แชร์

บทที่ 17 สองพี่น้องช่วยกันหาเงิน

ผู้เขียน: sanvittayam
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-25 11:55:16

บทที่ 17 สองพี่น้องช่วยกันหาเงิน

หลังจากจัดร้านเสร็จแล้ว ฟางเจียวเหมยจึงเอ่ยถามพี่ชายถึงเรื่องราคาสินค้าที่เธอนำออกมาจากมิติเพื่อให้พี่ชายช่วยคิดราคา “พี่ใหญ่ พี่คิดว่าเนื้อหมูแปรรูปพวกนี้ เราขายห่อละเท่าไรดี”

เมื่อวานที่เธอขายให้ลูกค้าคนนั้นไปเพราะร้อนเงินและอยากได้เงินมาซื้อบ้านกับร้านค้า จึงไม่รู้ว่าที่ขายไปนั้นราคาถูกแสนถูกเสียเหลือเกิน

“ขายปลีก สามารถขายห่อละยี่สิบห้าหยวนเลยทีเดียว เพราะปริมาณสองชั่งขาดเหลือเล็กน้อย ราคานี้ไม่แพงหรอก และที่สำคัญกรรมวิธีการผลิตมาต้องใช้เวลาและถ้าเป็นเนื้อหวานมันต้องมีน้ำตาลผสมด้วย ซึ่งสิ่งนี้ราคาแพงมาก น้องก็น่าจะรู้” ชายหนุ่มหยิบสินค้าขึ้นมาแล้วพิจารณาไปมา ก่อนบอกราคาที่เหมาะสม

“เมื่อวานฉันขายลูกค้ารายหนึ่งไปเพราะความอยากได้เงินมาซื้อบ้านและร้านนี้ ฉันขายส่งเขาห่อละสิบสามหยวนค่ะ เขาซื้ออย่างละร้อยห่อ รวมแล้วแปดร้อยห่อ พี่ว่าฉันขายถูกไปหรือไม่ ฉันไม่ค่อยรู้ราคาเรื่องนี้น่ะ” ฟางเจียวเหมยสารภาพกับพี่ชาย อีกอย่างต่อให้มาอยู่ในร่างนี้ ก็ไม่เคยรู้ราคาขายสินค้ามาก่อนนั่นเอง

“ถ้าถามพี่ ราคาที่น้องขายนั้นน้อยไป น้องสามารถขายได้ในราคาร้อยห่อ ห่อละยี่สิบหยวน เพราะลดมาจากราคาปลีกห้าหยวน หากน้องจะลดราคาหั่นครึ่งอย่างนั้น น้องควรจะขายในปริมาณที่มากกว่า แต่รวม ๆ แล้วแปดร้อยห่อ พี่คิดว่าห่อละสิบเจ็ดหยวนกำลังดี ถ้าหนึ่งพันห่อหรือมากกว่านั้นค่อยขายสิบห้าหยวน ของซื้อของขายจำพวกอาหาร ราคาไม่นิ่งอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับการสั่งแต่ละรอบ”

ชายหนุ่มบอกกล่าวน้องสาวอย่างอ่อนโยน และอธิบายว่าควรขายราคาเท่าไร ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงรู้ราคา เพราะเขาเคยมารับจ้างขายของให้ร้านเถ้าแก่ในเมืองมาก่อนยังไงล่ะ จึงทำให้เขาเชี่ยวชาญในเรื่องราคาอย่างมาก

หลังจากจัดร้านเรียบร้อยแล้ว ฟางเจียวเหมยจึงพาพี่ชายไปยังบ้านที่ซื้อไว้ แม้ครั้งนี้ชายหนุ่มจะไม่ถามเหมือนตอนที่อยู่ร้านค้า แต่ก็มีสีหน้าตื่นตระหนกกับขนาดบ้านที่น้องสาวซื้อ ซึ่งมันใหญ่กว่าบ้านที่อาศัยอยู่ในเวลานี้อย่างมาก

“เดี๋ยวฉันจะเอาเฟอร์นิเจอร์และของใช้ต่าง ๆ ออกมาไว้แต่ละห้อง หลังจากนี้ฉันจะเอาเครื่องใช้ไฟฟ้าออกมาด้วย ทุกอย่างจะอำนวยความสะดวกสบายให้เราทั้งหมด ต่อไปหากสร้างบ้านใหม่ค่อยทำห้องน้ำในตัวเพื่อความสะดวกสบาย ตอนนี้ก็ใช้รวมกันไปก่อนก็แล้วกัน” ฟางเจียวเหมยพูดขึ้นเมื่อเดินดูในบ้านทั่วทั้งหมดแล้ว 

