“หม้อขนาดกลางใบละสี่สิบหยวน ทำจากวัตถุดิบชั้นดี ใช้ได้หลายสิบปีเลยครับ คุณลูกค้าลองดูก่อนได้นะ วันนี้ร้านเรายังมีอุปกรณ์ปะหม้อและกระทะที่รั่วด้วยนะครับ” ฟางหลู่เฉินเอ่ยถึงสินค้าที่น้องสาวนำออกมาขายด้วยความคล่องแคล่ว ชายหนุ่มไม่เคอะเขินเลยที่ต้องมานั่งขายของแบบนี้กับน้องสาว เพราะเขาคิดแค่ว่า ทำอย่างไรก็ได้ที่ให้น้องสาวเหนื่อยน้อยลง
“แล้วที่ปะหม้อมันใช้อย่างไรหรือ ราคาแพงหรือเปล่า” ลูกค้าคนนี้สนใจ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความกระตือรือร้น เพราะถ้าหากมีอุปกรณ์ปะหม้อที่ใช้ดี ก็จะทำให้ประหยัดเงินไปได้เยอะ และจะได้เอาเงินส่วนนั้นมาซื้ออาหารอย่างอื่น
“เดี๋ยวผมจะทำให้ดูนะครับ”
ฟางหลู่เฉินพูดจบก็จะสาธิตให้ลูกค้าดูตามที่น้องสาวสอนก่อนจะมาขาย ชายหนุ่มหยิบม้วนคล้ายกับกระดาษสีเงินออกมา ก่อนจะมองหน้าฟางเจียวเหมยเพราะตอนนี้ไม่มีหม้อที่ชำรุด ฟางเจียวเหมยเข้าใจทันที
เธอจึงตัดสินใจหยิบตะปูเพื่อเจาะรูก้นหม้อแล้วยื่นให้กับพี่ชาย นี่จึงทำให้ลูกค้าหลายคนตกใจมาก ไม่คิดว่าแม่ค้าร้านนี้จะกล้าลงทุนเจาะสินค้าของตัวเองแบบนี้
เมื่อได้หม้อที่มีรูรั่วมา ชายหนุ่มก็สาธิตอย่างช้า ๆ เมื่อเสร็จแล้วก็เทน้ำใส่เข้าไปในหม้อที่ปะแล้วและไม่มีน้ำรั่วออกมาแม้แต่หยดเดียว นั่นทำให้ลูกค้าหลายคนยอมควักเงินซื้อทันที
การค้าวันนี้ที่สองพี่น้องช่วยกันขายของได้เงินมาไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งฟางเจียวเหมยแบ่งให้พี่ชายจำนวนหนึ่ง แต่ทว่าชายหนุ่มขอไม่รับไว้
“เก็บไว้เถอะ น้องต้องใช้เงินอีกเยอะ เอาเป็นว่าพี่ค่อยรับค่าจ้างหลังจากทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วจะดีกว่า” ฟางหลู่เฉินไม่คิดจะเอาเปรียบน้องสาว เพราะคิดว่าของทั้งหมดที่นำมาขาย ท่านตาคนนั้นมอบให้
ฟางเจียวเหมย เงินทั้งหมดที่ขายได้ก็สมควรจะเป็นของเธอคนเดียว
ส่วนเขาค่อยมารับเงินค่าจ้างก็แล้วกัน
“เงินส่วนนี้ก็ถือเป็นค่าแรงของพี่เหมือนกัน แต่หากพี่ยังไม่รับไป ถ้าอย่างนั้นก็เก็บไว้ที่ฉันก่อน ไม่แน่ว่าถ้าแม่เลี้ยงรู้ว่าพี่มีเงินติดตัว อาจจะโดนหล่อนแย่งชิงไปและจะทำให้การแยกตัวออกมาลำบากมากกว่าเดิม” ฟางเจียวเหมยพูดขึ้นมา เพราะกลัวว่าหากแม่เลี้ยงรู้ว่าพี่ชายมีเงิน หล่อนอาจจะแย่งไปแล้วจะไม่ยอมให้แยกตัวออกมา เพราะเห็นเขาเป็นคนหาเงินเข้าบ้านได้อย่างไรล่ะ
“อืม” ชายหนุ่มตอบกลับเพียงเท่านี้ ก่อนจะช่วยกันเก็บของกลับบ้าน
เย็นวันนี้บ้านสามหลี่ยังคงทำอาหารด้วยเนื้อ ซึ่งกลิ่นนี้ยังคงตลบอบอวลทั่วไปหมด ซึ่งบ้านที่ลำบากต้องกลืนน้ำลายมากที่สุดก็คือบ้านใหญ่หลี่นั่นเอง
