Share

ตอนที่ 8 ร้านหยกมรกตเปิดขายวันแรก

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-10-24 01:14:24

รุ่งเช้าแห่งวันประกาศขายจริง เสียงตีระฆังตลาดยังไม่ทันดังครบสองที หน้าแผงร้านหยกมรกตก็มีคนมายืนรอจนเหยียบเงากันแทบไม่ติด อาเซียงวิ่งต้วมเตี้ยมถือกระดานรายชื่อของเมื่อวานแนบอกแน่น ร้องตะโกนอย่างภาคภูมิ

“คุณหนู! กระดานลงชื่อของเมื่อวานแน่นยิ่งกว่าปลาทูในเข่งเสียอีกเจ้าค่ะ!”

หลินเย่วเอ๋อร์ยืนอยู่หลังโต๊ะไม้สีอ่อน ใส่เสื้อคลุมบางสีงาช้าง ผูกผ้าคาดเอวเรียบ ๆ ไม่ประดับเกินงามตามที่นางตั้งใจ นางรับกระดานมาไล่นิ้วดูชื่อทีละบรรทัด แล้วพยักหน้าช้า ๆ

“วันนี้ขายครั้งแรกตามรายชื่อที่ลงไว้ก่อน ส่วนผู้ที่เพิ่งมาวันนี้เชิญลงชื่อเพิ่ม ข้าจะทยอยส่งไปถึงเรือนภายในสามวัน”

“โอ๊ยดีเลย!”

“ดีจริง ๆ!”

“นี่แหละร้านในฝันข้า!”

เสียงของผู้คนรอบแผงขายดังลั่น อาเซียงตั้งกล่องเล็กสองใบ ใบหนึ่งตั้งป้ายว่า รับเงิน อีกใบตั้งผ้ายว่า รับคำชม

“มีกล่องรับคำชมด้วยรึ”

อาเซียงยิ้มตาหยี “ใช่เจ้าค่ะ และคุณหนูก็จะอ่านทุกคำติชมด้วยนะ”

เพื่อกันความชุลมุน หลินเย่วเอ๋อร์ติดป้ายไม้เล็กเพิ่มอีกเป็นป้ายบ่งบอกลำดับพร้อมพู่กันสำหรับเขียนหมายเลข อาเซียงรับหน้าที่แจกจ่ายคิวเติมตัวเลขเร็วปานจิ้งจอกไล่หางตนเอง

“คิวที่หนึ่ง! แม่นางหลิว ลงชื่อไว้สองกระปุก!’”

“คิวสอง! เถ้าแก่จางร้านขายเกี๊ยว ซื้อให้ภรรยาหนึ่งกระปุก!”

หลินเย่วเอ๋อร์มอบกระปุกด้วยสองมือทุกครั้ง นางจะกล่าวนิ่ม ๆ ให้คู่มือใช้งานง่าย ๆ เสมอ

“ทาบาง ๆ ยามเช้าและก่อนนอน หากกลางวันลมแรง ทาแตะเบา ๆ อีกหน อย่ากดแรงไปล่ะ

คนฟังหัวเราะ แต่พยักหน้ารับเหมือนจดตำราในใจ เพื่อป้องกันการซื้อแล้วหาย นางให้บ่าวชายตัวเล็กทำหน้าที่จดโพยหลังบ้าน ชื่อ ที่อยู่ จำนวน หมายเหตุ เช่น ผิวบอบบางหรือแพ้กลิ่นฉุนง่าย จากนั้นจึงประทับตราหยกเล็ก ๆ ลงบนกระดาษหอมเพื่อแสดงว่าเป็น “ของแท้จากร้านหยกมรกต”

ไม่นาน แถวก็เริ่มคดไปถึงร้านเกี๊ยว กลิ่นไอน้ำจากหม้อนึ่งลอยมาแตะจมูก สร้างบรรยากาศแปลก ๆ ของความอุ่นใจ ทันใดนั้น รถม้าหน้าประตูตงเหมินก็ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามา ผ้าม่านสีน้ำเงินเข้มปักลายดาบไขว้กับดอกเหมย ตราประจำจวนแม่ทัพใหญ่เมืองเว่ยเจิน ผู้คนขยับเว้นทางเองโดยไม่ต้องมีใครร้องขอ

