Share

บ้านท่านตาท่านยาย

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-06-20 00:28:40

เช้านี้ทั้งสามแม่ลูกเตรียมของไปบ้านท่านตาค่อนข้างมาก ลู่จื้อนำขี้เถ้าในครัวมาทาหน้าของทุกคน ชาวบ้านจะได้ไม่สงสัยกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของบ้านตน

ทั้งสามต้องเดินเท้าหนึ่งชั่วยามจงจะถึงบ้านท่านตา พอใกล้ถึงปากทางเข้าหมู่บ้านลู่จื้อจึงนำของออกมาจากมิติ แล้วทุกคนช่วยกันถือเข้าไป

“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ อยู่หรือไม่เจ้าคะ” นางจินหรูตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้าน

เมื่อเห็นบ้านท่านตานางจึงได้รู้ว่าทำไมมารดาถึงอยากจะช่วยเหลือบ้านท่านตาเหลือเกิน บ้านของท่านตาไม่ต่างจากบ้านที่นางอยู่มากนัก อย่าว่าพายุเลยลมหนาวมาจะอยู่กันอย่างไร

“มาแล้วขอรับ” คนมาเปิดประตูเป็นเด็กผู้ชายผอมหัวโต นี่คงเป็นจินฉือน้องเล็กของบ้านแน่

“ฉือเออร์หรือ ข้าน้าจินหรูของเจ้า พ่อเจ้าอยู่หรือไม่”

“เข้ามาก่อนขอรับ ท่านพ่อ ท่านพี่ ท่านแม่อยู่นาขอรับ ข้าอยู่บ้านดูแลท่านปู่ท่านย่าที่ไม่สบายขอรับ” นางจินหรูได้ยินว่าบิดามารดาไม่สบายก็รีบวางของแล้วเข้าไปหาทันที

ในห้องนอนของท่านตาท่านยายนั้น ท่านตานอนซมเพราะพิษไข้มีท่านยายคอยดูแลอยู่ข้างๆ

“ฉือเออร์ใครมา”

“ท่านแม่ ลูกอกตัญญูกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” นางจินหรูพุ่งตัวเข้าไปสวมกอดมารดาไว้แน่น ทั้งสองกอดกันร้องไห้เสียงดัง

“นี่เพ่ยเออร์กับจื้อเออร์สินะ มาหายายใกล้ๆ หน่อย” เกาเจินเรียกหลานทั้งสอง

“ลู่เพ่ย/ลู่จื้อ คารวะท่านยายขอรับ/เจ้าค่ะ”

“เด็กดี เด็กดี โตเพียงนี้แล้ว”

“ท่านแม่ให้ใครไปตามหมอมาดูอาการท่านพ่อหรือยังเจ้าคะ” นางจินหรูเอ่ยถาม

“พ่อเจ้ากินยาต้มแล้ว แต่ก็ไม่ดีขึ้น พี่ชายเจ้าอยากจะพาไปหาหมอในเมืองแต่ก็จนใจ” นางเกาเจินเอ่ยได้เพียงเท่านั้นก็ถอนหายใจ เพราะเงินในบ้านไม่เหลือแล้ว ทุกคนก็หมดปัญญารอเพียงแค่สวรรค์เมตตาเท่านั้น

“ฉือเออร์เจ้าไปตามพ่อเจ้ากลับมาที บอกน้าเจ้าจะท่านปู่ไปหาหมอในเมือง” จินฉือรีบวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว

ลู่จื้อจึงออกไปต้มข้าวให้ท่านตาท่านยายก่อนเพราะนางเห็นถ้วยที่วางไว้มีเพียงแค่น้ำข้าวเท่านั้น

จินเจ๋อได้ข่าวว่าน้องสาวมาก็รีบกลับมาบ้าน พร้อมกับทุกคนที่อยู่ที่แปลงนา

“น้องสาวเจ้ามาได้อย่างไร”

“ท่านพี่ ใยไม่ส่งข่าวเรื่องท่านพ่อให้ข้าเล่าเจ้าคะ” สองพี่น้องที่ไม่เจอกันนานก็จ้องมองกันด้วยน้ำตาเอ่อคลอ

