หยางป๋อเดินทางกลับมาถึงบ้าน สายลมอ่อนพัดผ่านท้องทุ่งนาและกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาตามลม บรรยากาศที่บ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความตื่นเต้น เมื่อคนในครอบครัวเห็นเขาก้าวเข้ามาในบ้าน นางหลิวหู่แม่ของหยางป๋อรีบวิ่งออกมาพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า นางโผกอดลูกชายแน่น หยางสุ่ยพ่อของหยางป๋อซึ่งเป็นชายชราที่ยังแข็งแรงแม้จะมีอายุแล้วก็ยิ้มกว้างพลางตบหลังลูกชายเบา ๆ
"ต้าป๋อ ลูกกลับมาแล้ว แม่คิดถึงลูกมาก" นางหลิวหู่พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ
"ผมก็คิดถึงพ่อกับแม่ครับ" หยางป๋อตอบพลางยิ้มให้แม่ของเขา เขาหันไปกอดพ่อและยิ้มให้กับน้องสาวที่กำลังยืนยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นแถว
ทันทีที่ข่าวการกลับมาของหยางป๋อแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน เพื่อนบ้านที่สนิทกับบ้านหยางเขาก็เริ่มทยอยกันมาเยี่ยมเยียน ทุกคนต่างนำของขวัญและสิ่งของมามอบให้เขาเป็นการต้อนรับกลับบ้าน มีทั้งผลไม้สด อาหารพื้นบ้าน และข้าวของเครื่องใช้
ในค่ำคืนนั้นคนบ้านหยางได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ที่ลานบ้าน แสงไฟจากโคมสว่างไสวทั่วบริเวณ กลิ่นหอมของอาหารที่นางหยางเจี่ยทำเองลอยมาตามลม มีทั้งเป็ดตุ๋น หมูสามชั้นต้มซีอิ๊ว และผัดผักหลากชนิด โต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเมนูที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและคิดถึงบ้าน
เพื่อนบ้านมาร่วมงานกันอย่างคึกคัก พวกเขาต่างพูดคุยและเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านให้หยางป๋อฟัง หลายคนยินดีกับการที่เขาได้เลื่อนยศเป็นหัวหน้าหมู่และคาดหวังว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะได้เลื่อนยศเป็นผู้กอง
"หยางป๋อ นายเป็นคนเก่งอยู่แล้ว ฉันเชื่อว่าไม่นานนายต้องได้เป็นผู้กองแน่ ๆ" เพื่อนสมัยเด็กคนหนึ่งของหยางป๋อพูดพลางยิ้มกว้าง
"ขอบใจ ฉันตั้งใจว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด" หยางป๋อตอบพลางยิ้ม เขารู้สึกอบอุ่นในใจที่มีคนมากมายคอยให้กำลังใจและสนับสนุนเขา
ระหว่างที่งานเลี้ยงดำเนินไปทุกคนต่างก็ร่วมสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ เด็ก ๆ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ผู้ใหญ่ก็นั่งคุยกันไปหัวเราะกันไป บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่น หยางป๋อนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารพลางมองดูทุกคนด้วยความสุขใจ เขารู้สึกขอบคุณที่มีครอบครัวและเพื่อนบ้านที่ดี
ขณะที่หยางป๋อนั่งฟังและพูดคุยกับเพื่อนบ้าน เสียงสนทนาของกลุ่มผู้หญิงที่นั่งอยู่ไม่ไกลก็ลอยมาเข้าหู เขาได้ยินเสียงพูดถึงเรื่องราวของ "บ้านจาง" ที่อยู่ในหมู่บ้านข้าง ๆ เขารู้จักบ้านจางเป็นอย่างดี เพราะเป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงในเรื่องความขัดแย้งภายในครอบครัวมานาน อีกทั้งนางหยางเจี่ยแม่ของจางกวนหย่งเองก็มีศักดิ์เป็นญาติห่าง ๆ กับพ่อของเขาด้วย
