Share

ตอนที่ 3 ข่าวดีของตระกูลฉู่

last update Last Updated: 2025-01-04 11:15:38

ฉู่จางหมิ่นมองจนสองแม่ลูกพ้นไปจากสายตา แต่ยังไม่ยอมพูดสิ่งใดออกมา สาวใช้ทั้งสองจึงคิดว่าเจ้านายน้อย คงสะเทือนใจกับคำพูดเยาะเย้ยของอนุชุย ก็สรรหาคำพูดมาปลอบใจ ทำเอาฉู่จางหมิ่นอดขำไม่ได้

“คิ คิ พวกพี่สองคนสบายใจเถิดเจ้าค่ะ ข้าไม่ใช่คนอ่อนแอเช่นก่อนหน้านี้อีกแล้ว ถึงจะยังเป็นเด็กอายุหกหนาว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับข้า ย่อมทำให้เติบโตรู้ความกว่าเด็กคนอื่น ไม่มีบิดามารดาญาติพี่น้องแล้วอย่างไร อย่าลืมว่าคนที่คอยเลี้ยงดูข้าฉู่จางหมิ่นคือพวกท่าน ฉะนั้นคนที่มีพระคุณจริง ๆ คือพี่ทั้งสองคนต่างหาก” เรื่องนี้คือสิ่งที่ทำให้ฉู่จางหมิ่นซาบซึ้งใจเป็นที่สุด

“โธ่ คุณหนูของบ่าว อย่าได้กล่าวว่าหน้าที่ของพวกเราสองคน เป็นบุญคุณอันใดเลยนะเจ้าคะ ใครไม่รักก็ช่างแต่บ่าวรักคุณหนูและจะปกป้องท่านให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ” ฮุยอินไม่คิดว่าเจ้านายน้อยของนาง จะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินวัยเช่นนี้

“พี่หนิงอวี่ พี่ฮุยอิน หากข้าถูกครอบครัวทิ้งขว้าง พวกท่านยังยินดีที่จะติดตามข้าหรือไม่เจ้าคะ” คำถามนี้ฉู่จางหมิ่นจริงจังมาก เพราะนางคิดว่าคนตระกูลฉู่ ไม่มีทางนำตัวนางกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอีกแน่นอน จึงคิดจะหาทางหนีทีไล่เอาไว้ล่วงหน้า

“หากเป็นเช่นที่คุณหนูพูดจริง บ่าวยินดีติดตามคุณหนูเจ้าค่ะ” หนิงอวี่ย่อมเข้าใจความรู้สึกของฉู่จางหมิ่นดี

“บ่าวก็เช่นกันเจ้าค่ะ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ บ่าวจะติดตามคุณหนูผู้เดียวเท่านั้น”

“ขอบคุณพวกพี่ทั้งสองมาก ข้าสัญญาจะทำให้พวกท่านอยู่ดีกินดีได้แน่เจ้าค่ะ” ฉู่จางหมิ่นมั่นใจว่านางต้องถูกทอดทิ้ง จากคนที่เรียกว่าครอบครัวเต็มสิบส่วน

“แต่ตอนนี้บ่าวว่าคุณหนูพักผ่อนอีกสักหน่อยเถิด เพิ่งจะฟื้นจากพิษไข้นะเจ้าคะ รอให้ร่างกายแข็งแรงมากกว่านี้ ค่อยคุยเรื่องอื่นกันเจ้าค่ะ” หนิงอวี่เป็นห่วงสุขภาพของเจ้านายน้อย ไม่อยากให้นางต้องล้มป่วยซ้ำอีก

“ใช่เจ้าค่ะ คุณหนูนอนพักไปก่อน ประเดี๋ยวบ่าวจะช่วยกันทำงานแทนเองเจ้าค่ะ” เพราะยังมีงานค้างอยู่อีกเล็กน้อย พวกนางสองคนต้องกลับไปทำให้เสร็จ

“ได้ข้าจะพักเจ้าค่ะ”

