Share

ตอนที่ 6 แก้ไขให้ดูต่อหน้า

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-10-21 22:34:52

“ขอมายืนดูเป็นสักขีพยาน จะได้ไม่กล่าวหากันทีหลัง” เขายิ้มมุมปาก

“พวกท่านอย่ากังวล ข้ามาด้วยใจเป็นกลางเจ็ดสิบส่วน อีกสามสิบเผื่อไว้โต้แย้ง”

เจี่ยนฮวายิ้มงาม “ใจเป็นกลางของท่านเฉิงนับว่าดีนัก ได้ฟังแล้วข้าถึงกับอยากยกน้ำชาให้”

“ยกมาเถิด ข้ากระหายอยู่พอดี” เฉิงอวิ๋นหัวเราะอย่างสนุก

 การทดสอบเริ่มขึ้น สาวใช้ของสำนักสามคนถูกเรียกมานั่งเรียงแถว แผ่นผิวด้านหลังใบหูถูกป้ายบาล์มบาง ๆ อย่างระมัดระวัง หลินเย่วเอ๋อร์ยืนกอดถุงผ้าไว้แน่น แต่นัยน์ตายังยิ้ม คิ้วขมวดตั้งใจราวกับกำลังคุมเตาดิน

“ลมอย่าแรง แสงอย่าเปรี้ยงนะ” นางพึมพำเสียงเบา ๆ จนไป๋จิ้งเซียวเหลือบมอง แล้วเหมือนจะกลั้นขำ

เวลาหนึ่งเค่อไหลผ่านไปอย่างช้า ๆ ทุกคนคุยกันไปเรื่อย ๆ เจี่ยนฮวาเปรยข่าวที่แพร่ตามตลาด

“พักนี้แป้งขาวร้านข้าขายดีนัก พวกสาว ๆ น่ะชอบความขาววอกฉับไว ใคร ๆ ก็ชม”

ยังพูดไม่ทันจบ สาวใช้คนหนึ่งก็ยกมือ “ท่านไป๋เจ้าคะ หลังใบหูข้าร้อนนิดหน่อยเจ้าค่ะ”

ทุกสายตาหันไป ไป๋จิ้งเซียวรีบช้อนผมดู สีแดงชมพูจาง ๆ เกิดขึ้นเหมือนดอกทับทิมแรกแย้ม

เฉิงอวิ๋น “อะแฮ่ม” เขายกพัดชี้เบา ๆ “สีสวยนะ แต่ไม่ใช่เรื่องดี”

อาเซียงหน้าถอดสี “หรือว่าบาล์มของคุณหนู จะไม่ผ่าน!”

หลินเย่วเอ๋อร์ขยับเข้าไปอย่างสุขุม “ท่านไป๋ เหตุเพราะกลิ่นใช่หรือไม่”

น้ำเสียงประคองสถานการณ์ ราวกับกุมบังเหียนม้าให้ไม่ตกใจ

“หากเป็นเช่นนั้น ข้าขอลองลดความหอมของกลิ่นลงหนึ่งส่วนได้หรือไม่”

เจี่ยนฮวาทำเสียงจิ๊จ๊ะ “แหม ยังไม่ทันสรุปผลก็ขอลดเสียแล้ว นั่นแปลว่าเจ้าเดาเอามั่ว ๆ สินะ”

ไป๋จิ้งเซียวกลับพยักหน้า “คาดไม่ผิดนัก กลิ่นเข้มในหนึ่งเค่อแรก ทำให้มีโอกาสแพ้สูง” เขาหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “มีวัตถุเสริมกลิ่นใดบ้าง”

หลินเย่วเอ๋อร์ยิ้ม “เป็นกลิ่นจากดอกเหมยอบแห้งในหม้ออุ่น ละอองหอมจับน้ำมัน” นางเว้นวรรค แล้วยกถุงผ้าขึ้น

“ข้านำน้ำมันเมล็ดชาเพิ่มมา เพื่อผสมลดความหอมให้จางลง ท่านพอจะอนุญาตให้ข้าใช้ครัวของสำนักสักครู่ได้หรือไม่”

ไป๋จิ้งเซียวเลิกคิ้ว “กล้าปรับสด ๆ ตรงนี้เลยหรือ?”