บ่าวสาวในจวนก้าวลงมาก่อน สองนางช่วยกันพยุงคุณหญิงใบหน้างามสง่า แต่งชุดผ้าไหมสีอ่อน สายตาฉลาดนิ่ง ท่วงท่านุ่ม นางคือ ฮูหยินหลี่ ภรรยาแม่ทัพหลวง ผู้เป็นที่เกรงขามและผู้ที่คนทั้งเมืองนับตาถือตา

อาเซียงแทบทำป้ายคิวหล่น “คุณหนู! คนจากจวนแม่ทัพมาเจ้าค่ะ!”

หลินเย่วเอ๋อร์หันไปคำนับทันที “ข้ายินดีต้อนรับเจ้าค่ะ”

ฮูหยินหลี่กวาดตามองโต๊ะและบรรยากาศรอบตัว แววตาไม่ข่มใคร แม้ความเป็นผู้มาก่อนกาลจะทำให้ผู้คนเกรงใจ นางเอ่ยอย่างอ่อนโยน

“เมื่อวานมีคุณหนูจากตรอกตะวันตกนำของทดลองของเจ้ามาให้ข้า ข้าลองทาบาง ๆ ก่อนนอน ตื่นเช้ามาหน้าก็ยังรู้สึกนุ่มอยู่ ข้าจึงมาเอง”

คำพูดของนางสะเทือนทั้งตรอก ร้านแถวยาวอ้าปากหวอ หลินเย่วเอ๋อร์ยิ้ม

“ข้าเป็นเกียรติอย่างยิ่งเจ้าค่ะ หากท่านพอใจ วันนี้มีสินค้าที่เปิดขายชุดแรก ข้าขอจัดให้ตามกฎของร้านนะเจ้าคะ”

“กฎของร้าน?” ฮูหยินหลี่หัวร่อตาหยี “น่าสนใจ ว่ามาสิ”

หลินเย่วเอ๋อร์ผายมือไปยังบ่าวชายที่จดโพย “ทุกรายชื่อที่อยู่บนกระดานจะได้ก่อนตามลำดับ ที่เหลือข้ารับจองพร้อมส่งถึงเรือนภายในสามวัน หากท่านไม่รีบด่วน ข้าขอมอบลำดับการจองให้ท่านเป็นลำดับแรกเจ้าค่ะพร้อมกับกล่องผ้าหอมเป็นของแถมสำหรับท่านด้วย”

ฮูหยินหลี่พยักหน้าช้า ๆ “ดี มีระเบียบดี” นางหันไปสั่งบ่าวไพร่ “จัดเงินและรถม้ารอรับของตามเวลา อย่าทำให้ร้านนี้เสียหาย”

คำพูดที่หลุดจากปากภรรยาแม่ทัพ เปรียบดั่งตรายางความเชื่อใจที่ตีลงกลางหน้าตลาดในทันใด อาเซียงยืนหลังตรงราวทหารใหม่

“รับทราบเจ้าค่ะ!” ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนมิใช่คนของจวนแม่ทัพ

แทบถัดจากฮูหยินหลี่ ก็มีกลุ่มสตรีสามนางเดินมาจากตรอกเหนือ แต่งหน้าเข้มกลิ่นฉุนนำหน้า นำโดยสาวงามใบหน้าคมจัด พัดแพรในมือยกขึ้นบังมุมปากอย่างคนชอบเล่นคำ คนในตลาดรู้จักกันดีว่านางเป็นมือหว่านลมของร้านฮวาเหมยจวง

“อ้าวร้านหยกมรกตคึกคักหนักหนา” นางลากเสียง “แค่ครีมทาปากจะมีอะไรน่าเอะอะกัน”

หลินเย่วเอ๋อร์คำนับน้อย ๆ “ร้านหยกมรกตมีแต่สิ่งสวย ๆ งาม ๆ เชิญชมได้”

นางหัวเราะ “สิ่งสวย ๆ งาม ๆ ข้าเจออยู่ทุกวัน ส่องกระจกก็เจอ”

