Accueil / รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80) / บทที่ 3 ไม่ทิ้งคราบสะใภ้ร้ายกาจ

Share

บทที่ 3 ไม่ทิ้งคราบสะใภ้ร้ายกาจ

Auteur: sanvittayam
last update Dernière mise à jour: 2025-08-21 18:15:19

บทที่ 3 ไม่ทิ้งคราบสะใภ้ร้ายกาจ

เมื่อเห็นว่าแม่สามีกำลังจะออกจากห้องไป ฟางเจียวเหมยจึงรีบร้องห้าม “แม่ไม่ต้องออกไปหรอก ดูหลานอยู่ในห้องเถอะ ข้างนอกนั่นฉันจัดการเอง” พูดจบเธอก็ลุกขึ้นยืนเหมือนกับคนที่ไม่ได้ล้มป่วยมาก่อน

“ตะ...แต่” หนิงหงชุนมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะไม่ต้องการให้ลูกสะใภ้มีเรื่องกับบ้านใหญ่

“ไม่มีแต่ค่ะ หรือแม่ต้องการให้ฉันอาละวาดตรงนี้” หญิงสาวพยายามนึกถึงท่าทางเดิมของร่างนี้ ก่อนจะพยายามแสดงออกมาให้เหมือนที่สุด จะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกต

“ได้ ได้จ้ะ แม่จะอยู่ดูหลานนะ” เมื่อเห็นท่าทีของลูกสะใภ้คล้ายจะกลับมาร้ายกาจเหมือนเดิม หนิงหงชุนจึงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

จากนั้น ฟางเจียวเหมยจึงได้ออกมาจากห้องเก็บของที่เป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวสาม เมื่อออกมาก็พบกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งมาพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่ง

“แม่สามีหล่อนล่ะ ไม่ออกมาด้วยเหรอ” ซ่งเจียฮุยสะใภ้ใหญ่ของบ้านใหญ่หลี่เอ่ยขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ

“แล้วทำไมแม่ต้องออกมาล่ะ มีอะไรก็พูดกับฉันได้นี่นา” หญิงสาวถามกลับด้วยดวงตาใสแป๋วคล้ายกับไม่รู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายว่าถามถึงแม่สามีของตนเองทำไม

เมื่อเจอท่าทางที่ไม่เคยพบมาก่อนของสะใภ้ร้ายกาจประจำ

บ้านสามหลี่ ป้าสะใภ้อย่างเธอเลยทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะตั้งสติได้แล้วจึงพูดขึ้นมาอย่างเหนือกว่า

“ก็แม่สามีของหล่อนไม่ออกมาทำงาน นี่ก็ใกล้จะได้เวลาอาหารแล้ว ถึงแม้จะแยกครัว แต่การทำอาหารก็หน้าที่ของสะใภ้สาม เรียกหล่อนออกมาทำหน้าที่ของตัวเองเดี๋ยวนี้”

“งั้นฉันขอถามหน่อย ป้าสะใภ้และลูกสะใภ้ของป้ามีมือมีเท้าหรือเปล่าล่ะ” ฟางเจียวเหมยไม่สนใจว่าหญิงที่ได้ชื่อว่าป้าสะใภ้ใหญ่จะพูดอะไร แต่เธอเลือกที่จะถามกลับ

“มีสิ หล่อนถามทำไม คนไม่มีมือมีเท้าก็ต้องพิการแล้วสิ” ซ่งเจียฮุยตอบกลับ พร้อมกับมองมือมองเท้าของตัวเอง เพราะไม่เข้าใจว่าหลานสะใภ้จะถามเรื่องนี้ทำไม

“นั่นไง ในเมื่อมีมือมีเท้าเหมือนกัน อีกทั้งป้าสะใภ้ก็ไม่ได้พิการ แล้วทำไมไม่ทำอาหารหรือทำงานในส่วนอื่นเองล่ะ บ้านสามของเรามีกัน