“เอาอีกแล้วหรือเนี่ย พวกมันไม่คิดจะทำอาหารที่คนทั่วไปกินบ้างหรืออย่างไร แล้วยังไม่แบ่งมาให้พ่อแม่สามีอีก ช่างไร้น้ำใจสิ้นดี” ย่าหลี่ไม่วายบ่นออกมา แถมยังก่นด่าบ้านสามว่าไร้น้ำใจ ไม่ยอมเอาอาหารจานเนื้อมาแบ่งให้นางกับสามีกินบ้างเลย
“หล่อนก็กินแบบเงียบ ๆ ได้หรือไม่ บ้านสามจะไม่ให้อะไรพวกเราก็เพราะปากหล่อนเป็นอย่างนี้ไงล่ะ” ปู่หลี่แม้จะไม่ใช่คนดีมาก แต่การที่เห็นภรรยาบ่นแบบนี้ก็อดใจไม่ไหวที่จะสอดปากเข้ามาพูด นี่จึงทำให้ภรรยานั้นถลึงตาใส่อย่างโมโห
“ตาแก่ เงียบปากไปเลยนะ”
บ้านหลี่แม้อยากได้ของจากบ้านสามมาเป็นของตัวเอง แต่เวลานี้ยังไม่มีโอกาสเลยสงบเสงี่ยมและกินอาหารต่อ โดยไม่พูดถึงบ้านสามอีกเลย
กลับมาทางด้านของฟางเจียวเหมย หลังจากทำอาหารเสร็จแล้ว ทั้งหมดมานั่งกินข้าวด้วยกันที่แคร่หน้าบ้านเหมือนเดิม ซึ่งวันนี้สองแฝดยังไม่นอน จึงได้ออกมานั่งเล่นเหมือนกัน
“พรุ่งนี้ฉันจะพาทุกคนเข้าไปในเมืองนะ เตรียมตัวไว้ด้วยนะ” หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว ฟางเจียวเหมยจึงบอกแม่สามีและน้องสาวของสามีให้รับรู้ว่าพรุ่งนี้ทุกคนจะต้องเข้าเมืองด้วยกันตามแผนที่เธอวางไว้
“ถ้าอย่างนั้นเจียวเหมยไม่ต้องเตรียมอาหารเช้าหรอกนะ อาหารเย็นนี้เหลือพอทีจะกินได้อีกมื้อ ถ้าจะทำก็มีเพียงข้าวต้มของสองแฝดเท่านั้น” หนิงหงชุนเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินว่าลูกสะใภ้จะพาทุกคนเข้าเมือง
“ไม่หรอกแม่ หากไม่ทำไว้ พอพวกเรากลับมาต้องหุงหาอาหาร
มันเสียเวลา อีอย่างตอนนี้ใครก็ไม่มาวุ่นวายกับบ้านเราเหมือนเมื่อก่อนแล้วนี่คะ จริงสิ วันนี้ฉันซื้อเนื้อตากแห้งและเนื้อแปรรูปแบบที่เราเอามากินส่งไปให้พี่อี้ข่ายด้วยนะ รวมถึงเสื้อผ้าอีกสามชุด แล้วก็เขียนจดหมายบอกให้สามีกลับมาบ้านด้วย”
เธอบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เหมือนกับคนไม่มีอะไร ทว่าสายตาของฟางเจียวเหมยเหลือบมองทางบ้านใหญ่ เพราะเวลานี้เธอเห็นว่ามีเงาตะคุ่มอยู่ข้างบ้าน นี่จึงทำให้รู้ว่าคนจากบ้านใหญ่เริ่มมาแอบฟังแล้ว จากนั้นจึงขยิบตาให้พี่ชายเพื่อส่งสัญญาณ
ฟางหลู่เฉินเข้าใจที่น้องสาวพูด จึงทำทีเสนอตัวมาเฝ้าบ้านให้
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้พี่มาเฝ้าบ้านให้ดีไหม เจียวเหมยกับทุกคนจะได้เที่ยวอย่างสบายใจ” เขาพูดขึ้นเสียงดังกว่าปกติเล็กน้อย
“ไม่ต้องหรอก บ้านเรามีแค่อาหารและเงินไม่เท่าไร ส่วนเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่คนละหกเจ็ดชุดนั้น ใครจะบ้ามาลักขโมยกัน พรุ่งนี้พี่ใหญ่เองก็ต้องไปกับพวกเรา” ฟางเจียวเหมยตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อยเหมือนกัน เพื่อให้คนที่มาแอบฟังนั้นได้ยิน