ฉู่จางหมิ่นมองความห่วงใยจากบ่าวสองคนนี้ จึงไม่คิดขัดใจพวกนางอีก พอล้มตัวลงนอนไม่นานก็ผล็อยหลับไป ด้วยร่างกายเล็ก ๆ ที่ยังอ่อนเพลียจากพิษไข้ เมื่อหนิงอวี่กับฮุยอินเห็นว่าฉู่จางหมิ่นหลับสนิท จึงได้กลับออกไปทำงานที่เหลือต่อทันที

ตั้งแต่ดวงจิตทะลุมิติมาเกิดใหม่ในยุคโบราณ ผ่านมาได้เพียงสามวันฉู่จางหมิ่นก็ทนไม่ไหว กับอาหารการกินที่ได้รับจากโรงครัว เพราะจะเรียกว่าเป็นอาหารของคนคงไม่ได้ ควรจะเรียกว่าเศษอาหารเสียมากกว่า นางจึงตัดสินใจนำตำลึงทองออกมาหนึ่งก้อน มอบให้สาวใช้ทั้งสองแอบไปซื้อข้าวรวมถึงเนื้อและผัก มาเก็บไว้ทำอาหารกินเอง

หนิงอวี่กับฮุยอินถึงกับตกใจ ที่เจ้านายน้อยมีก้อนตำลึงทอง พวกนางอยากถามเหลือเกินว่าได้มาอย่างไร แต่เป็นฉู่จางหมิ่นที่ขอร้องพวกนางไว้ว่า ถึงแม้จะสงสัยแต่อย่าเพิ่งตั้งคำถาม รอให้เป็นอิสระจากครอบครัวนี้ แล้วนางจะเล่าให้ฟังด้วยตนเอง คำตอบนี้จึงทำให้สาวใช้ทั้งสอง กลืนคำถามของตนลงท้องไปทันที

หลังจากวันนั้นทั้งสามคนก็ได้กินอิ่มท้อง ทำให้ร่างกายเริ่มแข็งแรงขึ้นมาบ้าง จนกระทั่งถึงวันที่ขุนนางจากเมืองหลวง

นำราชโองการมาประกาศยังจวนตระกูลฉู่ ในห้องโถงใหญ่บรรยากาศเต็มไปด้วยความหวัง ทุกคนแต่งกายอย่างเรียบร้อยเพื่อรอรับราชโองการ พ่อของฉู่จางหมิ่นยืนอยู่ตรงกลางห้องอย่างสงบ

รองเจ้ากรมขุนนางเหล่ยเดินนำทหารสองนาย ที่ถือม้วนราชโองการสีทองงดงามเข้ามา ทุกคนในห้องคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง ต่อด้วยเสียงประกาศราชโองการ

“ฉู่หมิงซ่านรับราชโองการ”

“ด้วยความสามารถในการปกครอง และพัฒนาเมืองเหอเฟยอย่างต่อเนื่องมาหลายปี จากผลงานอันโดดเด่นนี้จึงให้ฉู่หมิงซ่านเลื่อนขั้นเป็นขุนนางขั้นห้า และเดินทางเข้าเมืองหลวงโดยเร็ว เพื่อรายงานตัวในตำแหน่งผู้ช่วยเสนาบดีกรมการมหาดไทย จบราชโองการ”

“กระหม่อมฉู่หมิงซ่านรับราชโองการ ขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่หมิงซ่านยื่นมือไปรับราชโองการสีทอง ด้วยมืออันสั่นเทาจากความตื่นเต้นดีใจ

“ขอแสดงความยินดีกับใต้เท้าฉู่ด้วยนะ ไว้พบกันที่เมืองหลวงเร็ว ๆ นี้” รองเจ้ากรมขุนนางเหล่ย เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนให้เสนาบดีเกา คัดเลือกฉู่หมิงซ่านเข้าเมืองหลวง เพื่อให้เป็นแรงสนับสนุนฝ่ายตนเอง ที่หนุนหลังองค์ชายสี่แย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท

“ลำบากใต้เท้าเหล่ยเดินทางแล้ว หากไปถึงเมืองหลวงข้าจะไปเยี่ยมคารวะที่จวนขอรับ” ฉู่หมิงซ่านรู้ดีว่าการได้รับตำแหน่งในราชสำนัก ย่อมต้องหาไม้ใหญ่เป็นเกราะกำบัง เพื่อไต่เต้าในตำแหน่งที่สูงกว่านี้