แค่นี้ และแม่สามีกับเสี่ยวเหลียนก็ช่วยดูแลลูกฉันทั้งสองคน ไม่มีเวลามานั่งทำงานให้บ้านใหญ่อีกแล้ว ป้าสะใภ้กลับไปเถอะ ถ้าไม่พอใจก็ให้ย่ามาไล่เราออกจากบ้านก็แล้วกัน”

หญิงสาวตอบกลับด้วยท่าทียียวนเล็กน้อย เรื่องอะไรจะให้แม่สามีและน้องสามีไปเป็นทาสรับใช้ของคนบ้านใหญ่อีก ไม่มีวันเสียล่ะ

“นี่แก….”

หลังจากที่ถูกย้อนกลับ ซ่งเจียฮุยและสะใภ้ต่างก็กระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะชี้หน้าและเตรียมจะด่าหลานสะใภ้จากบ้านสาม

ทว่าโดนฟางเจียวเหมยสวนกลับเสียก่อน

“หยุดนะ ฟางเจียวเหมยคนนี้ไม่ชอบให้ใครมาชี้หน้า ไม่ว่าคนนั้นจะหัวหงอกหัวดำถ้ามาชี้หน้าฉัน ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ อีกอย่างนะ ในเมื่อบ้านสามกับบ้านใหญ่แยกครัวแยกกินกันแล้ว ทำไมแม่สามีฉันต้องทำงานรับใช้พวกคนบ้านใหญ่ด้วย ต่อให้จะเป็นงานในคอมมูนถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำก็ได้ เพราะเวลานี้ไม่มีการบังคับให้ทำอีกแล้ว ในเมื่อบ้านใหญ่และบ้านรองก็ทำ ดังนั้นแม่สามีของฉันจึงไม่จำเป็นต้องทำงานกลางแดดอีก” หญิงสาวกวาดสายตามองทั้งสองคนอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะพูดต่อ

“ส่วนเรื่องงานบ้านของบ้านใหญ่ สมาชิกบ้านใหญ่และบ้านรองอยู่ในบ้านก็ทำกันเองสิ ช่วยแหกตาดูสภาพบ้านสามด้วยว่ามีสภาพอย่างไร

ห้องเก็บฟืนยังดีกว่าหลายเท่านัก คนเราเป็นคนเหมือนกัน มีมือมีเท้าเหมือนกัน บ้านใครก็ทำกันเอาเอง แล้วอย่ามาอ้างว่าย่าสั่ง เพราะความกตัญญูที่บ้านสามให้นั้นมันมากพอแล้ว เงินเดือนฉันก็ต้องแบ่งให้ทุกเดือน แล้วบ้านใหญ่กับบ้านรองล่ะให้อะไรปู่กับย่าบ้าง ต่อจากนี้ไม่ต้องมาเรียกแล้วนะ ถึงเรียกก็ไม่ไป หัดทำกันเองบ้าง ไม่ใช่สักแต่จะใช้คนอื่น!! ถ้าไม่เชื่อจะได้เห็นว่าฟางเจียวเหมยคนนี้ยังร้ายกาจได้มากกว่านี้อีกเยอะ”

พูดจบฟางเจียวเหมยก็หมุนตัวกลับเข้าห้องทันที โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมีสีหน้าอย่างไร

ซ่งเจียฮุยและลูกสะใภ้เมื่อได้สติก็รีบวิ่งกลับเข้าบ้านเหมือนกัน เพื่อนำเรื่องที่เจอไปบอกกับแม่สามี

ส่วนทางหลี่เหว่ยเหลียนที่แอบฟังอยู่นั้นเมื่อได้ยินเสียงพี่สะใภ้พูดจบก็รีบวิ่งกลับมานั่งที่เดิม และทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