“อืมเอาอย่างนั้นก็ได้ อย่างนั้นวันนี้พี่จะเอาถ้วยชามไปล้างเอง
แล้วจะมาเก็บไว้ให้ พรุ่งนี้เจอกันตอนเช้าเหมือนเดิม” ฟางหลู่เฉินตอบรับก่อนจะเริ่มเก็บถ้วยชามใส่กะละมังเพื่อที่จะเอาไปล้างที่เดิมเหมือนทุกวัน โดยมีหลี่เหว่ยเหลียนคอยช่วยด้วย
“เดี๋ยววันนี้ฉันไปด้วยดีกว่า ให้เสี่ยวเหลียนกับแม่อยู่ดูแลสองแฝดเถอะนะ” ฟางเจียวเหมยพูดขึ้น เธอมีแผนการในใจว่าจะต้องหาของบางอย่างให้เจอ นอกจากจะจับโจรได้แล้ว ยังได้ความสะใจอีกเล็กน้อย แค่นี้ก็พอจะทำให้สบายใจว่าจะไม่มีปัญหาตามมาหากต้องย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
“ได้ค่ะพี่สะใภ้” หลี่เหว่ยเหลียนตอบรับอย่างว่าง่าย
จากนั้นเด็กสาวและแม่ของเธอจึงพาหลานสองคนเข้าห้องโดยมีฟางเจียวเหมยตามเข้ามาด้วย ก่อนจะบอกบางอย่างให้แม่และน้องสามีได้รับรู้ แล้วเดินออกมาเพื่อไปล้างถ้วยชามกับพี่ชาย
หลังจากล้างถ้วยชามเสร็จแล้ว ฟางเจียวเหมยก็ไปหาของบางอย่างกับพี่ชายสองคน พอได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ทั้งสองจึงกลับมาบ้านสามหลี่อีกครั้ง
หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยอย่างที่วางไว้ ฟางหลู่เฉินจึงขอตัวกลับบ้านฟางทันที ..
เช้าวันต่อมา...
ฟางเจียวเหมยยังคงตื่นมาทำอาหารเช้าเหมือนอย่างเคย วันนี้ทุกคนต้องเข้าเมืองจึงต้องรีบกินอาหารแต่เช้า หลังจากเตรียมอาหารเสร็จแล้ว เธอจึงรีบบอกให้แม่และน้องสาวของสามีไปอาบน้ำเตรียมตัวไว้ก่อน และให้น้องสามีตักน้ำมาเพื่อเช็ดตัวให้ลูกน้อยทั้งสองเท่านั้น เพราะหลังกินอาหารแล้วเด็กทั้งสองจะต้องเช็ดตัวทำความสะอาด
“เรียบร้อยกันหรือยัง เราจะเข้าเมืองกันแล้วนะ” เสียงของฟางหลู่เฉินดังขึ้น พร้อมกับร่างของเขาเดินเข้ามาในรั้วบ้านสามหลี่
“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่ใหญ่ เข้ามาด้านในก่อนสิคะ” ฟางเจียวเหมยส่งเสียงเรียกพี่ชายให้เข้ามาด้านในบ้าน จากนั้นสองพี่น้องก็ทำบางอย่างกับข้าวของที่อยู่ในห้องนี้ ก่อนที่หญิงสาวจะเดินเข้าครัวอีกครั้งเพื่อดูความเรียบร้อย
“ไปกันเถอะ เรามีเวลากันไม่นานเท่าไรนัก” หญิงสาวเมื่อเห็นว่าสิ่งที่ต้องการนั้นเรียบร้อยดีแล้ว จึงเอ่ยปากบอกทุกคน
จากนั้นคนบ้านสามหลี่พร้อมกับฟางหลู่เฉินจึงเดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไปขึ้นเกวียนเพื่อจะเข้าเมือง