ลุงใหญ่จินนั้นร่างกายซูบผอม ดูอายุมากกว่าอายุจริงเพราะทำงานหนัก แล้วยังไม่มีอาหารดีๆ กินอีก ป้าสะใภ้ก็เช่นกัน

“ท่านแม่ให้ทุกคนกินข้าวก่อนเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวต้องรีบพาท่านตาไปหาหมออีก” ลู่จื้อเอ่ยแทรกก่อนที่พี่น้องจะร้องไห้กันอีกครั้ง

ทั้งหมดจึงได้กินข้าวที่เรียกว่าข้าวได้จริงๆ เสียที

“เจ้าเอาอะไรมามากเช่นนี้” พี่สะใภ้เอ่ยตำหนิ เพราะนางรู้ว่าน้องสามีก็ไม่ได้อยู่อย่างสบายเช่นกัน

ลู่จื้อค่อนข้างพอใจกับครอบครัวนี้ นางไม่เห็นแววตาความโลภเมื่อมองของที่แม่ของนางนำมาให้ มีเพียงสายตารู้สึกผิดที่เป็นภาระให้มากกว่า

หลังจากกินข้าวเสร็จจินเจาออกไปเช่าเกวียนเพื่อพาท่านตาไปหาหมอ คนที่ไปมีท่านลุงจินเจ๋อ จินเจา ลู่เพ่ยและลู่จื้อ สี่คนเท่านั้น ที่เหลือรออยู่ที่บ้านกับท่านยาย

หมู่บ้านหนานไฉห่างจากเมืองเฉียงไห่สามสิบลี้ ใช้เวลาเดินทาง สองชั่วยามทั้งหมดจึงรีบออกเดินทางจะได้ไม่กลับถึงมืดค่ำเกินไป กว่าจะเดินทางถึงโรงหมอก็ยามอู่แล้ว (11.00-12.59น.) ลู่จื้อฝากให้ท่านหมอฉีดูอาการของท่านตา นางและพี่ชายทั้งสองคนออกไปซื้อของให้บ้านท่านตา

ไม่ใช่ว่านางใจดีจะซื้อให้ทุกอย่างแต่ตอนนี้นางคงต้องช่วยเรื่องเสื้อผ้า ผ้าห่ม ข้าวสารก่อน เพราะเสื้อผ้าของทุกคนเหมือนนางเมื่อก่อนเลย ตอนที่นางทำอาหารข้าวสารในบ้านก็ไม่มีแล้ว มีเพียงหัวมันอีกแค่ไม่กี่หัว

จินเจาที่เห็นลู่จื้อซื้อของก็ตกใจอ้าปากค้างไปเลย ลู่เพ่ยต้องตบไหล่แล้วบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่น้องสาวของตนใช้เงินเก่ง

ลู่จื้อแวะซื้อซาลาเปาสิบห้าลูกก่อนจะกลับไปที่โรงหมอ เมื่อเดินผ่านร้านถังหูลู่ นางจึงนึกถึงจินฉือเลยซื้อไปถึงสิบไม้ ตอนส่งให้จินเจาเขารับไปด้วยมือไม้สั่นเพราะตนไม่เคยได้กินเลย

ตอนที่กลับถึงโรงหมอท่านตานั้นได้สติแล้ว หมอฉีจึงจัดยาอย่างดีให้ลู่จื้อ (เขาหวังว่าลู่จื้อจะเอาโสมแดงมาขายให้อีกเพราะตอนนี้ชื่อเสียงของร้านยาของเขาดังไปถึงเมืองหลวง)

“ลำบากพวกเจ้าแล้ว” ท่านตาจินหานน้ำตาคลอมองหลานทั้งสองที่ตนไม่ได้พบนาน

“ลำบากอันใดเจ้าคะ เป็นหน้าที่ของพวกข้าอยู่แล้ว” ลู่จื้อยิ้มน้อยๆ มองท่านตาของนางที่ยังมีใบหน้าซีดขาวอยู่

เมื่อจินเจาเอาเกวียนมารับท่านตาที่หน้าโรงหมอท่านตากับท่านลุงก็ต้องตกใจกับข้าวของที่ลู่จื้อซื้อเกือบจะเต็มเกวียนยังดีที่หลานสาวเหลือที่ว่างให้ทุกคนได้นั่งกลับหมู่บ้าน

