราจะได้เงินจากการค้าครั้งนี้หนึ่งหมื่นกับสี่ร้อยหยวนเชียวนะ'
“ก็ได้ค่ะ แม้จะได้กำไรไม่เยอะ แต่ก็ดีกว่ามานั่งขายเอง”
สุดท้ายแล้วฟางเจียวเหมยทำทีเป็นยินยอม แต่หารู้ไม่ว่าในใจนั้นลิงโลดอย่างมาก เพราะเงินที่ขายได้ในครั้งนี้ทำให้เธอสามารถซื้อทั้งร้านค้าและบ้านได้แล้ว ส่วนเงินจะหมดกระเป๋าหรือไม่เธอไม่สนใจ เพราะอย่างไรก็หาใหม่ได้
“คุณลูกค้าจะเอาของไปวันนี้เลยหรือเปล่าคะ หรือว่ามาเอาวันหลัง” คราวนี้เธอเจรจาการค้าขึ้นมาอย่างจริงจัง
“ถ้าฉันต้องการวันนี้เลยเธอทำได้หรือไม่ล่ะ”
“ได้ค่ะ แต่รอสักหน่อยนะคะ เดี๋ยวฉันไปนำสินค้ามาให้” ฟางเจียวเหมยตอบกลับก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น อย่างไรลูกค้าคนนี้ก็รู้ว่าเธอมีแหล่งซื้อแล้วกินกำไร จะเอาออกมาวันไหนก็เหมือนกัน
หญิงสาวหายไปราว ๆ ครึ่งชั่วโมงก็กลับมาตัวเปล่า
“คุณลูกค้าตามมาด้านนี้ค่ะ ฉันเตรียมของไว้แล้ว ไม่ทราบว่ามีคุณมีคนขนของมาด้วยหรือไม่คะ” ฟางเจียวเหมยกลับมาถึงก็เอ่ยถาม เพราะจะให้เธอขนมาให้ตรงนี้ทั้งหมดก็ไม่ไหวนะ เพราะมันหนักและเป็นที่โจ่งแจ้งมากเกินไป เธอจึงได้เอาออกมาไว้ตรงซอกตึกและจ้างเด็กหนุ่มอายุราว ๆ สิบสามปีเฝ้าไว้
“เดี๋ยวฉันค่อยจ้างแรงงานในนี้ขนไปที่รถของฉันเอง แม่ค้าไม่ต้องกังวล” เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เพราะแรงงานรับจ้างขนของนั้นมีมากมายในตลาดมืด จึงไม่ต้องกังวลหากต้องขนของในปริมาณมาก ๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญทางนี้ค่ะ”
จากนั้นฟางเจียวเหมยจึงพาลูกค้ารายใหญ่มาที่ซอกตึกเพื่อนับจำนวนและตรวจดูสินค้า
“ขอบใจมากนะ คราวหลังจะใช้บริการใหม่” ฟางเจียวเหมยยื่นเงินให้เด็กหนุ่มหนึ่งหยวนเป็นค่าจ้างเฝ้าของ
พอรับเงินมาเด็กหนุ่มคนนี้ดูตกใจมากเพราะแค่เฝ้าของในเวลาไม่นาน แต่พี่สาวคนนี้กลับให้เงินมาตั้งหนึ่งหยวน “มันมากไปครับ”
“ไม่หรอก มูลค่าของที่เธอเฝ้ามันเยอะมาก แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ ส่วนนี่เนื้อหมูอย่างดี เอากลับไปทำอาหารกินที่บ้านกับครอบครัวเถอะ ขอบใจมาก” พูดจบเธอก็ส่งเนื้อหมูให้กับเด็กหนุ่มหญิงสาวไม่คิดว่าเงินหนึ่งหยวนจะมากไปหากเทียบกับปริมาณและมูลค่าสินค้าทั้งหมดนี้
“ขอบคุณครับพี่สาว” เด็กหนุ่มค้อมหัวขอบคุณไม่หยุด พร้อมกับรับเงินกับเนื้อหมูชิ้นใหญ่ ที่ดูแล้วน่าจะสองชั่งได้มา ก่อนจะรีบวิ่งกลับบ้านด้วยความดีใจ ที่วันนี้ได้เงินตั้งหนึ่งหยวนและยังมีเนื้อหมูอีกด้วย
“คุณลูกค้านับสินค้าได้เลยค่ะ ว่าครบหรือเปล่า” จากนั้นฟางเจียวเหมยก็หันมาพูดกับลูกค้าของเธอต่อ
ลูกค้าสาวพยักหน้า ก่อนจะเดินออกมาจากซอกตึกและมองหาคนของเธอ จากนั้นก็ให้คนที่ติดตามมานับจำนวนสินค้าว่าครบหรือไม่ ก่อนจะจ่ายเงินตามที่ตกลงเมื่อการตรวจสอบสินค้าจบลง
“เธอมาขายที่นี่ตลอดหรือไม่” ก่อนกลับเธอเอ่ยถามว่าฟางเจียวเหมยจะมาขายที่นี่อีกหรือเปล่า เพราะนี่คงไม่ใช่การซื้อขายครั้งสุดท้ายระหว่างสองคนแน่นอน