บทที่ 31 รับเป็นน้องบุญธรรม“แล้วถ้าเป็นหยกล่ะ เธอมีราคาในใจหรือเปล่า” กงเฉินเสวียนพูดสวนขึ้นมา ‘ในเมื่อสิบสองก้อนล้วนแต่ผ่าออกมาเป็นหยกทั้งนั้น แล้วก้อนใหญ่จะไม่ใช่หยกได้อย่างไร และถ้าเป็นหยกจักรพรรดิขึ้นมา ราคาของมันจะอยู่ที่หลายสิบล้านหยวน ซึ่งถ้าเขาสามารถขอซื้อมาได้ นั่นก็หมายความว่า หญิงสาวคนนี้จะสร้างเม็ดเงินให้เขาได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว’ เขาคิดคำนวณในใจพร้อมกับรอคำตอบฟางเจียวเหมยนั้นยังไม่ตอบ แต่หันมาสบตากับสามีอีกครั้งเพื่อขอปรึกษา เนื่องจากเธอเองก็ไม่รู้ค่าของเงินในยุคนี้เท่าไรนัก ถ้าถามว่าเธออยากได้เงินมากหรือไม่นั้น ก็ตอบได้เลยว่าอยากได้ เนื่องจากเธอคิดจะทำธุรกิจมากมาย แต่สิ่งที่เธอขาดอย่างเดียวก็คือเงิน ต่อให้จะขายหยกก่อนหน้านี้ไปแล้ว มันก็ได้แค่ไม่กี่แสนหยวนเท่านั้น มันยังไม่เพียงพอตามที่เธอต้องการ“ราคาในใจฉันมีอยู่แล้วค่ะ อยู่ที่ว่านายท่านกงจะสู้ราคาฉันไว้หรือเปล่า” ฟางเจียวเหมยมองสบตากับสามีครู่หนึ่ง เมื่อเขายิ้มให้เธอจึงหันกลับมาตอบ นั่นจึงทำให้นายท่านกงอมยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ“ถ้าอย่างนั้นเธอให้เขาผ่าหินก้อนนี้เลยดีหรือไม่ เราจะได้มาดูกันว่าด้านในเป็นอะไร เมื่อ
บทที่ 30 สร้างเม็ดเงินมหาศาลเจ้าของร้านมองก้อนหินที่หญิงสาวชี้แล้วได้แต่แปลกใจเนื่องจากหินก้อนนี้วางอยู่ที่ร้านมานานแล้วแต่ไม่เคยมีใครสนใจเลย ซึ่งเขาเองก็คิดว่าหินก้อนนี้มันเป็นเพียงหินธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งมันยังดูเกะกะอีกด้วย แต่ก็ยังโก่งราคาตามแบบพ่อค่า“ฉันขายให้หนึ่งพันหยวน” พ่อค้าบอกราคาขึ้นมา“ตกลงฉันซื้อในราคาหนึ่งพันหยวน และเอาหินก้อนนี้ นี่ด้วย” ฟางเจียวเหมยตอบกลับอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเลือกหินที่เธอต้องการ ซึ่งในก้อนเล็กพวกนี้มีหยกจักรพรรดิถึงสามก้อน ยังไม่รวมก้อนใหญ่ก้อนนั้น ส่วนก้อนอื่น ๆ เป็นหยกสีเขียวซึ่งราคาก็แพงอยู่พอสมควรนี่จึงทำให้เจ้าของร้านและคนที่ยืนอยู่บริเวณนี้ต่างก็หน้าเปลี่ยนสี ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะบ้าถึงขนาดซื้อก้อนหินก้อนโตที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะมีหยกอยู่ด้านใน แถมราคาที่เธอซื้อนั้นก็แพงมากด้วยเวลานี้ทั้งพ่อค้าและคนที่มาเสี่ยงโชคหาซื้อหยกต่างก็มารุมล้อมร้านนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนของนายท่านกงอยู่ด้วย เพราะต้องการมาดูสินค้าให้กับเจ้านาย ขนาดชายคนนี้อยู่วงการค้าหยกมานาน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครตัดสินใจแบบนี้มาก่อน เขาจึงยืนมองดูสถานการณ์อย่างสนใจ“ทั้งหมดสองพันสอง