ฟางเจียวเหมยเมื่อกลับเข้ามาในห้องก็รีบเอ่ยกับแม่สามีทันที

“ต่อไปนี้แม่ไม่ต้องไปทำงานในคอมมูนหรือที่บ้านใหญ่อีกแล้วนะ แม่เลี้ยงหลานอยู่ที่นี่แหละ เงินที่พี่อี้ข่ายส่งมาก็ยังเหลืออยู่ หากใช้จ่ายกันในครอบครัวโดยไม่มีเหลือบไรหรือเห็บหมัดมาก่อกวนและสูบเลือดสูบเนื้ออย่างไรเราก็ใช้จ่ายกันพอ” พูดจบก็หันมาเห็นว่าน้องสามีไม่ไปโรงเรียนจึง

เอ่ยถามขึ้นมา “ว่าแต่ทำไมเสี่ยวเหลียนถึงยังไม่ไปโรงเรียนล่ะ สายมากแล้วนะ”

“ย่าบอกว่าให้ฉันเรียนจบมัธยมต้นก็พอแล้ว ต่อไปก็ต้องแต่งงานมีครอบครัว เรียนไปก็เท่านั้น” เด็กสาวตอบกลับพร้อมกับก้มหน้าเพราะไม่อยากสบตากับพี่สะใภ้

“แล้วเงินค่าเทอมไปไหน ฉันจำได้ว่าให้ไปแล้ว แสดงว่าที่ผ่านมาเธอไม่ได้ไปโรงเรียนแต่ไปทำงานที่คอมมูนเหรอ” จากความทรงจำ เรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านสาม ฟางเจียวเหมยเป็นคนจัดการทั้งหมด แม้ว่าบ้านใหญ่กับบ้านสามจะยังไม่แยกบ้าน ทว่าเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านสามนั้นฟางเจียวเหมยคนก่อนใช้ความสามารถฉกชิงมาจัดการเอง

ในเมื่อร่างเดิมให้ค่าเทอมไปแล้ว แต่ทำไมน้องสามีกลับไม่ได้เรียน? แล้วเงินค่าเทอมพวกนั้นหายไปไหน?

“เอ่อ...” เด็กสาวไม่กล้าพูดความจริงออกมาเพราะกลัวว่าพี่สะใภ้จะไปมีเรื่องกับบ้านใหญ่

“พูดมาเถอะ ต่อให้ฉันจะร้ายกาจอย่างไร แต่แม่กับน้องของสามีฉันละไว้ ฉันไม่ทำอะไรหรอก” ฟางเจียวเหมยพูดขึ้นอีกครั้ง

“เอ่อ ตอนนั้นป้าสะใภ้มาแย่งเอาเงินไป แล้วบอกว่าย่าไม่ให้เรียนแล้วค่ะ” หลี่เหว่ยเหลียนก้มหน้าพูดเบา ๆ

“อืม นี่ก็จะสอบแล้วใช่ไหม เทอมนี้ไม่ทันก็ค่อยสอบเทียบแล้วเลื่อนชั้นเรียนเอา จำไว้นะคนเราน่ะไม่ว่าหญิงหรือชายย่อมต้องมีการศึกษา เพราะวันข้างหน้าทำให้เราสามารถเลือกงานได้ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเรียนจบมหาวิทยาลัย เข้าใจไหม” ฟางเจียวเหมยพูดขึ้นกับน้องสามีด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ไม่มีอาการเกรี้ยวกราดหรือดุด่าแต่อย่างใด สำหรับเธอนั้นมองว่า ไม่ว่ายุคสมัยไหนการเล่าเรียนนั้นย่อมสำคัญเสมอ

“แต่บ้านเราไม่มีเงินมากขนาดนั้นนะคะ พี่ใหญ่ทำงานใช้แรงงานได้เดือนละไม่เท่าไหร่เอง ฉันไม่เรียนก็ได้คะ” เด็กสาวเอ่ยเสียงเบา เพราะรู้ดีว่าพี่ชายนั้นทำงานคนเดียว และไม่อยากสร้างความลำบากให้พี่ชายเพิ่มอีก

