Share

ตอนที่ 7 มีแต่คนอยากซื้อ

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-10-24 01:13:43

รุ่งเช้าวันถัดมา ฟ้ายังไม่ทันสว่างดี เสียงตีระฆังเปิดตลาดก็ดังขึ้น

“ก๊อง ก๊อง”

อาเซียงตื่นตั้งแต่ไก่โห่ จวนสกุลหลินอยู่ไม่ไกลจากตลาดประจำเมืองมากนัก จึงทำให้ได้ยินเสียงตะโกนของแม่ค้าพ่อค่ะ

“ผักสดถูก ๆ ขายถูกเหมือนแจกฟรี!”

“ขนมดอกเหมยวันนี้ลดครึ่งราคา!”

“ใครมีข่าวซุบซิบเรื่องเมื่อวาน เอามาแลกหมั่นโถวได้หนึ่งลูก!”

หลินเย่วเอ๋อร์หัวเราะในลำคอ พลางจัดปิ่นปักผม “ตลาดที่นี่ไม่เคยเงียบเลยจริง ๆ”

อาเซียงรีบยื่นชุดให้ “คุณหนู รีบแต่งตัวเถิดเจ้าค่ะ! วันนี้ต้องงามกว่าทุกวันนะเจ้าคะ พวกชาวบ้านรู้ว่าท่านไปยื่นขอใบอนุญาตกับท่านไป๋ พวกเขาต้องจับตาดูแน่!”

“งามอย่างปลอดภัยใช่หรือไม่” หลินเย่วเอ๋อร์แกล้งถาม

อาเซียงหัวเราะร่วน “แน่นอนเจ้าค่ะ ถ้างามจนแพ้ผื่นขึ้น ใครจะซื้อของเราเล่า!”

ไม่นาน ทั้งคู่ก็ลากโต๊ะไม้ไปยังหัวมุมตลาดตงเหมิน จุดเดิมที่เมื่อวานเคยตั้งแผง

“ให้ลอง ไม่ขาย”

วันนี้ ป้ายใหม่ถูกขึงไว้ด้วยเชือกสีแดง เขียนตัวใหญ่ด้วยหมึกสีเข้มว่า

ร้านหยกมรกต เปิดลงชื่อสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อ เมื่อทางร้านเปิดขาย จะส่งให้ถึงบ้านทันที

อาเซียงวางกระดานไม้เรียบข้างโต๊ะแล้วปักป้ายกล่องพู่กันจุ่มหมึกฟรี! อย่างภาคภูมิ

“คุณหนูเจ้าคะ คราวนี้ยอดจองต้องทะลุฟ้าแน่!”

หลินเย่วเอ๋อร์หัวเราะเบา ๆ “ถ้าทะลุฟ้าเจ้าต้องปีนขึ้นไปนับเองนะ”

ทั้งคู่พูดคุยกันหัวเราะคิกคัก ไม่นานนัก ฝูงชนก็เริ่มทยอยเข้ามา บางคนก็จำนางได้เพราะเมื่อวันก่อนเคยมาลองใช้ บางคนก็แวะเข้ามาเพราะอยากรู้อยากลอง

“อ้าว ร้านนี้นี่เอง วันก่อนลองทาแล้วปากไม่คันนะ” สตรีวัยกลางคนกล่าว พลางเดินมาหยิบกระปุกทดลอง

“กลิ่นหอมกำลังดี ไม่ฉุน ข้าไม่เวียนหัวแล้ว!” สตรีอีกนางเอ่ยเสียงดัง

เด็กสาววัยรุ่นหัวเราะ “ข้าทาแล้วริมฝีปากไม่แตกเหมือนสีทาปากของร้านฮวาเหมยจวงเลย ดีกว่าตั้งเยอะ!”

