Beranda / รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80) / บทที่ 15 วางแผนร้ายเพื่อฉกชิงของคนอื่น

Share

บทที่ 15 วางแผนร้ายเพื่อฉกชิงของคนอื่น

Penulis: sanvittayam
last update Terakhir Diperbarui: 2025-08-25 11:54:41

บทที่ 15 วางแผนร้ายเพื่อฉกชิงของคนอื่น

“อ้าวคุณลูกค้า ไม่ทราบว่าลืมอะไรหรือเปล่าคะ” พนักงานขายคนเดินเพิ่งคุยกับลูกค้าในสำนักงานเสร็จพอดี เมื่อเห็นฟางเจียวเหมยเข้ามาอีกครั้ง จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

“ฉันไม่ได้ลืมของค่ะ แต่ฉันจะมาซื้อบ้านและร้านขายข้าวสารที่คุณแนะนำให้เมื่อเช้านี้” ฟางเจียวเหมยยิ้มแย้มกลับไป ก่อนจะบอกถึงความประสงค์ที่กลับมาในครั้งนี้

“ค่ะคุณลูกค้า เชิญทางนี้ค่ะ”

ถึงแม้จะมึนงงที่ลูกค้ากลับมาเร็วมาก แต่พนักงานขายก็พยายามเรียกสติแล้วพาฟางเจียวเหมยเดินมายังโต๊ะทำงานเพื่อให้กรอกรายละเอียดเอกสารซื้อขาย

“ถ้าฉันจะขอลดราคาสักหน่อยได้ไหมคะ” ฟางเจียวเหมยถามขึ้น เมื่อดูเอกสารแล้ว การซื้อขายจะต้องมีการต่อรองราคาเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ

“ได้ค่ะ อย่างนั้นรอสักครู่นะคะ ฉันจะไปแจ้งเจ้าของที่และสอบถามราคาสุดท้ายมาให้นะคะ”

พูดจบพนักงานก็รีบไปแจ้งเจ้าของทั้งสองที่ว่ามีลูกค้าตกลงซื้อแล้วและได้สอบถามราคาสุดท้ายมาให้ ไม่นานเธอก็กลับมาแจ้ง และเป็นราคาที่ฟางเจียวเหมยพอใจไม่น้อยเพราะประหยัดเงินไปได้อีกมากพอสมควร

หลังจากจัดการเรื่องเอกสารครบแล้ว พนักงานและผู้จัดการจึงพาฟางเจียวเหมยไปดูทั้งร้านค้าและบ้าน ก่อนจะพาเธอไปยังสำนักงานที่ดินเพื่อจัดการโอนกรรมสิทธิ์ให้เป็นของฟางเจียวเหมย

“เรียบร้อยแล้วนะคะ ส่วนเอกสารเปลี่ยนชื่อ คุณเจียวเหมยกลับมารับเอกสารอีกสองสัปดาห์ แต่ถ้าจะเปิดร้านขายก่อนก็ได้ค่ะ หากมีคนมาขอดูเอกสารก็ให้ติดต่อมาที่สำนักงาน ทางเราจะไปชี้แจงให้เอง” พนักงานสาวบอกเกี่ยวกับเรื่องร้านขายข้าว

“ฉันคงยังไม่เปิดในเดือนนี้หรอกค่ะ อย่างไรอีกสองสัปดาห์ฉันจะไปรับเอกสารใบอนุญาตนะคะ ส่วนนี่เป็นสินน้ำใจจากฉัน และนี่ของผู้จัดการค่ะ”

ฟางเจียวเหมยยื่นเงินให้พนักงานขายยี่สิบหยวนเพื่อเป็นน้ำใจและธรรมเนียมของการซื้อขายที่ดิน และให้ผู้จัดการเพียงสิบหยวนเพราะเขาทำเพียงขับรถพามาดูบ้านและร้านค้า รวมถึงพามาที่สำนักงานที่ดินเท่านั้น

“ขอบคุณมากค่ะ / ขอบคุณครับ” พนักงานและผู้จัดการจากสำนักงานขายที่ดินเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม และไม่คิดว่าลูกค้าที่แต่งตัวบ้าน ๆ ธรรมดาจะซื้อบ้านและร้านค้าพร้อมกัน แถมยังให้สินน้ำใจจำนวนไม่น้อยเลย