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันยังพอมีสินเดิมที่ติดตัวมาเหลืออยู่ หากเอาไปขายอีกสักอย่างสองอย่างก็น่าจะพอส่งเธอเรียนแล้วล่ะ” ฟางเจียวเหมยนั้นมองว่าตนเองมีมิติ แค่เอาของออกมาขายก็น่าจะพอ แล้วที่สำคัญเรื่องของอาหารก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกแล้วเหมือนกัน

“ไม่ได้!! เรื่องเรียนของเสี่ยวเหลียนเอาไว้ก่อนเถอะ แล้วอย่าเอาสินเดิมออกมาขาย เก็บไว้ให้อาหมิงและหนิงหนิงเถอะนะ” หนิงหงชุนพอได้ยินว่าลูกสะใภ้นั้นจะเอาสินเดิมออกมาขายก็รีบร้องห้าม เพราะแม้ว่าบ้านสามของเธอจะยากจนและมีเพียงลูกชายที่ทำงานคนเดียว เธอก็ไม่ยอมที่จะให้ลูกสะใภ้ต้องขายของส่วนตัวเพื่อมาจุนเจือครอบครัวเหมือนกัน

“แม่นั่นแหละเงียบไปเลย แล้วก็ฟังฉัน สินเดิมที่มีเก็บเอาไว้ก็เท่านั้น ไม่สู้เอาไปจำนำแล้วเอามาจุนเจือครอบครัวก่อนไม่ดีกว่าเหรอ ให้เสี่ยวเหลียนเรียนน่ะดีแล้ว แม่คิดสิว่า ถ้าเรายังอยู่ภายใต้ชายคาบ้านใหญ่ คิดเหรอว่าป้าสะใภ้กับย่าจะหาสามีดี ๆ ให้เสี่ยวเหลียน อย่าลืมสิยังมีลูกหลานจากบ้านใหญ่และบ้านรองอีก เอาเป็นว่าทำอย่างที่ฉันบอกเข้าใจไหม แล้วไม่ว่าฉันซื้ออะไรกลับมาบ้าน ถ้ามีคนถามก็บอกฉันใช้เงินจากสินเดิมซื้อ

เข้าใจไหม” คราวนี้ฟางเจียวใช้น้ำเสียงที่พูดกับแม่สามีด้วยความแข็งกร้าวขึ้นหลายส่วนเพื่อให้นางยอมทำตามอย่างไม่มีการโต้แย้ง

‘ขอโทษนะแม่สามี หากไม่ทำแบบนี้แม่คงดื้อไม่หยุด’ ประโยคสุดท้ายเธอไม่ได้พูดออกไป และการที่พูดแบบนี้หากเธอแอบเอาอาหารออกมา แม่และน้องสามีจะได้ไม่สงสัย

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทส่งท้าย ครอบครัวอบอุ่น

    บทส่งท้าย ครอบครัวอบอุ่นหลี่อี้ข่ายเมื่อรู้เรื่องว่าภรรยาเหมือนจะคลอดแล้วจึงรีบตามไปที่โรงพยาบาลทันที พอมาถึงก็รู้ว่าภรรยาได้เข้าไปในห้องคลอดแล้ว เขาได้แต่เดินไปเดินมาที่หน้าห้องคลอด จนทุกคนเวียนหัวไปหมดแล้วในตอนนี้“อาข่ายหยุดเดินแล้วมานั่งก่อนเถอะ ตาเวียนหัวไปหมดแล้ว” นายท่านผู้เฒ่ากงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นเพราะเขาเวียนหัวไปหมดแล้วจากการเดินของหลานเขย“ครับ คุณตา”แต่ถึงแม้จะบอกอย่างนั้น หลี่อี้ข่ายก็ไม่ยอมนั่ง เขาเดินไปยืนเอาหน้าแนบประตูห้องคลอด เหมือนกับว่าจะมองให้ทะลุเข้าไปในห้องให้ได้ นั่นจึงทำให้ทุกคนส่ายหัวให้กับความตื่นเต้นของเขา ทั้ง ๆ ที่เคยมีลูกมาก่อนแล้วสองคนไม่นานประตูก็เปิดออกและมีคุณหมอก็ออกมาแจ้งข่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มว่า“ยินดีด้วยนะคะ คุณเจียวเหมยคลอดลูกแฝดชายหญิงค่ะ”“ภรรยาผมเป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ” ชายหนุ่มรีบถามถึงอาการของภรรยาก่อนจนคุณหมอต้องอมยิ้ม เพราะเขาไม่ถามเลยว่าแฝดกี่คน‘ดูท่าว่าคนนี้จะรักภรรยามากจริง ๆ’ หมอคิดในใจ“ภรรยาคุณหลังจากที่คลอดลูกก็เพลียจนตอนนี้หลับไปแล้วค่ะ อาการปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกเลยค่ะ ว่าแต่คุณพ่อไม่ถามเหรอคะ ว่าคราวนี้ลูกแฝ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 74 รับปู่กับย่ามาอยู่ด้วย