เมื่อถึงหมู่บ้านหนานไฉก็เข้ายามโหย่วแล้ว (17.00-18.59น.) ทั้งสามคนแม่ลูกจึงไม่กลับหมู่บ้านหนานชุน ครอบครัวท่านตาจึงได้กินข้าวเย็นที่มีอาหารจานเนื้อในรอบเกือบปี จินฉือเมื่อเห็นถังหูลู่ก็ยิ้มหวานขอบคุณลู่จื้ออย่างน่าเอ็นดู จินฉืออายุสิบหนาวแล้วแต่ดูเหมือนเด็กอายุเพียงแปดหนาวเท่านั้น

ลู่จื้อแอบหยดน้ำจิตวิญญาณลงไปในโอ่งน้ำกินในบ้านด้วย แต่ทุกคนที่ดื่มไปนั้นไม่รู้เขาคิดแต่เพียงว่าวันนี้มีความสุขที่นางจินหรูกลับบ้านและได้กินอาหารดีดี

จินเจายกห้องของตนให้กับนางจินหรูกับลู่จื้อ ส่วนลู่เพ่ย จินเจา นอนในห้องโถงกลางบ้านแทน วันนี้ทุกคนไม่ต้องนอนหนาวเพราะลู่จื้อซื้อผ้าห่มผืนหนามาให้ครบทุกคน แถมทุกคนยังได้ชุดใหม่คนละสองชุดแม้จะเป็นผ้าฝ้ายเนื้อหยาบแต่ทุกคนก็สุขใจเพราะไม่ได้มีชุดใหม่มาสองปีแล้ว

“ท่านลุงใหญ่ ข้าอยากให้ท่านไปขายปลาที่เหลาอาหารหมานอี้เจ้าค่ะ” นางเพราะนางไม่มีเวลาจับปลาไปส่งพอดี

“ปลาจับยากนักจื้อเออร์ มิมีผู้ใดที่จับปลาเป็นๆ ได้ไปส่งที่เหลาอาหารหรอก” เขาถอนหายใจออกมา แม้รู้ว่าสิ่งนี้จะทำเงินให้ไม่น้อย แต่ก็ไม่มีความสามารถที่จะทำ

ในหมู่บ้านหนานไฉมีแม่น้ำสายเดียวกันกับหมู่บ้านหนานชุน นางเลยจะสอนวิธีจับปลาให้ท่านลุงในวันพรุ่งนี้นางจึงให้เงินท่านลุงหนึ่งตำลึงไปสั่งทำรถเข็นเพราะหากขายปลาคงจะไปยืมบ้านอื่นใช้ตลอดไม่ได้

จินเจ๋อถึงกับน้ำตาไหลที่หลานสาวช่วยบ้านตนมากขนาดนี้ เพียงข้าวของที่นางนำมา ทั้งยังหาซื้อมาเพิ่มไหนจะพาท่านพ่อไปรักษาที่โรงหมอ เขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนนางเช่นใดแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ตอนพิเศษ3

    เมื่อทั้งสองพนันกันว่าหวังเหอรุ่ยจะตามมาหรือไม่ ลู่จื้อนางบอกว่าจะต้องตามมาในวันต่อไปเลย ส่วนโจวหรงเฉิงไม่คิดว่าจะตามมาด้วยคิดว่าคงกลัวคำขู่จองเขาอยู่บ้าง“เหอะ เจ้ามาจ่ายให้ข้าด้วย” โจวหรงเฉิงหันไปถลึงตามองหวังเหอรุ่ยที่รีบตามมาเร็วเกินไปจนเขาต้องเสียเงินให้เมียรักถึงหนึ่งพันตำลึงทอง“ดะ ได้ขอรับ ว่าแต่อาเยว่เล่านางอยู่ที่ใด”“หึ ข้าให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย หากอาเยว่เลิกสนใจในตัวเจ้า เจ้าต้องห้ามยุ่งกับนางอีก แล้วถ้าเจ้าทำให้อาเยว่นางเสียใจอีกครั้ง...” โจวหรงเฉิงมิได้บอกว่าจะจัดการหวังเหอรุ่ยเช่นไร แต่เขาปล่อยพลังปราณใส่ตัวของหวังเหอรุ่ยแม้จะอยู่ในขั้นจักรพรรดิ หวังเหอรุ่ยยังเจ็บจนต้องกลืนเลือดที่เกือบจะกระอักออกมาคืนกลับลงไป โจวหรงเฉิงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนตัวของหวังเหอรุ่ยจะเข้าไปอยู่ภายในมิติ“ท่านเก่งมากท่านพี่ คืนนี้ข้าจะมอบรางวัลให้ท่านดีหรือไม่” ลู่จื้อช้อนสายตามองเขาอย่างยั่วยวน“ตอนนี้เลยมิได้รึ” โจวหรงเฉิงอุ้มเมียรักกลับขึ้นห้องพักทันทีโดยไม่สนใจสายตาตกตะลึงของตนในโรงเตี๊ยมที่มองพวกเขาอย่างตกตะลึง ชาวบ้านเพียงแค่ได้ยินเรื่องผู้ฝึกตน แต่ไม่เคยพบเห็นกับตาเช่นนี้“เย่เยว่”