“ไม่เป็นไรหรอก ลำบากกว่านี้เราก็เคยอยู่มาแล้ว เรารีบจัดบ้านกันเถอะ จะได้ไปหาเงินในตลาดมืด แล้วจะได้ไปส่งของและจดหมายให้กับน้องเขย อี้ข่ายจะได้รีบกลับมา” ฟางหลู่เฉินบอกกับน้องสาว เขาคิดว่าบ้านหลังนี้ก็สะดวกสบายกว่าบ้านที่เคยอยู่เสียอีก ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการหาเงินให้ได้ก่อน เพื่อใช้เป็นใบเบิกทางในการทำอย่างอื่น จึงเร่งให้น้องสาวจัดบ้านแล้วรีบไปตลาดมืดอย่างที่ตั้งใจไว้จากนั้นฟางเจียวเหมยก็นำของออกมาจากมิติ สองพี่น้องจึงช่วยกันจัดบ้านอย่างแข็งขัน แต่ก็ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงเหมือนกัน

หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฟางเจียวเหมยจึงเขียนจดหมายหาสามีเพื่อบอกให้เขากลับมาบ้านด่วน โดยในจดหมายไม่บอกถึงเหตุผลที่ให้เขากลับมา แค่บอกว่าให้กลับมาด่านเท่านั้น นอกจากนี้ยังจัดเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้สามชุด รวมถึงอาหารแห้งและเนื้อแปรรูปแบบต่าง ๆ ส่งไปให้

อีกด้วย

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สองพี่น้องจึงออกมาจากบ้านและมุ่งหน้าไปยังไปรษณีย์ทันที เมื่อส่งของเสร็จแล้วจึงเข้าตลาดมืดเพื่อขายของ

“แม่ดูสิ เห็นหรือไม่ว่าอาสะใภ้สามกับนังเสี่ยวเหลียนใส่เสื้อผ้าใหม่อีกแล้ว” คราวนี้ไม่ใช่หลี่ฉีหลินที่พูดขึ้น แต่กลายเป็นหลี่เชียนหยู่ ลูกสาวคนเล็กของลุงใหญ่และซ่งเจียฮุยเอ่ยขึ้นมา เมื่อพาแม่มาแอบดูบ้านสามหลี่ ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่

“นั่นสิ พวกมันมีเงินมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ ไหนจะซื้อเนื้อมาทำอาหารทุกวันอีก ต่อให้บ้านมีเงิน แต่ก็ไม่มีใครกล้าซื้อเนื้อราคาแพงมาทำกินทุกมื้อหรอกนะ ช่างใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายซะจริง ๆ แล้วมาบอกว่าไม่มีเงินส่งให้บ้านใหญ่” ซ่งเจียฮุยเห็นด้วยกับคำพูดลูกสาวคนเล็กและการที่ซื้อเนื้อมาทำกินสองวันติดต่อกันแบบนี้หากไม่มีเงินก็แปลกแล้ว

“ทำตามอย่างที่พี่รองพูดดีไหมแม่ หาจังหวะให้บ้านสามออกไปข้างนอก หรือไม่อย่างนั้น ก็อ้างว่าย่าให้ไปซื้อของในเมืองดีไหม เราจะได้เข้าไปค้นดูว่าในบ้านนั้นมีอะไรบ้าง เราจะได้ยึดเอามาหมดเลยไงแม่”

หลี่เชียนหยูพูดอย่างอยากได้ของในบ้านสามหลี่ อีกอย่างเธอเองก็ไม่ชอบฟางเจียวเหมยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเธอและฉู่เยี่ยนจะวางแผนกลั่นแกล้งจนอีกฝ่ายตกน้ำได้อย่างไร

“เอาเถอะ เรื่องนี้ค่อยวางแผนกันอีกที รอดูว่าเย็นนี้นังเจียวเหมยจะซื้อของอะไรมาอีกหรือเปล่า” ซ่งเจียฮุยเอ่ยออกมา หล่อนหวังจะเห็นก่อนว่าฟางเจียวเหมยนั้นจะซื้อของอะไรกลับมาอีกหรือไม่ วันนี้ได้ข่าวว่าไปในเมืองกับพี่ชายด้วยนี่นา

