เช้าวันต่อมา...
ฟางเจียวเหมยยังคงตื่นก่อนคนอื่นเพื่อมาจัดเตรียมอาหารไว้ให้ทุกคน เมื่อทุกอย่างเสร็จแล้วเธอจึงไปปลุกแม่และน้องสามี ก่อนจะตามด้วยลูกน้อยทั้งสองคน
มื้อเช้าของวันนี้จึงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีฟางหลู่เฉินมากินด้วย เมื่อจัดการทุกอย่างที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ฟางเจียวเหมยจึงเดินทาง เข้าเมืองพร้อมกับพี่ชาย แต่ก่อนไปไม่ลืมที่จะบอกกล่าวลูกน้อยทั้งสองคน
“อาหมิง หนิงหนิง ทั้งสองทนอีกหน่อยนะลูก แม่สัญญาจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อยในเร็ววัน ลูกทั้งสองคนของแม่จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จริงสิ เสี่ยวเหลียนฉันขอที่อยู่ของพี่อี้ข่ายหน่อยสิ วันนี้ว่าจะส่งของกินไปให้น่ะ” หลังจากบอกกับลูกทั้งสองคนแล้ว ฟางเจียวเหมยจึงเอ่ยขอที่อยู่ของสามีกับหลี่เหว่ยเหลียน
“เดี๋ยวฉันจะจดให้นะคะ” หลี่เหว่ยเหลียนทั้งดีใจและแปลกใจที่พี่สะใภ้ใส่ใจพี่ชายของเธอ จึงรีบจดที่อยู่ให้ทันที
พอได้มาแล้ว สองพี่น้องจึงเดินออกมาจากบ้านหลี่เพื่อขึ้นเกวียนเข้าเมือง
วันนี้การเดินทางเข้าเมืองของฟางเจียวเหมยไม่โดนใครค่อนแคะแบบเมื่อวาน ไม่รู้เพราะวันนี้มีพี่ชายมาด้วย หรือเพราะไม่อยากโดนหญิงสาวด่ากลับจนเสียหน้าเธอก็ไม่สนใจ
ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงในเมือง ทว่าฟางเจียวเหมยกลับพาพี่ชายเหมาเกวียนต่อไปยังถนนเหอหยาง จนฟางหลู่เฉินอดขมวดคิ้วและเอ่ยถามไม่ได้
“เรามาที่นี่กันทำไมเหรอ เจียวเหมย”
ฟางเจียวเหมยหลังจากมาหยุดอยู่หน้าร้านที่ปิดประตู เธอก็ไม่พูดและไม่ตอบอะไร ทำเพียงล้วงหากุญแจในกระเป๋า ก่อนจะไขประตูและเดินนำพี่ชายเข้ามาด้านในทันที
“หมายความว่าอย่างไร เราเข้ามาแบบนี้เจ้าของร้านเขาไม่ว่าเหรอ” ชายหนุ่มยังคงถามเพื่อให้ตนเองหายข้องใจ และหวั่นเกรงว่าเจ้าของร้านจะโกรธเอาได้ที่เขาและน้องสาวเข้ามาในนี้
“ฮ่า ๆ ใครจะมาโกรธเราสองคนล่ะพี่ใหญ่ในเมื่อร้านนี้ฉันซื้อแล้ว รอแค่เปลี่ยนกรรมสิทธิ์ใบอนุญาตที่ถูกต้องในอีกสองสัปดาห์ ร้านนี้ก็จะเป็นของฉันอย่างสมบูรณ์” ฟางเจียวเหมยหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะบอกความจริงเรื่องที่เธอเป็นเจ้าของร้านนี้เรียบร้อยแล้ว
“หา!!” ชายหนุ่มตกใจมากจริง ๆ ไม่คิดว่าร้านที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่นี้จะเป็นของน้องสาว
“ฉันมีเรื่องจะเล่าให้พี่ฟัง ตั้งใจฟังให้ดีล่ะ หลังจากนี้หากพี่จะไม่นับฉันเป็นน้องเพราะความผิดปกติที่ฉันได้รับมาตอนไม่สบาย ก็สุดแล้วแต่พี่ใหญ่จะตัดสินใจเลย” หญิงสาวพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“เล่ามาได้เลย และไม่ว่าน้องจะเป็นอะไร หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น