หลังจากซื้อบ้านและร้านค้าเป็นของตัวเองแล้ว ฟางเจียวเหมยจึงเดินออกมาจากสำนักงานที่ดินด้วยใจที่พองโต ไม่คิดว่ามาเพียงสองวัน

เธอจะสามารถซื้อบ้านและร้านค้าได้

“ขอบคุณนะคะท่านยมทูต”

หญิงสาวเอ่ยขอบคุณออกไปเบา ๆ  เพราะความสำเร็จในครั้งนี้ก็มาจากมิติที่ท่านยมทูตมอบให้อย่างไรล่ะ

ฟางเจียวเหมยเอาเนื้อและอาหารที่ต้องปรุงเย็นนี้ออกมาจากมิติและเสื้อผ้าของแต่ละคนมาอีกคนละสองชุด เวลานี้เธอมีบ้านและร้านค้าแล้ว

ก็ไม่กลัวเรื่องที่หากต้องแยกบ้านแล้วจะไปอยู่ที่ไหนอีกแล้ว

แต่การค้าในวันนี้ช่างวุ่นวายเสียเหลือเกิน หากมีคนมาช่วยก็คงดี “เอ๊ะ หรือว่าเราควรบอกพี่ใหญ่เรื่องแหล่งสินค้าดี” เพราะกลัวว่าใครจะได้ยินเลยไม่พูดถึงมิติ แต่พูดถึงเรื่องแหล่งสินค้าแทน

หญิงสาวยังคงตัดสินใจไม่ได้ว่าบอกหรือไม่บอกดี จนเกวียนขับเข้ามาถึงในหมู่บ้านจึงได้สติ ก่อนจะจ่ายเงินแล้วเดินกลับบ้านด้วยหัวใจเบิกบาน ที่สามารถซื้อบ้านและซื้อร้านค้าได้

แต่ปัญหาก็ยังมี หากเธอพาแม่สามีและน้องสามีย้ายเข้าบ้านใหม่ เธอจะบอกทั้งสองคนอย่างไรว่าเอาเงินจากที่ไหนมาซื้อบ้านและร้านกันล่ะ สุดท้ายแล้วฟางเจียวเหมยตัดสินใจจะบอกความลับกับพี่ชาย เพราะอย่างน้อยทั้งสองยังอ้างได้ว่าสินเดิมที่แม่ทิ้งไว้ให้อย่างไรล่ะ

ย้อนกลับมาที่บ้านใหญ่หลี่ เวลานี้สองแม่ลุกนั่งคุยกันด้วยความอิจฉา เพราะหลี่ฉีหลินเห็นฟางเจียวเหมยเข้าเมืองอีกแล้ว

“แม่ เมื่อเช้าฉันเห็นนังเจียวเหมยเข้าเมืองอีกแล้ว ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรกลับมาอีก ฉันคิดว่าเราเข้าไปค้นในบ้านมันดีหรือเปล่า เผื่อว่าจะได้ของมีค่าติดไม้ติดมือมาบ้าง” เธอพยายามพูดจาโน้มน้าวแม่ตนเองเพราะเชื่อว่าในบ้านสามหลี่นั้นน่าจะมีทรัพย์สินมีค่า

“แกเชื่ออย่างนั้นหรือ แต่เมื่อวานพวกมันสองพี่น้องยืนยันกันแล้วนี่ว่า ข้าวของพวกนั้นที่นังเจียวเหมยซื้อมาด้วยเงินสินเดิมของแม่พวกมัน

แล้วแบบนี้เราจะเอาของมีค่ามาได้อย่างไร และการที่บอกว่าให้ไปค้นบ้านสาม ฉันอยากให้แกแหกตาดูนะฉีหลินว่า คนบ้านสามตอนนี้แทบจะกลาย

เป็นเฝ้าสมบัติแล้ว ทั้งแม่ทั้งลูกไม่ออกไปไหนเลย แล้วเราจะเข้าไปได้ยังไง” ซ่งเจียฮุยมองไม่เห็นทางที่จะเข้าบ้านสามได้เลย ต่อให้อยากจะได้ของของบ้านสามก็ตาม แต่หากเข้าไปไม่ได้ก็เท่านั้น

“แม่นี่ก็คิดเยอะไปหรือเปล่า ใครจะบ้าอยู่แต่ในบ้านทุกวัน เราคอยดูก่อนดีกว่า หากเมื่อไรที่พวกบ้านสามไม่อยู่ เราค่อยเข้าไปก็ได้”