“กฎของข้า เอ่อ...ของร้านหยกมรกต คือยอมลดสิ่งที่เกินพอดีเพื่อสิ่งที่จำเป็น” นางยังไม่ทิ้งมุมตลก

“พอเราลดกลิ่นที่เกินพอดีลง คนใช้ก็จะไม่เวียนหัวเพราะกลิ่นที่แรงเกินไป แบบนี้จะได้มีแรงชื่นชมความงามของตนได้อย่างยาวนาน”

เฉิงอวิ๋นหัวเราะร่วน “วาจาคมคายนัก ในทางการค้าแบบนี้ถือว่าดี!” เขาหันไปทางไป๋จิ้งเซียว

“เปิดครัวให้เถิด ข้าก็อยากเห็นฝีมือสด ๆ เช่นกัน”

ไป๋จิ้งเซียวพยักหน้า “ตามมา”

ครัวของสำนักโอสถสะอาดเรียบ มีเตาดินสองปาก หม้อดินเคลือบเรียงอยู่เป็นระเบียบ หลินเย่วเอ๋อร์ตั้งหม้อเล็ก ไฟอ่อนพออุ่นนางหยดน้ำมันเมล็ดชาลงทีละหยด กวนรวมกับบาล์มอย่างตั้งใจ ก้อนขี้ผึ้งละลายเพื่อรับการปรับใหม่ อาเซียงยืนพนมมือเหมือนขอพร เท้าเขย่ง ๆ อยู่หลังนายสาว

“อย่าเขย่งนัก เจ้าเหมือนนกกระจาบจะบินตกหม้ออยู่แล้วนะ” หลินเย่วเอ๋อร์ว่าพลางยิ้ม

อาเซียงทำหน้ามุ่ย “ก็ข้าตื่นเต้นนี่เจ้าคะ ตอนนี้ใจเต้นเหมือนเสียงกลองหน้าวัดวันตรุษเลยเจ้าค่ะ”

“ให้แค่ใจเต้นก็พอ ตัวเจ้าน่ะอย่าเต้นหยอง ๆ ไปด้วยสิ เดี๋ยวข้าก็เสียสมาธิหรอก” เย่วเอ๋อร์แซว แล้วตั้งใจทำต่อ

“ลดกลิ่นลงหนึ่งส่วนครึ่งก็พอแล้ว”

ไป๋จิ้งเซียวยืนพิงขอบโต๊ะอย่างสงบ สายตาเขาอ่านท่วงท่ามือของนางเหมือนอ่านตำราอักษรวิจิตร

“ท่วงท่ามือดี ไม่รีบไม่ร้อน”

เจี่ยนฮวาขยับพัด “ลดกลิ่นก็เหมือนลดเสน่ห์ สตรีก็ย่อมอยากให้บุรุษจำพวกนางได้ด้วยกลิ่นหอมที่ชวนหลงใหล แม้จะผ่านไปสามตรอกก็ยังไม่ลืมกลิ่น”

เฉิงอวิ๋นยิ้มร้าย ๆ “ผ่านไปสามตรอกยังจำกลิ่นได้ แต่หากสามวันถัดมาหน้าเสียโฉม ใครจะรับผิด”

เขายักคิ้ว “ร้านเจ้าหรือสำนักข้า”

เจี่ยนฮวาหุบพัดช้า ๆ แววตาวูบหนึ่งแล่นผ่าน แต่ก็กลับมายิ้มดังเดิม

“ข้าระวังอยู่แล้ว”

ไม่นาน หลินเย่วเอ๋อร์ก็ยกหม้อลงจากเตาไฟ เทบาล์มลงกระปุกเล็กใหม่ ปะฝาแน่นก่อนส่งให้ไป๋จิ้งเซียว

“เชิญท่านไป๋ลองดู”

เขาเปิดฝา สูดดมเบา ๆ ตากะพริบหนึ่งครั้งราวกับผ่านเกณฑ์ในใจ

“กลิ่นลดลงได้พอดี ยังคงเอกลักษณ์ แต่ไม่ฉุนจมูก”