พี่ก็ไม่มีวันที่จะทอดทิ้งน้องไปไหน เจียวเหมยยังไงก็จะเป็นน้องสาวของพี่ตลอดไป” ฟางหลู่เฉินตอบกลับน้องสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
จากนั้นฟางเจียวเหมยจึงสร้างเรื่องออกมา และหวังว่าพี่ชายจะเชื่อเธอ
“คือตอนที่ฉันป่วยจนสติหลุดลอย ฉันได้เจอกับชายชราคนหนึ่งในห้วงความฝัน และท่านเห็นใจที่ฉันนั้นถูกคนใจร้ายผลักตกน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และยังมีลูกน้อยอีกสองคนที่ต้องเลี้ยงดู ท่านเลยให้มิติห้างสรรพสินค้ามาให้กับฉัน ซึ่งมีทั้งสินค้ายุคนี้และยุคอนาคต รวมทั้งพวกเนื้อและอาหารต่าง ๆ ด้วย ตอนแรกฉันนึกว่าฝันไป แต่มันคือความจริง
ฉันจึงนำของพวกนั้นออกมาขายในตลาดมืด ได้เงินมามากมาย และต่อไปเราก็จะไม่มีความอดอยากอีกต่อไปแล้วนะพี่ใหญ่” ในขณะที่กำลังเล่าในเรื่องที่เธอแต่งขึ้นมานั้น หญิงสาวก็มองปฏิกิริยาของพี่ชายไปด้วย เพราะอยากรู้ว่าชายตรงหน้ามีความรู้สึกแบบไหน
“แล้วน้องไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมเจียวเหมย ท่านตาคนนั้นให้ของพวกนี้มาแล้วต้องแลกอะไรหรือเปล่า ถ้าท่านต้องการชีวิตก็ให้ท่านมาเอาชีวิตพี่ได้เลย เวลานี้พี่หมดห่วงแล้ว น้องสาวคนเดียวของพี่กำลังมีชีวิตที่ดีขึ้น มีลูกน้อยสองคนที่ต้องดูแล และพี่เชื่อว่าอี้ข่ายจะสามารถดูแลน้องสาวพี่ได้” ฟางหลู่เฉินได้รู้อย่างนั้นก็รุ้สึกอย่างเป็นห่วงน้องสาว
จึงรีบพูดขึ้นมาเพราะคิดว่าคงไม่มีใครที่ให้อะไรคนอื่นง่ายดายโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนหรอกนะ ยิ่งของที่ได้มาวิเศษมากแค่ไหน สิ่งแลกเปลี่ยนก็ยิ่งสำคัญเช่นกัน โดยหากจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต ซึ่งเขายินดีที่จะชดใช้ด้วยชีวิตแทนน้องสาว เนื่องจากเวลานี้เขานั้นหมดห่วงแล้ว
“พี่จะบ้าหรืออย่างไร ไม่มีใครต้องตายหลังจากนี้หรอกนะ ทั้งพี่และฉัน ท่านตาขอแค่ฉันทำความดีให้มากกว่าเมื่อก่อนก็เท่านั้นเอง แต่ฉันยังสามารถร้ายกาจได้กับคนที่คิดไม่ดีต่อครอบครัวและคนที่ฉันรัก พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวลหรอกนะ สิ่งที่เราควรกังวลคือพี่จะแยกตัวออกมาจากบ้านฟาง และบ้านสามหลี่จะแยกออกมาจากบ้านใหญ่ได้อย่างไรมากกว่า
เพราะนอกจากร้านแล้ว ฉันยังซื้อบ้านขนาดกลางแล้วด้วย และมีห้องสำหรับพี่ใหญ่ด้วยนะ รอเราค้าขายและเก็บเงินได้มากกว่านี้ก่อนค่อยสร้างบ้านใหม่ หรือซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่กว่านี้ ที่เพียงพอต่อจำนวนสมาชิกครอบครัวของพวกเรา ต่อให้ฉันแต่งเข้าบ้านสามหลี่ แต่พี่คือพี่ชายและญาติเพียงคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่ ฟางเจียวเหมยคนนี้หากได้ดี พี่ใหญ่ก็ต้องได้ดีด้วย”
หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลผสมกับความจริงจัง เวลานี้ต่อให้ชายตรงหน้าจะเป็นพี่ชายของร่างเดิม แต่เพราะเธออยู่ในร่างนี้ ดังนั้นฟางเจียวเหมยจึงนับถือชายตรงหน้าว่าเป็นพี่ชายของเธอเหมือนกัน!!