“แล้วนี่แกไม่คิดจะดูแลแม่สามีแกบ้างหรือไง ถึงกลับบ้านเดิมมาทุกวันแบบนี้ ระวังเถอะวันหนึ่งสามีจะขอหย่าเอาได้” ซ่งเจียฮุยไม่ค่อยพอใจที่ลูกสาวมักจะกลับมาบ้านเดิมอยู่บ่อย ๆ ต่อให้ทั้งสองบ้านจะอยู่ไม่ไกลกัน แต่ความเหมาะสมก็ไม่ควรกลับมาทุกวันแบบนี้

“เอาน่า แม่อย่าเพิ่งแช่งฉันเลย รอจัดการเรื่องนี้จบก่อนก็แล้วกัน แล้ววันนี้มีอะไรกินบ้าง ฉันหิวมากเลยล่ะ”

ไม่พูดเปล่า หลี่ฉีหลินเดินเข้าไปทางหลังบ้านเพื่อเข้าครัวดูว่าวันนี้ในบ้านได้ทำอะไรไว้ให้กินบ้าง โดยมีสายตาของผู้เป็นแม่มองตามอย่างหน่ายใจ

เมื่อถึงมื้อเย็น ฟางเจียวเหมยยังคงทำอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อสองสามอย่างเหมือนเมื่อวาน ก่อนจะทุกคนมานั่งร่วมวงกินด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย

“พี่ใหญ่ พรุ่งนี้พี่ลางานได้ไหม ฉันจะชวนพี่ไปในเมืองด้วยกัน

สักหน่อย” ฟางเจียวเหมยเดินตามพี่ชายมาล้างถ้วยล้างชามที่บ่อน้ำของหมู่บ้าน พอเห็นว่าไม่มีใครจึงเอ่ยถาม

“หืม ได้สิ มีอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มแปลกใจที่น้องสาวชวนเข้าเมืองในวันพรุ่งนี้ ถ้าถามว่าเขาลางานได้ไหมย่อมต้องได้อยู่แล้ว

“ฉันมีเรื่องจะบอกพี่และจะพาพี่ไปขายของด้วยน่ะ วันนี้ลูกค้าเยอะฉันเกือบขายไม่ทัน พี่สนใจจะไปขายของด้วยกันไหม ฉันจะแบ่งกำไรให้”

เธอมองว่าเรื่องสำคัญควรจะบอกในที่ลับตาคน และตั้งใจว่าจะพาพี่ชายไปดูบ้านและร้านค้าด้วยแล้วค่อยบอกในตอนนั้น ก่อนจะไปขายของในตลาดมืด

“ได้สิ พรุ่งนี้เช้าพี่จะมาหาน้องที่บ้านก็แล้วกัน” ฟางหลู่เฉินตอบรับ

มาอย่างง่ายดาย สำหรับเขาแล้วเรื่องของน้องสาวสำคัญกับเขาเสมอ

“แล้วพี่หาเหตุผลที่จะแยกบ้านออกมาได้หรือยัง ฉันคิดว่าเราน่าจะได้ย้ายออกจากหมู่บ้านแห่งนี้แล้วไปอยู่ในเมืองเร็ว ๆ นี้” หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมกับบอกเรื่องย้ายออกจากหมู่บ้านในเร็ววันนี้

“เร็วขนาดนั้นเชียวเหรอ หากย้ายออกไปแล้วเราทั้งหมดจะอยู่ที่ไหน และที่สำคัญน้องอย่าลืมส่งข่าวให้อี้ข่ายรับรู้ด้วยนะ ให้เขามาทำงานกับครอบครัวดีกว่าต้องเป็นลูกจ้างคนอื่นเขา พี่เองก็เกรงใจบ้านสามเหมือนกัน”

ชายหนุ่มไม่คิดว่าเรื่องการย้ายบ้านของตนเองและบ้านสามหลี่จะรวดเร็วแบบนี้ ก่อนจะเอ่ยถึงน้องเขยที่ทำงานต่างเมืองด้วยความลำบาก

“เรื่องนั้นพี่ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ฉันตั้งใจจะส่งอาหารแห้งไปให้พี่อี้ข่ายพร้อมกับเขียนจดหมายบอกให้เขากลับมาทำงานอยู่ที่เมืองนี้ดีกว่า”

ฟางเจียวเหมยตั้งใจไว้เหมือนกันว่าจะเขียนจดหมายบอกชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของร่างนี้ให้กลับมาทำงานอยู่ด้วยกันดีกว่า 