พอแอบดูอีกสักพักและเห็นว่าไม่มีอะไร สองแม่ลูกจากบ้านใหญ่จึงหมุนตัวกลับบ้านด้วยความหงุดหงิดเพราะอยากได้อยากมีของคนอื่นแต่หาจังหวะไปแย่งชิงมาเป็นของตัวเองไม่ได้

คล้อยหลังทั้งสองกลับไป หลี่เหว่ยเหลียนที่แอบดูทั้งสองคนอยู่จึงกระซิบกับแม่ทันที

“เป็นไปอย่างที่พี่สะใภ้พูดเลยแม่ เมื่อเช้าก็พี่ฉีหลินมาแอบดู ตอนนี้ก็เป็นป้าสะใภ้กับพี่เชียนหยู่ ถ้าเราทำให้อีกฝ่ายอิจฉามากกว่านี้ แล้วเราจะได้แยกบ้านอย่างที่พี่สะใภ้บอกใช่ไหมคะ” เด็กสาวรู้สึกฮึกเหิมเมื่อรู้ว่าป้าสะใภ้ใหญ่และคนบ้านใหญ่มาแอบดู แบบนี้แล้วความหวังที่จะได้แยกบ้านคงใกล้เข้ามาแล้ว

“เห็นเจียวเหมยบอกว่าจะเป็นอย่างนั้น และแม่หวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น” หนิงหงชุนเอ่ยออกมาอย่างกังวลใจเล็กน้อย

“ต่อให้ร้ายแรงก็ต้องยอมค่ะ แล้วแม่ก็เลิกใจอ่อนได้แล้ว แม่ไม่เห็นเหรอว่าบ้านใหญ่ทำกับพวกเราอย่างไรบ้าง ตอนที่พ่อตาย ต่อให้ฉันยังเด็กแต่ก็จำได้ดีว่าพวกเรานั้นไปอ้อนวอนบ้านใหญ่อย่างไร เพื่อขอเงินพาพ่อไปรักษา แต่อย่าพูดเลยค่ะ ยิ่งพูดฉันยิ่งโมโห ถ้าหากแม่ยังเห็นใจบ้านใหญ่หรือยังใจอ่อนแบบนี้ ไม่แน่คงเป็นฉันที่ต้องตาย แล้วเรื่องที่พี่สะใภ้ตกน้ำเกือบตาย แม่ไม่คิดบ้างหรือว่าบ้านใหญ่มีส่วนรู้เห็น ถึงทุกคนจะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เรื่องนี้ฉันยังเชื่อเหมือนเดิมพี่สะใภ้ถูกบ้านใหญ่แกล้ง!!”

เด็กสาวพยายามเตือนสติแม่ว่าอย่าใจอ่อน และให้นึกถึงเรื่องในอดีตที่บ้านสามพบเจอมา และคิดรวมถึงทบทวนเรื่องที่ฟางเจียวเหมยตกน้ำนั้นเพราะอะไร ทุกเรื่องทำให้เธอไม่สามารถมองบ้านใหญ่ในทางที่ดีได้เลย!!

“ต่อไปแม่จะไม่ใจอ่อนอีก และจะให้ลูก ๆ และลูกสะใภ้เป็นคนตัดสินใจ แม่จะคอยอยู่ข้าง ๆ เอง” หนิงหงชุนเอ่ยขึ้นเอ่ยขึ้นเมื่อลูกสาวพูดจบประโยค ถ้าหากหลี่อี้ข่ายกลับมาเร็ว ๆ ก็น่าจะดีกว่านี้ เธอจะยกการตัดสินใจทั้งหมดให้กับลูกชายคนโตและยกให้เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว

กลับมาทางด้านของฟางเจียวเหมยและฟางหลู่เฉิน หลังจากที่ทั้งสองคนไปส่งของให้หลี่อี้ข่ายแล้วก็มุ่งหน้าเข้ามาตลาดมืดทันที

วันนี้นอกจากจะมีอาหารจำพวกของสดแล้ว ฟางหลู่เฉินยังแนะนำให้น้องสาวเอาอุปกรณ์เครื่องครัวออกมาขายอีกด้วย เพราะเป็นที่ต้องการของแม่บ้านอย่างแน่นอน ซึ่งก็เป็นจริง เพราะเพียงวางสินค้าไม่นานก็มีกลุ่มแม่บ้านมามุ่งดูและสอบถามเกี่ยวกับสินค้าหลายคนเลยทีเดียว

