หน้าหลัก / รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80) / บทที่ 16 บอกความลับเรื่องมิติกับพี่ชาย

แชร์

บทที่ 16 บอกความลับเรื่องมิติกับพี่ชาย

ผู้เขียน: sanvittayam
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-25 11:54:59

บทที่ 16 บอกความลับเรื่องมิติกับพี่ชาย

เช้าวันต่อมา...

ฟางเจียวเหมยยังคงตื่นก่อนคนอื่นเพื่อมาจัดเตรียมอาหารไว้ให้ทุกคน เมื่อทุกอย่างเสร็จแล้วเธอจึงไปปลุกแม่และน้องสามี ก่อนจะตามด้วยลูกน้อยทั้งสองคน

มื้อเช้าของวันนี้จึงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีฟางหลู่เฉินมากินด้วย เมื่อจัดการทุกอย่างที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ฟางเจียวเหมยจึงเดินทาง เข้าเมืองพร้อมกับพี่ชาย แต่ก่อนไปไม่ลืมที่จะบอกกล่าวลูกน้อยทั้งสองคน

“อาหมิง หนิงหนิง ทั้งสองทนอีกหน่อยนะลูก แม่สัญญาจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อยในเร็ววัน ลูกทั้งสองคนของแม่จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จริงสิ เสี่ยวเหลียนฉันขอที่อยู่ของพี่อี้ข่ายหน่อยสิ วันนี้ว่าจะส่งของกินไปให้น่ะ” หลังจากบอกกับลูกทั้งสองคนแล้ว ฟางเจียวเหมยจึงเอ่ยขอที่อยู่ของสามีกับหลี่เหว่ยเหลียน

“เดี๋ยวฉันจะจดให้นะคะ” หลี่เหว่ยเหลียนทั้งดีใจและแปลกใจที่พี่สะใภ้ใส่ใจพี่ชายของเธอ จึงรีบจดที่อยู่ให้ทันที

พอได้มาแล้ว สองพี่น้องจึงเดินออกมาจากบ้านหลี่เพื่อขึ้นเกวียนเข้าเมือง

วันนี้การเดินทางเข้าเมืองของฟางเจียวเหมยไม่โดนใครค่อนแคะแบบเมื่อวาน ไม่รู้เพราะวันนี้มีพี่ชายมาด้วย หรือเพราะไม่อยากโดนหญิงสาวด่ากลับจนเสียหน้าเธอก็ไม่สนใจ

ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงในเมือง ทว่าฟางเจียวเหมยกลับพาพี่ชายเหมาเกวียนต่อไปยังถนนเหอหยาง จนฟางหลู่เฉินอดขมวดคิ้วและเอ่ยถามไม่ได้

“เรามาที่นี่กันทำไมเหรอ เจียวเหมย”

ฟางเจียวเหมยหลังจากมาหยุดอยู่หน้าร้านที่ปิดประตู เธอก็ไม่พูดและไม่ตอบอะไร ทำเพียงล้วงหากุญแจในกระเป๋า ก่อนจะไขประตูและเดินนำพี่ชายเข้ามาด้านในทันที

“หมายความว่าอย่างไร เราเข้ามาแบบนี้เจ้าของร้านเขาไม่ว่าเหรอ” ชายหนุ่มยังคงถามเพื่อให้ตนเองหายข้องใจ และหวั่นเกรงว่าเจ้าของร้านจะโกรธเอาได้ที่เขาและน้องสาวเข้ามาในนี้

“ฮ่า ๆ ใครจะมาโกรธเราสองคนล่ะพี่ใหญ่ในเมื่อร้านนี้ฉันซื้อแล้ว รอแค่เปลี่ยนกรรมสิทธิ์ใบอนุญาตที่ถูกต้องในอีกสองสัปดาห์ ร้านนี้ก็จะเป็นของฉันอย่างสมบูรณ์” ฟางเจียวเหมยหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะบอกความจริงเรื่องที่เธอเป็นเจ้าของร้านนี้เรียบร้อยแล้ว

“หา!!” ชายหนุ่มตกใจมากจริง ๆ ไม่คิดว่าร้านที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่นี้จะเป็นของน้องสาว