หลังจากล้างถ้วยล้างชามเสร็จเรียบร้อยแล้ว สองพี่น้องจึงพากันกลับมาบ้านสามหลี่ จากนั้นฟางเจียวเหมยจึงยื่นชุดใหม่ให้กับพี่ชาย

ก่อนจะที่ฟางหลู่เฉินจะขอตัวกลับบ้านเพื่อพักผ่อนและเริ่มต้นใหม่ในวันพรุ่งนี้ ด้วยการไปช่วยน้องสาวขายของในตลาดมืด

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 31 รับเป็นน้องบุญธรรม

    บทที่ 31 รับเป็นน้องบุญธรรม“แล้วถ้าเป็นหยกล่ะ เธอมีราคาในใจหรือเปล่า” กงเฉินเสวียนพูดสวนขึ้นมา ‘ในเมื่อสิบสองก้อนล้วนแต่ผ่าออกมาเป็นหยกทั้งนั้น แล้วก้อนใหญ่จะไม่ใช่หยกได้อย่างไร และถ้าเป็นหยกจักรพรรดิขึ้นมา ราคาของมันจะอยู่ที่หลายสิบล้านหยวน ซึ่งถ้าเขาสามารถขอซื้อมาได้ นั่นก็หมายความว่า หญิงสาวคนนี้จะสร้างเม็ดเงินให้เขาได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว’ เขาคิดคำนวณในใจพร้อมกับรอคำตอบฟางเจียวเหมยนั้นยังไม่ตอบ แต่หันมาสบตากับสามีอีกครั้งเพื่อขอปรึกษา เนื่องจากเธอเองก็ไม่รู้ค่าของเงินในยุคนี้เท่าไรนัก ถ้าถามว่าเธออยากได้เงินมากหรือไม่นั้น ก็ตอบได้เลยว่าอยากได้ เนื่องจากเธอคิดจะทำธุรกิจมากมาย แต่สิ่งที่เธอขาดอย่างเดียวก็คือเงิน ต่อให้จะขายหยกก่อนหน้านี้ไปแล้ว มันก็ได้แค่ไม่กี่แสนหยวนเท่านั้น มันยังไม่เพียงพอตามที่เธอต้องการ“ราคาในใจฉันมีอยู่แล้วค่ะ อยู่ที่ว่านายท่านกงจะสู้ราคาฉันไว้หรือเปล่า” ฟางเจียวเหมยมองสบตากับสามีครู่หนึ่ง เมื่อเขายิ้มให้เธอจึงหันกลับมาตอบ นั่นจึงทำให้นายท่านกงอมยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ“ถ้าอย่างนั้นเธอให้เขาผ่าหินก้อนนี้เลยดีหรือไม่ เราจะได้มาดูกันว่าด้านในเป็นอะไร เมื่อ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 30 สร้างเม็ดเงินมหาศาล

    บทที่ 30 สร้างเม็ดเงินมหาศาลเจ้าของร้านมองก้อนหินที่หญิงสาวชี้แล้วได้แต่แปลกใจเนื่องจากหินก้อนนี้วางอยู่ที่ร้านมานานแล้วแต่ไม่เคยมีใครสนใจเลย ซึ่งเขาเองก็คิดว่าหินก้อนนี้มันเป็นเพียงหินธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งมันยังดูเกะกะอีกด้วย แต่ก็ยังโก่งราคาตามแบบพ่อค่า“ฉันขายให้หนึ่งพันหยวน” พ่อค้าบอกราคาขึ้นมา“ตกลงฉันซื้อในราคาหนึ่งพันหยวน และเอาหินก้อนนี้ นี่ด้วย” ฟางเจียวเหมยตอบกลับอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเลือกหินที่เธอต้องการ ซึ่งในก้อนเล็กพวกนี้มีหยกจักรพรรดิถึงสามก้อน ยังไม่รวมก้อนใหญ่ก้อนนั้น ส่วนก้อนอื่น ๆ เป็นหยกสีเขียวซึ่งราคาก็แพงอยู่พอสมควรนี่จึงทำให้เจ้าของร้านและคนที่ยืนอยู่บริเวณนี้ต่างก็หน้าเปลี่ยนสี ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะบ้าถึงขนาดซื้อก้อนหินก้อนโตที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะมีหยกอยู่ด้านใน แถมราคาที่เธอซื้อนั้นก็แพงมากด้วยเวลานี้ทั้งพ่อค้าและคนที่มาเสี่ยงโชคหาซื้อหยกต่างก็มารุมล้อมร้านนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนของนายท่านกงอยู่ด้วย เพราะต้องการมาดูสินค้าให้กับเจ้านาย ขนาดชายคนนี้อยู่วงการค้าหยกมานาน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครตัดสินใจแบบนี้มาก่อน เขาจึงยืนมองดูสถานการณ์อย่างสนใจ“ทั้งหมดสองพันสอง