“พ่อค้า แม่ค้าวันนี้มีอุปกรณ์ในครัวมาขายด้วยหรือจ๊ะ หม้อใบนี้เท่าไรกัน” ลูกค้าที่มาซื้อเนื้อหมู พอเห็นมีของจำพวกกระทะ หม้อ และอุปกรณ์เครื่องครัวก็อดที่จะถามอย่างสนใจไม่ได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 31 รับเป็นน้องบุญธรรม

    บทที่ 31 รับเป็นน้องบุญธรรม“แล้วถ้าเป็นหยกล่ะ เธอมีราคาในใจหรือเปล่า” กงเฉินเสวียนพูดสวนขึ้นมา ‘ในเมื่อสิบสองก้อนล้วนแต่ผ่าออกมาเป็นหยกทั้งนั้น แล้วก้อนใหญ่จะไม่ใช่หยกได้อย่างไร และถ้าเป็นหยกจักรพรรดิขึ้นมา ราคาของมันจะอยู่ที่หลายสิบล้านหยวน ซึ่งถ้าเขาสามารถขอซื้อมาได้ นั่นก็หมายความว่า หญิงสาวคนนี้จะสร้างเม็ดเงินให้เขาได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว’ เขาคิดคำนวณในใจพร้อมกับรอคำตอบฟางเจียวเหมยนั้นยังไม่ตอบ แต่หันมาสบตากับสามีอีกครั้งเพื่อขอปรึกษา เนื่องจากเธอเองก็ไม่รู้ค่าของเงินในยุคนี้เท่าไรนัก ถ้าถามว่าเธออยากได้เงินมากหรือไม่นั้น ก็ตอบได้เลยว่าอยากได้ เนื่องจากเธอคิดจะทำธุรกิจมากมาย แต่สิ่งที่เธอขาดอย่างเดียวก็คือเงิน ต่อให้จะขายหยกก่อนหน้านี้ไปแล้ว มันก็ได้แค่ไม่กี่แสนหยวนเท่านั้น มันยังไม่เพียงพอตามที่เธอต้องการ“ราคาในใจฉันมีอยู่แล้วค่ะ อยู่ที่ว่านายท่านกงจะสู้ราคาฉันไว้หรือเปล่า” ฟางเจียวเหมยมองสบตากับสามีครู่หนึ่ง เมื่อเขายิ้มให้เธอจึงหันกลับมาตอบ นั่นจึงทำให้นายท่านกงอมยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ“ถ้าอย่างนั้นเธอให้เขาผ่าหินก้อนนี้เลยดีหรือไม่ เราจะได้มาดูกันว่าด้านในเป็นอะไร เมื่อ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 30 สร้างเม็ดเงินมหาศาล

    บทที่ 30 สร้างเม็ดเงินมหาศาลเจ้าของร้านมองก้อนหินที่หญิงสาวชี้แล้วได้แต่แปลกใจเนื่องจากหินก้อนนี้วางอยู่ที่ร้านมานานแล้วแต่ไม่เคยมีใครสนใจเลย ซึ่งเขาเองก็คิดว่าหินก้อนนี้มันเป็นเพียงหินธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งมันยังดูเกะกะอีกด้วย แต่ก็ยังโก่งราคาตามแบบพ่อค่า“ฉันขายให้หนึ่งพันหยวน” พ่อค้าบอกราคาขึ้นมา“ตกลงฉันซื้อในราคาหนึ่งพันหยวน และเอาหินก้อนนี้ นี่ด้วย” ฟางเจียวเหมยตอบกลับอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเลือกหินที่เธอต้องการ ซึ่งในก้อนเล็กพวกนี้มีหยกจักรพรรดิถึงสามก้อน ยังไม่รวมก้อนใหญ่ก้อนนั้น ส่วนก้อนอื่น ๆ เป็นหยกสีเขียวซึ่งราคาก็แพงอยู่พอสมควรนี่จึงทำให้เจ้าของร้านและคนที่ยืนอยู่บริเวณนี้ต่างก็หน้าเปลี่ยนสี ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะบ้าถึงขนาดซื้อก้อนหินก้อนโตที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะมีหยกอยู่ด้านใน แถมราคาที่เธอซื้อนั้นก็แพงมากด้วยเวลานี้ทั้งพ่อค้าและคนที่มาเสี่ยงโชคหาซื้อหยกต่างก็มารุมล้อมร้านนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนของนายท่านกงอยู่ด้วย เพราะต้องการมาดูสินค้าให้กับเจ้านาย ขนาดชายคนนี้อยู่วงการค้าหยกมานาน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครตัดสินใจแบบนี้มาก่อน เขาจึงยืนมองดูสถานการณ์อย่างสนใจ“ทั้งหมดสองพันสอง