ก่อนที่คำเย้ยจะกลายเป็นควันเสียอารมณ์ ฮูหยินหลี่เหลียวมองเพียงปราดเดียว บ่าวสาวของนางก็ขยับอย่างเป็นธรรมชาติ เปิดทางให้แถวดำเนินต่อโดยปราศจากการปะทะ เหมือนคลื่นละลายสิ่งสกปรกบนผิวน้ำ

ไป๋จิ้งเซียวไม่ได้มาแบบเปิดเผย เขายืนพิงเสาต้นหนึ่งไกล ๆ สังเกตท่าทีและระเบียบโดยมิเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง เมื่อเห็นว่านางเอกคุมลำดับการซื้อขายอย่างเป็นธรรมและยังมีอารมณ์ขันไม่ใช้อารมณ์ เขาก็เหลือบตาพอใจเล็กน้อย

ลำดับการรับสินค้าไหลลื่นอย่างเป็นระเบียบ ผู้คนหัวเราะคิกคักกับคำแซวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของอาเซียง เวลาเห็นใครทำหน้าบึ้ง นางก็จะผลักกล่องรับคำชมให้

“ฝากคำติชมไว้ได้เลยเจ้าค่ะ”

ผลคือกล่องรับคำชมหนักจนต้องหากล่องใหม่มาเพิ่ม ในระหว่างความคึกคัก กลับมีชายหนุ่มร่างผอมคนหนึ่งแทรกคิวเข้ามาอย่างลับ ๆ เขาสวมเสื้อผ้าธรรมดา แต่ดวงตาลอบส่ายไปมา ชั่วพริบหนึ่ง มือของเขาก็ล้วงอะไรจากแขนเสื้อ หย่อนลงในกระปุกทดลองที่เปิดฝาอยู่ด้านหัวแถว เป็นผงสีขาวจางดุจแป้ง

อาเซียงหูไวตาดีจึงรีบเอ่ยท้วงทันที “เฮ้ย! นั่นเจ้าใส่อะไรลงไปน่ะ!”

ชายคนนั้นสะดุ้ง แล้วทำหน้าตาตื่น “ข้า ข้าก็แค่ดู!”

คนกลุ่มหน้าสุดชะเง้อคอมอง “เกิดอะไรขึ้น”

ผู้คนเริ่มพูดคุยกันไม่หยุดปาก ดุจควันลอยจากปล่องครัว หลินเย่วเอ๋อร์ยกมือขึ้นอย่างเรียบสงบ

“ทุกท่านอย่าตกใจไป”

นางหยิบกระดาษหอมตราร้านใบหนึ่ง วางรองใต้กระปุก แล้วเปลี่ยนกระปุกทดลองลูกใหม่ทันที พร้อมปิดฝาอันที่ต้องสงสัย ส่งให้บ่าวชาย

“นำไปเก็บ แยกต่างหาก อย่าให้ใครแตะ ข้าจะนำไปให้สำนักโอสถตรวจ”

ก่อนที่ความหวาดวิตกจะก่อตัว นางยิ้มระรื่น

“ของทดลองอันใหม่ เชิญ”

น้ำเสียงและจังหวะที่นิ่งทำเอาความแตกตื่นถูกกลืนไปจนหมด คนหันกลับมาทดลองเหมือนเดิม ราวกับว่าเรื่องเมื่อครู่เป็นเพียงเสียงไอของใครสักคน ชายหนุ่มร่างผอมหน้าเสีย ทำท่าจะหลบหนี ทว่าเสียงแหบห้าวของยามตลาดก็ดังขึ้น

หยุดนะ!”

บ่าวจากจวนแม่ทัพสาวเท้าสองก้าวมายืนขวาง

“ฮูหยินกำลังรอซื้อของ ห้ามก่อความวุ่นวาย”

ชายคนนั้นกลืนน้ำลาย จู่ ๆ ก็ร้อง “ข้า...ข้าแพ้! ข้าแพ้ของร้านนี้!”

เขาทาปากตนเองอย่างเกินจริงจนเนื้อครีมติดเป็นคราบ แล้วตีหน้าแดง

“ดูสิ!”