"ได้ยินว่าภรรยาของจางกวนหย่งลูกชายบ้านจางถูกทำร้ายจนทนไม่ไหว ต้องขอหย่าแล้วหอบลูกไปเปิดร้านขายน้ำเต้าหู้ในตลาดในเมือง ฉันละสงสารคุณหนูคนนั้นจริง ๆ ชะตากลับพลิกผันจากลูกคนรวยต้องมามีชีวิตที่ย่ำแย่เพราะบางจางเนี่ย " หญิงชราคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเห็นใจ
"ใช่แล้ว ตอนที่เธออยู่ที่บ้านจางก็ถูกสามีทำร้าย แถมแม่และน้องสาวสามีก็ข่มขู่เอาเงิน ไม่พอใจก็ตบตี" หญิงวัยกลางคนอีกคนหนึ่งเสริมขึ้น
"เงินมรดกที่เธอเอาติดตัวมาด้วยก็ถูกสามีเอาไปเล่นการพนันหมดไปเยอะเลย" หญิงชราอีกคนพูดพลางส่ายหัว "หย่าออกมาแล้วก็ยังต้องหาเลี้ยงลูกคนเดียวอีก ไม่รู้ว่าคนบ้านจางทำกับเธอแบบนี้ได้ยังไง"
หยางป๋อได้ยินทุกคำพูดเหล่านั้นและรู้สึกสะท้อนใจ เท่าที่ฟังดูก็รู้แล้วว่าหญิงสาวที่น่าสงสาคนนั้นก็คือเว่ยเถียนเถียน เขารู้สึกเห็นใจเธออย่างมาก อดคิดไม่ได้ว่าทำไมชีวิตของเธอถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เขานึกถึงภาพของเธอที่ร้านขายน้ำเต้าหู้กับลูกชายตัวน้อยที่ขยันขันแข็ง แต่ยังคงมีรอยยิ้มที่อบอุ่นและใจดีแม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบาก
"เธอเป็นคนที่แข็งแกร่งจริง ๆ" หญิงชราพูดต่อ "ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวและยังต้องทำงานหนักอีก แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มให้กับลูกค้าเสมอ"
"ฉันเองก็เคยเจอเธอที่ตลาด น้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ของเธอขายดีมาก ลูกค้าต่อคิวกันยาวทุกวัน" หญิงสาวคนหนึ่งพูด
"ใช่แล้ว" หญิงชราพยักหน้า "แม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบากแต่เธอก็ยังคงมีความสุขและมุ่งมั่นที่จะทำให้ลูกชายมีชีวิตที่ดีขึ้น ช่างเป็นหญิงสาวที่น่าชื่นชมจริง ๆ"
หยางป๋อฟังคำพูดเหล่านั้นและรู้สึกอบอุ่นในใจ สำหรับเขาแล้วความเข้มแข็งและความมุ่งมั่นของเว่ยเถียนเถียนเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก
นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปตลอดระยะเวลาที่กลับมาพักผ่อนที่บ้าน เขาก็ตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ว่าทุกเช้าเขาจะเข้าไปที่ตลาดในเมืองเพื่ออุดหนุนน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ของเว่ยเถียนเถียนทุกวัน เขาไม่ต้องการเพียงแค่ซื้ออาหารเช้าเท่านั้นแต่เขายังต้องการที่จะเป็นกำลังใจให้กับผู้หญิงที่กล้าหาญมุ่งมั่นคนนี้
เขานั่งคิดทบทวนถึงอดีตเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เว่ยเถียนเถียนยังเป็นหญิงสาววัยแรกแย้ม เธอสวมชุดสีชมพูอ่อนที่ทำให้ดูงดงามและสดใสท่ามกลางทหารหนุ่มที่ค่าย ในงานเลี้ยงวันนั้นเธอเต้นรำและพูดคุยกับพ่อแม่ของเธออย่างสนุกสนาน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอทำให้บรรยากาศในงานดูมีชีวิตชีวาและเป็นกันเอง ตอนนั้นหยางป๋อมองดูเธอจากที่นั่งของเขาซึ่งอยู่ท้ายห้องประชุมแต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความงดงามสดใสของเธอ จนมาวันนี้เขาก็ยังรู้สึกแบบนั้น เขาจำได้ว่าหัวใจของเขาเต้นแรงทุกครั้งที่ได้เห็นเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกันแม้สักครั้ง