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 29 ตลาดค้าหยก

    บทที่ 29 ตลาดค้าหยกเมื่อได้รับคำที่สนับสนุนตนเองจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงมีความมั่นใจมากขึ้นและจะตั้งใจทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ภรรยาผิดหวัง“เรื่องราวเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ แล้วเถ้าแก่เฉาเป็นหนี้คนพวกนั้นเท่าไร” ชายหนุ่มเอ่ยถามทันที“ฉันกู้ยืมเงินคนพวกนั้นหลายเดือนแล้ว ฉันเองก็จ่ายดอกเบี้ยตรงมาทุกเดือนแต่ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกนั้นถึงมาทวงโดยบอกว่าฉันไม่เคยจ่ายดอกเบี้ยเลย พอฉันโต้แย้งไปเขาก็ไม่พอใจและพังร้านจนเละไปหมด แล้วบอกว่าฉันต้องคืนเงินทั้งหมดภายในสามวัน ไม่อย่างนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัยของคนในบ้าน เงินตั้งสี่หมื่นหยวน ฉันจะเอามาจากไหนมาคืนในเวลาแค่สามวัน ต่อให้ขายร้านก็ไม่พออยู่ดี” เถ้าแก่เฉาพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา ก่อนจะมองหลี่อี้ข่ายกับสหายอีกสามคนด้วยสายตาที่สงสัย ว่าทำไมอยู่ดี ๆ คนงานของร้านเถ้าแก่เฉินต่างก็ดูเปลี่ยนไป แถมยังใส่เสื้อผ้าใหม่ดูจะมีราคาอีกด้วยหลี่อี้ข่ายได้ฟังก็แปลกใจเหมือนกันว่า ทำไมเจ้าหนี้ของเถ้าแก่เฉาถึงได้มาทวงเงินเอาวันนี้ ซึ่งทุกคนก็คิดเหมือนกัน“หรือว่า...” ฉีฮุ่ยพูดขึ้น ก่อนจะหันมามองหน้าสหายอีกสามคน “ฉันคิดว่าใช่นะ อย่าลืมสิว่าฉันประกา

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 28 ช่วยเหลือร้านค้าที่ถูกกดขี่

    บทที่ 28 ช่วยเหลือร้านค้าที่ถูกกดขี่หลังจากฟังเรื่องราวทุกอย่างจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงโน้มตัวคว้าร่างของภรรยาเข้ามากอดไว้แน่น เหมือนเขากลัวจะสูญเสียเธอไปจริงๆ ภายในใจนั้นรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่อาจปกป้องเธอและทุกคนในครอบครัวได้“พี่ขอโทษนะเจียวเหมย ที่ไม่อาจปกป้องน้องและทุกคนได้ เลยทำให้น้องและทุกคนต้องเจอกับความลำบากมากมายกับบ้านใหญ่ และขอบคุณน้องมากที่ดูแลแม่และทุกคนจนหลุดพ้นจากที่นั่นออกมาได้ ขอบคุณจริง ๆ”หลี่อี้ข่ายกอดภรรยาไว้แน่นแล้วเอ่ยขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิด“ไม่ต้องขอบคุณแล้วค่ะ แล้วก็อย่าคิดมากเลยนะคะ อย่างไรเราก็คือสามีภรรยาและครอบครัวเดียวกัน ตอนนี้ฉันซื้อบ้านและพาพี่ใหญ่ฉันมาอยู่ด้วยนะ พี่จะว่าอะไรไหม”ฟางเจียวเหมยบอกถึงเรื่องที่เธอซื้อบ้านและให้พี่ชายมาอยู่บ้านเดียวกันให้สามีฟัง“พี่ภรรยาก็คือครอบครัวเรา อย่าคิดมากเลยนะ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลฟางเจียวเหมยยิ้มกว้าง ในใจนั้นคิดไม่ผิดที่บอกความลับแก่สามีและสาเหตุหลักที่เธอบอก เพราะหากเธอต้องส่งสินค้าให้คู่ค้าตอนอยู่ที่เมืองนี้ เธอจะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างที่ชวนปวดหัวให้กับสามี การที่หลี่อี้ข่ายรับรู้เรื่องมิติของ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 27 ความจริงที่เล่าไม่หมด