เขาหยดลงบนแผ่นผิวจำลองอีกครั้ง เนื้อบาล์มเกลี่ยง่าย ผิวสัมผัสเย็นนุ่ม

“ทดสอบหลังใบหูอีกครั้ง” เขาสั่ง

สาวใช้คนเดิมนั่งตัวตรง สูดหายใจลึกอย่างกล้าหาญ แผ่นบางถูกแตะเบา ๆ คราวนี้ทุกคนจดจ่อรอเวลาอย่างตั้งใจ หนึ่งเค่อผ่านไป ไป๋จิ้งเซียวก้มตรวจ หลังใบหูยังเนียนดั่งเดิม ไม่มีแดงเถือกเหมือนคราวก่อน

อาเซียงทำท่าจะกระโดด “ผ่าน! ผ่าน!” ถ้าไม่ติดว่ายืนในสำนักไป๋เหยาอันเงียบสงบ นางคงตีลังกาไปแล้ว

เฉิงอวิ๋นหัวเราะชอบใจ “โอ้ เห็นหรือไม่ ความงามน่ะบางครั้งก็ไม่ต้องทำอะไรกับมันมากไปหรอก”

เจี่ยนฮวายิ้มค้างครู่หนึ่ง ก่อนคลี่พัดบังตนเอง มุมปากกระตุกน้อยจนแทบไม่เห็น

“ดีใจด้วย”

ไป๋จิ้งเซียวยังมิประกาศผลทั้งหมด เขาวางกระปุกลงพลางเอ่ยเสียงนิ่ง

“การทดสอบการแพ้เบื้องต้นผ่าน แต่ยังต้องดูการเก็บรักษา ความคงตัวในอากาศร้อน และรายชื่อวัตถุดิบหลักเพื่อบันทึกในสำนัก จึงจะออกหนังสือรับรองให้เจ้าให้ได้”

หลินเย่วเอ๋อร์ประสานมือ “ข้ายินยอมเขียนวัตถุดิบหลักให้แต่ไม่ขอเปิดเผยสูตรนะเจ้าคะ”

เฉิงอวิ๋นพยักหน้า “ถูกต้อง ตามทางการค้า ใครเขาเปิดเผยทุกอย่างกันเล่า”

เขาหรี่ตา “ข้าจะรอเอกสารไปลงประทับตรา แต่เกณฑ์สุดท้ายยังไม่เสร็จ รอให้ท่านไป๋สั่งมาก่อนแล้วกัน”

ชายหนุ่มเงยหน้า ดวงตานิ่งลึก “เกณฑ์สุดท้ายจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก”

อาเซียงกลืนน้ำลาย “คือสิ่งใดกันเจ้าคะ สรุปแล้งยากหรือง่าย”

ไป๋จิ้งเซียวมองหลินเย่วเอ๋อร์ตรง ๆ “ให้ข้าเห็นด้วยตาตนเอง ว่าเจ้าขายอย่างไร ถึงจะขายได้โดยไม่จำเป็นต้องขาย ที่หน้าตลาดตงเหมิน อีกเพียงหนึ่งวัน ข้าจะไปยืนดูอย่างเงียบ ๆ หากมีคนกลับมาเรียกหาสินค้าของเจ้าโดยไม่ได้ถูกหว่านล้อมให้ซื้อ นั่นแปลว่าสิ่งที่เจ้าทำได้ใจลูกค้า หนังสือรับรองก็สมควรเป็นของเจ้า”

คำพูดนั้นทำให้ห้องทดสอบของสำนักเงียบจนได้ยินเสียงน้ำหยดจากฝาหม้อ ทุกคนหันไปมองเย่วเอ๋อร์ นางยิ้มเต็มใบหน้า ยิ้มแบบคนที่รู้หน้ารู้หลังและรู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป

“ได้เจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะเริ่ม ข้าจะไม่ป่าวประกาศขาย หว่านล้อมหรือบังคับให้คนซื้อ แต่ข้าเชื่อว่าสินค้าของข้าจะขายตัวมันเอง”

เฉิงอวิ๋นทำตาวาวอย่างคนเห็นเหยี่ยวกางปีก “คำมั่นของแม่นางหลินช่างคมเสียจริง”

เจี่ยนฮวาคลี่พัดแรง “ข้าก็จะไปยืนดูด้วย อยากรู้นักว่าเจ้าจะทำได้อย่างปากว่าหรือไม่”

“ยิ่งดี” หลินเย่วเอ๋อร์เอ่ยสุภาพ “จะได้มีพยานมากขึ้น”