แต่การได้เห็นเธอเต้นรำและหัวเราะในงานเลี้ยงนั้นทำให้เขามีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้เมื่อหยางป๋อได้รู้ถึงความยากลำบากที่เว่ยเถียนเถียนต้องเผชิญ เขารู้สึกสงสารและห่วงใยเธออย่างมาก การที่เธอเลิกรากับสามีและต้องหาเลี้ยงลูกคนเดียวทำให้เขารู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ การที่เธออยู่ในสถานการณ์นี้อาจจะเป็นโอกาสที่เขาจะสามารถช่วยเหลือและดูแลเธอได้
บทที่ 11 ความฝันของเด็กชายเช้าวันถัดมาหยางป๋อตื่นขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง นาฬิกาในบ้านยังแสดงเวลาเพียงแค่ตีห้า เขาหยิบชุดธรรมดาที่ดูดีและเหมาะสมมาสวมใส่ เลือกเสื้อผ้าสีเรียบแต่มีรสนิยมที่สะท้อนถึงความเรียบร้อย เมื่อลงมาจากบ้านก็คว้าเสื้อคลุมและหมวกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเดินออกไปยังลานหน้าบ้านพ่อแม่และน้องสาวของเขายืนอยู่ที่หน้าบ้าน เห็นเขากำลังเตรียมตัวออกจากบ้านในช่วงเวลาตรู่จึงหากันมองอย่างสงสัย ในใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยคำถามว่าทำไมถึงต้องเร่งรีบออกจากบ้านแต่เช้าขนาดนี้"ลูกชายของแม่จะไปไหนตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้" นางหลิวหู่ถามด้วยความสงสัยขณะยืนอยู่ที่หน้าบ้านหยางป๋อหันมาหาแม่และยิ้มอย่างอบอุ่น "ผมแค่จะเข้าไปในเมืองนิดหน่อยครับ ผมต้องการซื้อของบางอย่าง และยังมีเรื่องที่อยากทำ""พี่ชายจะไปซื้ออะไรเหรอคะ" หยางเสี่ยวเจียงน้องสาวของเขาถามขึ้น"พี่ตั้งใจจะซื้ออาหารเช้าให้พวกเราน่ะ พี่ชอบน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาก” หยางป๋อตอบ&ld
บทที่ 12 ลูกค้าประจำหยางป๋อยังคงมาซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ในตอนเช้าทุกวัน ทั้งสองคนค่อยๆสนิทสนมกันมากขึ้น จากที่เคยซื้อกลับไปกินที่บ้าน ตอนนี้เว่ยเถียนเถียนได้จัดโต๊ะเก้าอี้ให้เขานั่งกินที่ร้านแล้ว จางเสวียอี้ก็ดีใจมากที่ได้พบกับคุณลุงทุกวัน พอได้พูดคุยกันมากขึ้นเด็กน้อยก็ยิ่งชื่นชอบเขาเช้าวันหนึ่งในขณะที่หยางป๋อนั่งกินน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ จางเสวียอี้ก็เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้ม“คุณลุงหยางครับ เล่าเรื่องในค่ายทหารให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ” จางเสวียอี้ถามด้วยความตื่นเต้นหยางป๋อยิ้มและวางถ้วยน้ำเต้าหู้ลง “ได้สิ ชีวิตในค่ายทหารนั้นมีหลายอย่างที่น่าสนใจ เสวียอี้อยากจะฟังเรื่องอะไรก่อนล่ะ”จางเสวียอี้ตาเป็นประกาย นั่งลงข้างๆ เขา “ในค่ายทหารมีอะไรบ้างครับคุณลุง”หยางป๋อเริ่มเล่า “ในค่ายทหาร พวกเรามีกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำกันทุกวัน เราตื่นเช้ากันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางจากนั้นเราก็ทำการฝึกซ้อมร่างกาย วิ่งออ