เสียงหัวเราะของคนรอบข้างดังลั่น หลินเย่วเอ๋อร์ยิ้มละไม

“อย่าพูดถึงร้านอื่นเสียงดังนัก เดี๋ยวลมจะหอบเอาไป อีกอย่างอย่าพาดพิงร้านอื่นเลยจะดีกว่า”

แต่แววตาของนางแอบเจ้าเล่ห์ “เพียงพูดว่าของไม่ดีก็พอ”

อาเซียงรีบยื่นกระดาน “หากชอบจริง เชิญลงชื่อไว้ตรงนี้เจ้าค่ะ! ข้าเตรียมหมึกหอมไว้ให้แล้ว เขียนไปก็หอมไป!”

คนในตลาดหัวเราะกันใหญ่พลางตื่นเต้น “หมึกหอมหรือ! แบบนี้ก็ต้องลองสักหน่อย!”

เพียงครึ่งชั่วยาม กระดานไม้ถูกจารชื่อแน่นขนัด ทั้งเหล่าแม่บ้าน พ่อค้าแม่ค้า หญิงสาวหลายช่วงวัยต่างก็มาขอลงชื่ออย่างตื่นเต้น

“ข้าจะซื้อให้ภรรยาข้า นางจะได้ไม่บ่นว่าปากแตกอีก!”

หลินเย่วเอ๋อร์หัวเราะเสียงใส “ดีเลยเจ้าค่ะ ของข้าดีแน่นอนช่วยบำรุงผิว ปากนุ่มชุ่มชื้น!”

เสียงหัวเราะของผู้คนดังลั่นตลาดจนเจี่ยนฮวาที่เพิ่งมาถึงต้องขมวดคิ้ว นางสวมชุดไหมสีแดงสด เดินพัดสะบัดข้างตัว ริมฝีปากแดงดั่งโลหิต

“อ้าว วันนี้ก็ยังไม่ขายอีกหรือคุณหนูหลิน ข้าชักสงสัยแล้วสิว่าเจ้ามาขายของหรือมาเล่นสนุกกันแน่”

หลินเย่วเอ๋อร์ก้มศีรษะอย่างนอบน้อมแต่แฝงรอยยิ้ม

“มาเล่นล่ะมั้ง แต่เล่นไปเล่นมา เห็นทีข้าจะรวยใหญ่แล้วสิ”

เจี่ยนฮวาหน้าตึง “คนเราพูดดีได้เพราะยังไม่รู้ว่าการค้าต้องมีต้นทุน”

“ข้าเห็นด้วย” หลินเย่วเอ๋อร์เอ่ย “เพราะต้นทุนของข้า คือความจริงใจ ไม่ใช่ของที่ผสมผงตะกั่ว”

คนรอบข้างเงียบกริบ ก่อนจะอุทานขึ้นพร้อมกัน

“โอ้โห”

แม่ค้าคนหนึ่งกระซิบ “เจ็บแสบยิ่งกว่าโดนพริกเสียอีก!”

เจี่ยนฮวาเชิดหน้า “ปากดีเสียจริงนะ คอยดูเถิด พรุ่งนี้ข้าจะให้คนทั้งเมืองซื้อแป้งร้านข้าแทนของทาปากของเจ้า!”

หลินเย่วเอ๋อร์ยังยิ้ม “ขอให้โชคดีนะ แต่ถ้าเกิดใครหน้าพัง ก็อย่าลืมแวะมาซื้อของข้านะ ต่อไปนอกจากสีทาปากแล้ว ข้ายังจะมีชาดทาแก้ม ทาเปลือกตา และของบำรุงเอาไว้ทาผิวด้วยนะ รับรองว่าทุกอย่างปลอดภัย ไร้พิษ”

เสียงหัวเราะรอบตลาดแทบจะกลบเสียงพัดของเจี่ยนฮวาที่สะบัดแรงจนพัดแทบหัก นางเดินสะบัดหน้าออกไปด้วยความโมโห ทิ้งกลิ่นน้ำหอมฉุน ๆ ไว้เต็มตรอก

ครั้นถึงยามโหย่ว เงาไม้ทอดยาว ขณะนั้นมีชายหนุ่มร่างสูงในชุดผ้าฝ้ายสีเข้มเดินมาหยุดหน้าแผงอย่างเงียบงัน ไม่มีใครทันสังเกตเห็น มีเพียงเด็กชายขายขนมที่พูดขึ้นเบา ๆ

“เฮ้ย นั่นท่านไป๋จิ้งเหยียนจากสำนักโอสถไป๋เหยามิใช่หรือ!”