“อืม ข้าต้องขอตัวก่อนยังต้องไปอีกสองสามเมือง”

“ใต้เท้าเดินทางปลอดภัยขอรับ”

ฉู่หมิงซ่านส่งรองเจ้ากรมขุนนางเหล่ยขึ้นรถม้า เมื่อกลับเข้ามาในห้องโถงคนอื่น ๆ ยังรอแสดงความยินดี โดยพวกเขาลืมฉู่จางหมิ่นไปอย่างสิ้นเชิง

“ลูกแม่เจ้าทำให้ตระกูลฉู่ของเรารุ่งเรืองจริง ๆ”

“ท่านแม่อย่าพูดเช่นนั้นเลยขอรับ ข้าเป็นทายาทตระกูลฉู่ย่อมมีหน้าที่ สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลนั้นถูกต้องแล้ว”

“ยินดีกับท่านพี่ด้วยเจ้าค่ะ” หลิวฮูหยินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ฉู่เฟินเยว่ที่ถูกอนุชุยสั่งสอนอยู่เสมอว่า นางคือคุณหนูเพียงคนเดียวของจวน และต้องทำตัวเรียบร้อยไร้เดียงสาต่อหน้าบิดาเสมอมิได้แสดงความยินดีแต่มีคำถามขึ้นมาแทน

“ท่านพ่อเจ้าคะต่อไปเยว่เอ๋อร์กับพี่ใหญ่ ก็จะกลายเป็นคุณชายกับคุณหนูในเมืองหลวง ใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“ใช่แล้วลูก ที่นั่นมีบุตรหลานขุนนางมากมาย ในอนาคตพ่อย่อมเลือกคู่ครองที่เหมาะสมให้เจ้าได้” ฉู่หมิงซ่านหันมาตอบบุตรสาว

“ไหน ๆ วันนี้ก็มีข่าวดีของตระกูลเรา พ่อบ้านสั่งแม่ครัวทำอาหารเพิ่มสักหน่อย ยังไม่ต้องจัดงานเลี้ยง ไว้พวกเราไปถึงเมืองหลวงค่อยจัดงานเลี้ยง จะได้ผูกมิตรกับเหล่าขุนนางไปในตัว” ฮูหยินผู้เฒ่าตัดสินใจแทนบุตรชายของตน

“ดีเหมือนกันขอรับท่านแม่ เพราะพวกเรายังต้องเตรียมตัวเก็บข้าวของ ไม่อาจออกเดินทางล่าช้าได้ รบกวนฮูหยินจัดการเรื่องอาหารของวันนี้ด้วยนะ” ฉู่หมิงซ่านก็คิดเช่นเดียวกับมารดา เขาจึงไม่คัดค้านแต่อย่างใด

“เจ้าค่ะท่านพี่ เอ่อ แล้วเราจะพาจางหมิ่นไปด้วยหรือไม่เจ้าคะ” เพียงคำถามนี้ของหลิวฮูหยินดังขึ้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที

ฮูหยินผู้เฒ่าที่ปักใจกับคำทำนายของนักพรต ยิ่งมีสีหน้าไม่พอใจมากกว่าเดิม เพราะนางเพิ่งได้รับคำเตือนมาเมื่อวันก่อน จะให้ฉู่จางหมิ่นตามไปเมืองหลวงไม่ได้เด็ดขาด เนื่องจากดวงชะตาของนางจะขัดขวาง ความเจริญก้าวหน้าของบุตรชาย

“คงไม่ได้! ท่านนักพรตได้เตือนไว้แล้ว ข้าไม่ยอมให้คนทั้งตระกูลต้องเสี่ยงล่มสลายแน่ นางควรเข้าใจและยอมรับมัน” ฮูหยินผู้เฒ่าพูดเพียงเท่านั้นก็ให้สาวใช้พากลับเรือน