“ฉันมีเรื่องจะเล่าให้พี่ฟัง ตั้งใจฟังให้ดีล่ะ หลังจากนี้หากพี่จะไม่นับฉันเป็นน้องเพราะความผิดปกติที่ฉันได้รับมาตอนไม่สบาย ก็สุดแล้วแต่พี่ใหญ่จะตัดสินใจเลย” หญิงสาวพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง

“เล่ามาได้เลย และไม่ว่าน้องจะเป็นอะไร หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น

พี่ก็ไม่มีวันที่จะทอดทิ้งน้องไปไหน เจียวเหมยยังไงก็จะเป็นน้องสาวของพี่ตลอดไป” ฟางหลู่เฉินตอบกลับน้องสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

จากนั้นฟางเจียวเหมยจึงสร้างเรื่องออกมา และหวังว่าพี่ชายจะเชื่อเธอ

“คือตอนที่ฉันป่วยจนสติหลุดลอย ฉันได้เจอกับชายชราคนหนึ่งในห้วงความฝัน และท่านเห็นใจที่ฉันนั้นถูกคนใจร้ายผลักตกน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และยังมีลูกน้อยอีกสองคนที่ต้องเลี้ยงดู ท่านเลยให้มิติห้างสรรพสินค้ามาให้กับฉัน ซึ่งมีทั้งสินค้ายุคนี้และยุคอนาคต รวมทั้งพวกเนื้อและอาหารต่าง ๆ ด้วย ตอนแรกฉันนึกว่าฝันไป แต่มันคือความจริง

ฉันจึงนำของพวกนั้นออกมาขายในตลาดมืด ได้เงินมามากมาย และต่อไปเราก็จะไม่มีความอดอยากอีกต่อไปแล้วนะพี่ใหญ่” ในขณะที่กำลังเล่าในเรื่องที่เธอแต่งขึ้นมานั้น หญิงสาวก็มองปฏิกิริยาของพี่ชายไปด้วย เพราะอยากรู้ว่าชายตรงหน้ามีความรู้สึกแบบไหน

“แล้วน้องไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมเจียวเหมย ท่านตาคนนั้นให้ของพวกนี้มาแล้วต้องแลกอะไรหรือเปล่า ถ้าท่านต้องการชีวิตก็ให้ท่านมาเอาชีวิตพี่ได้เลย เวลานี้พี่หมดห่วงแล้ว น้องสาวคนเดียวของพี่กำลังมีชีวิตที่ดีขึ้น มีลูกน้อยสองคนที่ต้องดูแล และพี่เชื่อว่าอี้ข่ายจะสามารถดูแลน้องสาวพี่ได้” ฟางหลู่เฉินได้รู้อย่างนั้นก็รุ้สึกอย่างเป็นห่วงน้องสาว

จึงรีบพูดขึ้นมาเพราะคิดว่าคงไม่มีใครที่ให้อะไรคนอื่นง่ายดายโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนหรอกนะ ยิ่งของที่ได้มาวิเศษมากแค่ไหน สิ่งแลกเปลี่ยนก็ยิ่งสำคัญเช่นกัน โดยหากจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต ซึ่งเขายินดีที่จะชดใช้ด้วยชีวิตแทนน้องสาว เนื่องจากเวลานี้เขานั้นหมดห่วงแล้ว

“พี่จะบ้าหรืออย่างไร ไม่มีใครต้องตายหลังจากนี้หรอกนะ ทั้งพี่และฉัน ท่านตาขอแค่ฉันทำความดีให้มากกว่าเมื่อก่อนก็เท่านั้นเอง แต่ฉันยังสามารถร้ายกาจได้กับคนที่คิดไม่ดีต่อครอบครัวและคนที่ฉันรัก พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวลหรอกนะ สิ่งที่เราควรกังวลคือพี่จะแยกตัวออกมาจากบ้านฟาง และบ้านสามหลี่จะแยกออกมาจากบ้านใหญ่ได้อย่างไรมากกว่า

เพราะนอกจากร้านแล้ว ฉันยังซื้อบ้านขนาดกลางแล้วด้วย และมีห้องสำหรับพี่ใหญ่ด้วยนะ รอเราค้าขายและเก็บเงินได้มากกว่านี้ก่อนค่อยสร้างบ้านใหม่ หรือซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่กว่านี้ ที่เพียงพอต่อจำนวนสมาชิกครอบครัวของพวกเรา ต่อให้ฉันแต่งเข้าบ้านสามหลี่ แต่พี่คือพี่ชายและญาติเพียงคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่ ฟางเจียวเหมยคนนี้หากได้ดี พี่ใหญ่ก็ต้องได้ดีด้วย”

หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลผสมกับความจริงจัง เวลานี้ต่อให้ชายตรงหน้าจะเป็นพี่ชายของร่างเดิม แต่เพราะเธออยู่ในร่างนี้ ดังนั้นฟางเจียวเหมยจึงนับถือชายตรงหน้าว่าเป็นพี่ชายของเธอเหมือนกัน!!