ผู้คนรอบตัวเริ่มฮือฮา อาเซียงทำตาเขียวพลัน

“เมื่อครู่เจ้าเพิ่งเทผงประหลาดลงในกระปุกทดลอง แล้วตอนนี้เจ้ามาบอกว่าเจ้าแพ้ของของร้านหยกมรกต เจ้าคิดว่าใครจะเชื่อกัน ไม่แน่ เจ้าคงอยากจะใส่ความร้านเราสินะ!”

หลินเย่วเอ๋อร์ยังคงสุภาพ “หากท่านบอกว่าแพ้ ข้ายินดีใช้วิธีเดิมของสำนักโอสถ ทดสอบหลังใบหู ต่อหน้าผู้คน ณ ที่แห่งนี้ หากข้างหูแดงขึ้นฉับพลัน ข้าจะยอมคืนเงินและไม่ขายแก่ท่านอีก แต่หากไม่แดง ก็อย่าได้มากล่าวใส่ร้ายร้านเราอีก”

ไป๋จิ้งเซียวที่ยืนอยู่ไกล ๆ ขยับคางเล็กน้อย “รู้จักแก้ไขสถานการณ์ดีซะจริง”

ชายหนุ่มร่างผอมทำท่ากล้า ๆ กลัว ๆ สุดท้ายก็ยอมให้ทดสอบ หลินเย่วเอ๋อร์ใช้แผ่นไม้เล็กแตะครีมจากกระปุกทดลองใหม่ป้ายบาง ๆ ที่หลังใบหูของชายผู้นั้นแล้วบอกให้เขายืนรอเป็นเวลาหนึ่งเค่อ อาเซียงยืนกอดอกจ้องตาเขม็ง

หนึ่งเค่อผ่านหลังใบหูยังคงไม่เปลี่ยนสีและไม่แดงแม้แต่น้อย ผู้คนรอบแผงขายส่งเสียงอื้ออึง ชายคนนั้นหน้าเสียหนักกว่าเดิมถึงกับหลุบตา

หลินเย่วเอ๋อร์ยิ้มอ่อน “เมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้แล้ว ทุกท่านก็ได้เห็นแล้ว ต่อไปคำว่าแพ้ของจากร้านข้าก็อย่าได้กล่าวใส่ความอีก”

เสียงหัวเราะลั่นครั้งใหญ่ของพวกขาวบ้านดังขึ้น อีกทั้งเสียงผิวปากของพ่อค้าสมุนไพรแผงข้าง ๆ ก็ดังมาปะปน ฮูหยินหลี่เอ่ยเบา ๆ แต่ชัดเจน

“ดี มีระเบียบ มีเกณฑ์ในการตรวจสอบที่ดีมาก”

คำกล่าวสั้น ๆ นั้นมีน้ำหนักมากกว่าธงร้อยผืน ชายหนุ่มร่างผอมถูกยามประจำตลาดพาตัวไปยังศาลาหัวมุมเพื่อสอบถามความจริงต่อ ผู้คนกลับมายืนเข้าแถวต่ออย่างรวดเร็ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 34 กลิ่นที่ไม่เคยเลือน