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 29 ตลาดค้าหยก

    บทที่ 29 ตลาดค้าหยกเมื่อได้รับคำที่สนับสนุนตนเองจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงมีความมั่นใจมากขึ้นและจะตั้งใจทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ภรรยาผิดหวัง“เรื่องราวเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ แล้วเถ้าแก่เฉาเป็นหนี้คนพวกนั้นเท่าไร” ชายหนุ่มเอ่ยถามทันที“ฉันกู้ยืมเงินคนพวกนั้นหลายเดือนแล้ว ฉันเองก็จ่ายดอกเบี้ยตรงมาทุกเดือนแต่ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกนั้นถึงมาทวงโดยบอกว่าฉันไม่เคยจ่ายดอกเบี้ยเลย พอฉันโต้แย้งไปเขาก็ไม่พอใจและพังร้านจนเละไปหมด แล้วบอกว่าฉันต้องคืนเงินทั้งหมดภายในสามวัน ไม่อย่างนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัยของคนในบ้าน เงินตั้งสี่หมื่นหยวน ฉันจะเอามาจากไหนมาคืนในเวลาแค่สามวัน ต่อให้ขายร้านก็ไม่พออยู่ดี” เถ้าแก่เฉาพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา ก่อนจะมองหลี่อี้ข่ายกับสหายอีกสามคนด้วยสายตาที่สงสัย ว่าทำไมอยู่ดี ๆ คนงานของร้านเถ้าแก่เฉินต่างก็ดูเปลี่ยนไป แถมยังใส่เสื้อผ้าใหม่ดูจะมีราคาอีกด้วยหลี่อี้ข่ายได้ฟังก็แปลกใจเหมือนกันว่า ทำไมเจ้าหนี้ของเถ้าแก่เฉาถึงได้มาทวงเงินเอาวันนี้ ซึ่งทุกคนก็คิดเหมือนกัน“หรือว่า...” ฉีฮุ่ยพูดขึ้น ก่อนจะหันมามองหน้าสหายอีกสามคน “ฉันคิดว่าใช่นะ อย่าลืมสิว่าฉันประกา

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 28 ช่วยเหลือร้านค้าที่ถูกกดขี่

    บทที่ 28 ช่วยเหลือร้านค้าที่ถูกกดขี่หลังจากฟังเรื่องราวทุกอย่างจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงโน้มตัวคว้าร่างของภรรยาเข้ามากอดไว้แน่น เหมือนเขากลัวจะสูญเสียเธอไปจริงๆ ภายในใจนั้นรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่อาจปกป้องเธอและทุกคนในครอบครัวได้“พี่ขอโทษนะเจียวเหมย ที่ไม่อาจปกป้องน้องและทุกคนได้ เลยทำให้น้องและทุกคนต้องเจอกับความลำบากมากมายกับบ้านใหญ่ และขอบคุณน้องมากที่ดูแลแม่และทุกคนจนหลุดพ้นจากที่นั่นออกมาได้ ขอบคุณจริง ๆ”หลี่อี้ข่ายกอดภรรยาไว้แน่นแล้วเอ่ยขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิด“ไม่ต้องขอบคุณแล้วค่ะ แล้วก็อย่าคิดมากเลยนะคะ อย่างไรเราก็คือสามีภรรยาและครอบครัวเดียวกัน ตอนนี้ฉันซื้อบ้านและพาพี่ใหญ่ฉันมาอยู่ด้วยนะ พี่จะว่าอะไรไหม”ฟางเจียวเหมยบอกถึงเรื่องที่เธอซื้อบ้านและให้พี่ชายมาอยู่บ้านเดียวกันให้สามีฟัง“พี่ภรรยาก็คือครอบครัวเรา อย่าคิดมากเลยนะ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลฟางเจียวเหมยยิ้มกว้าง ในใจนั้นคิดไม่ผิดที่บอกความลับแก่สามีและสาเหตุหลักที่เธอบอก เพราะหากเธอต้องส่งสินค้าให้คู่ค้าตอนอยู่ที่เมืองนี้ เธอจะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างที่ชวนปวดหัวให้กับสามี การที่หลี่อี้ข่ายรับรู้เรื่องมิติของ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 27 ความจริงที่เล่าไม่หมด