“ขอบใจมากนะเจียวเหมย” ฟางหลู่เฉินน้ำตาซึมเขาเอ่ยขอบคุณน้องสาวจากใจที่ได้ดีแล้วไม่ลืมพี่ชายคนนี้ ก่อนจะเอ่ยถึงเรื่องที่ฟางเจียวเหมยกำลังหนักใจ

“พี่คิดว่าเรื่องของพี่ที่จะแยกออกมาจากบ้านฟางนั้น พี่น่าจะจัดการได้ไม่มีปัญหา เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่แม่จากไป พี่ก็ทดแทนบุญคุณพ่อมามากมายแล้ว ส่วนเรื่องบ้านสามหลี่ พี่เชื่อว่าป้าสะใภ้ของน้องและบุตรสาวของเธอ คงกำลังวางแผนที่จะแย่งชิงข้าวของที่น้องซื้อมาแน่ แต่เราจะจับทั้งสองแบบคาหนังคาเขาได้อย่างไร”

“เรื่องนั้นพี่ใหญ่ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ ฉันตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะพาแม่สามีและเสี่ยวเหมยรวมถึงสองแฝดเข้าเมือง อย่างน้อยก็ให้ทั้งสองได้รู้ว่ามีบ้านในเมืองแล้ว แต่ปัญหาคือจะบอกทั้งสองคนว่าเอาเงินที่ซื้อบ้านมาจากไหนกันล่ะ บ้านหลังนั้นราคาสามพันหยวนเชียวนะ”

ฟางเจียวเหมยยังคงกังวลเรื่องนี้ เพราะถ้าเกิดแม่สามีถามขึ้นมาว่าเอาเงินจากที่ไหนไปซื้อบ้าน เธอคงไม่มีคำตอบให้ เพราะเงินมันจำนวนเยอะเกินไป

“เอาอย่างนี้ไหม บอกว่าเอาเงินสินเดิมที่แม่ทิ้งไว้ให้ไปซื้อ สินเดิมส่วนนี้แม่ซุกซ่อนไว้อย่างดี มีแต่เราสองพี่น้องที่รู้ที่ซ่อน พี่เชื่อว่าน้าหงชุนไม่ถามเยอะหรอก อย่างไรก็ขจัดปัญหาบ้านหลี่ได้แล้ว หลังจากนี้เราช่วยกันทำการค้าก็น่าจะดีกว่านี้”

ฟางหลู่เฉินเสนอความคิดขึ้นมา เนื่องจากแม่ของเขานั้นมีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนและไม่ใช่คนหมู่บ้านนี้ แต่แม่ไม่ยอมบอกว่ามาจากที่ไหน การที่จะอ้างว่าเอาเงินมาจากสินเดิมที่แม่ทิ้งไว้ให้ ก็น่าจะไม่มีใครสงสัยอะไร ตอนแรกก็ไม่รู้หรอก แต่ก่อนแม่จะจากไปนั้นได้บอกลูกทั้งสองเอาไว้

“เอาแบบนั้นก็ได้ อย่างนั้นเรามาจัดร้านนี้กันก่อน แล้วค่อยเข้าไปตกแต่งบ้าน ถ้ามีเวลาเหลือค่อยเข้าไปขายของในตลาดมืดหาเงินสักหน่อย เมื่อวานเงินหมดไปเยอะกับการซื้อบ้านและร้านทั้งสองแห่ง” ฟางเจียวเหมยพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะชักชวนกันจัดร้านเพื่อรองรับการเปิดกิจการในอีกไม่นานนี้

“อืม เอาอย่างที่เจียวเหมยพูดมาเถอะ พี่จะช่วยด้วย” ฟางหลู่เฉินก็ไม่ขัดน้องสาวอีกตามเคย