นางก้มคารวะ “ข้าขอลาทุกท่านไปเตรียมตัวให้พร้อม”

ไป๋จิ้งเซียวพยักหน้าเบา ๆ “พบกันพรุ่งนี้”

เมื่อออกจากสำนักโอสถ อาเซียงวิ่งจ้ำตามนายสาว

“คุณหนู! ข้านึกว่าจะไม่ผ่านเสียแล้วตอนที่หลังใบหูแม่นางผู้นั้นแดงเมื่อครู่”

หลินเย่วเอ๋อร์หัวเราะสบายใจ “ข้าก็นึกว่าจะไม่ผ่านเช่นกัน ตอนนั้นก็ใจหวิว ๆ แล้ว”

“แล้วพรุ่งนี้จะตั้งโต๊ะเช่นเดิมหรือเจ้าคะ”

“ตั้ง” นางตอบฉับ “แต่เปลี่ยนป้าย”

“เขียนว่าอะไรดีเจ้าคะ”

หลินเย่วเอ๋อร์ยิ้มกริ่ม พลางเอ่ย

ร้านหยกมรกต เปิดลงชื่อสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อ เมื่อทางร้านเปิดขาย จะส่งให้ถึงบ้านทันที

อาเซียงเบิกตากว้าง “โอ้โห! เล่ห์กลนี้ ยอดเยี่ยมเจ้าค่ะคุณหนู แค่เห็นป้ายก็อยากลงชื่อแล้วเจ้าค่ะ! ข้ายังอยากลงชื่อเลย”

หลินเย่วเอ๋อร์หัวเราะ “เจ้านี่นะ อยากลงชื่อก็ลงเถอะ แต่อย่าเขียนสิบชื่อเชียว ข้าไม่มีแรงส่งให้เจ้านะ”

นางคิดครู่หนึ่ง “กลับเรือนเถิด ต้องเตรียมกระดานลงชื่อและเตรียมตัวให้พร้อม กลับไปบอกข่าวดีกับท่านพ่อม่านแม่ด้วย”

ทั้งสองหัวเราะคุยกันระหว่างทาง กลิ่นสมุนไพรยังลอยตามหลัง ทว่าที่มุมถนนห่างออกไป เงาร่างหนึ่งในชุดกำมะหยี่เข้มยืนพิงเสา ชำเลืองตามทั้งคู่ด้วยแววตาอ่านยาก ริมฝีปากยกเพียงนิด คล้ายกับคนที่กำลังนับเม็ดเงินในใจหรือกำลังนับกับดักในหัว

และฟ้ายามบ่ายวันนั้น ก็เริ่มมีเมฆหนาขึ้นทีละก้อน...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 6 แก้ไขให้ดูต่อหน้า

    “ขอมายืนดูเป็นสักขีพยาน จะได้ไม่กล่าวหากันทีหลัง” เขายิ้มมุมปาก“พวกท่านอย่ากังวล ข้ามาด้วยใจเป็นกลางเจ็ดสิบส่วน อีกสามสิบเผื่อไว้โต้แย้ง”เจี่ยนฮวายิ้มงาม “ใจเป็นกลางของท่านเฉิงนับว่าดีนัก ได้ฟังแล้วข้าถึงกับอยากยกน้ำชาให้”“ยกมาเถิด ข้ากระหายอยู่พอดี” เฉิงอวิ๋นหัวเราะอย่างสนุก การทดสอบเริ่มขึ้น สาวใช้ของสำนักสามคนถูกเรียกมานั่งเรียงแถว แผ่นผิวด้านหลังใบหูถูกป้ายบาล์มบาง ๆ อย่างระมัดระวัง หลินเย่วเอ๋อร์ยืนกอดถุงผ้าไว้แน่น แต่นัยน์ตายังยิ้ม คิ้วขมวดตั้งใจราวกับกำลังคุมเตาดิน“ลมอย่าแรง แสงอย่าเปรี้ยงนะ” นางพึมพำเสียงเบา ๆ จนไป๋จิ้งเซียวเหลือบมอง แล้วเหมือนจะกลั้นขำเวลาหนึ่งเค่อไหลผ่านไปอย่างช้า ๆ ทุกคนคุยกันไปเรื่อย ๆ เจี่ยนฮวาเปรยข่าวที่แพร่ตามตลาด“พักนี้แป้งขาวร้านข้าขายดีนัก พวกสาว ๆ น่ะชอบความขาววอกฉับไว ใคร ๆ ก็ชม”ยังพูดไม่ทันจบ สาวใช้คนหนึ่งก็ยกมือ “ท่านไป๋เจ้าคะ หลังใบหูข้าร้อนนิดหน่อยเจ้าค่ะ”ทุกสายตาหันไป ไป๋จิ้งเซียวรีบช้อนผมดู สีแดงชมพูจาง ๆ เกิดขึ้นเหมือนดอกทับทิมแรกแย้มเฉิงอวิ๋น “อะแฮ่ม” เขายกพัดชี้เบา ๆ “สีสวยนะ แต่ไม่ใช่เรื่องดี”อาเซียงหน้าถอดสี “หรือว่าบาล์มของคุ