“มาค่ะ แต่ไม่สามารถระบุวันได้ว่ามาวันไหนบ้าง” ฟางเจียวเหมยตอบกลับไปตามตรงตอนนี้เธอยังไม่สามารถบอกได้ว่าเธอจะเปิดร้านขายข้าวและอาหารแห้งรวมถึงเนื้อพวกนี้ด้วย เนื่องจากยังไม่จ่ายเงินค่าซื้อร้าน แต่อีกไม่นานนี้แหละที่เธอจะมีร้านค้าของตัวเอง
“ตกลง ฉันเองก็มาซื้อของเข้าร้านทุกเดือนอยู่แล้ว หากสินค้าหมดก่อนแล้วฉันไม่ได้มา จะให้คนติดตามสองคนนี้มาซื้อแทนก็แล้วกัน หากเธอมีสินค้าใหม่ ๆ ที่ต้องการขายก็ฝากบอกพวกเขาไปได้นะ” ลูกค้าพยักหน้ารับรู้ก่อนจะบอกแนวทางการทำการค้าในครั้งต่อไป
“ได้ค่ะ” ฟางเจียวเหมยก็พยักหน้ารับรู้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็แยกย้าย ฟางเจียวเหมยนั้นรีบกลับไปยังสำนักงานขายที่ดินทันที เพราะตอนนี้เธอมีเงินครบตามจำนวนที่จะซื้อทั้งบ้านและร้านค้าแล้ว
บทส่งท้าย ครอบครัวอบอุ่นหลี่อี้ข่ายเมื่อรู้เรื่องว่าภรรยาเหมือนจะคลอดแล้วจึงรีบตามไปที่โรงพยาบาลทันที พอมาถึงก็รู้ว่าภรรยาได้เข้าไปในห้องคลอดแล้ว เขาได้แต่เดินไปเดินมาที่หน้าห้องคลอด จนทุกคนเวียนหัวไปหมดแล้วในตอนนี้“อาข่ายหยุดเดินแล้วมานั่งก่อนเถอะ ตาเวียนหัวไปหมดแล้ว” นายท่านผู้เฒ่ากงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นเพราะเขาเวียนหัวไปหมดแล้วจากการเดินของหลานเขย“ครับ คุณตา”แต่ถึงแม้จะบอกอย่างนั้น หลี่อี้ข่ายก็ไม่ยอมนั่ง เขาเดินไปยืนเอาหน้าแนบประตูห้องคลอด เหมือนกับว่าจะมองให้ทะลุเข้าไปในห้องให้ได้ นั่นจึงทำให้ทุกคนส่ายหัวให้กับความตื่นเต้นของเขา ทั้ง ๆ ที่เคยมีลูกมาก่อนแล้วสองคนไม่นานประตูก็เปิดออกและมีคุณหมอก็ออกมาแจ้งข่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มว่า“ยินดีด้วยนะคะ คุณเจียวเหมยคลอดลูกแฝดชายหญิงค่ะ”“ภรรยาผมเป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ” ชายหนุ่มรีบถามถึงอาการของภรรยาก่อนจนคุณหมอต้องอมยิ้ม เพราะเขาไม่ถามเลยว่าแฝดกี่คน‘ดูท่าว่าคนนี้จะรักภรรยามากจริง ๆ’ หมอคิดในใจ“ภรรยาคุณหลังจากที่คลอดลูกก็เพลียจนตอนนี้หลับไปแล้วค่ะ อาการปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกเลยค่ะ ว่าแต่คุณพ่อไม่ถามเหรอคะ ว่าคราวนี้ลูกแฝ
บทที่ 74 รับปู่กับย่ามาอยู่ด้วย“ฮือ ๆ ๆ ตาแก่นั่นตอนนี้ป่วยหนัก แต่ย่าไม่มีเงินพาไปหาหมอเพราะสะใภ้ใหญ่แอบเอาเงินที่มีไปให้บ้านเดิมยืม จนตอนนี้บ้านซ่งก็ยังไม่คืน แถมเมียอาจงพอเห็นสามีติดคุกก็หอบเงินที่มีหนีไปอีก ตอนนี้บ้านหลี่เราลำบากมาก แทบไม่มีอะไรกิน ตาแก่ทำงานหนักจนร่างกายไม่ไหวสะดุดล้มหน้าบ้าน จากนั้นก็เดินไม่ได้อีกและนอนป่วยอยู่ที่บ้าน กินน้ำต้มข้าวประทังชีวิตไปวัน ๆ ”ย่าหลี่พูดออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ นางเคยบากหน้าไปขอจากลูกคนรอง แต่บ้านนั้นแทบจะไม่เปิดประตูต้อนรับนางเช่นกันหลี่อี้ข่ายได้ฟังอย่างนั้นก็หันไปสบสายตากับฟางเจียวเหมย เมื่อเธอพยักหน้าให้ เขาก็ออกคำสั่งกับคนที่เป็นทั้งสหายและลูกน้องคนสนิทของตนเองทันที“เผิงหยู่ นายเอารถฉันพาย่าไปรับปู่แล้วรีบไปส่งโรงพยาบาล ค่ารักษาฉันจะจ่ายเองทั้งหมด อ้อ เอาอาหารแล้วก็ของใช้ไปให้เพียงพอสำหรับปู่กับย่าด้วยนะ คนอื่นไม่เกี่ยว” ชายหนุ่มไม่อยากคิดถึงความร้ายกาจที่บ้านใหญ่มีต่อบ้านสามของเขา ครั้งนี้เขาขอทำเพื่อพ่อที่จากไป อย่างน้อยก็ได้กตัญญูแทนท่าน และเขาทำให้ปู่กับย่าเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์“ครับเถ้าแก่” เผิงหยู่ขานรับทันที เขารู้สิ่
บทที่ 73 ความสุขที่ได้แบ่งปันข่าวเรื่องที่ร้านหลี่ฟางจะตั้งโรงทานเพื่อแจกอาหารและของใช้ให้ชาวบ้าน ต่างกระจายไปทั่ว ไม่ว่าหมู่บ้านนั้นจะอยู่ลึกและกันดารแค่ไหน สามล้อพุ่มพวงก็เดินทางไปส่งข่าวหลังจากขายของหมดแล้ว ชาวบ้านที่ได้ยินต่างก็ตื่นเต้นดีใจ ทุกคนได้แต่อวยพรให้ร้านหลี่ฟางขายดีและร่ำรวยยิ่งกว่าเดิม พอนายท่านกงและนายท่านผู้เฒ่ากงทราบเรื่อง ทั้งสองก็มาช่วยลงขันด้วย โดยการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่ยากไร้ ไม่มีทุนทรัพย์ในการเรียนต่อเบื้องต้นจำนวน 50 ทุนและจะพิจารณาทุนให้เป็นการเฉพาะรายที่อยากเรียนถึงระดับมหาวิทยาลัย โดยจะคัดเลือกจากคนเรียนดีแต่ยากจนจริงๆ อีกครั้งในภายหลัง พอเรื่องนี้เข้าหูชาวบ้าน ทุกคนก็ยิ่งดีใจมาก เพราะหลายครอบครัวที่อยากส่งลูกหลานเรียนแต่ไม่มีเงิน“ขอบคุณตระกูลหลี่ ตระกูลฟาง และตระกูลกง นอกจากฉันจะไม่อดตายในหน้าหนาวปีนี้แล้ว หลานของฉันมีโอกาสได้เรียนต่อตามที่เขาตั้งใจไว้อีกด้วยขอบคุณจริงๆ”ยายเฒ่าคนหนึ่งหลั่งน้ำตาออกมา เมื่อได้ยินประกาศจากรถสามล้อพุ่มพวง เนื่องจากเธออาศัยอยู่กับหลานชายและลูกชาย ซึ่งตอนนี้หลานชายเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เนื่องจากบ้านพวกเธอต่างยอม
บทที่ 72 คืนกำไรให้ชาวบ้าน“เป็นอย่างไรบ้าง อย่างที่คิดไหม” นายท่านผู้เฒ่ากงสอบถามทันทีด้วยสีหน้าร้อนรนปนตื่นเต้น เมื่อหลานทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน“เป็นอย่างที่คิดครับคุณตา เจียวเหมยตั้งท้องแล้วครับ แปดสัปดาห์แล้วครับคุณตา” หลี่อี้ข่ายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เพราะเวลานี้เขากำลังดีใจที่จะมีลูกเพิ่ม“จริงหรือ” หนิงหงชุนพอได้ยินว่าลูกสะใภ้ตั้งท้องอีกครั้งก็รีบวางหลานสาวเข้าคอกกั้น ก่อนจะวิ่งออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจส่วนนายท่านผู้เฒ่ากงปรากฏรอยยิ้มดีใจบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่“จริงครับแม่”หลี่อี้ข่ายตอบกลับผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน เนื่องจากเวลานี้เขากำลังดีใจกว่าทุกคนในเรื่องนี้ ส่วนฟางเจียวเหมยนั้นไม่ต้องห่วง เธอนั้นมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ทั้งอบอุ่นหัวใจและดีใจก่อนจะเดินไปหาลูกน้อยทั้งสองคนที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในคอก“อาหมิง หนิงหนิง เราสองคนกำลังมีน้องแล้วนะ ดีใจไหม” ความดีใจนี้เธออยากจะบอกให้ลูกทั้งสองคนรับรู้“น้อนเหยอ” หลี่ลี่หนิงละทิ้งของเล่นในมือพร้อมกับเอียงคอถามด้วยท่าทีที่น่ารัก“ค่ะลูก หนูกำลังจะมีน้องรู้ไหม” หญิงสาวตอบกลับพร้อมกับลูบหัวลูกสาวตัวน้อยด้วยความอ่อนโยน ส่วนหลี่ชุน