จากนั้นสองพี่น้องจึงช่วยกันจัดร้านค้าแห่งนี้ด้วยความสุข ฟางหลู่เฉินนั้นยิ้มไปกับความสำเร็จของน้องสาวที่เขารักมากกว่าชีวิตตัวเอง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 31 รับเป็นน้องบุญธรรม

    บทที่ 31 รับเป็นน้องบุญธรรม“แล้วถ้าเป็นหยกล่ะ เธอมีราคาในใจหรือเปล่า” กงเฉินเสวียนพูดสวนขึ้นมา ‘ในเมื่อสิบสองก้อนล้วนแต่ผ่าออกมาเป็นหยกทั้งนั้น แล้วก้อนใหญ่จะไม่ใช่หยกได้อย่างไร และถ้าเป็นหยกจักรพรรดิขึ้นมา ราคาของมันจะอยู่ที่หลายสิบล้านหยวน ซึ่งถ้าเขาสามารถขอซื้อมาได้ นั่นก็หมายความว่า หญิงสาวคนนี้จะสร้างเม็ดเงินให้เขาได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว’ เขาคิดคำนวณในใจพร้อมกับรอคำตอบฟางเจียวเหมยนั้นยังไม่ตอบ แต่หันมาสบตากับสามีอีกครั้งเพื่อขอปรึกษา เนื่องจากเธอเองก็ไม่รู้ค่าของเงินในยุคนี้เท่าไรนัก ถ้าถามว่าเธออยากได้เงินมากหรือไม่นั้น ก็ตอบได้เลยว่าอยากได้ เนื่องจากเธอคิดจะทำธุรกิจมากมาย แต่สิ่งที่เธอขาดอย่างเดียวก็คือเงิน ต่อให้จะขายหยกก่อนหน้านี้ไปแล้ว มันก็ได้แค่ไม่กี่แสนหยวนเท่านั้น มันยังไม่เพียงพอตามที่เธอต้องการ“ราคาในใจฉันมีอยู่แล้วค่ะ อยู่ที่ว่านายท่านกงจะสู้ราคาฉันไว้หรือเปล่า” ฟางเจียวเหมยมองสบตากับสามีครู่หนึ่ง เมื่อเขายิ้มให้เธอจึงหันกลับมาตอบ นั่นจึงทำให้นายท่านกงอมยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ“ถ้าอย่างนั้นเธอให้เขาผ่าหินก้อนนี้เลยดีหรือไม่ เราจะได้มาดูกันว่าด้านในเป็นอะไร เมื่อ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 30 สร้างเม็ดเงินมหาศาล

    บทที่ 30 สร้างเม็ดเงินมหาศาลเจ้าของร้านมองก้อนหินที่หญิงสาวชี้แล้วได้แต่แปลกใจเนื่องจากหินก้อนนี้วางอยู่ที่ร้านมานานแล้วแต่ไม่เคยมีใครสนใจเลย ซึ่งเขาเองก็คิดว่าหินก้อนนี้มันเป็นเพียงหินธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งมันยังดูเกะกะอีกด้วย แต่ก็ยังโก่งราคาตามแบบพ่อค่า“ฉันขายให้หนึ่งพันหยวน” พ่อค้าบอกราคาขึ้นมา“ตกลงฉันซื้อในราคาหนึ่งพันหยวน และเอาหินก้อนนี้ นี่ด้วย” ฟางเจียวเหมยตอบกลับอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเลือกหินที่เธอต้องการ ซึ่งในก้อนเล็กพวกนี้มีหยกจักรพรรดิถึงสามก้อน ยังไม่รวมก้อนใหญ่ก้อนนั้น ส่วนก้อนอื่น ๆ เป็นหยกสีเขียวซึ่งราคาก็แพงอยู่พอสมควรนี่จึงทำให้เจ้าของร้านและคนที่ยืนอยู่บริเวณนี้ต่างก็หน้าเปลี่ยนสี ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะบ้าถึงขนาดซื้อก้อนหินก้อนโตที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะมีหยกอยู่ด้านใน แถมราคาที่เธอซื้อนั้นก็แพงมากด้วยเวลานี้ทั้งพ่อค้าและคนที่มาเสี่ยงโชคหาซื้อหยกต่างก็มารุมล้อมร้านนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนของนายท่านกงอยู่ด้วย เพราะต้องการมาดูสินค้าให้กับเจ้านาย ขนาดชายคนนี้อยู่วงการค้าหยกมานาน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครตัดสินใจแบบนี้มาก่อน เขาจึงยืนมองดูสถานการณ์อย่างสนใจ“ทั้งหมดสองพันสอง