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ตอนพิเศษ2

    นางอุตส่าห์ได้ปิ่นที่หวังเหอรุ่ยทำขึ้นด้วยตนเองมาจากมารดาที่เอ่ยขอมาตั้งนาน ทั้งยังปักมาเพื่อให้เขาได้เห็น แต่ไม่คิดว่าจะมาเห็นภาพบาดตาเข้า“อาเยว่เจ้าเอาของมาให้ข้ารึ วางไว้เถิด ประเดี๋ยวจะให้บ่าวยกไปเก็บ” เขาไม่ได้มองใบหน้าที่ตกตะลึงของนางเลย“หลานสาวท่านพี่เคยเอ่ยเล่าใช่หรือไม่เจ้าคะ” สตรีใบหน้างามไม่น้อยหันมาส่งยิ้มหวานให้ฟานเยว่“ใช่ อาเยว่ นี่แม่นางฝูหลิน...”“ท่านจะแต่งนางเป็นภรรยาใช่หรือไม่เจ้าคะ” ฟานเยว่เอ่ยถามหวังเหอรุ่ยเสียงแข็ง“...” เขามิได้เอ่ยตอบนาง“ใช่แล้ว ต่อไปเจ้าก็ต้องเรียกข้าว่าท่านป้าสะใภ้” ฝูหลินยังคงยิ้มแย้มอย่างใจดีให้ฟานเยว่“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าไม่รบกวนเวลาสำราญของท่านแล้ว ท่านลุง” ฟานเยว่ยิ้มอย่างเจ็บปวดให้เขา ก่อนจะหันหลังกลับออกจากจวนตระกูลหวังไป โดยไม่หันมามองหวังเหอรุ่ยอีกเลย“ท่านต้องทำเช่นนี้ด้วยรึใต้เท้าหวัง บุรุษทั่วเมืองหลวงล้วนแต่อยากจะพิชิตนางให้ได้ มีเพียงท่านที่นางปักใจ แต่กลับใจร้ายกับนางเช่นนี้” ฝูหลินเอ่ยตำหนิเขาออกมานางเป็นหญิงขับร้องในหอนางโลม มิใช่หญิงคณิกา รู้จักกับหวังเหอรุ่ยมาหลายปีแล้ว ที่นางไม่ยอมขายคืนแรกให้ผู้ใดก็รอเพียงแค่เขาเท่าน