    บทที่ 27 ความจริงที่เล่าไม่หมด“พี่อี้ข่าย พี่อี้ข่ายฟังฉันอยู่ไหมคะ” ฟางเจียวเหมยขยับตัวมาใกล้ ๆ แล้วเรียกพร้อมกับโบกมือไปตรงหน้าสามีที่ยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างแปลกใจ“เอ่อ..คะ ครับ พี่จะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ครับ” หลี่อี้ข่ายได้เรียกสติตัวเองกลับมาก็ตอบอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนู มีการผลักประตูห้องน้ำเข้าไปด้วย ทั้งที่หน้าห้องเขียนไว้ว่า ‘โปรดดึง’“น่ารักเหมือนกันแฮะ” ฟางเจียวเหมยมองภาพนั้นแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ในใจนั้นคิดว่าสามีคนนี้น่ารักน่าแกล้งดีเหมือนกัน แต่พอก้มมองชุดนอนที่ตัวเองใส่ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมสามีถึงหน้าแดงและยืนตัวแข็งทื่อแบบนั้น จากนั้นก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์ พร้อมกับพูดออกมาว่า “โป้แล้วไง ใส่ให้สามีมองนะไม่ใช่ใส่ให้คนอื่นมองสักหน่อย”แต่พอหลี่อี้ข่ายออกมาจากห้องน้ำเท่านั้น เธอถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเพราะรูปร่างกำยำที่เย้ายวนใจของเขา“เอ่อ...พี่ไม่ใส่เสื้อผ้าหน่อยเหรอ” ฟางเจียวเหมยเอ่ยถามเสียงสั่น เมื่อเห็นว่าสามีเดินขึ้นมานอนบนเตียงด้วยร่างกายที่ไม่ต่างกับเปล่าเปลือย เพราะเขามีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบเอวไว้เท่านั้น“ใส่ทำไมล่ะ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 26 เจ้าของร้านหลี่ฟาง

    บทที่ 26 เจ้าของร้านหลี่ฟางฟางเจียวเหมยเห็นท่าทางของพนักงานคนหนึ่งก็เข้าใจทันทีว่าต่อให้เธอและสามีแจ้งความก็ไม่สามารถเอาผิดคุณหนูเฉินได้ แต่เธอเป็นแม่ค้าย่อมไม่ยอมเสียเปรียบแน่ อย่างนี้ต้องหาทางเอาคืนอย่างสาสม อย่าลืมสิว่าเธอคือโกดังเคลื่อนที่ การที่จะหาคู่ค้าจากเมืองนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ก่อนจะเดินมากระซิบบางอย่างข้างหูสามี ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าตาม เขาเองก็ไม่อยากทำร้ายสหายในร้านเหมือนกัน เขาเชื่อเต็มร้อยว่าสหายไม่ใช่คนที่เอาพัสดุของเขาไป แต่อาจจะเป็นเพียงแพะรับบาปเท่านั้น“ว่าแต่พี่ลาออกได้เลยใช่ไหม เราจะได้ไปหาโรงแรมที่พักกัน ฉันลงรถไฟมาก็ตรงดิ่งมาที่นี่เลย ตอนนี้ฉันเหนื่อยมาก” ฟางเจียวเหมยพูดกับสามีด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เรื่องเอาคืนผู้หญิงคนนี้นั้นเธอคิดในใจไว้แล้ว อย่างไรวันนี้ก็พักเอาแรงก่อนดีกว่า“ครับ พี่ลาออกได้เลย เดี๋ยวเราค่อยไปคุยกันนะ พี่ขอไปเก็บของก่อน” ชายหนุ่มตอบกลับภรรยาทันทีและเตรียมหมุนตัวออกไปจากร้านเพื่อจะไปที่พักเก็บของ แต่ทว่าฟางเจียวเหมยกลับห้ามไว้เสียก่อน“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่อี้ข่าย ของที่พี่มีมันคงเก่าหมดแล้ว ฉันได้เตรียมเสื้อผ้ามาให้พี่แล้วล่ะ ของที่มีอยู่ที่นี

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status