    บทที่ 74 รับปู่กับย่ามาอยู่ด้วย“ฮือ ๆ ๆ ตาแก่นั่นตอนนี้ป่วยหนัก แต่ย่าไม่มีเงินพาไปหาหมอเพราะสะใภ้ใหญ่แอบเอาเงินที่มีไปให้บ้านเดิมยืม จนตอนนี้บ้านซ่งก็ยังไม่คืน แถมเมียอาจงพอเห็นสามีติดคุกก็หอบเงินที่มีหนีไปอีก ตอนนี้บ้านหลี่เราลำบากมาก แทบไม่มีอะไรกิน ตาแก่ทำงานหนักจนร่างกายไม่ไหวสะดุดล้มหน้าบ้าน จากนั้นก็เดินไม่ได้อีกและนอนป่วยอยู่ที่บ้าน กินน้ำต้มข้าวประทังชีวิตไปวัน ๆ ”ย่าหลี่พูดออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ นางเคยบากหน้าไปขอจากลูกคนรอง แต่บ้านนั้นแทบจะไม่เปิดประตูต้อนรับนางเช่นกันหลี่อี้ข่ายได้ฟังอย่างนั้นก็หันไปสบสายตากับฟางเจียวเหมย เมื่อเธอพยักหน้าให้ เขาก็ออกคำสั่งกับคนที่เป็นทั้งสหายและลูกน้องคนสนิทของตนเองทันที“เผิงหยู่ นายเอารถฉันพาย่าไปรับปู่แล้วรีบไปส่งโรงพยาบาล ค่ารักษาฉันจะจ่ายเองทั้งหมด อ้อ เอาอาหารแล้วก็ของใช้ไปให้เพียงพอสำหรับปู่กับย่าด้วยนะ คนอื่นไม่เกี่ยว” ชายหนุ่มไม่อยากคิดถึงความร้ายกาจที่บ้านใหญ่มีต่อบ้านสามของเขา ครั้งนี้เขาขอทำเพื่อพ่อที่จากไป อย่างน้อยก็ได้กตัญญูแทนท่าน และเขาทำให้ปู่กับย่าเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์“ครับเถ้าแก่” เผิงหยู่ขานรับทันที เขารู้สิ่