อาเซียงสะกิดนายสาว “คุณหนู! ท่านไป๋มาแล้วเจ้าค่ะ!”

หลินเย่วเอ๋อร์ยังคงท่าทีสงบยิ้มละไมเหมือนเดิม “อย่าตื่นตระหนกไป เจ้าทำเหมือนเรากำลังขายของที่ห้ามขายงั้นแหละ”

ไป๋จิ้งเหยียนมองโต๊ะเรียบง่ายและผู้คนที่รายล้อม กระดานไม้เต็มไปด้วยรายชื่อของชาวบ้าน ข้างกล่องหมึกมีคนผลัดกันจุ่มพู่กันลงชื่ออย่างสนุกสนาน

“ท่านไป๋มาแล้วหรือ” หลินเย่วเอ๋อร์คำนับ “ข้ายังไม่เปิดขาย แต่ดูเหมือนว่าทุกคนเร่งเร่าอยากจะได้เสียแล้ว”

ไป๋จิ้งเหยียนเดินเข้าใกล้ หยิบกระปุกทดลองขึ้นแล้วเปิดฝา กลิ่นน้ำผึ้งผสมเมล็ดชาลอยละมุน เขาแตะปลายนิ้วทาเบา ๆ ก่อนยิ้มในมุมปาก

“ของดีไม่ต้องป่าวประกาศเสียงดัง” เขาเอ่ยเรียบ “วันนี้ข้าเห็นแล้ว ว่าเจ้าขายได้โดยไม่ขายจริง ๆ สินค้าที่ดีจะขายตัวมันเอง”

หลินเย่วเอ๋อร์ยิ้มบาง “ท่านหมายถึงผ่านใช่หรือไม่”

“ยัง” เขาหันมาสบตา “ยังขาดสิ่งหนึ่ง”

“ขาดสิ่งใดหรือ”

“ข้าต้องการเห็นว่าเจ้าจะทำเช่นไรเมื่อถูกทดสอบด้วยคำพูดของผู้คน การค้าขายย่อมมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ มีทั้งคนชื่นชมและนินทา สิ่งเหล่านี้เจ้าห้ามไม่ได้ ”

คำพูดยังไม่ทันจบ เจี่ยนฮวาก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้นางมีผู้ช่วยถือแป้งขาวมาหลายห่อ

“ท่านไป๋! ข้ามาพอดี! ลองดูสิว่าแป้งของข้าเนียนกว่าหรือไม่!”

นางเปิดฝาห่อ ส่งกลิ่นหอมฉุนกระแทกจมูกจนหลายคนไอจาม หลินเย่วเอ๋อร์แกล้งเอ่ยเสียงดัง

“โอ้ กลิ่นแรงดุจดอกเหมยพันต้น ใครทาแล้วเดินในตลาด สามตรอกข้างหน้าคงได้กลิ่นก่อนตัวจะไปถึงกระมัง!”

คนทั้งตลาดหัวเราะกระจาย เจี่ยนฮวาหน้าแดงก่ำ “เจ้ากล้าหัวเราะข้ารึ!”

หลินเย่วเอ๋อร์ยังยิ้ม “หาได้หัวเราะเจ้าไม่ ข้าเพียงชื่นชมที่เจ้าใจกล้าใช้กลิ่นแรงกว่าเตาไฟที่ครัวบ้านข้าเสียอีก”

แม้แต่ไป๋จิ้งเหยียนก็กลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ เขายกมือแตะปาก

“พอเถิด หากยังเถียงกันต่อ คนทั้งตลาดคงได้หัวเราะเยาะพวกเจ้า”

คำพูดเสียงเรียบ ๆ แต่เฉียบจนคนรอบข้างฮือฮา “ท่านไป๋พูดถูก!”