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ตอนพิเศษ1

    ลู่จื้อเดินทางมาถึงเมืองหลวง ครอบครัวของนางที่เขียนจดหมายส่งข่าวให้รู้ก่อนหน้า ก็พากันออกมารอต้อนรับอย่างคับคั่ง“นั่น หลานสาวข้าใช่หรือไม่” จินหรูชี้นิ้วที่สั่นเทาไปทางฟานเยว่ที่โบกมืออยู่บนหลังม้าตัวเดียวกับผู้เป็นบิดา"ท่านยาย ท่านตา ฟานเยว่เจ้าค่ะ” นางลงจากหลังม้าได้ก็วิ่งเข้าไปหาจางหมินและจินหรู“รู้จักตากับยายด้วยรึ” จางหมินมองหลานสาวอย่างเอ็นดู“เจ้าค่ะ ท่านแม่เล่าเรื่องท่านตาท่านยายให้ข้าฟังทุกวันเลย โอ๊ะ...ท่านพ่อก็เล่าเรื่องท่านปู่กับท่านย่าด้วยเจ้าค่ะ” ฟานเยว่กลัวเสนาบดีโจวและฮูหยินโจวจะเสียใจจึงได้เอ่ยขึ้นมา“ฉลาดนักหลานสาวข้า” เสนาบดีโจวหัวเราะอย่างชอบใจ“ท่านลุงเพ่ย ท่านลุงหยาง พวกท่านมีน้องให้ข้ารึยัง” ใบหน้าของทุกคนแข็งค้างไป เมื่อฟานเยว่หันไปเอ่ยถามลู่เพ่ยและหลินตงหยางที่ออกมารอรับอยู่ด้วย“ฮ่า ฮ่า อาเยว่ เจ้าช่างปากร้ายเหมือนบิดาไม่มีผิด” เซียวซีซวนที่อุ้มบุตรสาวตัวน้อยของเขามาด้วยก็หัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ“กลับจวนกันก่อนเถิดขอรับ” โจวหรงเฉิงอุ้มฟานเยว่กลับมา เขาปิดปากน้อยๆ ของบุตรสาวไว้ไม่ได้ส่วนลู่จื้อเส้นเลือดที่ข้างขมับของนางเต้นไม่หยุด เจ้าบุตรสาวตัวแสบไม่รู้

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ฟานเยว่

    โจวหรงเฉิงที่เห็นเช่นนั้นจึงได้ช้อนตัวนางลงมาอยู่ในสระน้ำ ความเจ็บเมื่อครู่ค่อยๆ จางหายไป เขาจึงกดลำทวนเข้าไปจนสุดลำ“ดีแล้วหรือยัง”“อืม...”“ให้ข้าขยับเลยหรือไม่” เขากระซิบถามที่ข้างหู“หากไม่ขยับก็เอาออกไปซะ” ลู่จื้อกัดฟันแน่น นางเริ่มจะหงุดหงิดบุรุษหน้าหนาเสียแล้ว“หึหึ” โจวหรงเฉิงหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ ก่อนจะเริ่มขยับเอวเข้าออกอย่างช้าๆ แล้วเร็วขึ้นจนน้ำในสระกระเพื่อมออกไปนอกสระ“อ๊ะ...อ๊า” ลู่จื้อกัดปากแน่น เมื่อเขาเริ่มขยับเอวหนาเข้าออกอย่างไม่คิดจะผ่อนเลย“จื้อเออร์ ข้ามีความสุขยิ่งนัก” โจวหรงเฉิงเชิดหน้าขึ้นอย่างเสียวซ่าน ก่อนที่น้ำรักจะพุ่งเข้าสู่ช่องทางรักของลู่จื้ออย่างเต็มเปี่ยมแสงหลากหลายสีภายในสระบัวพุ่งวนอยู่รอบตัวของทั้งคู่ยามที่ทั้งคู่เสร็จสมจากการร่วมรักลู่จื้อและโจวหรงเฉิงมองไปรอบๆ อย่างไม่เข้าใจ เพียงครู่เดียวร่างกายของทั้งสองก็ราวกับจะปริแตก เมื่อพลังปราณในร่างกายต่างวิ่งวนอย่างสับสน“อื้อ...” ลู่จื้อร้องออกมาเสียงเบา โจวหรงเฉิงเม้มปากแน่น กอดลู่จื้อที่ร่างยังผสานกันอยู่แน่นขึ้นความเจ็บปวดเกิดไม่นาน สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือดวงตาของทั้งสองเปล่งประกายไปด้วยสีทองอร