บทที่ 29 ตลาดค้าหยกเมื่อได้รับคำที่สนับสนุนตนเองจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงมีความมั่นใจมากขึ้นและจะตั้งใจทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ภรรยาผิดหวัง“เรื่องราวเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ แล้วเถ้าแก่เฉาเป็นหนี้คนพวกนั้นเท่าไร” ชายหนุ่มเอ่ยถามทันที“ฉันกู้ยืมเงินคนพวกนั้นหลายเดือนแล้ว ฉันเองก็จ่ายดอกเบี้ยตรงมาทุกเดือนแต่ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกนั้นถึงมาทวงโดยบอกว่าฉันไม่เคยจ่ายดอกเบี้ยเลย พอฉันโต้แย้งไปเขาก็ไม่พอใจและพังร้านจนเละไปหมด แล้วบอกว่าฉันต้องคืนเงินทั้งหมดภายในสามวัน ไม่อย่างนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัยของคนในบ้าน เงินตั้งสี่หมื่นหยวน ฉันจะเอามาจากไหนมาคืนในเวลาแค่สามวัน ต่อให้ขายร้านก็ไม่พออยู่ดี” เถ้าแก่เฉาพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา ก่อนจะมองหลี่อี้ข่ายกับสหายอีกสามคนด้วยสายตาที่สงสัย ว่าทำไมอยู่ดี ๆ คนงานของร้านเถ้าแก่เฉินต่างก็ดูเปลี่ยนไป แถมยังใส่เสื้อผ้าใหม่ดูจะมีราคาอีกด้วยหลี่อี้ข่ายได้ฟังก็แปลกใจเหมือนกันว่า ทำไมเจ้าหนี้ของเถ้าแก่เฉาถึงได้มาทวงเงินเอาวันนี้ ซึ่งทุกคนก็คิดเหมือนกัน“หรือว่า...” ฉีฮุ่ยพูดขึ้น ก่อนจะหันมามองหน้าสหายอีกสามคน “ฉันคิดว่าใช่นะ อย่าลืมสิว่าฉันประกา
บทที่ 28 ช่วยเหลือร้านค้าที่ถูกกดขี่หลังจากฟังเรื่องราวทุกอย่างจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงโน้มตัวคว้าร่างของภรรยาเข้ามากอดไว้แน่น เหมือนเขากลัวจะสูญเสียเธอไปจริงๆ ภายในใจนั้นรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่อาจปกป้องเธอและทุกคนในครอบครัวได้“พี่ขอโทษนะเจียวเหมย ที่ไม่อาจปกป้องน้องและทุกคนได้ เลยทำให้น้องและทุกคนต้องเจอกับความลำบากมากมายกับบ้านใหญ่ และขอบคุณน้องมากที่ดูแลแม่และทุกคนจนหลุดพ้นจากที่นั่นออกมาได้ ขอบคุณจริง ๆ”หลี่อี้ข่ายกอดภรรยาไว้แน่นแล้วเอ่ยขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิด“ไม่ต้องขอบคุณแล้วค่ะ แล้วก็อย่าคิดมากเลยนะคะ อย่างไรเราก็คือสามีภรรยาและครอบครัวเดียวกัน ตอนนี้ฉันซื้อบ้านและพาพี่ใหญ่ฉันมาอยู่ด้วยนะ พี่จะว่าอะไรไหม”ฟางเจียวเหมยบอกถึงเรื่องที่เธอซื้อบ้านและให้พี่ชายมาอยู่บ้านเดียวกันให้สามีฟัง“พี่ภรรยาก็คือครอบครัวเรา อย่าคิดมากเลยนะ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลฟางเจียวเหมยยิ้มกว้าง ในใจนั้นคิดไม่ผิดที่บอกความลับแก่สามีและสาเหตุหลักที่เธอบอก เพราะหากเธอต้องส่งสินค้าให้คู่ค้าตอนอยู่ที่เมืองนี้ เธอจะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างที่ชวนปวดหัวให้กับสามี การที่หลี่อี้ข่ายรับรู้เรื่องมิติของ