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 5 ขอใบอนุญาตจากสำนักโอสถ

    รุ่งอรุณวันถัดมา ตลาดตงเหมินยังไม่เปิดดีนัก กลิ่นโจ๊กข้าวหอมก็ลอยมาก่อนใคร หลินเย่วเอ๋อร์นั่งจัดผมเรียบร้อย ใส่เสื้อผ้าเรียบสีอ่อน มือหนึ่งตรวจดูกระปุกทดลองที่วางเรียงบนถาดไม้ อีกมือหนึ่งชี้หน้าผากอาเซียงเบา ๆ เพราะสาวใช้ตัวดีเอาแต่หัวเราะคิกคักไม่หยุด“เจ้าจะขำอะไรนักเล่า” เย่วเอ๋อร์เอ่ยน้ำเสียงเข้ม แต่หางคิ้วยังยิ้มอาเซียงยิ่งขำ “เมื่อวานพวกชาวบ้านพูดกันใหญ่เลยเจ้าค่ะคุณหนู ทั้งตรอกเหนือ ตรอกใต้ เอาแต่พูดถึงร้านหยกมรกตของเราที่ให้ลองฟรีกันใหญ่ พวกเขายังบอกอีกว่าคุณหนูใจกล้ามาก! ของที่ให้ลองใช้ก็ดีมากด้วยเจ้าค่ะ”หลินเย่วเอ๋อร์หัวเราะเบา ๆ “ให้คนลองย่อมจำง่ายกว่าขายเลย เราต้องให้พวกเขาได้ลองก่อน ถ้าของเราดีคนก็จะตามมาซื้อเอง เจ้าน่ะหัวเราคิกคักมาตั้งนาน นิ่งเสียบ้างเถอะ ประเดี๋ยวหน้าจะยับก่อนวัย” ว่าจบก็แตะคางอาเซียง ปรับองศานิดหน่อย“ยิ้มแบบนี้สิถึงจะงาม เห็นหรือไม่ ยิ้มมากเกินไปมุมปากจะแตก”“งั้นข้าทาบะ...บาล์มสักนิดได้หรือไม่เจ้าคะ” อาเซียงทำตาแป๋ว“ได้สิ” เย่วเอ๋อร์ส่งกระปุกเล็กให้“ทาบาง ๆ พอให้ชุ่ม อย่าทาเสียจนเหมือนจูบรังผึ้งทั้งรังล่ะ”อาเซียงทำท่าทะเล้น “รับทราบเจ้าค่ะ!” แล

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 4 เกิดใหม่ไม่ทันไรก็คิดจะรวย