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 29 ตลาดค้าหยก

    บทที่ 29 ตลาดค้าหยกเมื่อได้รับคำที่สนับสนุนตนเองจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงมีความมั่นใจมากขึ้นและจะตั้งใจทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ภรรยาผิดหวัง“เรื่องราวเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ แล้วเถ้าแก่เฉาเป็นหนี้คนพวกนั้นเท่าไร” ชายหนุ่มเอ่ยถามทันที“ฉันกู้ยืมเงินคนพวกนั้นหลายเดือนแล้ว ฉันเองก็จ่ายดอกเบี้ยตรงมาทุกเดือนแต่ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกนั้นถึงมาทวงโดยบอกว่าฉันไม่เคยจ่ายดอกเบี้ยเลย พอฉันโต้แย้งไปเขาก็ไม่พอใจและพังร้านจนเละไปหมด แล้วบอกว่าฉันต้องคืนเงินทั้งหมดภายในสามวัน ไม่อย่างนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัยของคนในบ้าน เงินตั้งสี่หมื่นหยวน ฉันจะเอามาจากไหนมาคืนในเวลาแค่สามวัน ต่อให้ขายร้านก็ไม่พออยู่ดี” เถ้าแก่เฉาพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา ก่อนจะมองหลี่อี้ข่ายกับสหายอีกสามคนด้วยสายตาที่สงสัย ว่าทำไมอยู่ดี ๆ คนงานของร้านเถ้าแก่เฉินต่างก็ดูเปลี่ยนไป แถมยังใส่เสื้อผ้าใหม่ดูจะมีราคาอีกด้วยหลี่อี้ข่ายได้ฟังก็แปลกใจเหมือนกันว่า ทำไมเจ้าหนี้ของเถ้าแก่เฉาถึงได้มาทวงเงินเอาวันนี้ ซึ่งทุกคนก็คิดเหมือนกัน“หรือว่า...” ฉีฮุ่ยพูดขึ้น ก่อนจะหันมามองหน้าสหายอีกสามคน “ฉันคิดว่าใช่นะ อย่าลืมสิว่าฉันประกา

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 28 ช่วยเหลือร้านค้าที่ถูกกดขี่

    บทที่ 28 ช่วยเหลือร้านค้าที่ถูกกดขี่หลังจากฟังเรื่องราวทุกอย่างจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงโน้มตัวคว้าร่างของภรรยาเข้ามากอดไว้แน่น เหมือนเขากลัวจะสูญเสียเธอไปจริงๆ ภายในใจนั้นรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่อาจปกป้องเธอและทุกคนในครอบครัวได้“พี่ขอโทษนะเจียวเหมย ที่ไม่อาจปกป้องน้องและทุกคนได้ เลยทำให้น้องและทุกคนต้องเจอกับความลำบากมากมายกับบ้านใหญ่ และขอบคุณน้องมากที่ดูแลแม่และทุกคนจนหลุดพ้นจากที่นั่นออกมาได้ ขอบคุณจริง ๆ”หลี่อี้ข่ายกอดภรรยาไว้แน่นแล้วเอ่ยขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิด“ไม่ต้องขอบคุณแล้วค่ะ แล้วก็อย่าคิดมากเลยนะคะ อย่างไรเราก็คือสามีภรรยาและครอบครัวเดียวกัน ตอนนี้ฉันซื้อบ้านและพาพี่ใหญ่ฉันมาอยู่ด้วยนะ พี่จะว่าอะไรไหม”ฟางเจียวเหมยบอกถึงเรื่องที่เธอซื้อบ้านและให้พี่ชายมาอยู่บ้านเดียวกันให้สามีฟัง“พี่ภรรยาก็คือครอบครัวเรา อย่าคิดมากเลยนะ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลฟางเจียวเหมยยิ้มกว้าง ในใจนั้นคิดไม่ผิดที่บอกความลับแก่สามีและสาเหตุหลักที่เธอบอก เพราะหากเธอต้องส่งสินค้าให้คู่ค้าตอนอยู่ที่เมืองนี้ เธอจะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างที่ชวนปวดหัวให้กับสามี การที่หลี่อี้ข่ายรับรู้เรื่องมิติของ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 27 ความจริงที่เล่าไม่หมด