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ข้าขอเข้าหอก่อน

    หากจะถามว่าเรื่องของลู่เพ่ยและหลินตงหยางเกิดขึ้นเมื่อใด ก็คงตั้งแต่ที่เขาเดินทางมาที่เมืองหลวง ตอนที่หลินตงหยางมักจะเข้ามาอยู่ในมิติเพื่อเดินลมปราณ ลู่เพ่ยที่ได้เข้าไปช่วยดูแล ทำให้ทั้งสองรู้ใจตนเอง หลังจากนั้นก็ลอบนัดพบกันโดยที่ไม่มีผู้ใดรู้เห็นแม้แต่ลอบเข้ามาในจวนยามค่ำคืนหลินตงหยางก็ทำมาแล้ว และดูเหมือนว่าจะบ่อยครั้งกว่าที่โจวหรงเฉิงได้พบลู่จื้อในมิติเสียอีก“เชื่อข้าพี่เพ่ย ท่านต้องรักตนเอง อย่าสนใจสายตาของผู้ใด หากท่านเลือกแล้วว่าเป็นแม่ทัพหลิน ท่านเป็นถึงผู้ฝึกตนจะมีใครกล้าว่าท่านใด”“อืม...เข้าใจแล้ว” เขายิ้มกว้างออกมา เหมือนว่าเรื่องหนักอกได้ถูกยกออกไปแล้วหลินตงหยางเป็นคนที่ไม่สนสายตาของผู้ใดอยู่แล้ว เขาต้องการจะบอกเรื่องนี้กับสหายหลายครั้ง แต่ก็ถูกลู่เพ่ยขอร้องเอาไว้ตลอดเกี้ยวแปดคนหามเคลื่อนตัวไปที่จวนตระกูลโจวหลังใหม่ ด้านหน้าเกี้ยวมีเสี่ยวเฮยที่คืนร่างเดิม เดินนำหน้าอยู่อย่างน่าเกรงขามเมื่อเกี้ยวหยุดลง โจวหรงเฉิงก็เดินเข้ามาอุ้มตัวเจ้าสาวลงไม่ยอมให้นางได้เดิน ชาวเมืองได้แต่ชะเง้อคอมองด้วยอยากรู้ว่าสตรีที่อยู่ในอ้อมแขนของโจวหรงเฉิงงามมากเพียงใด เขาถึงไม่กล้าให้เท้าของนาง

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   งานมงคลของลู่จื้อ

    เสนาบดีโจวตัวเขามีสามภรรยา สี่อนุ เช่นบุรุษส่วนมากในเมืองหลวง ที่โจวหรงเฉิงเอ่ยถามก็เพียงสงสัยว่าเขาสามารถตัดใจจากเมียรักทั้งหมดได้รึ“เหอะ ข้าไม่เป็นแล้วก็ได้” เขาแค่นเสียงออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ภรรยาทุกคนของเขาล้วนแต่มีบุตร หากให้ทิ้งขว้างพวกนางก็ดูจะไร้คุณธรรมเกินไป“ท่านไม่ต้องห่วงว่าจะมีเมียเพิ่มไม่ได้นะเจ้าคะ ข้าจะมอบน้ำพุจิตวิญญาณไว้ให้ท่านสักสองโอ่ง” ลู่จื้อชูนิ้วขึ้นมาด้วยสองพ่อลูกหันมาถลึงตามองลู่จื้อกันใหญ่ พร้อมทั้งเสียงหัวเราะของฮูหยินโจวที่ลู่จื้อพูดได้ถูกใจนางเสียจริงทั้งหมดแยกย้ายกลับไปที่จวนเพื่อจัดการเก็บข้าวของที่นำมาด้วยไม่น้อยเลย ลู่จื้อบอกกล่าวบิดาเรื่องที่นางจะเดินทางเที่ยวไปทั่วแคว้นจางหมินจึงต้องหาซื้อที่ดินในเมืองหลวงเพื่อปลูกผัก โดยมีเซียวซีซวนให้การช่วยเหลือ มันคือผลประโยชน์ของเขาทั้งสิ้นลู่จื้อบอกเรื่องจะทิ้งน้ำพุจิตวิญญาณไว้ที่จวนให้มากเสียหน่อย เพื่อให้เขาผสมน้ำใช้รดผักที่ปลูก ส่วนผลไม้ ก็จะมีวางขายเพียงแค่ไม่กี่อย่างแทนแต่สิ่งที่ลู่จื้อนึกไม่ถึงคือ เสนาบดีโจวหลังจากที่กลับไปวันนั้น เขาก็เรียกภรรยาและบุตรทั้งหมดมาพบ ก่อนจะจัดการแบ่งทรัพย์สินที่มีให้ท

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status