    องค์ชายรองรีบเข้าประคองนางที่เริ่มทรุดลงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ กลิ่นที่ออกมาจากเตาแก้วกลับค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นกลิ่นหอมอ่อนละมุน กลิ่นที่ทุกคนในลานจำได้ทันที“นั่นคือกลิ่นเดียวกันกับวันที่พิธีถวายครั้งก่อน!”ฮ่องเต้ลุกจากบัลลังก์ พระสุรเสียงสั่นเล็กน้อย“กลิ่นนี้คือกลิ่นแห่งสันติ!”กลิ่นทองอ่อนค่อย ๆ แผ่ไปทั่วตำหนัก คนที่หมดสติเริ่มฟื้น ขุนนางที่สิ้นแรงกลับมายืนได้อีกครั้ง อี้เฟยถอยหลังไปอย่างสิ้นหวัง“ไม่ เป็นไปไม่ได้ กลิ่นหัวใจไม่มีอยู่จริง! ไม่มีทาง!”องค์ชายรองจ้องเขา “มันมีจริง แค่เจ้าไม่เคยมีหัวใจที่หอมพอที่จะเข้าใจมัน”อี้เฟยกัดฟันแน่น ก่อนจะพุ่งตัวหนี แต่ถูกองครักษ์หลวงเข้าล้อมจับไว้หลังเหตุการณ์สงบ ฮ่องเต้เสด็จลงจากบัลลังก์ สายพระเนตรทอดมองหลินเย่วเอ๋อร์ที่ยังคุกเข่า มือทั้งสองยังคงสั่น“หลินเย่วเอ๋อร์ เจ้าได้พิสูจน์แล้วว่า กลิ่นหัวใจของเจ้าบริสุทธิ์กว่ากลิ่นใด ๆ”ฮ่องเต้ตรัสพร้อมยิ้มบาง “ข้าขอพระราชทานตำแหน่งให้เจ้าและให้เจาดูแลหอปรุงเครื่องหอมรวมถึงหอปรุงเครื่องประทินโฉมของราชสำนักทั้งหมด”เสียงขุนนางดังขึ้นพร้อมกัน “ฝ่าบาททรงพระปรีชา”องค์ชายรองหันมามองนาง แววตาเต็มไปด้วยความภ

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 33 อี้เฟย

    “กลิ่นนั้นเปลี่ยนเพราะหัวใจคนต่างหาก ไม่ใช่พิษและไม่ใช่เวทมนตร์ แต่เป็นผลจากความบริสุทธิ์ของผู้สร้าง”ขุนนางบางคนส่ายหน้า “ฝ่าบาท องค์ชายรองพูดเช่นนี้ก็เท่ากับยอมรับว่ามันมีอิทธิพลต่อจิตใจจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมเห็นควรให้แยกทั้งสองออกจากกัน เพื่อป้องกันภัยในอนาคต!”เสียงเห็นด้วยดังขึ้นระลอกใหญ่ ฮ่องเต้ทอดพระเนตรอย่างเงียบ ๆ อยู่เนิ่นนาน ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ“เจ้าบอกว่าให้ข้าแยกพวกเขาออกจากกันเพราะกลัวกลิ่นเช่นนั้นหรือ?”ขุนนางทุกคนก้มศีรษะ “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท เพื่อความมั่นคงของราชสำนักพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วเจ้าจะทำเช่นไร หากกลิ่นนี้ไม่ใช่อาวุธ แต่คือชีวิตของผู้คน?”ฮ่องเต้ยกพระหัตถ์ขึ้น ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งตำหนัก“เมื่อสามวันก่อน กลิ่นนี้ช่วยชีวิตคนทั้งร้านหยกมรกตจากพิษหอมที่แผ่ไปทั่ว เจ้าจะเรียกมันว่าอาวุธได้หรือ?”ขุนนางหลายคนก้มหน้าด้วยความอับอาย องค์ชายรองค้อมกาย“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงเมตตา”ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมาที่หลินเย่วเอ๋อร์ “หลินเย่วเอ๋อร์ เจ้าเป็นเพียงสามัญชน แต่สร้างกลิ่นที่แม้แต่สวรรค์ยังมิอาจคาดถึง ข้าขอถามเจ้าตรง ๆ เจ้าคิดเช่นไรกับอำนาจของสิ่งที่เจ้าสร้าง?”หลินเย่วเอ๋อร์สูด