“ขอบใจมากนะเจียวเหมย” ฟางหลู่เฉินน้ำตาซึมเขาเอ่ยขอบคุณน้องสาวจากใจที่ได้ดีแล้วไม่ลืมพี่ชายคนนี้ ก่อนจะเอ่ยถึงเรื่องที่ฟางเจียวเหมยกำลังหนักใจ
“พี่คิดว่าเรื่องของพี่ที่จะแยกออกมาจากบ้านฟางนั้น พี่น่าจะจัดการได้ไม่มีปัญหา เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่แม่จากไป พี่ก็ทดแทนบุญคุณพ่อมามากมายแล้ว ส่วนเรื่องบ้านสามหลี่ พี่เชื่อว่าป้าสะใภ้ของน้องและบุตรสาวของเธอ คงกำลังวางแผนที่จะแย่งชิงข้าวของที่น้องซื้อมาแน่ แต่เราจะจับทั้งสองแบบคาหนังคาเขาได้อย่างไร”
“เรื่องนั้นพี่ใหญ่ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ ฉันตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะพาแม่สามีและเสี่ยวเหมยรวมถึงสองแฝดเข้าเมือง อย่างน้อยก็ให้ทั้งสองได้รู้ว่ามีบ้านในเมืองแล้ว แต่ปัญหาคือจะบอกทั้งสองคนว่าเอาเงินที่ซื้อบ้านมาจากไหนกันล่ะ บ้านหลังนั้นราคาสามพันหยวนเชียวนะ”
ฟางเจียวเหมยยังคงกังวลเรื่องนี้ เพราะถ้าเกิดแม่สามีถามขึ้นมาว่าเอาเงินจากที่ไหนไปซื้อบ้าน เธอคงไม่มีคำตอบให้ เพราะเงินมันจำนวนเยอะเกินไป
“เอาอย่างนี้ไหม บอกว่าเอาเงินสินเดิมที่แม่ทิ้งไว้ให้ไปซื้อ สินเดิมส่วนนี้แม่ซุกซ่อนไว้อย่างดี มีแต่เราสองพี่น้องที่รู้ที่ซ่อน พี่เชื่อว่าน้าหงชุนไม่ถามเยอะหรอก อย่างไรก็ขจัดปัญหาบ้านหลี่ได้แล้ว หลังจากนี้เราช่วยกันทำการค้าก็น่าจะดีกว่านี้”
ฟางหลู่เฉินเสนอความคิดขึ้นมา เนื่องจากแม่ของเขานั้นมีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนและไม่ใช่คนหมู่บ้านนี้ แต่แม่ไม่ยอมบอกว่ามาจากที่ไหน การที่จะอ้างว่าเอาเงินมาจากสินเดิมที่แม่ทิ้งไว้ให้ ก็น่าจะไม่มีใครสงสัยอะไร ตอนแรกก็ไม่รู้หรอก แต่ก่อนแม่จะจากไปนั้นได้บอกลูกทั้งสองเอาไว้
“เอาแบบนั้นก็ได้ อย่างนั้นเรามาจัดร้านนี้กันก่อน แล้วค่อยเข้าไปตกแต่งบ้าน ถ้ามีเวลาเหลือค่อยเข้าไปขายของในตลาดมืดหาเงินสักหน่อย เมื่อวานเงินหมดไปเยอะกับการซื้อบ้านและร้านทั้งสองแห่ง” ฟางเจียวเหมยพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะชักชวนกันจัดร้านเพื่อรองรับการเปิดกิจการในอีกไม่นานนี้
“อืม เอาอย่างที่เจียวเหมยพูดมาเถอะ พี่จะช่วยด้วย” ฟางหลู่เฉินก็ไม่ขัดน้องสาวอีกตามเคย
จากนั้นสองพี่น้องจึงช่วยกันจัดร้านค้าแห่งนี้ด้วยความสุข ฟางหลู่เฉินนั้นยิ้มไปกับความสำเร็จของน้องสาวที่เขารักมากกว่าชีวิตตัวเอง