บทที่ 13 จัดการกับสามีเก่า ช่วงสาย ๆ จนเกือบเที่ยงแสงแดดกำลังสาดส่อง อากาศค่อนข้างร้อนเมื่อเทียบกับตอนเช้า นางหยางเจี่ยที่เพิ่งจะซักผ้าเสร็จก็หอบกะลังที่มีผ้าอยู่เต็มเตรียมจะเอามาตากที่ราวตากผ้าข้างบ้าน เมื่อเปิดประตูบ้านออกมาก็พบว่ามีผู้คนมายืนล้อมกันอยู่ที่หน้าบ้างจางเต็มไปหมด ในนั้นมีตำรวจ 2 นาย หยางป๋อแล้วก็ชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่ง นางหยางเจี่ยเห็นดังนั้นก็ตกใจเล็กน้อย แต่ด้วยความที่เป็นคนหน้าหนาจึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไร กลับตะโกนถามตำรวจไปว่า “ตำรวจมาที่บ้านของฉันมีธุระอะไร ปกติแล้วฉันไม่มีธุระกับพวกตำรวจทหารหรอกนะ” สีหน้าของนางหยางเจี่ยบอกบุญไม่รับ นางมองตำรวจและชาวบ้านอย่างไม่คิดจะแยแส “คุณคือแม่ของจางกวนหย่งใช่ไหมครับ พวกเ
บทที่ 14 เรื่องร้ายผ่านพ้นไปแล้ว เรื่องดีก็เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน เมื่อเสร็จเรื่องแล้วทั้งสามคนก็กลับมาที่ร้าน เว่ยเถียนเถียนมองดูร้านที่พังเละเทะนั้นพลางถอนหายใจออกมา ถึงแม้ว่าวัตถุดิบที่เธอเอาออกมาใช้เหล่านี้จะไม่ได้มีต้นทุนแต่ทว่าก็เป็นจำนวนที่ค่อนข้างเยอะ พอเห็นมันเสียหายไปแล้วก็อดที่จะเสียดายไม่ได้ ทั้งน้ำเต้าหู้ที่ทำเสร็จแล้วแล้วก็มีพวกแป้งปาท่องโก๋อีกที่ตอนนี้แห้งแข็งติดโต๊ะไปแล้ว “ไม่ต้องเสียดายไปหรอกเถียนเถียน ว่าแต่คุณมีเงินทุนไปซื้อของอีกไหม” หยางป๋อถาม เพราะเห็นว่าข้าวของเสียหายไปเยอะ หากคิดเป็นเงินแล้วละก็หายสิบหยวนเลยทีเดียว เขาจึงรู้สึกเป็นห่วงคิดว่าจะเอาเงินของตัวเองบางส่วนออกให้ก่อน “เรื่องเงินไม่มีปัญหาค่ะ ฉันเพียงเสียดายของพวกนี้ที่ต้องทิ้งมันไปโดยที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย แต่ก็ช่
บทที่ 15 ความหวังใหม่ หลังจากที่หยางป๋อจากไปแล้ว เว่ยเถียนเถียนรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจแต่ก็ไม่ยอมให้ความเหงานั้นมาขวางกั้นความตั้งใจของเธอ ทุกๆ เช้าเธอยังคงลุกขึ้นมาแต่เช้าตรู่เตรียมทำปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ด้วยความมุ่งมั่น จางเสวียอี้เองก็คอยช่วยเหลือแม่ของเขาอย่างเต็มที่เว่ยเถียนเถียนตระหนักว่าจะต้องพยายามมากกว่านี้หากต้องการพิสูจน์ให้คนรอบข้างเห็นว่าหญิงหม้ายหย่าสามีก็สามารถประสบความสำเร็จได้ เพื่อให้หยางป๋อภูมิใจในตัวเธอและให้สังคมยอมรับในคุณค่าของเธอเองวันเวลาผ่านไปเว่ยเถียนเถียนเริ่มคำนึงถึงอนาคตของตัวเองกับลูกชายมากขึ้น เข้าใจดีว่าการขายน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะสร้างฐานะให้มั่นคงและร่ำรวยได้จึงคิดถึงวิธีที่จะขยายกิจการหรืออาจจะทำสิ่งอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาเพื่อให้มีรายได้มากขึ้นเธอนั่งคิดและวางแผนในช่วงเวลาว่างหลังจากปิดร้าน มองดูรอบๆ ร้านเพื่อหาว่ามีอะไรที่สามารถทำได้บ
บทที่ 16จดหมายจากชายแดน หลังจากที่เว่ยเถียนเถียนเริ่มทำเต้าหู้ขาย เธอก็พบว่าเต้าหู้ของเธอได้รับการตอบรับอย่างดีมาก จากที่ทำขายวันละสี่สิบก้อนก้อนเป็นเต้าหู้แบบแข็งและแบบอ่อนอย่างละครึ่ง ลูกค้าที่มาซื้อไปต่างชื่นชมและบอกต่อกันไปทั่วถึงความนุ่มและรสชาติอร่อยของเต้าหู้ที่เธอทำ พวกเขาต่อแถวซื้อกันจนของไม่พอขายเว่ยเถียนเถียนรับฟังคำชมของลูกค้าอย่างมีความสุขและรู้สึกดีใจที่ความพยายามของเธอได้รับการยอมรับ"เต้าหู้ของคุณนุ่มมากเลยค่ะ ฉันไม่เคยกินเต้าหู้ที่อร่อยแบบนี้มาก่อน" ลูกค้าคนหนึ่งพูดขณะที่เว่ยเถียนเถียนกำลังหยิบเต้าหู้ใส่ถุง "ฉันอยากให้คุณทำออกมาขายเยอะ ๆ เพราะบางวันฉันมาต่อคิวแล้วก็ไม่ทันได้ซื้อ"“ฉันเองก็คิดว่าจะทำเพิ่มอยู่เหมือนกันค่ะ ช่วงนี้แค่ลองตลาดดูก่อน” เว่ยเถียเถียนพูด“ทำออกมาเยอะ ๆ เลย ยังไงก็ขายได้แน่นอน” ลูกค้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันเห็นด้วยเมื่อเถ้าแก่ร้า