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 73 ความสุขที่ได้แบ่งปัน

    บทที่ 73 ความสุขที่ได้แบ่งปันข่าวเรื่องที่ร้านหลี่ฟางจะตั้งโรงทานเพื่อแจกอาหารและของใช้ให้ชาวบ้าน ต่างกระจายไปทั่ว ไม่ว่าหมู่บ้านนั้นจะอยู่ลึกและกันดารแค่ไหน สามล้อพุ่มพวงก็เดินทางไปส่งข่าวหลังจากขายของหมดแล้ว ชาวบ้านที่ได้ยินต่างก็ตื่นเต้นดีใจ ทุกคนได้แต่อวยพรให้ร้านหลี่ฟางขายดีและร่ำรวยยิ่งกว่าเดิม พอนายท่านกงและนายท่านผู้เฒ่ากงทราบเรื่อง ทั้งสองก็มาช่วยลงขันด้วย โดยการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่ยากไร้ ไม่มีทุนทรัพย์ในการเรียนต่อเบื้องต้นจำนวน 50 ทุนและจะพิจารณาทุนให้เป็นการเฉพาะรายที่อยากเรียนถึงระดับมหาวิทยาลัย โดยจะคัดเลือกจากคนเรียนดีแต่ยากจนจริงๆ อีกครั้งในภายหลัง พอเรื่องนี้เข้าหูชาวบ้าน ทุกคนก็ยิ่งดีใจมาก เพราะหลายครอบครัวที่อยากส่งลูกหลานเรียนแต่ไม่มีเงิน“ขอบคุณตระกูลหลี่ ตระกูลฟาง และตระกูลกง นอกจากฉันจะไม่อดตายในหน้าหนาวปีนี้แล้ว หลานของฉันมีโอกาสได้เรียนต่อตามที่เขาตั้งใจไว้อีกด้วยขอบคุณจริงๆ”ยายเฒ่าคนหนึ่งหลั่งน้ำตาออกมา เมื่อได้ยินประกาศจากรถสามล้อพุ่มพวง เนื่องจากเธออาศัยอยู่กับหลานชายและลูกชาย ซึ่งตอนนี้หลานชายเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เนื่องจากบ้านพวกเธอต่างยอม

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 72 คืนกำไรให้ชาวบ้าน

    บทที่ 72 คืนกำไรให้ชาวบ้าน“เป็นอย่างไรบ้าง อย่างที่คิดไหม” นายท่านผู้เฒ่ากงสอบถามทันทีด้วยสีหน้าร้อนรนปนตื่นเต้น เมื่อหลานทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน“เป็นอย่างที่คิดครับคุณตา เจียวเหมยตั้งท้องแล้วครับ แปดสัปดาห์แล้วครับคุณตา” หลี่อี้ข่ายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เพราะเวลานี้เขากำลังดีใจที่จะมีลูกเพิ่ม“จริงหรือ” หนิงหงชุนพอได้ยินว่าลูกสะใภ้ตั้งท้องอีกครั้งก็รีบวางหลานสาวเข้าคอกกั้น ก่อนจะวิ่งออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจส่วนนายท่านผู้เฒ่ากงปรากฏรอยยิ้มดีใจบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่“จริงครับแม่”หลี่อี้ข่ายตอบกลับผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน เนื่องจากเวลานี้เขากำลังดีใจกว่าทุกคนในเรื่องนี้ ส่วนฟางเจียวเหมยนั้นไม่ต้องห่วง เธอนั้นมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ทั้งอบอุ่นหัวใจและดีใจก่อนจะเดินไปหาลูกน้อยทั้งสองคนที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในคอก“อาหมิง หนิงหนิง เราสองคนกำลังมีน้องแล้วนะ ดีใจไหม” ความดีใจนี้เธออยากจะบอกให้ลูกทั้งสองคนรับรู้“น้อนเหยอ” หลี่ลี่หนิงละทิ้งของเล่นในมือพร้อมกับเอียงคอถามด้วยท่าทีที่น่ารัก“ค่ะลูก หนูกำลังจะมีน้องรู้ไหม” หญิงสาวตอบกลับพร้อมกับลูบหัวลูกสาวตัวน้อยด้วยความอ่อนโยน ส่วนหลี่ชุน