“...” ทุกคนไม่มีใครกล้าเอ่ยคัดค้านแม้แต่ครึ่งคำ

ฉู่หมิงซ่านที่เชื่อฟังมารดามาตลอด เขาไม่ลังเลที่จะตัดสินใจทำตามคำสั่งของมารดา หนังสือตัดขาดที่ระบุว่าไม่มีชื่อของฉู่จางหมิ่นอยู่ในผังตระกูลฉู่อีกต่อไป ถูกมอบให้ซูหยางนำมันไปที่เรือนท้ายจวน เพื่อให้ฉู่จางหมิ่นประทับลายนิ้วมือ ยอมรับหนังสือตัดขาดฉบับนี้ทันที

ข่าวดีของตระกูลฉู่จะไม่มาถึงหูของฉู่จางหมิ่นได้หรือ เมื่อบ่าวไพร่ในจวนต่างยินดีปรีดา พูดกันไปทั่วทุกมุมในจวนแห่งนี้ และสิ่งที่ฉู่จางหมิ่นรอคอยก็เกิดขึ้นเสียที นางนั่งรออยู่ที่หน้าเรือนกับสาวใช้ทั้งสองอย่างใจจดใจจ่อ และมันทำให้ซูหยางคาดไม่ถึงว่า เจ้าของเรือนท้ายจวนจะนั่งรออย่างสงบนิ่งเช่นนี้

ฉู่จางหมิ่นเห็นว่าซูหยางไม่ยอมพูด นางจึงเป็นคนพูดเองเสียทุกอย่างจะได้จบสิ้นกันเสียที

“อย่าเอาแต่ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นเลย สิ่งที่ควรทำก็ทำตามหน้าที่ให้เสร็จโดยไวเถิด” เสียงเล็ก ๆ ที่ดังกังวาน ปลุกซูหยางให้ตื่นจากภวังค์

“รบกวนคุณหนูอ่านให้ถี่ถ้วน ก่อนจะประทับลายนิ้วมือลงไปทั้งสองฉบับ อย่าลืมให้สาวใช้ของคุณหนูหาที่อยู่ใหม่ไว้ล่วงหน้าด้วย เนื่องจากนายท่านจะออกเดินทางทันที เมื่อทุกอย่างในจวนจัดการเรียบร้อยแล้ว” ซูหยางพูดพลางมองไปยังร่างของเด็กน้อยตรงหน้าซึ่งนางไม่มีท่าทีหวั่นไหวหรือเสียใจร้องไห้สักนิด

ฉู่จางหมิ่นรับหนังสือตัดขาดมาอ่านอย่างละเอียด โดยไม่แสดงความรู้สึกยินดียินร้ายกับเรื่องนี้ ก่อนจะใช้พู่กันที่ซูหยางนำมาเขียนชื่อตนเอง รวมถึงประทับลายนิ้วมือลงไปอย่างไม่ลังเล และยังฝากคำขอบคุณไปยังอดีตบิดาผู้ให้กำเนิด “ฝากขอบคุณใต้เท้าฉู่ด้วยที่ตัดชื่อของข้าออกจากผังตระกูล วันหน้าหากพวกท่านตกต่ำอย่าได้นึกถึงข้าผู้นี้ก็พอ”

ซูหยางสะอึกกับคำพูดนี้ของฉู่จางหมิ่น เพราะมันฟังดูเป็นคำปรามาสที่รุนแรงไม่น้อย หากนายท่านหรือฮูหยินผู้เฒ่าได้ยิน คงสั่งลงโทษนางอย่างหนักเป็นแน่ เมื่อรับหนังสือตัดขาดคืนมาซูหยางจึงกลับไปหาเจ้านายของตน

พอลับร่างของซูหยางไปไม่ถึงอึดใจ ฉู่จางหมิ่นก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ที่ตนได้หลุดพ้นจากครอบครัวเช่นนี้เสียที

“เย้ ๆ ๆ ในที่สุดพวกเราก็หลุดพ้นจากตระกูลนี้แล้ว ต่อไปอยากทำสิ่งใดก็ไม่ต้องกลัวจะถูกขัดขวางอีก”

“บ่าวดีใจกับคุณหนูด้วยเจ้าค่ะ แต่ว่าท่านถูกตัดชื่อจากผังตระกูลเช่นนี้ นั่นหมายความว่าจะใช้แซ่ฉู่อีกไม่ได้นะเจ้าคะ” หนิงอวี่ดีใจกับเจ้านายน้อยแต่ไม่ลืมเตือนเรื่องแซ่ของนาง