    วันต่อมา เมื่อหลินเย่วเอ๋อร์ฟื้นตัวดีแล้ว นางนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง มองตลาดที่อยู่ไกลออกไป เสียงพ่อค้าแม่ค้าโวยวายต่อราคาดังลอดเข้ามาถึงในเรือน กลิ่นขนมอบสมุนไพรหอมลอยมาตามลมโชยมาแตะจมูก“ที่นี่ชื่อเมืองอะไรนะอาเซียง?” นางเอ่ยถามอาเซียง“เมืองเว่ยเจินเจ้าค่ะ เมืองการค้าทางตอนใต้ของแคว้นอวี้”“อืม...” หลินเย่วเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ“แล้วตระกูลหลินของเราก็ทำแค่อาชีพค้าขายอย่างเดียวเหรอ หรือยังมีอย่างอื่นอีกไหม”“ใช่เจ้าค่ะ นายท่านค้าขายชาและสมุนไพรเจ้าค่ะ ช่วงนี้การค้าซบเซาเพราะร้านคู่แข่งเปิดใหม่หลายเจ้า เลยขายไม่ค่อยดีนักเจ้าค่ะ”หญิงสาวหรี่ตา “แสดงว่าสกุลหลินเป็นพ่อค้าระดับกลาง มีฐานะพออยู่ได้แต่ก็ไม่ถึงขั้นร่ำรวย ถ้าจะเริ่มกิจการเกี่ยวกับความงามใหม่ ก็ต้องเริ่มจากศูนย์จริง ๆ! แต่ก็น่าสนใจนะเนี่ย”นางหันไปมองกระปุกแป้งบนโต๊ะ กลิ่นแปลก ๆ ลอยขึ้นมา พอเปิดฝาดูก็เห็นผงขาววอกจนแสบตา“นี่อะไรน่ะอาเซียง!”“แป้งทาหน้าของคุณหนูเจ้าค่ะ เป็นของร้านฮวาเหมยจวงในตลาด ชาวบ้านว่ากันว่าทาแล้วขาวทันตาเลยนะเจ้าคะ”“ขาวทันตาหรือตายทันตากันแน่!” หลินเย่วเอ๋อร์แทบจะโยนกระปุกทิ้ง“นี่มันกลิ่นสารโลหะชัด ๆ

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 3 ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

    เสียงตะโกนโวกเวกโวยวายปนความตกใจของสาวใช้ดังระงม สาวใช้คนหนึ่งทั้งร้องไห้ ร้องเรียก พลางเขย่าผู้เป็นเจ้านายไม่หยุด“คุณหนู! คุณหนู ฟื้นสิเจ้าคะ! คุณหนู!”เสียงนั้นดังลอดมาจากระยะไกล ก่อนที่ความมืดในจิตใจจะค่อย ๆ แยกออกเหมือนม่านหมอกสาวใช้ร่างเล็กนามว่าอาเซียง นั่งร้องไห้อยู่ข้างบ่อน้ำ พอเห็นเปลือกตาของผู้เป็นเจ้านายขยับ นางก็ตาวาวด้วยความดีใจ น้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด“สวรรค์คุ้มครอง! คุณหนูฟื้นแล้ว คุณหนูยังไม่ตาย!”หลินเย่วเอ๋อร์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาคมหวานสะท้อนกับแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านต้นเหมย เสียงนกร้องและเสียงลมพัดประสานกันราวกับกำลังบรรเลงบทเพลงต้อนรับคนจากอีกภพ แต่สิ่งแรกที่นางเห็นก็คืออาเซียงที่กำลังร้องไห้จนน้ำมูกน้ำตาไหลรวมกันเป็นสาย สาวใช้ตัวน้อยคนนั้นน้ำตาไหลอาบแก้ม“นางเป็นใคร...” เสียงแหบพร่าเอ่ยเบา ๆอาเซียงรู้สึกตกใจและงุนงงในเวลาเดียวกัน“คุณหนูจำข้าไม่ได้หรือเจ้าคะ ข้าอาเซียง! สาวใช้ที่อยู่ข้างกายคุณหนูมาตั้งแต่เล็ก!”“อาเซียง?” หลินเยว่หลานขมวดคิ้ว“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง นี่กำลังถ่ายละครกัยอยู่เหรอ”“คุณหนูพูดอะไรเจ้าคะ พูดจาประหลาดนัด ข้าไม่เข้าใจ”นางพยายามจะลุก แต่ก

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 2 รอยยิ้มสุดท้ายของหลินเยว่หลาน