บทส่งท้าย ครอบครัวอบอุ่นหลี่อี้ข่ายเมื่อรู้เรื่องว่าภรรยาเหมือนจะคลอดแล้วจึงรีบตามไปที่โรงพยาบาลทันที พอมาถึงก็รู้ว่าภรรยาได้เข้าไปในห้องคลอดแล้ว เขาได้แต่เดินไปเดินมาที่หน้าห้องคลอด จนทุกคนเวียนหัวไปหมดแล้วในตอนนี้“อาข่ายหยุดเดินแล้วมานั่งก่อนเถอะ ตาเวียนหัวไปหมดแล้ว” นายท่านผู้เฒ่ากงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นเพราะเขาเวียนหัวไปหมดแล้วจากการเดินของหลานเขย“ครับ คุณตา”แต่ถึงแม้จะบอกอย่างนั้น หลี่อี้ข่ายก็ไม่ยอมนั่ง เขาเดินไปยืนเอาหน้าแนบประตูห้องคลอด เหมือนกับว่าจะมองให้ทะลุเข้าไปในห้องให้ได้ นั่นจึงทำให้ทุกคนส่ายหัวให้กับความตื่นเต้นของเขา ทั้ง ๆ ที่เคยมีลูกมาก่อนแล้วสองคนไม่นานประตูก็เปิดออกและมีคุณหมอก็ออกมาแจ้งข่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มว่า“ยินดีด้วยนะคะ คุณเจียวเหมยคลอดลูกแฝดชายหญิงค่ะ”“ภรรยาผมเป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ” ชายหนุ่มรีบถามถึงอาการของภรรยาก่อนจนคุณหมอต้องอมยิ้ม เพราะเขาไม่ถามเลยว่าแฝดกี่คน‘ดูท่าว่าคนนี้จะรักภรรยามากจริง ๆ’ หมอคิดในใจ“ภรรยาคุณหลังจากที่คลอดลูกก็เพลียจนตอนนี้หลับไปแล้วค่ะ อาการปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกเลยค่ะ ว่าแต่คุณพ่อไม่ถามเหรอคะ ว่าคราวนี้ลูกแฝ
บทที่ 74 รับปู่กับย่ามาอยู่ด้วย“ฮือ ๆ ๆ ตาแก่นั่นตอนนี้ป่วยหนัก แต่ย่าไม่มีเงินพาไปหาหมอเพราะสะใภ้ใหญ่แอบเอาเงินที่มีไปให้บ้านเดิมยืม จนตอนนี้บ้านซ่งก็ยังไม่คืน แถมเมียอาจงพอเห็นสามีติดคุกก็หอบเงินที่มีหนีไปอีก ตอนนี้บ้านหลี่เราลำบากมาก แทบไม่มีอะไรกิน ตาแก่ทำงานหนักจนร่างกายไม่ไหวสะดุดล้มหน้าบ้าน จากนั้นก็เดินไม่ได้อีกและนอนป่วยอยู่ที่บ้าน กินน้ำต้มข้าวประทังชีวิตไปวัน ๆ ”ย่าหลี่พูดออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ นางเคยบากหน้าไปขอจากลูกคนรอง แต่บ้านนั้นแทบจะไม่เปิดประตูต้อนรับนางเช่นกันหลี่อี้ข่ายได้ฟังอย่างนั้นก็หันไปสบสายตากับฟางเจียวเหมย เมื่อเธอพยักหน้าให้ เขาก็ออกคำสั่งกับคนที่เป็นทั้งสหายและลูกน้องคนสนิทของตนเองทันที“เผิงหยู่ นายเอารถฉันพาย่าไปรับปู่แล้วรีบไปส่งโรงพยาบาล ค่ารักษาฉันจะจ่ายเองทั้งหมด อ้อ เอาอาหารแล้วก็ของใช้ไปให้เพียงพอสำหรับปู่กับย่าด้วยนะ คนอื่นไม่เกี่ยว” ชายหนุ่มไม่อยากคิดถึงความร้ายกาจที่บ้านใหญ่มีต่อบ้านสามของเขา ครั้งนี้เขาขอทำเพื่อพ่อที่จากไป อย่างน้อยก็ได้กตัญญูแทนท่าน และเขาทำให้ปู่กับย่าเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์“ครับเถ้าแก่” เผิงหยู่ขานรับทันที เขารู้สิ่
