หลังจากได้กลิ่น ซูหวั่นก็กลืนน้ำลายอย่างเงียบๆด้วยเช่นกัน
เดิมทีปากก็รู้สึกจืดชืดอยู่แล้ว เมื่อได้กลิ่นหอมๆแบบนี้ขึ้นมา ร่างกายของนางก็ไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้อีกแล้ว
นางจึงรีบหยิบชามดินเผาขึ้นมา จากนั้นก็ตักซุปและเนื้อไก่ให้ซูลิ่วหลางและตัวนางเองคนละครึ่งชาม“กินเสร็จแล้วเรากลับบ้านกัน ที่เหลือเก็บเอาไว้ให้ท่านแม่นะ”
และซูลิ่วหลางก็รับชามมาอย่างมีความสุข
ด้านบนของซุปไก่มีน้ำมันสีทองลอยอยู่ โดยที่ด้านล่างเป็นน้ำซุปสีขาวข้น เนื้อไก่แทบจะละลายในปาก สดและนุ่มเอาเสียมากๆ
หลังจากกินไปครึ่งชาม ปากของซูลิ่วหลางก็เต็มไปด้วยรสชาติของไก่“พี่ครับ หากท่านย่ามาพบเข้า จะต้องแย่งเอาไว้อย่างแน่นอนเลย”
แม้ว่าเขาจะหัวช้า แต่ก็ค่อนข้างจะชัดเจนเกี่ยวกับแม่เฒ่าเซี่ยงอยู่เลยทีเดียว เขารู้ว่าหากนำซุปไก่กลับไป นางหลี่คงจะไม่ได้กินมันอย่างแน่นอน
ซูหวั่นลูบหัวของเขา แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา“งั้นก็อย่าให้ท่านย่ารู้สิ เดี๋ยวกลับไปเจ้า......”
......
หลังจากกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่แม่เฒ่าเซี่ยงทำก็คือการค้นกระบุงไม้ไผ่
ฝ่ามือของซูลิ่วหลางเต็มไปด้วยเหงื่อ และจ้องมองกระบุงไม้ไผ่นั้นอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเขาเห็นว่าพี่สาวได้เอาซุปไก่ใส่ในกระบุงไม้ไผ่นี้ไว้!
และหากแม่เฒ่าเซี่ยงค้นหาเจอแล้วละก็ ท่านแม่คงจะไม่ได้กินอย่างแน่นอน
นั่นคือเนื้อไก่และน้ำซุปที่พี่สาวเก็บเอาไว้ในท่านแม่เลยนะ!
ทันทีที่แม่เฒ่าเซี่ยงกลับมาจากนา นางก็เข้ามาแย่งกระบุงไม้ไผ่อันนี้ไปทันทีโดยยังไม่ทันได้ล้างไม้ล้างมือเลยเสียด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรอยู่ข้างในยกเว้นผลไม้ป่าที่ไม่รู้จักสองสามชนิด สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปในทันที
“อะไรของเจ้าเนี่ย จับกระต่ายป่ามาไม่ได้อย่างน้อยก็เก็บผักอะไรมาสักหน่อยก็ยังดี นี่แค่ผลไม้ป่าไม่กี่ลูก เจ้าก็ยังเก็บมางั้นเหรอ!”
ซูหวั่นทำหูทวนลม และก้มไปเก็บผลไม้ป่าขึ้นมา“ในเมื่อท่านย่ารังเกียจผลไม้ป่าพวกนี้ก็เอามาให้ข้าเถอะ ข้ากับซูลิ่วหลางสามารถอิ่มท้องได้เวลาที่หิวตอนกลางคืน”
แม่เฒ่าเซี่ยงขมวดหนังตาย่นๆของตัวเอง แล้วพูดว่า“นังเด็กบ้า รีบเอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้นะ!”
มันดีกว่าไม่มีอะไรเลย
แม้ว่าผลไม้ป่านี้จะมีรสเปรี้ยวและฝาด แต่ก็ยังกินได้ อย่างน้อยก็ไม่ให้นังเด็กบ้านี่ได้ประโยชน์ไปอย่างแน่นอน
ซูหวั่นโยนกระบุงไม้ไผ่ทิ้งและวิ่งเข้าไปช่วยนางหลี่หุงหาอาหารในครัว จากนั้นก็ขยิบตาให้ซูลิ่วหลางเพื่อให้เขาไปอยู่รอในห้อง
เพราะอย่างไรเสียซูลิ่วหลางก็เป็นเด็กหัวช้า แม่เฒ่าเซี่ยงก็คงไม่จ้องใช้ให้เขาทำงานอะไรหรอก
แม่เฒ่าเซี่ยงยังคงแบ่งอาหารบนโต๊ะอาหารตามเดิม โดยที่ทุกคนจะได้รับซาลาเปากันคนละหนึ่งลูก ซึ่งเป็นซาลาเปาสีดำที่แย่ที่สุด พอกันเข้าไปก็จะฝืนในลำคอ แล้วก็ยังมีผักสีเขียวอีกสองสามกอง
โดยที่โจ๊กจะมีเม็ดข้าวแค่ไม่กี่เม็ดเท่านั้น
“นังหนูฝูกับนังหนูหรงจะกลับมาที่บ้านในเย็นวันนี้ อาหารพวกนี้ก็เก็บไว้ให้พวกนางนะ!”