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 71 ตั้งท้องแล้ว

    บทที่ 71 ตั้งท้องแล้วหลังจากเปิดใจกันวันนั้นฟางหลู่เฉินและหลี่เหว่ยเหลียนก็ได้เปิดตัวกับทุกคน ซึ่งทั้งสองครอบครัวต่างก็ยินดีกับทั้งสองคนด้วย รวมถึงนายท่านผู้เฒ่ากงด้วย วันเวลาล่วงเลยจนอี้เสี่ยวม่านใกล้คลอดแล้ว ส่วนกงเฉิงเสวียนก็เดินทางไปกลับระหว่างสองเมืองเพื่อดูแลงานเองทุกที่ รวมถึงร้านรับซื้อหยกของเขาด้วย มีบางครั้งที่ฟางเจียวเหมยและสามีตามไปด้วยเพื่อหาซื้อหยกแล้วขายต่อให้พี่ชายอีกทั้งเวลานี้โรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ก็คืบหน้าไปมาก เพราะฟางเจียวเหมยทุ่มเงินไปกับส่วนนี้ไม่น้อย แม้การก่อสร้างจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่ประสิทธิภาพและความคงทนแข็งแรงนั้นไม่ด้อยไปกว่าใคร เพราะทรัพย์สินพวกนี้เป็นอะไรที่สามารถเก็บกินระยะยาวหลายสิบปีและเธอตั้งใจจะทำเพื่อมอบไว้ให้ลูก ๆฟางเจียวเหมยและหลี่อี้ข่าย ตอนนี้ทั้งสองคนมีอิทธิพลในเมืองแห่งนี้และเมืองใกล้ ๆ ไม่น้อย เพราะกิจการที่เจริญรุ่งเรืองไม่หยุดของทั้งคู่ ทำให้เป็นที่นับหน้าถือตาของกลุ่มนักธุรกิจด้วยกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าชาวบ้านธรรมดา จะกลายเป็นผู้มีเงินได้มากขนาดนี้อีกทั้งคุณนายหลี่อย่างฟางเจียวเหมย ยังมีฐานะเป็นหลานสาวของตระกูลกงที่มั่งคั่งและร่ำรวยระ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 70 คำสารภาพของฟางหลู่เฉิน

    บทที่ 70 คำสารภาพของฟางหลู่เฉินหลังจากส่งนายท่านกงขึ้นรถแล้ว ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง รวมถึงกงเฉิงเสวียนที่เปิดกิจการใหม่ที่นี่ด้วยนั่นก็คือโรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ตามคำแนะนำของน้องสาวอย่างฟางเจียวเหมย ซึ่งเธอก็สร้างด้วยเหมือนกัน เพราะกิจกรรมพวกนี้ มันไม่ได้แย่งชิงลูกค้ากันอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นที่ต้องการของคนที่อยากมีบ้านแต่ทุนน้อยและไม่มีที่ดินของตนเอง ซึ่งการที่ฟางเจียวเหมยให้พี่ชายคนนี้มาทำกิจการนี้ นั่นก็เพราะว่ากงเฉิงเสวียนมีเส้นสายในการขออนุญาตกับภาครัฐอย่างไรล่ะ หากเป็นตาสีตาสาเช่นเธอ ทุกอย่างคงจะยากน่าดูพอทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว นายท่านผู้เฒ่ากงก็หันมาเล่นกับสองแฝดด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของชายชราปรากฏให้เห็นแล้วว่าเขานั้นมีความสุขที่จะอยู่ตรงนี้ ซึ่งเด็กน้อยแม้จะพูดไม่ค่อยชัดเพราะเริ่มหัดพูด แต่ก็พยายามโต้ตอบสื่อสารกับผู้เป็นทวดของทั้งสองคนอย่างร่าเริง“ฉันฝากสองแฝดหน่อยนะคะนายท่านผู้เฒ่า เดี๋ยวจะไปเตรียมอาหารไว้สำหรับมื้อเที่ยงของเด็กๆ วันนี้นายท่านต้องการรับประทานอาหารชนิดไหนคะ ฉันจะได้เตรียมไว้ให้” หนิงหงชุนพอเห็นว่าทุกคนไปหมดแล้ว เลยฝากหลานทั้งสองไว้ให้นายท่านผู้

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status