บทที่ 17กรรมวิธีใหม่หญิงสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะในครัวของบ้านที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของถั่วเหลืองอบอวลเต็มไปหมด เธอมีความคิดที่หนึ่งอยู่ในใจหลังจากอ่านจดหมายของหยางป๋อ ถึงแม้จะดีใจมากที่เขาเขียนจดหมายมาหาแต่ก็ยังมีเรื่องหนึ่งที่ทำให้กังวลใจซึ่งก็คือการที่เขาอยู่ที่กองทัพแล้วจะไม่มีของอร่อยกิน การฝึกที่กองทัพนั้นหนักมากและทหารทุกคนไม่สามารถเลือกได้ว่าจะกินอะไรเธอเริ่มคิดถึงวิธีที่ดีที่สุดในการส่งน้ำเต้าหู้และของกินอื่นๆ ไปให้เขา แต่การส่งของที่มีระยะเวลาการเก็บสั้นอย่างน้ำเต้าหู้ที่สดใหม่ก็คงจะเน่าเสียก่อนถึงกองทัพอย่างแน่นอน อาหารแห้งอย่างอื่นเก็บไว้ได้นานก็จริงแต่สิ่งที่เธออยากให้เขาได้กินก็คือน้ำเต้าหู้ฝีมือของเธอนั่งคิดอยู่หลายวันจนกระทั่งความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวซึ่งก็คือการพาสเจอไรส์ เธอจำได้ว่าชาติก่อนตอนเรียนมัธยมได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีนี้ซึ่งสามารถทำให้น้ำเต้าหู้เก็บได้นานโดยไม่เน่าเสีย วิธีการพาสเจอไรส์คือการทำให้ของเหลวร้อนขึ้นที่อุณหภูมิสูงพอสมควรเพื
บทที่ 18ผู้ช่วยคนแรกของร้าน เวลาผ่านไปเว่ยเถียนเถียนและหยางป๋อต่างเขียนจดหมายหากันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งสองใช้ตัวอักษรเป็นสะพานเชื่อมความรู้สึกจากใจถึงใจ ทุกถ้อยคำที่ส่งถึงกันทำให้ความรักระหว่างพวกเขาเบ่งบานและเติบโตอย่างงดงามทุกเดือนเว่ยเถียนเถียนจะส่งจดหมายและของฝากมาให้หยางป๋อที่กองทัพ ในกล่องของขวัญที่เธอส่งมามักมีของกินที่หยางป๋อชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นขนมหวานต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งน้ำเต้าหู้ที่เธอพาสเจอร์ไรส์ด้วยความพิถีพิถันเพื่อให้เก็บได้นานขึ้น การได้รับจดหมายและของฝากจากเธอเป็นความสุขที่เขารอคอยอย่างใจจดใจจ่อทุกครั้งที่จดหมายและของฝากมาถึงหยางป๋อจะรีบเปิดอ่านจดหมายก่อนเสมอ เขายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเวลาที่อ่านถ้อยคำอ่อนโยนและห่วงใยจากเว่ยเถียนเถียน เขามักจะเก็บจดหมายของเธอไว้อย่างดีและเมื่อมีเวลาว่างก้จะหยิบขึ้นมาอ่านซ้ำทำให้ความรักที่มีต่อเธอเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้อยคำเธอทำให้เขามีกำลังใจในการฝึกซ้อมและทำหน้าที่ในฐานะทหารอย่างไม่ย่อท้อ