เจี่ยนฮวากัดริมฝีปากแน่น พลางสะบัดพัด “ฮึ! ข้าขอตัวก่อนก็แล้วกัน!” แล้วก็หันหลังเดินหนีอีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมฉุนที่ไม่มีใครอยากสูดดม

ไป๋จิ้งเหยียนจึงหันกลับมาหาหลินเย่วเอ๋อร์ “บัดนี้ข้าเห็นครบแล้ว ทั้งฝีมือ ทั้งสติ ทั้งความตั้งใจของเจ้า”

เขาหยิบกระดาษตราสำนักออกจากอกเสื้อ แล้ววางลงบนโต๊ะ

“นี่คือหนังสือรับรองจากสำนักโอสถไป๋เหยา ร้านหยกมรกตมีสิทธิ์ขายได้ในเมืองเว่ยเจินตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป”

คนทั้งตลาดปรบมือเสียงดัง “คุณหนูหลินได้รับหนังสืออนุญาตแล้ว!”

อาเซียงถึงกับน้ำตาไหล “คุณหนู! เราได้หนังสืออนุญาตจริง ๆ เจ้าค่ะ!”

หลินเย่วเอ๋อร์รับกระดาษมาอย่างสงบ แต่ยิ้มกว้าง

“ขอบพระคุณท่านไป๋ ข้าสัญญาว่าจะรักษาความปลอดภัยของทุกอย่างที่ข้าทำขึ้นมาไว้ให้ดีที่สุด”

ไป๋จิ้งเหยียนพยักหน้า “พวกเครื่องประทิมโฉมต่าง ๆ ไม่ใช่เพียงใช้แล้วดูงดงามเท่านั้น แต่ต้องปลอดภัยด้วย”

“หากพูดเช่นนั้น แล้วของที่ร้านฮวาเหม่ยจวงเล่า พวกที่ผสมตะกั่ว เหตุใดจึงไม่ถูกตรวจสอบ”

“ข้าก็กำลังยื่นเรื่องกับสำนักหอการค้าเช่นกัน ร้านฮวาเหม่ยจวงเปิดมาหลายรุ่น เจี่ยนฮวานางก็สานต่อร้านนี้จากพ่อของนาง สมัยก่อนข้ายังไม่ได้มาดูแลตรงนี้ เลยไม่รู้ว่าเกณฑ์การตรวจสอบในตอนนั้นเป็นอย่างไร

และในขณะที่สายตาทั้งคู่สบกันนั้น ลมยามบ่ายก็พัดกลีบดอกเหมยปลิวผ่านกลางตลาด กลิ่นน้ำผึ้งเจือชาอบอวลในอากาศ เป็นกลิ่นเฉพาะของร้านหยกมรกต

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 34 กลิ่นที่ไม่เคยเลือน

    องค์ชายรองรีบเข้าประคองนางที่เริ่มทรุดลงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ กลิ่นที่ออกมาจากเตาแก้วกลับค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นกลิ่นหอมอ่อนละมุน กลิ่นที่ทุกคนในลานจำได้ทันที“นั่นคือกลิ่นเดียวกันกับวันที่พิธีถวายครั้งก่อน!”ฮ่องเต้ลุกจากบัลลังก์ พระสุรเสียงสั่นเล็กน้อย“กลิ่นนี้คือกลิ่นแห่งสันติ!”กลิ่นทองอ่อนค่อย ๆ แผ่ไปทั่วตำหนัก คนที่หมดสติเริ่มฟื้น ขุนนางที่สิ้นแรงกลับมายืนได้อีกครั้ง อี้เฟยถอยหลังไปอย่างสิ้นหวัง“ไม่ เป็นไปไม่ได้ กลิ่นหัวใจไม่มีอยู่จริง! ไม่มีทาง!”องค์ชายรองจ้องเขา “มันมีจริง แค่เจ้าไม่เคยมีหัวใจที่หอมพอที่จะเข้าใจมัน”อี้เฟยกัดฟันแน่น ก่อนจะพุ่งตัวหนี แต่ถูกองครักษ์หลวงเข้าล้อมจับไว้หลังเหตุการณ์สงบ ฮ่องเต้เสด็จลงจากบัลลังก์ สายพระเนตรทอดมองหลินเย่วเอ๋อร์ที่ยังคุกเข่า มือทั้งสองยังคงสั่น“หลินเย่วเอ๋อร์ เจ้าได้พิสูจน์แล้วว่า กลิ่นหัวใจของเจ้าบริสุทธิ์กว่ากลิ่นใด ๆ”ฮ่องเต้ตรัสพร้อมยิ้มบาง “ข้าขอพระราชทานตำแหน่งให้เจ้าและให้เจาดูแลหอปรุงเครื่องหอมรวมถึงหอปรุงเครื่องประทินโฉมของราชสำนักทั้งหมด”เสียงขุนนางดังขึ้นพร้อมกัน “ฝ่าบาททรงพระปรีชา”องค์ชายรองหันมามองนาง แววตาเต็มไปด้วยความภ