    ภาพนั้นอาจเป็นเพียงเงาดวงไฟสะท้อน แต่หัวใจคนที่สู้ชีวิตจนชนะมาได้นับครั้งไม่ถ้วนอย่างหลินเยว่หลาน นางรู้ดีว่าสัญชาตญาณไม่เคยโกหกลิฟต์สแตนเลสส่องเงาคนสองคนที่ยืนเคียงกัน หลินเยว่หลานซบผนังลิฟต์เพื่อหายใจ หูอื้อเหมือนกำลังดำน้ำ ซูเหม่ยหรงยืนข้าง ๆ กดชั้นล่าง มือข้างหนึ่งพยุงไหล่ แล้วอีกข้างถือโทรศัพท์ค้างบนหน้าจอแผนที่โรงพยาบาล ทุกอย่างดูเหมือนเป็นความช่วยเหลือที่ดีและถูกต้องประตูลิฟต์เปิด ทว่าเวลารอรถกลับกลายเป็นเหมือนบททดสอบที่นอกจากจะเจ็บตัวแล้วยังต้องเจ็บใจเงียบ ๆ หลินเยว่หลานเอียงคอมองท้องฟ้า เมฆดำโผล่มาแทนที่ดาวอย่างว่องไว นางยิ้มกับตัวเอง“โชคดีจัง ลืมพกร่ม...” แล้วหัวเราะเบา ๆ ที่ไม่มีใครได้ยิน อารมณ์ขันยังทำงานแม้ตัวนางอยู่ในสภาพที่แย่รถของซูเหม่ยหรงจอดอยู่ตรงลานจอดรถ เมื่อทั้งคู่มาถึงรถ ซูเหม่ยหรงจับแขนหลินเยว่หลานพานางขึ้นเบาะหน้า ขณะคาดเข็มขัด นางเอ่ยเสียงราบเรียบ“อย่าหลับนะ พูดกับฉันไปเรื่อย ๆ”หลินเยว่หลานมองเส้นไฟบนถนนที่ยืดยาว นางเริ่มเล่าเรื่องต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ“ฉันเคยปิดฝาลิปสลับกันด้วยนะ เพราะมีลิปหลายแท่ง ช่วงหัดแต่งหน้าใหม่ ๆ ทาไปทามาลิปไปติดฟัน สรุปฟันแดงเหมือน

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 1 ความงามสุดท้ายของหลินเยว่หลาน

    ค่ำวันศุกร์ปลายฤดูร้อน เมืองใหญ่สว่างวาบด้วยป้ายไฟและเสียงรถยนต์พ่นลมหายใจยาวไม่รู้เหนื่อย คอนโดหรูย่านธุรกิจที่ว่ากันว่าวิวดีระดับพรีเมียม มีเลาจน์บนชั้นดาดฟ้าสำหรับนั่งรับประทานอาหาร จิบเครื่องดื่ม ไปพร้อมกับบรรยาศที่ดีแบบสุด ๆเสียงรองเท้าส้นเสียงดังจิกพื้นเหมือนโน้ตดนตรี หลินเยว่หลานเข้ามาอย่างมั่นใจ หญิงสาวที่แม้ไม่ต้องพยายามแต่งสวยก็เด่นสะดุดตา นางคือบิวตี้บล็อกเกอร์ตัวท็อป ผู้ติดตามหลักล้าน คลิปแนะนำสกินแคร์ 7 วันสวยด้วยหน้าสดของนางถูกแชร์อย่างถล่มทลายค่ำนี้นางแต่งตัวสวยแบบเรียบหรู แต่งหน้าอ่อน ๆ เบา ๆ หน้าผิวฉ่ำแบบน้ำค้าง ตาเรียวสวยดูใจดีและดื้อในเวลาเดียวกัน ชุดเดรสไหมสีน้ำนมไหลลู่ เหมาะกับแสงโกลเด้นของไฟระย้าที่คลอไปกับเพลงแจ๊สเบา ๆจานเรียกน้ำย่อยถูกยกมาเสิร์ฟ เสียงแก้วกระทบกันเบา ๆ ราวกับประกายดาว หลินเยว่หลานยิ้มให้ซูเหม่ยหรง เพื่อนนสาวคนสนิทที่อยู่ข้างนางมาตั้งแต่เริ่มทำคลิปแรก“ดีลคืนนี้ตกลงแล้ว นับว่าเราเริ่มต้นได้ดีทีเดียว” นางพูดเสียงเบาแต่ชัด“แบรนด์ของเราจะเปิดพรีออเดอร์เดือนหน้า”ซูเหม่ยหรงสวยคมแบบแม่เสือสาว ยิ้มเก่งจนคนรอบข้างรู้สึกสบายใจง่าย นางหัวเราะนุ่ม“ฉัน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status