บทที่ 25ร้านใหม่หลังจากที่ได้พบกันในครั้งนี้เว่ยเถียนเถียนรู้สึกมั่นใจในตัวหยางป๋อมากยิ่งขึ้น ทุกการกระทำและคำพูดของเขาในวันที่ช่วยเธอจากคนร้ายเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความรักและความห่วงใยที่เขามีต่อเธอ เขาไม่เพียงแค่ปกป้องเธอจากภัยอันตรายแต่ยังยืนหยัดเคียงข้างเธอในทุกสถานการณ์ ความเชื่อมั่นและความรักที่เขามีให้เป็นสิ่งที่เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจนความรักที่เว่ยเถียนเถียนมีต่อหยางป๋อเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและความมั่นคงที่เขามอบให้ ความห่วงใยและความตั้งใจจริงของหยางป๋อทำให้เธอเปิดใจให้เขาเต็มที่ เธอไม่กลัวที่จะรักเขาอย่างหมดใจ เพราะรู้ว่าเขาคือคนที่รักเธอมากที่สุดกลับมาถึงร้านเว่ยเถียนเถียนเห็นหลินเสี่ยวเป้ยกับลูกชายกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น สถานการณ์ในร้านคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีคนสั่งซื้อฟองเต้าหู้มากมาย เธอยิ้มออกมาเมื่อเห็นความตั้งใจของทุกคนจางเสวียอี้เห็นแม่ของเขากลับมาก็วิ่งมากอดขาด้วยความดีใจ"แม่กลับมาแล้
บทที่ 24ต้องกำจัดเย็นวันนั้นเว่ยเถียนเถียนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องพักของโรงแรมที่เธอพักอยู่ ความเงียบสงบของช่วงเย็นทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย แต่ความสงบนั้นกลับถูกทำลายเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างรุนแรง เธอเดินไปเปิดประตูด้วยความสงสัย และเมื่อเปิดออกมาก็ต้องตะลึงเมื่อผู้ชายสองคนที่เธอไม่รู้จักบุกเข้ามาในห้องทันที"เธอคือเว่ยเถียนเถียนใช่ไหม" หนึ่งในนั้นถามด้วยน้ำเสียงข่มขู่เว่ยเถียนเถียนพยายามถอยหลัง แต่ถูกดันให้ถอยจนชนกับผนังห้อง "ใช่...พวกคุณต้องการอะไร"ชายคนหนึ่งยิ้มเย็น "มีคนสั่งพวกเราให้มาสั่งสอนเธอ ให้เธอรู้ว่าไม่ควรยุ่งกับคนของคนอื่น"พวกมันเริ่มเข้ามาใกล้ เว่ยเถียนเถียนรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น เธอพยายามถอยหลังไปอีกแต่ว่าตอนนี้ชนกับผนังห้องแล้ว ไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก ความหวาดกลัวที่ท่วมท้นเข้ามาทำให้มือของเธอสั่นและเหงื่อไหลออกมาตามหน้าผาก ตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก มองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอาฆาต
บทที่ 23หัวใจที่หนักแน่น หลังจากที่ฝึกเสร็จหยางป๋อก็รีบตรงดิ่งเข้ามาในเมืองทันที วันนี้เลิกเร็วคงพอมีเวลาอยู่กับเว่ยเถียนเถียนได้นานหน่อยเขาจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขารออยู่ที่หน้าโรงแรมพอเห็นเธอเดินออกมาก็ยิ้มอย่างดีใจ “วันนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่พาไปกินนะ” “เอาที่พี่คิดว่าอร่อยที่สุดค่ะ” เว่ยเถียนเถียนตอบ “ที่อร่อยที่สุดพี่พาเถียนเถียนไปกินมาแล้ว เอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยวพี่พาไปกินซวนล่าเฝิ่นร้านคุณลุงจวงดีกว่า ที่นั่นพี่ไปกินกับเพื่อน ๆ บ่อย ค่อยข้างอร่อยเลยล่ะ” หยางป๋อเสนอ “ได้ค่ะ พี่พาไปที่ไหนฉันก็ไปหมดแหละ” เว่ยเถียนเถียนยิ้มอย่างดีใจ