“หืม เรื่องชื่อแซ่พวกพี่สองคนไม่ต้องกังวล ข้าคิดเอาไว้แล้วล่ะว่าหลังจากนี้ไปข้ามีนามว่า ‘จ้าวจางหมิ่น’ คุณหนูตระกูลจ้าวที่มีข้าเป็นผู้ก่อตั้งด้วยตนเอง” ในเมื่อไม่ให้นางใช้แซ่เดิมก็แค่เปลี่ยนแซ่ใหม่ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หลวงอันใดเลยสักนิด

“บ่าวทั้งสองคารวะคุณหนูจ้าวเจ้าค่ะ ว่าแต่ว่าพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะเจ้าคะ” ฮุยอินถามเรื่องที่อยู่ขึ้น เมื่อรู้ว่าเจ้านายน้อยตั้งแซ่ใหม่ให้ตนเอง

“อืม พวกเรายังมีเวลาอีกสองสามวัน ตอนนี้ข้าพอจะมีเงินตำลึงอยู่บ้าง แต่อย่างไรเสียพวกเราควรหาเงินให้มากกว่าเดิมสักหน่อยถึงจะหาซื้อจวนเล็ก ๆ สักหลังในเมืองเหอเฟยได้ เอาเช่นนี้พวกพี่สองคนนำเงินไปซื้อเครื่องประดับ ที่ทำจากทองคำและเสื้อผ้าที่ตัดสำเร็จ เลือกชิ้นที่ดูงดงามกลับมาให้ข้าสักสามสี่ชิ้นนะ” จางหมิ่นคิดวิธีหาเงินเพิ่มเสียก่อน

“เจ้าค่ะ พวกบ่าวจะทำตามที่คุณหนูสั่ง ท่านอยู่ที่เรือนนี้อย่าออกไปไหนนะเจ้าคะ บ่าวไม่อยากให้คนพวกนั้นใช้คำพูด ทำร้ายคุณหนูของบ่าวอีกเจ้าค่ะ” หนิงอวี่ขอร้องแกมบังคับเจ้านายน้อยของตน

“คิ คิ ข้าจะรออยู่ที่นี่ไม่ซุกซนอย่างแน่นอน พวกท่านรีบไปรีบกลับเถิด อ้อ อย่าลืมซื้ออาหารกลับมาด้วยล่ะ”

“เจ้าค่ะคุณหนู”

ระหว่างรอสาวใช้ทั้งสองกลับมาก จ้าวจางหมิ่นมิได้รอเฉย ๆ นางกำลังคิดว่า หลังจากออกจากที่นี่ไปแล้ว จะทำอาชีพอันใดกับสาวใช้ดี จนกระทั่งนึกถึงอาหารที่นางชอบทาน และยังเคยเปิดร้านในโลกก่อนจ้าวจางหมิ่นพยักหน้าให้กับตนเองเบา ๆ หากนางทำอาหารชนิดนี้มาขาย จะต้องขายดีอย่างแน่นอน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนพิเศษ 2 ขอบคุณที่มีบุรุษเช่นท่าน