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 33 อี้เฟย

    “กลิ่นนั้นเปลี่ยนเพราะหัวใจคนต่างหาก ไม่ใช่พิษและไม่ใช่เวทมนตร์ แต่เป็นผลจากความบริสุทธิ์ของผู้สร้าง”ขุนนางบางคนส่ายหน้า “ฝ่าบาท องค์ชายรองพูดเช่นนี้ก็เท่ากับยอมรับว่ามันมีอิทธิพลต่อจิตใจจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมเห็นควรให้แยกทั้งสองออกจากกัน เพื่อป้องกันภัยในอนาคต!”เสียงเห็นด้วยดังขึ้นระลอกใหญ่ ฮ่องเต้ทอดพระเนตรอย่างเงียบ ๆ อยู่เนิ่นนาน ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ“เจ้าบอกว่าให้ข้าแยกพวกเขาออกจากกันเพราะกลัวกลิ่นเช่นนั้นหรือ?”ขุนนางทุกคนก้มศีรษะ “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท เพื่อความมั่นคงของราชสำนักพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วเจ้าจะทำเช่นไร หากกลิ่นนี้ไม่ใช่อาวุธ แต่คือชีวิตของผู้คน?”ฮ่องเต้ยกพระหัตถ์ขึ้น ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งตำหนัก“เมื่อสามวันก่อน กลิ่นนี้ช่วยชีวิตคนทั้งร้านหยกมรกตจากพิษหอมที่แผ่ไปทั่ว เจ้าจะเรียกมันว่าอาวุธได้หรือ?”ขุนนางหลายคนก้มหน้าด้วยความอับอาย องค์ชายรองค้อมกาย“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงเมตตา”ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมาที่หลินเย่วเอ๋อร์ “หลินเย่วเอ๋อร์ เจ้าเป็นเพียงสามัญชน แต่สร้างกลิ่นที่แม้แต่สวรรค์ยังมิอาจคาดถึง ข้าขอถามเจ้าตรง ๆ เจ้าคิดเช่นไรกับอำนาจของสิ่งที่เจ้าสร้าง?”หลินเย่วเอ๋อร์สูด