บทที่ 73 ความสุขที่ได้แบ่งปันข่าวเรื่องที่ร้านหลี่ฟางจะตั้งโรงทานเพื่อแจกอาหารและของใช้ให้ชาวบ้าน ต่างกระจายไปทั่ว ไม่ว่าหมู่บ้านนั้นจะอยู่ลึกและกันดารแค่ไหน สามล้อพุ่มพวงก็เดินทางไปส่งข่าวหลังจากขายของหมดแล้ว ชาวบ้านที่ได้ยินต่างก็ตื่นเต้นดีใจ ทุกคนได้แต่อวยพรให้ร้านหลี่ฟางขายดีและร่ำรวยยิ่งกว่าเดิม พอนายท่านกงและนายท่านผู้เฒ่ากงทราบเรื่อง ทั้งสองก็มาช่วยลงขันด้วย โดยการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่ยากไร้ ไม่มีทุนทรัพย์ในการเรียนต่อเบื้องต้นจำนวน 50 ทุนและจะพิจารณาทุนให้เป็นการเฉพาะรายที่อยากเรียนถึงระดับมหาวิทยาลัย โดยจะคัดเลือกจากคนเรียนดีแต่ยากจนจริงๆ อีกครั้งในภายหลัง พอเรื่องนี้เข้าหูชาวบ้าน ทุกคนก็ยิ่งดีใจมาก เพราะหลายครอบครัวที่อยากส่งลูกหลานเรียนแต่ไม่มีเงิน“ขอบคุณตระกูลหลี่ ตระกูลฟาง และตระกูลกง นอกจากฉันจะไม่อดตายในหน้าหนาวปีนี้แล้ว หลานของฉันมีโอกาสได้เรียนต่อตามที่เขาตั้งใจไว้อีกด้วยขอบคุณจริงๆ”ยายเฒ่าคนหนึ่งหลั่งน้ำตาออกมา เมื่อได้ยินประกาศจากรถสามล้อพุ่มพวง เนื่องจากเธออาศัยอยู่กับหลานชายและลูกชาย ซึ่งตอนนี้หลานชายเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เนื่องจากบ้านพวกเธอต่างยอม
บทที่ 72 คืนกำไรให้ชาวบ้าน“เป็นอย่างไรบ้าง อย่างที่คิดไหม” นายท่านผู้เฒ่ากงสอบถามทันทีด้วยสีหน้าร้อนรนปนตื่นเต้น เมื่อหลานทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน“เป็นอย่างที่คิดครับคุณตา เจียวเหมยตั้งท้องแล้วครับ แปดสัปดาห์แล้วครับคุณตา” หลี่อี้ข่ายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เพราะเวลานี้เขากำลังดีใจที่จะมีลูกเพิ่ม“จริงหรือ” หนิงหงชุนพอได้ยินว่าลูกสะใภ้ตั้งท้องอีกครั้งก็รีบวางหลานสาวเข้าคอกกั้น ก่อนจะวิ่งออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจส่วนนายท่านผู้เฒ่ากงปรากฏรอยยิ้มดีใจบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่“จริงครับแม่”หลี่อี้ข่ายตอบกลับผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน เนื่องจากเวลานี้เขากำลังดีใจกว่าทุกคนในเรื่องนี้ ส่วนฟางเจียวเหมยนั้นไม่ต้องห่วง เธอนั้นมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ทั้งอบอุ่นหัวใจและดีใจก่อนจะเดินไปหาลูกน้อยทั้งสองคนที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในคอก“อาหมิง หนิงหนิง เราสองคนกำลังมีน้องแล้วนะ ดีใจไหม” ความดีใจนี้เธออยากจะบอกให้ลูกทั้งสองคนรับรู้“น้อนเหยอ” หลี่ลี่หนิงละทิ้งของเล่นในมือพร้อมกับเอียงคอถามด้วยท่าทีที่น่ารัก“ค่ะลูก หนูกำลังจะมีน้องรู้ไหม” หญิงสาวตอบกลับพร้อมกับลูบหัวลูกสาวตัวน้อยด้วยความอ่อนโยน ส่วนหลี่ชุน