บทที่ 27 ความจริงที่เล่าไม่หมด“พี่อี้ข่าย พี่อี้ข่ายฟังฉันอยู่ไหมคะ” ฟางเจียวเหมยขยับตัวมาใกล้ ๆ แล้วเรียกพร้อมกับโบกมือไปตรงหน้าสามีที่ยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างแปลกใจ“เอ่อ..คะ ครับ พี่จะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ครับ” หลี่อี้ข่ายได้เรียกสติตัวเองกลับมาก็ตอบอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนู มีการผลักประตูห้องน้ำเข้าไปด้วย ทั้งที่หน้าห้องเขียนไว้ว่า ‘โปรดดึง’“น่ารักเหมือนกันแฮะ” ฟางเจียวเหมยมองภาพนั้นแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ในใจนั้นคิดว่าสามีคนนี้น่ารักน่าแกล้งดีเหมือนกัน แต่พอก้มมองชุดนอนที่ตัวเองใส่ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมสามีถึงหน้าแดงและยืนตัวแข็งทื่อแบบนั้น จากนั้นก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์ พร้อมกับพูดออกมาว่า “โป้แล้วไง ใส่ให้สามีมองนะไม่ใช่ใส่ให้คนอื่นมองสักหน่อย”แต่พอหลี่อี้ข่ายออกมาจากห้องน้ำเท่านั้น เธอถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเพราะรูปร่างกำยำที่เย้ายวนใจของเขา“เอ่อ...พี่ไม่ใส่เสื้อผ้าหน่อยเหรอ” ฟางเจียวเหมยเอ่ยถามเสียงสั่น เมื่อเห็นว่าสามีเดินขึ้นมานอนบนเตียงด้วยร่างกายที่ไม่ต่างกับเปล่าเปลือย เพราะเขามีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบเอวไว้เท่านั้น“ใส่ทำไมล่ะ
บทที่ 26 เจ้าของร้านหลี่ฟางฟางเจียวเหมยเห็นท่าทางของพนักงานคนหนึ่งก็เข้าใจทันทีว่าต่อให้เธอและสามีแจ้งความก็ไม่สามารถเอาผิดคุณหนูเฉินได้ แต่เธอเป็นแม่ค้าย่อมไม่ยอมเสียเปรียบแน่ อย่างนี้ต้องหาทางเอาคืนอย่างสาสม อย่าลืมสิว่าเธอคือโกดังเคลื่อนที่ การที่จะหาคู่ค้าจากเมืองนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ก่อนจะเดินมากระซิบบางอย่างข้างหูสามี ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าตาม เขาเองก็ไม่อยากทำร้ายสหายในร้านเหมือนกัน เขาเชื่อเต็มร้อยว่าสหายไม่ใช่คนที่เอาพัสดุของเขาไป แต่อาจจะเป็นเพียงแพะรับบาปเท่านั้น“ว่าแต่พี่ลาออกได้เลยใช่ไหม เราจะได้ไปหาโรงแรมที่พักกัน ฉันลงรถไฟมาก็ตรงดิ่งมาที่นี่เลย ตอนนี้ฉันเหนื่อยมาก” ฟางเจียวเหมยพูดกับสามีด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เรื่องเอาคืนผู้หญิงคนนี้นั้นเธอคิดในใจไว้แล้ว อย่างไรวันนี้ก็พักเอาแรงก่อนดีกว่า“ครับ พี่ลาออกได้เลย เดี๋ยวเราค่อยไปคุยกันนะ พี่ขอไปเก็บของก่อน” ชายหนุ่มตอบกลับภรรยาทันทีและเตรียมหมุนตัวออกไปจากร้านเพื่อจะไปที่พักเก็บของ แต่ทว่าฟางเจียวเหมยกลับห้ามไว้เสียก่อน“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่อี้ข่าย ของที่พี่มีมันคงเก่าหมดแล้ว ฉันได้เตรียมเสื้อผ้ามาให้พี่แล้วล่ะ ของที่มีอยู่ที่นี