บทที่ 22ศัตรูหัวใจวันต่อมาเว่ยเถียนเถียนมาหาหยางป๋อที่กองทัพในตอนเย็นและวันนี้เธอตั้งใจนำของจากมิติมาฝากเพื่อนทหารของเขาด้วย เขาพาเธอเข้าไปยังพื้นที่หน่วยของเขา เมื่อเพื่อน ๆ เห็นเว่ยเถียนเถียนมาด้วยทุกคนต่างก็เข้ามาต้อนรับและทักทายอย่างอบอุ่น“สวัสดีครับคุณเว่ย” เสียงหนึ่งของทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้น“สวัสดีค่ะพี่ ๆ ทุกคน วันนี้ฉันนำของมาให้ทุกคนลองชิมกัน” เว่ยเถียนเถียนยิ้มหวานและกล่าวอย่างใจดีเธอเอาของออกมาจากมิติมากมายหอบมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด โดยเฉพาะผลไม้ที่สดและหายากในพื้นที่นี้ ทุกคนต่างตื่นเต้นเมื่อเห็นสิ่งที่เธอนำมา“โอ้โห ผลไม้เยอะขนาดนี้ พวกเราจะได้กินกันหลายวันเลย” ทหารคนหนึ่งพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง“ใช่ค่ะ ฉันคิดว่าในช่วงนี้พวกพี่ ๆ คงอยากกินอะไรหวาน ๆ อร่อย ๆ จะได้หายเหนื่อยจากการฝึก” เว่ยเถียนเถียนตอบ“เถียนเถียน คุณน่ารักมากจริง ๆ ยังถึงคิดถึงพวกเราขนาดน
บทที่ 21ลูกค้ารายใหญ่ เช้าวันรุ่งขึ้นหยางป๋อมารับเว่ยเถียนเถียนที่โรงแรมแต่เช้าตรู่ ทั้งสองเตรียมตัวให้พร้อมแล้วนั่งสามล้อเข้าไปที่กองทัพด้วยกัน เว่ยเถียนเถียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยแต่ก็มุ่งมั่นที่จะทำให้การเจรจาธุรกิจในครั้งนี้ประสบความสำเร็จจึงฮึดสู้ขึ้นมา เมื่อพวกเขามาถึงกองทัพผู้พันและคุณนายก็รออยู่แล้วเมื่อได้พบกันหยางป๋อก็แนะนำเว่ยเถียนเถียนให้ผู้พันและคุณนายรู้จัก "ผู้พันครับ นี่คือเว่ยเถียนเถียน เธอคือคนที่ทำฟองเต้าหู้ที่พวกเราทดลองกินกันเมื่อคราวก่อน"ผู้พันยิ้มแย้ม "ยินดีที่ได้รู้จัก คุณเว่ย ฟองเต้าหู้ที่คุณทำอร่อยมาก ผมและภรรยาชอบมาก ๆ เลย""ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะผู้พัน คุณนาย ขอบคุณที่ชื่นชอบฟองเต้าหู้ที่ฉันทำนะคะ" เว่ยเถียนเถียนยิ้มและโค้งตัวให้หลังจากทักทายกันเรียบร้อยพวกเขาเริ่มเข้าเรื่องการค้ากัน เว่ยเถียนเถียนนำฟองเต้าหู้แห้งรูปแบบต่าง ๆ ออกมาเสนอให้ผู้พันและคุณนายดู แต่ละแบ
บทที่ 20ข่าวดีผู้พันเรียกให้หยางป๋อมาพบในเช้าวันถัดมา เมื่อหยางป๋อมาถึงห้องทำงานของผู้พันเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น“หัวหน้าหมู่หยาง นั่งก่อนสิผมมีเรื่องจะพูดกับคุณเกี่ยวกับฟองเต้าหู้พวกนั้น” ผู้พันเริ่มต้นการสนทนาด้วยรอยยิ้มที่เป็นกันเอง“ผมสนใจฟองเต้าหู้พวกนี้มาก มันมีรสชาติดีมากก็เลยคิดว่าจะเอาไปขายที่ร้านค้าของภรรยา ตอนนี้ร้านของเธอมีสาขาอยู่ที่สามเมือง ถ้าคุณสนใจผมจะช่วยนัดพบกับภรรยาให้พวกเราจะได้คุยเรื่องการค้ากัน”หยางป๋อฟังด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึกยินดีที่สินค้าของเว่ยเถียนเถียนได้รับความสนใจอย่างมาก “ฟองเต้าหู้พวกนี้เป็นคนรักของผมที่ทำขึ้นมาครับ เธอส่งมาจากเมืองบ้านเกิดของผม ถ้าผู้พันอยากคุยเรื่องการค้าผมก็จะนัดเธอให้ครับ”“ดีมาก หัวหน้าหมู่หยาง ผมก็จะนัดภรรยามาด้วยเช่นกัน พวกเรามาเจอกันในวันหยุดดีไหม” ผู้พันถามหยางป๋อตอบรับด้วยความเต็มใจ “ได้ครับผู้พัน ผมจะแจ้งคนรักขอ