    จ้าวจางหมิ่นพาทุกคนออกเดินทางอีกครั้ง และมาถึงเมืองหลวงตอนกลางยามเหม่า จึงได้ปลุกทุกคนให้ตื่นเพื่อเตรียมตัวผ่านประตูเมือง ซึ่งเสิ่นหนิงเทียนใช้ป้ายประจำตำแหน่ง ในการเปิดทางให้จ้าวจางหมิ่น ขับพาหนะแปลกประหลาดเข้าเมืองหลวง โดยได้สร้างความประหลาดใจให้ผู้คนที่พบเห็นอีกครั้งเมื่อรถตู้สีดำสนิทหยุดลงที่หน้าจวนเสิ่นอันโหว บ่าวที่เฝ้าหน้าประตูจวนจึงรีบวิ่งไปตามพ่อบ้านมาทันที“ไหน ๆ สิ่งแปลกประหลาดที่วิ่งได้ พวกเจ้าอย่าได้โกหกข้าเชียว”“ท่านพ่อบ้านข้าจะโกหกไปทำไมกัน ก็เจ้านั่นมันหยุดอยู่หน้าจวนจริง ๆ นะขอรับ”พ่อบ้านเสิ่นเมื่อวิ่งตามบ่าวออกมา ก็พบเสิ่นหนิงเทียนยืนอยู่กับจ้าวจางหมิ่น “คารวะคุณชาย ๆ ที่แท้เป็นท่านเองหรือนี่ บ่าวคิดว่าเจ้าพวกนี้โกหกเสียอีก เอ่อ คุณหนูผู้นี้คือ?”“นางก็คือนายหญิงจ้าวคู่หมั้นของข้าเอง และเป็นเจ้าของสีทาบ้านที่งดงามอย่างไรเล่า”“โอ้ว คารวะนายหญิงจ้าวขอรับ เชิญคุณชายกับนายหญิงจ้าวที่โถงรับแขกเถิด ป่านนี้นายท่านกับฮูหยินคงรู้เรื่องนี้ จากพวกสาวใช้ในจวนแล้วขอรับ”“อืม หมิ่นเอ๋อร์เข้าไปพักด้านในก่อนเถิด เจ้าคงเหนื่อยไม่น้อยเพราะขับเจ้ารถนี่เพียงลำพัง”“เจ้าค่ะพี่ชายเสิ่

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนพิเศษ 1 พาเสิ่นหนิงเทียนนั่งรถกลับเมืองหลวง

    ณ เมืองหลวงแคว้นเฉินภายหลังสินค้าจำนวนมากบนรถบรรทุก ที่สามารถมาถึงเมืองหลวงได้ในเวลาอันรวดเร็ว ก็ได้สร้างปรากฏการณ์แตกตื่นขึ้น เนื่องจากรถบรรทุกไม่สามารถเข้าประตูเมืองได้ จึงต้องจอดเรียงรายอย่างเป็นระเบียบอยู่ภายนอกกำแพงเมือง โดยหยางไห่รับหน้าที่เข้าไปรายงานต่อเสิ่นฮูหยินที่จวนเสิ่นอันโหวรู้สึกแปลกใจมากกับเรื่องนี้ เพราะไม่น่าเป็นไปได้ที่สินค้าจากเมืองชายแดน จะมาถึงเมืองหลวงได้รวดเร็วในเวลาไม่กี่วัน จึงได้ตามเสิ่นฮูหยินออกมาดูด้วยตาตนเอง ว่าที่หยางไห่บอกกับพวกเขานั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่เมื่อหยางไห่พาเสิ่นอันโหวและเสิ่นฮูหยิน ออกมาเจอกับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ทำเอาทั้งสองคนตกตะลึงพูดอันใดไม่ออกไปชั่วขณะ แต่เป็นเสิ่นฮูหยินที่เรียกสติของตนกลับมาได้“หยางไห่เจ้าบอกว่าสินค้าที่อยู่บนรถ รถอะไรนะ?”“อ้อ นายหญิงเรียกมันว่ารถบรรทุกขอรับเสิ่นฮูหยิน” หยางไห่ตอบตามที่เขาจดจำมาจากคำพูดของจ้าวจางหมิ่น“ชะ ชะ ใช่เจ้ารถบรรทุก สินค้าที่ต้องส่งเข้าวังหลวงทั้งหมด อยู่บนหลังรถบรรทุกตรงหน้านี้ และนี่เป็นสิ่งที่หมิ่นเอ๋อร์จัดการด้วยตนเองงั้นรึ”หยางไห่ยืดอกตอบอย่างฉะฉาน “ถูกต้องแล้วขอรับเสิ่นฮูหยิน นายหญิงขอ

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 49 รักแท้มีอยู่ในโลกแห่งนี้สินะ (จบ)

    คำสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากของเสิ่นฮูหยิน ถูกส่งผ่านนกพิราบสื่อสารของร้านอาหารหงอวิ้นไหล ซึ่งคำสั่งซื้อนี้มาถึงจวนตระกูลจ้าวแห่งเหอเฟย ขณะที่จ้าวจางหมิ่นกำลังสอนลูกจ้าง ฝึกทำปอเปี๊ยะทอดสำหรับเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย ที่จะทำขายเพิ่มในร้านอาหารของนางเซิ่งปินที่ดูแลความเรียบร้อยของเรือนใหญ่ เมื่อเห็นนกพิราบบินมาเกาะยังกิ่งไม้ต้นเดิม ก็เดินไปหยิบจดหมายจากกระบอกไม้เล็ก ๆ และนำมามอบให้จ้าวจางหมิ่นยังห้องครัว“นายหญิงขอรับ มีจดหมายจากเมืองหลวงเพิ่งมาถึงที่นี่ขอรับ”จ้าวจางหมิ่นรับมาเปิดอ่านด้วยท่าทางปกติ แต่เพียงชั่วพริบตาก็เริ่มตาโตจากข้อความในจดหมาย “โอ้ว! แม่เจ้า เงินทองไหลมาเทมาหาพวกเราได้ทุกวันสิน่า”คนที่ทนไม่ไหวมากที่สุดคงหนีไม่พ้นสาวใช้ทั้งสอง และฮุยอินจึงถามเพื่อคลายความสงสัยแทนทุกคน “นายหญิงเจ้าคะ ที่ท่านพูดมาหมายความว่าเช่นไรหรือเจ้าคะ ท่านถึงดูตกใจและดีใจในเวลาเดียวกันเช่นนี้”จ้าวจางหมิ่นเงยหน้ามองทุกคนในห้องครัว ที่เฝ้ารอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ “นี่เป็นจดหมายจากมารดาของพี่ชายเสิ่น บอกเอาไว้ว่าฮ่องเต้ทรงต้องการสีทาบ้านจำนวนหนึ่งหมื่นถังเจ้าค่ะ”“ห๋า!! หนึ่งหมื่นถัง!!”หย่างไห่ถึงกับละล่ำ

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 48 ชื่อเสียงโด่งดังร่ำรวยเงินทอง

    การเปิดกิจการสีทาบ้านของจ้าวจางหมิ่นครั้งนี้ มิได้มีการจัดงานหรือจุดประทัดให้เสียงดังแต่อย่างใด นางเพียงอาศัยร้านอาหารเป็นตัวอย่างสินค้า และการตอบคำถามของเหล่าลูกจ้าง เมื่อมีลูกค้าในร้านอาหารสอบถามเท่านั้นเพียงเท่านี้ก็มีลูกค้ามาต่อแถวซื้อสีทาบ้าน จนพ่อบ้านห้าวต้องให้เหล่ยหง รวมถึงลูกจ้างอีกหลายคนในจวน ออกมาช่วยกันจัดระเบียบแถวของลูกค้า เพื่อป้องกันความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ในวันแรกที่เปิดขายสีทาบ้าน จ้าวจางหมิ่นได้กำไรถึงหลักพันตำลึงทองหนิงอวี่ที่ได้ช่วยนายหญิงของตนทำบัญชี ยังอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ “โอ้ว นายหญิงเจ้าคะบ่าวมิได้คิดเลขผิดใช่หรือไม่ เพียงแค่ท่านเปิดขายสีทาบ้านวันแรก จากการพูดปากต่อปาก ก็ได้กำไรมากมายเช่นนี้แล้วนะเจ้าคะ”ฮุยอินที่นับทั้งก้อนเงินและตั๋วเงิน เพื่อให้ตรงกับบัญชีรายรับในมือของสหาย ยังคงมีอาการตื่นเต้นดีใจไม่หาย “นั่นสิเจ้าคะนายหญิง นี่ท่านเพิ่งขายให้คนในเมืองเหอเฟยเท่านั้น ยังได้กำไรหลักพันตำลึงทองแล้ว บ่าวไม่อยากจะคิดเลยว่าเมื่อสีทาบ้านไปถึงเมืองหลวง เหล่าขุนนางหรือคนที่ฐานะร่ำรวยไม่มีทางที่จะไม่อยากได้นะเจ้าคะ คงมีคนสั่งซื้อสินค้าชนิดนี้จำ

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 47 นายหญิงจ้าวเปิดกิจการเพิ่ม