    บทที่ 27 ความจริงที่เล่าไม่หมด“พี่อี้ข่าย พี่อี้ข่ายฟังฉันอยู่ไหมคะ” ฟางเจียวเหมยขยับตัวมาใกล้ ๆ แล้วเรียกพร้อมกับโบกมือไปตรงหน้าสามีที่ยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างแปลกใจ“เอ่อ..คะ ครับ พี่จะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ครับ” หลี่อี้ข่ายได้เรียกสติตัวเองกลับมาก็ตอบอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนู มีการผลักประตูห้องน้ำเข้าไปด้วย ทั้งที่หน้าห้องเขียนไว้ว่า ‘โปรดดึง’“น่ารักเหมือนกันแฮะ” ฟางเจียวเหมยมองภาพนั้นแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ในใจนั้นคิดว่าสามีคนนี้น่ารักน่าแกล้งดีเหมือนกัน แต่พอก้มมองชุดนอนที่ตัวเองใส่ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมสามีถึงหน้าแดงและยืนตัวแข็งทื่อแบบนั้น จากนั้นก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์ พร้อมกับพูดออกมาว่า “โป้แล้วไง ใส่ให้สามีมองนะไม่ใช่ใส่ให้คนอื่นมองสักหน่อย”แต่พอหลี่อี้ข่ายออกมาจากห้องน้ำเท่านั้น เธอถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเพราะรูปร่างกำยำที่เย้ายวนใจของเขา“เอ่อ...พี่ไม่ใส่เสื้อผ้าหน่อยเหรอ” ฟางเจียวเหมยเอ่ยถามเสียงสั่น เมื่อเห็นว่าสามีเดินขึ้นมานอนบนเตียงด้วยร่างกายที่ไม่ต่างกับเปล่าเปลือย เพราะเขามีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบเอวไว้เท่านั้น“ใส่ทำไมล่ะ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 26 เจ้าของร้านหลี่ฟาง

    บทที่ 26 เจ้าของร้านหลี่ฟางฟางเจียวเหมยเห็นท่าทางของพนักงานคนหนึ่งก็เข้าใจทันทีว่าต่อให้เธอและสามีแจ้งความก็ไม่สามารถเอาผิดคุณหนูเฉินได้ แต่เธอเป็นแม่ค้าย่อมไม่ยอมเสียเปรียบแน่ อย่างนี้ต้องหาทางเอาคืนอย่างสาสม อย่าลืมสิว่าเธอคือโกดังเคลื่อนที่ การที่จะหาคู่ค้าจากเมืองนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ก่อนจะเดินมากระซิบบางอย่างข้างหูสามี ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าตาม เขาเองก็ไม่อยากทำร้ายสหายในร้านเหมือนกัน เขาเชื่อเต็มร้อยว่าสหายไม่ใช่คนที่เอาพัสดุของเขาไป แต่อาจจะเป็นเพียงแพะรับบาปเท่านั้น“ว่าแต่พี่ลาออกได้เลยใช่ไหม เราจะได้ไปหาโรงแรมที่พักกัน ฉันลงรถไฟมาก็ตรงดิ่งมาที่นี่เลย ตอนนี้ฉันเหนื่อยมาก” ฟางเจียวเหมยพูดกับสามีด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เรื่องเอาคืนผู้หญิงคนนี้นั้นเธอคิดในใจไว้แล้ว อย่างไรวันนี้ก็พักเอาแรงก่อนดีกว่า“ครับ พี่ลาออกได้เลย เดี๋ยวเราค่อยไปคุยกันนะ พี่ขอไปเก็บของก่อน” ชายหนุ่มตอบกลับภรรยาทันทีและเตรียมหมุนตัวออกไปจากร้านเพื่อจะไปที่พักเก็บของ แต่ทว่าฟางเจียวเหมยกลับห้ามไว้เสียก่อน“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่อี้ข่าย ของที่พี่มีมันคงเก่าหมดแล้ว ฉันได้เตรียมเสื้อผ้ามาให้พี่แล้วล่ะ ของที่มีอยู่ที่นี

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status