บทที่ 19 ขยายกิจการ เมื่อมีหลินเสี่ยวเป้ยมาช่วยงานแล้วก็ทำให้มีเวลาว่างมากขึ้น เว่ยเถียนเถียนจึงคิดที่จะขยายกิจการเพิ่ม เธอเริ่มสำรวจตลาดอย่างละเอียดก็พบว่ามีฟองเต้าหู้ขายแต่ว่ามีอยู่แบบเดียว อีกทั้งยังไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไร ในขณะที่เดินสำรวจเธอคิดย้อนกลับไปถึงชาติที่แล้ว ฟองเต้าหู้หลายแบบที่เธอส่งออกในเวลานั้นได้รับความนิยมมากและเป็นที่ต้องการสูงในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศความคิดเกี่ยวกับฟองเต้าหู้ที่หลากหลายชนิดนั้นทำให้เธอตื่นเต้น ภาพในจินตนาการของเธอเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ร้านอาหารหลายแห่งโดยเฉพาะร้านหม้อไฟในยุคนี้ก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอเห็นว่ามีโอกาสมากมายที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เว่ยเถียนเถียนนั่งคิดถึงการทำฟองเต้าหู้แบบต่าง ๆ ในใจ เธอจำได้ถึงวิธีการทำฟองเต้าหู้ทั้งแบบบาง แบบหนา แบบตากแห้ง ที่สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ใช้ห่อเ
บทที่ 18ผู้ช่วยคนแรกของร้าน เวลาผ่านไปเว่ยเถียนเถียนและหยางป๋อต่างเขียนจดหมายหากันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งสองใช้ตัวอักษรเป็นสะพานเชื่อมความรู้สึกจากใจถึงใจ ทุกถ้อยคำที่ส่งถึงกันทำให้ความรักระหว่างพวกเขาเบ่งบานและเติบโตอย่างงดงามทุกเดือนเว่ยเถียนเถียนจะส่งจดหมายและของฝากมาให้หยางป๋อที่กองทัพ ในกล่องของขวัญที่เธอส่งมามักมีของกินที่หยางป๋อชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นขนมหวานต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งน้ำเต้าหู้ที่เธอพาสเจอร์ไรส์ด้วยความพิถีพิถันเพื่อให้เก็บได้นานขึ้น การได้รับจดหมายและของฝากจากเธอเป็นความสุขที่เขารอคอยอย่างใจจดใจจ่อทุกครั้งที่จดหมายและของฝากมาถึงหยางป๋อจะรีบเปิดอ่านจดหมายก่อนเสมอ เขายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเวลาที่อ่านถ้อยคำอ่อนโยนและห่วงใยจากเว่ยเถียนเถียน เขามักจะเก็บจดหมายของเธอไว้อย่างดีและเมื่อมีเวลาว่างก้จะหยิบขึ้นมาอ่านซ้ำทำให้ความรักที่มีต่อเธอเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้อยคำเธอทำให้เขามีกำลังใจในการฝึกซ้อมและทำหน้าที่ในฐานะทหารอย่างไม่ย่อท้อ
บทที่ 17กรรมวิธีใหม่หญิงสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะในครัวของบ้านที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของถั่วเหลืองอบอวลเต็มไปหมด เธอมีความคิดที่หนึ่งอยู่ในใจหลังจากอ่านจดหมายของหยางป๋อ ถึงแม้จะดีใจมากที่เขาเขียนจดหมายมาหาแต่ก็ยังมีเรื่องหนึ่งที่ทำให้กังวลใจซึ่งก็คือการที่เขาอยู่ที่กองทัพแล้วจะไม่มีของอร่อยกิน การฝึกที่กองทัพนั้นหนักมากและทหารทุกคนไม่สามารถเลือกได้ว่าจะกินอะไรเธอเริ่มคิดถึงวิธีที่ดีที่สุดในการส่งน้ำเต้าหู้และของกินอื่นๆ ไปให้เขา แต่การส่งของที่มีระยะเวลาการเก็บสั้นอย่างน้ำเต้าหู้ที่สดใหม่ก็คงจะเน่าเสียก่อนถึงกองทัพอย่างแน่นอน อาหารแห้งอย่างอื่นเก็บไว้ได้นานก็จริงแต่สิ่งที่เธออยากให้เขาได้กินก็คือน้ำเต้าหู้ฝีมือของเธอนั่งคิดอยู่หลายวันจนกระทั่งความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวซึ่งก็คือการพาสเจอไรส์ เธอจำได้ว่าชาติก่อนตอนเรียนมัธยมได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีนี้ซึ่งสามารถทำให้น้ำเต้าหู้เก็บได้นานโดยไม่เน่าเสีย วิธีการพาสเจอไรส์คือการทำให้ของเหลวร้อนขึ้นที่อุณหภูมิสูงพอสมควรเพื