    บทที่ 27 ความจริงที่เล่าไม่หมด“พี่อี้ข่าย พี่อี้ข่ายฟังฉันอยู่ไหมคะ” ฟางเจียวเหมยขยับตัวมาใกล้ ๆ แล้วเรียกพร้อมกับโบกมือไปตรงหน้าสามีที่ยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างแปลกใจ“เอ่อ..คะ ครับ พี่จะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ครับ” หลี่อี้ข่ายได้เรียกสติตัวเองกลับมาก็ตอบอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนู มีการผลักประตูห้องน้ำเข้าไปด้วย ทั้งที่หน้าห้องเขียนไว้ว่า ‘โปรดดึง’“น่ารักเหมือนกันแฮะ” ฟางเจียวเหมยมองภาพนั้นแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ในใจนั้นคิดว่าสามีคนนี้น่ารักน่าแกล้งดีเหมือนกัน แต่พอก้มมองชุดนอนที่ตัวเองใส่ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมสามีถึงหน้าแดงและยืนตัวแข็งทื่อแบบนั้น จากนั้นก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์ พร้อมกับพูดออกมาว่า “โป้แล้วไง ใส่ให้สามีมองนะไม่ใช่ใส่ให้คนอื่นมองสักหน่อย”แต่พอหลี่อี้ข่ายออกมาจากห้องน้ำเท่านั้น เธอถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเพราะรูปร่างกำยำที่เย้ายวนใจของเขา“เอ่อ...พี่ไม่ใส่เสื้อผ้าหน่อยเหรอ” ฟางเจียวเหมยเอ่ยถามเสียงสั่น เมื่อเห็นว่าสามีเดินขึ้นมานอนบนเตียงด้วยร่างกายที่ไม่ต่างกับเปล่าเปลือย เพราะเขามีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบเอวไว้เท่านั้น“ใส่ทำไมล่ะ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 26 เจ้าของร้านหลี่ฟาง

    บทที่ 26 เจ้าของร้านหลี่ฟางฟางเจียวเหมยเห็นท่าทางของพนักงานคนหนึ่งก็เข้าใจทันทีว่าต่อให้เธอและสามีแจ้งความก็ไม่สามารถเอาผิดคุณหนูเฉินได้ แต่เธอเป็นแม่ค้าย่อมไม่ยอมเสียเปรียบแน่ อย่างนี้ต้องหาทางเอาคืนอย่างสาสม อย่าลืมสิว่าเธอคือโกดังเคลื่อนที่ การที่จะหาคู่ค้าจากเมืองนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ก่อนจะเดินมากระซิบบางอย่างข้างหูสามี ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าตาม เขาเองก็ไม่อยากทำร้ายสหายในร้านเหมือนกัน เขาเชื่อเต็มร้อยว่าสหายไม่ใช่คนที่เอาพัสดุของเขาไป แต่อาจจะเป็นเพียงแพะรับบาปเท่านั้น“ว่าแต่พี่ลาออกได้เลยใช่ไหม เราจะได้ไปหาโรงแรมที่พักกัน ฉันลงรถไฟมาก็ตรงดิ่งมาที่นี่เลย ตอนนี้ฉันเหนื่อยมาก” ฟางเจียวเหมยพูดกับสามีด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เรื่องเอาคืนผู้หญิงคนนี้นั้นเธอคิดในใจไว้แล้ว อย่างไรวันนี้ก็พักเอาแรงก่อนดีกว่า“ครับ พี่ลาออกได้เลย เดี๋ยวเราค่อยไปคุยกันนะ พี่ขอไปเก็บของก่อน” ชายหนุ่มตอบกลับภรรยาทันทีและเตรียมหมุนตัวออกไปจากร้านเพื่อจะไปที่พักเก็บของ แต่ทว่าฟางเจียวเหมยกลับห้ามไว้เสียก่อน“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่อี้ข่าย ของที่พี่มีมันคงเก่าหมดแล้ว ฉันได้เตรียมเสื้อผ้ามาให้พี่แล้วล่ะ ของที่มีอยู่ที่นี

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status