บทที่ 71 ตั้งท้องแล้วหลังจากเปิดใจกันวันนั้นฟางหลู่เฉินและหลี่เหว่ยเหลียนก็ได้เปิดตัวกับทุกคน ซึ่งทั้งสองครอบครัวต่างก็ยินดีกับทั้งสองคนด้วย รวมถึงนายท่านผู้เฒ่ากงด้วย วันเวลาล่วงเลยจนอี้เสี่ยวม่านใกล้คลอดแล้ว ส่วนกงเฉิงเสวียนก็เดินทางไปกลับระหว่างสองเมืองเพื่อดูแลงานเองทุกที่ รวมถึงร้านรับซื้อหยกของเขาด้วย มีบางครั้งที่ฟางเจียวเหมยและสามีตามไปด้วยเพื่อหาซื้อหยกแล้วขายต่อให้พี่ชายอีกทั้งเวลานี้โรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ก็คืบหน้าไปมาก เพราะฟางเจียวเหมยทุ่มเงินไปกับส่วนนี้ไม่น้อย แม้การก่อสร้างจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่ประสิทธิภาพและความคงทนแข็งแรงนั้นไม่ด้อยไปกว่าใคร เพราะทรัพย์สินพวกนี้เป็นอะไรที่สามารถเก็บกินระยะยาวหลายสิบปีและเธอตั้งใจจะทำเพื่อมอบไว้ให้ลูก ๆฟางเจียวเหมยและหลี่อี้ข่าย ตอนนี้ทั้งสองคนมีอิทธิพลในเมืองแห่งนี้และเมืองใกล้ ๆ ไม่น้อย เพราะกิจการที่เจริญรุ่งเรืองไม่หยุดของทั้งคู่ ทำให้เป็นที่นับหน้าถือตาของกลุ่มนักธุรกิจด้วยกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าชาวบ้านธรรมดา จะกลายเป็นผู้มีเงินได้มากขนาดนี้อีกทั้งคุณนายหลี่อย่างฟางเจียวเหมย ยังมีฐานะเป็นหลานสาวของตระกูลกงที่มั่งคั่งและร่ำรวยระ
บทที่ 70 คำสารภาพของฟางหลู่เฉินหลังจากส่งนายท่านกงขึ้นรถแล้ว ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง รวมถึงกงเฉิงเสวียนที่เปิดกิจการใหม่ที่นี่ด้วยนั่นก็คือโรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ตามคำแนะนำของน้องสาวอย่างฟางเจียวเหมย ซึ่งเธอก็สร้างด้วยเหมือนกัน เพราะกิจกรรมพวกนี้ มันไม่ได้แย่งชิงลูกค้ากันอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นที่ต้องการของคนที่อยากมีบ้านแต่ทุนน้อยและไม่มีที่ดินของตนเอง ซึ่งการที่ฟางเจียวเหมยให้พี่ชายคนนี้มาทำกิจการนี้ นั่นก็เพราะว่ากงเฉิงเสวียนมีเส้นสายในการขออนุญาตกับภาครัฐอย่างไรล่ะ หากเป็นตาสีตาสาเช่นเธอ ทุกอย่างคงจะยากน่าดูพอทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว นายท่านผู้เฒ่ากงก็หันมาเล่นกับสองแฝดด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของชายชราปรากฏให้เห็นแล้วว่าเขานั้นมีความสุขที่จะอยู่ตรงนี้ ซึ่งเด็กน้อยแม้จะพูดไม่ค่อยชัดเพราะเริ่มหัดพูด แต่ก็พยายามโต้ตอบสื่อสารกับผู้เป็นทวดของทั้งสองคนอย่างร่าเริง“ฉันฝากสองแฝดหน่อยนะคะนายท่านผู้เฒ่า เดี๋ยวจะไปเตรียมอาหารไว้สำหรับมื้อเที่ยงของเด็กๆ วันนี้นายท่านต้องการรับประทานอาหารชนิดไหนคะ ฉันจะได้เตรียมไว้ให้” หนิงหงชุนพอเห็นว่าทุกคนไปหมดแล้ว เลยฝากหลานทั้งสองไว้ให้นายท่านผู้