บทที่ 71 ตั้งท้องแล้วหลังจากเปิดใจกันวันนั้นฟางหลู่เฉินและหลี่เหว่ยเหลียนก็ได้เปิดตัวกับทุกคน ซึ่งทั้งสองครอบครัวต่างก็ยินดีกับทั้งสองคนด้วย รวมถึงนายท่านผู้เฒ่ากงด้วย วันเวลาล่วงเลยจนอี้เสี่ยวม่านใกล้คลอดแล้ว ส่วนกงเฉิงเสวียนก็เดินทางไปกลับระหว่างสองเมืองเพื่อดูแลงานเองทุกที่ รวมถึงร้านรับซื้อหยกของเขาด้วย มีบางครั้งที่ฟางเจียวเหมยและสามีตามไปด้วยเพื่อหาซื้อหยกแล้วขายต่อให้พี่ชายอีกทั้งเวลานี้โรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ก็คืบหน้าไปมาก เพราะฟางเจียวเหมยทุ่มเงินไปกับส่วนนี้ไม่น้อย แม้การก่อสร้างจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่ประสิทธิภาพและความคงทนแข็งแรงนั้นไม่ด้อยไปกว่าใคร เพราะทรัพย์สินพวกนี้เป็นอะไรที่สามารถเก็บกินระยะยาวหลายสิบปีและเธอตั้งใจจะทำเพื่อมอบไว้ให้ลูก ๆฟางเจียวเหมยและหลี่อี้ข่าย ตอนนี้ทั้งสองคนมีอิทธิพลในเมืองแห่งนี้และเมืองใกล้ ๆ ไม่น้อย เพราะกิจการที่เจริญรุ่งเรืองไม่หยุดของทั้งคู่ ทำให้เป็นที่นับหน้าถือตาของกลุ่มนักธุรกิจด้วยกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าชาวบ้านธรรมดา จะกลายเป็นผู้มีเงินได้มากขนาดนี้อีกทั้งคุณนายหลี่อย่างฟางเจียวเหมย ยังมีฐานะเป็นหลานสาวของตระกูลกงที่มั่งคั่งและร่ำรวยระ
บทที่ 70 คำสารภาพของฟางหลู่เฉินหลังจากส่งนายท่านกงขึ้นรถแล้ว ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง รวมถึงกงเฉิงเสวียนที่เปิดกิจการใหม่ที่นี่ด้วยนั่นก็คือโรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ตามคำแนะนำของน้องสาวอย่างฟางเจียวเหมย ซึ่งเธอก็สร้างด้วยเหมือนกัน เพราะกิจกรรมพวกนี้ มันไม่ได้แย่งชิงลูกค้ากันอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นที่ต้องการของคนที่อยากมีบ้านแต่ทุนน้อยและไม่มีที่ดินของตนเอง ซึ่งการที่ฟางเจียวเหมยให้พี่ชายคนนี้มาทำกิจการนี้ นั่นก็เพราะว่ากงเฉิงเสวียนมีเส้นสายในการขออนุญาตกับภาครัฐอย่างไรล่ะ หากเป็นตาสีตาสาเช่นเธอ ทุกอย่างคงจะยากน่าดูพอทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว นายท่านผู้เฒ่ากงก็หันมาเล่นกับสองแฝดด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของชายชราปรากฏให้เห็นแล้วว่าเขานั้นมีความสุขที่จะอยู่ตรงนี้ ซึ่งเด็กน้อยแม้จะพูดไม่ค่อยชัดเพราะเริ่มหัดพูด แต่ก็พยายามโต้ตอบสื่อสารกับผู้เป็นทวดของทั้งสองคนอย่างร่าเริง“ฉันฝากสองแฝดหน่อยนะคะนายท่านผู้เฒ่า เดี๋ยวจะไปเตรียมอาหารไว้สำหรับมื้อเที่ยงของเด็กๆ วันนี้นายท่านต้องการรับประทานอาหารชนิดไหนคะ ฉันจะได้เตรียมไว้ให้” หนิงหงชุนพอเห็นว่าทุกคนไปหมดแล้ว เลยฝากหลานทั้งสองไว้ให้นายท่านผู้