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 32 สีของหัวใจ

    เสียงนกร้องยามเช้าแว่วลอดหน้าต่างเข้ามาเบา ๆ แสงแดดอ่อนจากสวนเหมยลอดผ่านผ้าม่านบาง กระทบใบหน้าของหญิงสาวที่ยังหลับใหลบนเตียง อาเซียงนั่งเฝ้าข้างเตียงด้วยตาแดง ๆ“คุณหนู ตื่นเถิดเจ้าคะ ข้านั่งเฝ้าท่านมาสามวันแล้วนะ คุณหนู ฮืออ...”องค์ชายรองที่นั่งอยู่อีกฝั่งเงียบ ๆ เงยหน้าขึ้น เขายังอยู่ในชุดเรียบธรรมดา สีหน้าอ่อนล้าแต่ดวงตายังคงจ้องมองนางไม่ละสาย“นางยังไม่ฟื้นเลยหรือ” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว“ยังเพคะ แต่ชีพจรกลับมาปกติแล้ว เพียงแต่อาจเหนื่อยจากการใช้พลังกลิ่นมากเกินไป” อาเซียงตอบทั้งน้ำตาองค์ชายรองลอบถอนหายใจ เขายื่นมือไปแตะหลังมือของหลินเย่วเอ๋อร์เบา ๆ และในวินาทีนั้นเอง...กลิ่นชาอุ่นปนดอกเหมยที่เคยลอยอ่อน ๆ ในห้อง เปลี่ยนเป็นกลิ่นใหม่ กลิ่นนั้นอ่อนโยนกว่าเดิม แต่มีความหอมแปลก คล้ายกลิ่นหวานของกลีบเหมยผสมกลิ่นน้ำผึ้ง อาเซียงเบิกตา“องค์ชาย! กลิ่นเปลี่ยนแล้วเพคะ!”องค์ชายรองชะงักไป “กลิ่นเปลี่ยน?”เขามองรอบห้อง แสงจากหน้าต่างสาดกระทบขวดแก้วที่ตั้งอยู่ข้างเตียง ขวดนั้นเปล่งสีทองอ่อนราวกับเรืองแสงจากภายใน หลินเย่วเอ๋อร์ขยับนิ้วเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น“ที่นี่คือที่ใดกัน” เสียงของนางแผ่

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 31 กลิ่นสุดท้ายของความแค้น

    “เขาคนนั้นเคยเป็นพี่ศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับข้า” องค์ชายรองเอ่ยช้า ๆ“เขาเคยเป็นคนที่ท่านอาจารย์เฟยหานโปรดปรานที่สุด แต่เพราะความทะเยอทะยาน เขาขโมยสูตรยาสร้างกลิ่นต้องห้าม แล้วถูกขับออกจากวัง”หลินเย่วเอ๋อร์นิ่งงัน “เขากลับมาเพื่อแก้แค้นท่าน...”“ไม่ใช่แค่ข้า” เขามองออกไปนอกหน้าต่าง “แต่เพื่อล้มล้างทุกสิ่งที่เกี่ยวกับกลิ่นบริสุทธิ์ที่อาจารย์สร้างไว้”ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะพูดคุยกันต่อ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นนอกห้อง อาเซียงวิ่งหน้าตื่นเข้ามา“คุณหนู! มีชายชุดดำเข้ามาในร้านอีกแล้วเจ้าค่ะ!”องค์ชายรองหันขวับ “พาเย่วเอ๋อร์ไปหลบข้างใน!”แต่ไม่ทันแล้ว เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมลมแรงพัดกลิ่นชาเย็นจัดเข้ามาปะทะกลิ่นเหมยอบอุ่นในห้องทันที อี้เฟยก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเย็นตา“ข้าเพียงมาขอชาแก้วเดียว แต่เห็นทีจะได้กลิ่นของความกลัวกลับไปด้วย”องค์ชายรองก้าวไปข้างหน้า “เจ้ากลับมาทำไม อี้เฟย”“เพื่อพิสูจน์ว่า กลิ่นของข้าเหนือกว่ากลิ่นของเจ้า และเพื่อให้คนที่เจ้ารักฃได้รู้ว่า กลิ่นเดียวกัน ฃบางครั้งก็ใช้ทำร้ายได้”อี้เฟยเปิดขวดแก้วในมือ กลิ่นชาเย็นจัดแผ่กระจายไปทั่วห้องในชั่วพริบตา หลินเย่วเอ๋อร์รู้สึกเหมือ