ขณะที่พูด แม่เฒ่าเซี่ยงก็ได้หยิบซาลาเปาอีกสองสามลูกและวางเอาไว้ข้างๆ
ซูหวั่นแค่ชำเลืองมองและก้มหน้าลง
ฝูและหรงเป็นลูกสาวของบ้านใหญ่ ซึ่งมีฐานะสูงกว่าพวกเขาที่เป็นบ้านรอง โดยไม่กี่วันมานี้พวกนางไปเยี่ยมป้าที่ในเมืองมา
เมื่อเห็นว่าพวกนางจะกลับมาในเร็วๆนี้ แม่เฒ่าเซี่ยงจึงตั้งใจเก็บอาหารเอาไว้ให้พวกนาง
หลังจากมื้ออาหาร ซูหวั่นก็ได้ไปอาบน้ำอีกครั้ง
เมื่อนางหลี่กำลังจะเข้านอน นางก็เห็นว่าลูกชายของตัวเองกำลังแอบย่องเข้ามาใกล้ๆ“ท่านแม่ ข้าและพี่สาวมีอะไรดีๆจะให้ท่านแม่นะ”
จากนั้นซูหวั่นก็ได้หยิบโถดินเผาออกมา
เมื่อเปิดฝาออกมา ก็พบว่ามีเนื้อไก่ชิ้นใหญ่และน้ำซุปไก่อยู่ภายใน และมันก็หอมกรุ่นไปทั่ว
“เอื๊อก——”
นางหลี่กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เพราะเนื้อไก่ดีๆแบบนี้ หากไม่ใช่เทศกาลที่สำคัญอะไร นางก็จะไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสอย่างแน่นอน
และถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเทศกาล ด้วยความลำเอียงของแม่เฒ่าเซี่ยงที่เป็นมา นางก็จะได้รับส่วนแบ่งเป็นแค่คอไก่เท่านั้น
ไม่มีเนื้อเลยแม้แต่น้อย!
และตัวนางหลี่เองก็ได้ยินเสียงกลืนน้ำลายอย่างชัดเจน ซึ่งนางก็หน้าแดงด้วยความเคอะเขินขึ้นมาทันที“พวกเจ้าไปเอามันมาจากไหน หรือเป็นเพราะ......”
นางคิดจะพูดว่าขโมยมา แต่นางก็รู้ดีว่าลูกชายและลูกสาวของนางไม่ใช่คนแบบนั้น นางจึงห้ามปากเอาไว้ได้ทัน
ซูลิ่วหลางจึงอธิบายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาด้วยกลัวคนอีกฟากของบ้านจะได้ยินว่า“นี่เป็นไก่ป่าที่พี่สาวจับมาได้ครับ พวกเราตุ๋นมันในป่า พวกท่านย่าไม่รู้หรอก ท่านแม่รีบกินเร็วเข้า อร่อยมากเลยนะครับ!”
เป็นการยากมากที่ซูลิ่วหลางจะสามารถพูดประโยคยาวๆและติดต่อกันแบบนี้ได้
แต่ประโยคนี้พี่สาวของเขาเป็นคนที่สอนเขาเอง และเขาก็ฝึกฝนอยู่ในบ้านเป็นเวลานานแล้ว
นางหลี่หรี่เปลือกตาลง และพยายามต่อสู้ภายในใจว่าจะนำซุปไก่นี้ไปให้บ้านใหญ่หรือไม่
ซูหวั่นมองนางหลี่อย่างเงียบๆ และไม่พูดอะไรออกมา
นางรู้ดีว่านางหลี่เป็นสะใภ้ตัวอย่างที่ดี คำสอนที่ว่าให้เคารพผู้ใหญ่และรักเด็กนั้นได้ฝังแน่นอยู่ในกระดูกของนางแล้ว เพราะไม่เช่นนั้นแล้วนางก็คงจะคิดแค้นเวลาที่ถูกทุบตีและสาปแช่งอย่างแน่นอน
“ท่านแม่ ท่านแม่รีบชิมดูสิครับ”
ซูลิ่วหลางยัดเนื้อไก่เข้าไปในปากของนางหลี่ และรสชาติของเนื้อก็แพร่กระจายอยู่ในปาก ทันใดนั้น ใบหน้าที่ซีดเซียวของนางก็พร่ามัวไปด้วยน้ำตา
จะเอาไปให้ทำไมกัน!
นี่คือสิ่งที่ลูกสาวของนางจับมาและปรุงนะ บ้านใหญ่แบบนั้น จะเอาไปประเคนให้ทำไมกัน!
“ท่านแม่ ท่านแม่ร้องไห้ทำไมครับ?”
“แม่แค่รู้สึกว่าพ่อของพวกเจ้าไม่ได้กิน แม่ก็เลยไม่สบายใจขึ้นมานิดหน่อยน่ะ”นางหลี่ปาดน้ำตา และยัดเนื้อไก่ใส่ไปในปากของซูลิ่วหลางและซูหวั่นอีกด้วย“พวกเจ้าก็กินเถอะนะ อย่ามัวมองอยู่เลย กินเยอะๆ พวกเจ้าจะได้โตไวๆ”
และทั้งสามคนก็กินเนื้อไก่และซุปจนหมด อิ่มและอึดอัดแล้วในตอนนี้
ก๊อกๆ!
มีคนมาเคาะประตู และสามคนแม่ลูกก็หยุดพูดทันที
“ใคร?”