    เรื่องการลงโทษสาวใช้ของเสิ่นหนิงเทียน บ่าวไพร่ในจวนปิดปากเงียบสนิท ไม่มีใครกล้าพูดหรือนำไปเล่าต่อแต่อย่างใด เนื่องจากพวกเขายังอยากมีชีวิต ทำงานแลกเงินส่งให้ครอบครัวและก่อนจะแยกย้ายกันเพื่อพักผ่อน จ้าวจางหมิ่นจึงบอกเสิ่นหนิงเทียนว่า นางมีเรื่องอยากพูดคุยกับเขาเล็กน้อย “พี่ชายเสิ่นเจ้าคะ รบกวนท่านอยู่พูดคุยกับข้าสักประเดี๋ยวเถิดเจ้าค่ะ”เมื่อเห็นว่ายังไม่ดึกมากเสิ่นหนิงเทียนจึงนั่งลงที่เดิม “ได้สิ ว่าแต่หมิ่นเอ๋อร์มีเรื่องอันใดจะคุยกับพี่งั้นหรือ”“ไม่มีอันใดมากหรอกเจ้าค่ะ ข้าแค่มีของมอบให้ท่านเล็กน้อย เพื่อขอบคุณที่ท่านอุตส่าห์ยกปิ่นปักผมให้ ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นของมีค่ากับท่านมาก ข้าจึงอยากตอบแทนสิ่งที่คล้ายกันกลับไปให้ท่านบ้างเจ้าค่ะ” จ้าวจางหมิ่นพูดจบก็หันไปรับกล่องไม้ ที่หนิงอวี่กลับไปหยิบจากในห้องพักมาให้นางเสิ่นหนิงเทียนมองกล่องไม้ในมือบาง พร้อมกับเลิกคิ้วเข้มด้วยความอยากรู้ ว่าสิ่งที่อยู่ด้านในนั้นคืออันใดกันแน่ “เจ้านำสิ่งใดมาให้พี่เช่นนั้นหรือ ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นสิ่งของชิ้นใด ล้วนไม่สำคัญเท่ากับเจ้าหรอกนะหมิ่นเอ๋อร์”“ท่านรับไว้เถิดเจ้าค่ะ เพราะข้าตั้งใจมอบให้ท่านจริง ๆ”

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 46 มีสตรีอยากปีนเตียงท่านแม่ทัพ

    หลังจากเห็นว่าจ้าวจางหมิ่นนอนหลับสนิท เสิ่นหนิงเทียนย้อนกลับไปที่เดิมอีกครั้ง เพื่อจัดการกับพวกหมิงเฉียว แต่เขากลับพบกับความว่างเปล่า คนตั้งมากมายกลับหายไปอย่างไร้ร่อยรอย แม้แต่เลือดสักหยดยังไม่มีให้เห็น “เป็นไปได้อย่างไรกัน? คนหลายสิบคนหายไปพร้อมกัน ใครจะมีความสามารถจัดการได้รวดเร็วเช่นนี้”เสิ่นหนิงเทียนจึงเดินกลับด้วยความงุนงง และมีข้อสงสัยมากมายอยู่ในใจของเขา ว่าเหตุการณ์ประหลาดนี้ เป็นฝีมือของคนหรือภูตผีปีศาจกันแน่ เสิ่นหนิงเทียนรู้สึกเสียดายไม่น้อย ที่คนของตนกลับนอนหลับสนิท ไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นมาสักนิด มิเช่นนั้นเขาคงได้รู้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใดเมื่อยามเช้ามาถึงภายหลังจัดการเรื่องอาหารมื้อเช้า ทุกคนช่วยกันเก็บของทั้งหมดเพื่อเดินทางต่อ โดยไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงอันใดอีก ครั้งนี้ใช้เวลาเดินทางกลับเร็วกว่าเล็กน้อย แต่พวกเขามาถึงเมืองฟู่ชิงในเขตชายแดนแคว้นเฉิน ก็เข้าสู่ปลายยามเซินแล้ว เสิ่นหนิงเทียนไม่อยากให้จ้าวจางหมิ่นเดินทางยามค่ำคืน จึงได้เชิญนางพักเสียที่จวนของตน“หมิ่นเอ๋อร์ตอนนี้ใกล้จะมืดค่ำเข้าไปทุกที เจ้ากับคนอื่น ๆ พักเสียที่จวนของพี่เถิด พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับเมืองเหอเฟยจะดีกว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status