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 32 สีของหัวใจ

    เสียงนกร้องยามเช้าแว่วลอดหน้าต่างเข้ามาเบา ๆ แสงแดดอ่อนจากสวนเหมยลอดผ่านผ้าม่านบาง กระทบใบหน้าของหญิงสาวที่ยังหลับใหลบนเตียง อาเซียงนั่งเฝ้าข้างเตียงด้วยตาแดง ๆ“คุณหนู ตื่นเถิดเจ้าคะ ข้านั่งเฝ้าท่านมาสามวันแล้วนะ คุณหนู ฮืออ...”องค์ชายรองที่นั่งอยู่อีกฝั่งเงียบ ๆ เงยหน้าขึ้น เขายังอยู่ในชุดเรียบธรรมดา สีหน้าอ่อนล้าแต่ดวงตายังคงจ้องมองนางไม่ละสาย“นางยังไม่ฟื้นเลยหรือ” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว“ยังเพคะ แต่ชีพจรกลับมาปกติแล้ว เพียงแต่อาจเหนื่อยจากการใช้พลังกลิ่นมากเกินไป” อาเซียงตอบทั้งน้ำตาองค์ชายรองลอบถอนหายใจ เขายื่นมือไปแตะหลังมือของหลินเย่วเอ๋อร์เบา ๆ และในวินาทีนั้นเอง...กลิ่นชาอุ่นปนดอกเหมยที่เคยลอยอ่อน ๆ ในห้อง เปลี่ยนเป็นกลิ่นใหม่ กลิ่นนั้นอ่อนโยนกว่าเดิม แต่มีความหอมแปลก คล้ายกลิ่นหวานของกลีบเหมยผสมกลิ่นน้ำผึ้ง อาเซียงเบิกตา“องค์ชาย! กลิ่นเปลี่ยนแล้วเพคะ!”องค์ชายรองชะงักไป “กลิ่นเปลี่ยน?”เขามองรอบห้อง แสงจากหน้าต่างสาดกระทบขวดแก้วที่ตั้งอยู่ข้างเตียง ขวดนั้นเปล่งสีทองอ่อนราวกับเรืองแสงจากภายใน หลินเย่วเอ๋อร์ขยับนิ้วเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น“ที่นี่คือที่ใดกัน” เสียงของนางแผ่

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 31 กลิ่นสุดท้ายของความแค้น

    “เขาคนนั้นเคยเป็นพี่ศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับข้า” องค์ชายรองเอ่ยช้า ๆ“เขาเคยเป็นคนที่ท่านอาจารย์เฟยหานโปรดปรานที่สุด แต่เพราะความทะเยอทะยาน เขาขโมยสูตรยาสร้างกลิ่นต้องห้าม แล้วถูกขับออกจากวัง”หลินเย่วเอ๋อร์นิ่งงัน “เขากลับมาเพื่อแก้แค้นท่าน...”“ไม่ใช่แค่ข้า” เขามองออกไปนอกหน้าต่าง “แต่เพื่อล้มล้างทุกสิ่งที่เกี่ยวกับกลิ่นบริสุทธิ์ที่อาจารย์สร้างไว้”ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะพูดคุยกันต่อ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นนอกห้อง อาเซียงวิ่งหน้าตื่นเข้ามา“คุณหนู! มีชายชุดดำเข้ามาในร้านอีกแล้วเจ้าค่ะ!”องค์ชายรองหันขวับ “พาเย่วเอ๋อร์ไปหลบข้างใน!”แต่ไม่ทันแล้ว เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมลมแรงพัดกลิ่นชาเย็นจัดเข้ามาปะทะกลิ่นเหมยอบอุ่นในห้องทันที อี้เฟยก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเย็นตา“ข้าเพียงมาขอชาแก้วเดียว แต่เห็นทีจะได้กลิ่นของความกลัวกลับไปด้วย”องค์ชายรองก้าวไปข้างหน้า “เจ้ากลับมาทำไม อี้เฟย”“เพื่อพิสูจน์ว่า กลิ่นของข้าเหนือกว่ากลิ่นของเจ้า และเพื่อให้คนที่เจ้ารักฃได้รู้ว่า กลิ่นเดียวกัน ฃบางครั้งก็ใช้ทำร้ายได้”อี้เฟยเปิดขวดแก้วในมือ กลิ่นชาเย็นจัดแผ่กระจายไปทั่วห้องในชั่วพริบตา หลินเย่วเอ๋อร์รู้สึกเหมือ