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 30 กลิ่นแรกแห่งหัวใจ

    สามวันหลังจากคืนฝนตกนั้น ร้านหยกมรกตกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง กลิ่นหอมของดอกชาหอมเอยและน้ำอบจากถังไม้ไผ่ลอยอบอวลไปทั่วร้าน อาเซียงวิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าระรื่น“คุณหนูกลับมาแล้ว! พวกพ่อค้าแม่ค้าหน้าร้านแทบตั้งโต๊ะบูชาท่านแล้ว!”หลินเย่วเอ๋อร์หัวเราะ “ตั้งโต๊ะบูชาอะไรกันเล่า ข้าเพียงไปวังหลวงไม่กี่วันเอง”“ก็เพราะไม่กี่วันนั่นแหละเจ้าค่ะ! แต่กลับมาพร้อมข่าวลือว่าองค์ชายรองถึงกับทรงชงชาให้ท่านด้วยพระองค์เอง!”นางรีบปิดปากสาวใช้ “อาเซียง! ระวังคำพูดหน่อย เจ้าอยากให้ร้านข้ากลายเป็นหัวข้อซุบซิบของเมืองเว่ยเจินหรืออย่างไร”อาเซียงยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าเพียงพูดความจริงนะเจ้าคะ ว่าในที่สุดกลิ่นของคุณหนูก็หอมไปถึงหัวใจคนบางคนแล้ว~”หลินเย่วเอ๋อร์กลอกตา “หากเจ้ากล้าพูดอีก ข้าจะให้เจ้าไปกวนดอกไม้ในครกทั้งวันแน่!”“ไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ!” อาเซียงหัวเราะวิ่งหนีไปหลังร้านหลินเย่วเอ๋อร์เดินไปยังห้องปรุงกลิ่น โต๊ะไม้เรียงรายเต็มไปด้วยขวดแก้วหลากสี วัตถุดิบหายากวางอยู่ในถาดทองแดง มีกลีบดอกบัวแห้งจากบึงอวิ๋นเฟิง และไม้หอมจากหุบผาหลงหลิว“ครั้งนี้ ข้าจะสร้างกลิ่นใหม่ให้ท่าน” นางพึมพำเบา ๆมือเรียวเริ่มบดกลีบดอ

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 29 ลมหายใจในแสงจันทร์

    เวลาผ่านไปช้า ๆ เหมือนแม่น้ำที่ไหลในความเงียบ หลินเย่วเอ๋อร์เทน้ำชารอบสองให้องค์ชายรอง กลิ่นอ่อนหวานของใบชาผสมกลีบเหมยลอยขึ้นในอากาศ เขารับถ้วยไว้ แล้วพูดเสียงแผ่วแต่ชัดเจน“เจ้าเคยพูดว่ากลิ่นทุกกลิ่นมีความทรงจำซ่อนอยู่ เจ้าคิดว่ากลิ่นของข้าคืออะไร”หลินเย่วเอ๋อร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบอย่างช้า ๆ“เป็นกลิ่นของชาในคืนฝนตกเพคะ อุ่นแต่เศร้า ละมุนแต่หนักแน่น”องค์ชายรองหัวเราะเบา ๆ “ฟังดูเหมือนเจ้ามองข้าออกหมดทุกอย่าง”“เปล่าเพคะ ข้าเพียงรู้ว่าคนที่แบกความเจ็บไว้ในใจ มักจะพยายามทำให้กลิ่นรอบตัวสงบ เพื่อกลบเสียงของหัวใจตนเอง”“แล้วเจ้าจะช่วยข้าได้ไหม” เขาถามตรง ๆ “ได้เพคะ”“อย่างไร”หลินเย่วเอ๋อร์ยิ้มบาง “ด้วยกลิ่นของความสุขที่ข้าจะปรุงให้ท่านเองอย่างไรเล่าเพคะ”องค์ชายรองมองนางเนิ่นนาน แววตาที่เคยเย็นชาเริ่มอ่อนลงทีละน้อย“ในวังแห่งนี้ เจ้าคือคนเดียวที่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้”“เพราะข้ามิได้อยู่ในวังเพคะ” หลินเย่วเอ๋อร์ตอบ “หัวใจข้าอยู่ที่ร้านหยกมรกต ที่ซึ่งกลิ่นทุกกลิ่นและทุกอย่างเกิดจากความจริง ไม่ใช่คำลวง”เขาพยักหน้าเบา ๆ “นั่นสินะ ความจริงของเจ้ามันหอมกว่าทุกสิ่ง”ทั้งสองนั่งนิ่งมองพระ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status