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 30 กลิ่นแรกแห่งหัวใจ

    สามวันหลังจากคืนฝนตกนั้น ร้านหยกมรกตกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง กลิ่นหอมของดอกชาหอมเอยและน้ำอบจากถังไม้ไผ่ลอยอบอวลไปทั่วร้าน อาเซียงวิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าระรื่น“คุณหนูกลับมาแล้ว! พวกพ่อค้าแม่ค้าหน้าร้านแทบตั้งโต๊ะบูชาท่านแล้ว!”หลินเย่วเอ๋อร์หัวเราะ “ตั้งโต๊ะบูชาอะไรกันเล่า ข้าเพียงไปวังหลวงไม่กี่วันเอง”“ก็เพราะไม่กี่วันนั่นแหละเจ้าค่ะ! แต่กลับมาพร้อมข่าวลือว่าองค์ชายรองถึงกับทรงชงชาให้ท่านด้วยพระองค์เอง!”นางรีบปิดปากสาวใช้ “อาเซียง! ระวังคำพูดหน่อย เจ้าอยากให้ร้านข้ากลายเป็นหัวข้อซุบซิบของเมืองเว่ยเจินหรืออย่างไร”อาเซียงยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าเพียงพูดความจริงนะเจ้าคะ ว่าในที่สุดกลิ่นของคุณหนูก็หอมไปถึงหัวใจคนบางคนแล้ว~”หลินเย่วเอ๋อร์กลอกตา “หากเจ้ากล้าพูดอีก ข้าจะให้เจ้าไปกวนดอกไม้ในครกทั้งวันแน่!”“ไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ!” อาเซียงหัวเราะวิ่งหนีไปหลังร้านหลินเย่วเอ๋อร์เดินไปยังห้องปรุงกลิ่น โต๊ะไม้เรียงรายเต็มไปด้วยขวดแก้วหลากสี วัตถุดิบหายากวางอยู่ในถาดทองแดง มีกลีบดอกบัวแห้งจากบึงอวิ๋นเฟิง และไม้หอมจากหุบผาหลงหลิว“ครั้งนี้ ข้าจะสร้างกลิ่นใหม่ให้ท่าน” นางพึมพำเบา ๆมือเรียวเริ่มบดกลีบดอ

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 29 ลมหายใจในแสงจันทร์

    เวลาผ่านไปช้า ๆ เหมือนแม่น้ำที่ไหลในความเงียบ หลินเย่วเอ๋อร์เทน้ำชารอบสองให้องค์ชายรอง กลิ่นอ่อนหวานของใบชาผสมกลีบเหมยลอยขึ้นในอากาศ เขารับถ้วยไว้ แล้วพูดเสียงแผ่วแต่ชัดเจน“เจ้าเคยพูดว่ากลิ่นทุกกลิ่นมีความทรงจำซ่อนอยู่ เจ้าคิดว่ากลิ่นของข้าคืออะไร”หลินเย่วเอ๋อร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบอย่างช้า ๆ“เป็นกลิ่นของชาในคืนฝนตกเพคะ อุ่นแต่เศร้า ละมุนแต่หนักแน่น”องค์ชายรองหัวเราะเบา ๆ “ฟังดูเหมือนเจ้ามองข้าออกหมดทุกอย่าง”“เปล่าเพคะ ข้าเพียงรู้ว่าคนที่แบกความเจ็บไว้ในใจ มักจะพยายามทำให้กลิ่นรอบตัวสงบ เพื่อกลบเสียงของหัวใจตนเอง”“แล้วเจ้าจะช่วยข้าได้ไหม” เขาถามตรง ๆ “ได้เพคะ”“อย่างไร”หลินเย่วเอ๋อร์ยิ้มบาง “ด้วยกลิ่นของความสุขที่ข้าจะปรุงให้ท่านเองอย่างไรเล่าเพคะ”องค์ชายรองมองนางเนิ่นนาน แววตาที่เคยเย็นชาเริ่มอ่อนลงทีละน้อย“ในวังแห่งนี้ เจ้าคือคนเดียวที่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้”“เพราะข้ามิได้อยู่ในวังเพคะ” หลินเย่วเอ๋อร์ตอบ “หัวใจข้าอยู่ที่ร้านหยกมรกต ที่ซึ่งกลิ่นทุกกลิ่นและทุกอย่างเกิดจากความจริง ไม่ใช่คำลวง”เขาพยักหน้าเบา ๆ “นั่นสินะ ความจริงของเจ้ามันหอมกว่าทุกสิ่ง”ทั้งสองนั่งนิ่งมองพระ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status