ในเวลานี้อากาศยังหนาวและยังมีหิมะตกเล็กน้อย ทำให้คนในหมู่บ้านไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของกุ้ยหนิงอัน อีกทั้งเธอใส่เสื้อกันหนาวและเสื้อผ้าตัวใหญ่ทำให้ปกปิดร่างกายที่แท้จริงได้
ความคิดที่จะไปขายผลผลิตตลอดช่วงปีใหม่ต้องพับไปหลังจากนั้นสามวัน เนื่องจากหิมะตกหนักจนกลายเป็นพายุหิมะ
บ้านเรือนหลายสิบหลังถูกพายุพังถล่ม หนึ่งในนั้นก็เป็นบ้านรองกุ้ย ดีที่ทุกคนอยู่ในมิติจึงไม่เป็นอะไร ต่างจากชาวบ้านครอบครัวอื่นที่หนีออกมาไม่ทัน ทำให้บาดเจ็บไม่น้อย ทว่าโชคดีหน่อยที่ไม่มีครอบครัวใดต้องสูญเสียชีวิต
หัวหน้าหมู่บ้านเกณฑ์ชายในหมู่บ้านมาช่วยผู้ประสบภัยในครั้งนี้ เมื่อมาถึงบ้านรองกุ้ยได้แต่แปลกใจที่ทุกคนไม่มีร่องรอยของการบาดเจ็บเลย คล้ายกับทั้งห้าคนของบ้านรองกุ้ยไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์พายุถล่มเมื่อคืนนี้
“บ้านรองกุ้ยมีเพียงหลังคาเท่านั้นที่พัง เอาเถอะในส่วนนี้ฉันจะซ่อมแซมให้เอง” เพราะรู้ถึงฐานะบ้านรองกุ้ย หัวหน้าหมู่บ้านจึงตัดสินใจควักเงินตนเองซื้อวัสดุและอุปกรณ์มาซ่อมแซมให้ด้วยตนเอง
“ไม่เป็นไรครับลุงกัง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดบ้านผมจะออกด้วยตนเอง เอาแค่พออยู่ได้ก่อนครับ อันอันตั้งใจจะสร้างบ้านใหม่”
กุ้ยหลงจื่อตัดสินใจที่จะสร้างบ้านใหม่ ส่วนสาเหตุที่ซ่อมหลังคาก็เพราะว่าหากบ้านหลังนี้ไม่มีหลังคาจะอยู่กันได้อย่างไร นี่คงเป็นคำถามของชาวบ้านและคนทั่วไปที่เห็น
“สร้างบ้านใหม่เหรอ แต่มันใช้เงินไม่น้อยเลยนะอาหลง”
เขาไม่ได้ดูถูก เพียงแต่ค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้านใหม่นั้นมันไม่น้อยเลย อย่างต่ำก็สามร้อยถึงห้าร้อยหยวนแล้ว
“ครับ แต่บ้านเราพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง”
“หน็อย มีเงินถึงขนาดจะสร้างบ้านใหม่ แต่ส่งเงินรายปีให้ฉันแค่สองหยวนเนี่ยนะ มันจะมากไปแล้ว”
แม่เฒ่ากุ้ยได้ข่าวว่าบ้านรองหลังคาถล่มจึงรีบมาดู ไม่ใช่เพราะเป็นห่วง แต่กลัวว่าบ้านใหญ่จะโดนความกดดันจากชาวบ้านให้ช่วยเหลือบ้านรอง เมื่อมาถึงกลับได้ยินว่าบ้านรองจะสร้างบ้านใหม่
“สองหยวนคือเงินที่ตกลงกันค่ะย่า หรือย่าจะให้บ้านรองเอาเงินเก็บให้ย่าทั้งหมด ส่วนพวกเราจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ยถากรรมใช่ไหม”
กุ้ยหนิงอันอดไม่ได้ที่จะแทรกตัวออกมาตอบ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่คิดจะเป็นความจริงก็ตาม
ในระหว่างที่สองบ้านทุ่มเถียงกัน กลับมีรถยนต์คันหรูขับเข้ามา เมื่อรถยนต์จอดสนิท ชายชุดดำจึงลงมาเปิดให้กับเจ้านายของเขา ก่อนที่จะมีชายชุดดำอีกคนเดินตามหลังมาอีกคน
“อันอัน!”
เมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ จึงได้หันไปมองแต่แล้วพอเห็นว่าเป็นใคร สองสาวจึงยิ้มให้กันก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา
“เสี่ยวซวนเหรอ มาได้ยังไง ฉันเพิ่งเขียนจดหมายไปหาเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง”
“ฉันมาหลายวันแล้วล่ะ แต่ติดพายุหิมะเลยต้องนอนที่โรงแรมหลายวัน”
ความจริงแล้วซีซวนเตรียมจะไปเรียนต่อต่างประเทศ จึงคิดว่าควรจะมาลาเพื่อนรักด้วยตนเอง เพราะไม่รู้อีกนานแค่ไหนกว่าจะได้พบกัน ไม่คิดว่าจะเจอพายุหิมะเข้า
“แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น บ้านเธอเกิดเรื่องอะไรเหรอ แล้วนี่ใช่คุณพ่อ คุณแม่ และน้องชายฝาแฝดที่เล่าให้ฉันฟังบ่อย ๆ หรือเปล่า”
ซีซวนกวาดสายตามองชาวบ้าน อาจจะเพราะเป็นลูกสาวเจ้าพ่อแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้ สายตาที่เธอมองจึงคล้ายจะมีอำนาจทำให้ชาวบ้านและหัวหน้าหมู่บ้านกดดันไม่น้อย ซึ่งแตกต่างกับครอบครัวบ้านรองกุ้ยที่เธอใช้สายตาอ่อนโยนส่งไปให้
“พ่อคะ แม่คะ นี่เสี่ยวซวนเพื่อนสนิทที่ฉันเล่าให้ฟัง”
กุ้ยหนิงอันไม่แปลกใจเลย เพราะซีซวนเขียนจดหมายมาบอกความจริงกับเธอแล้วว่าตัวตนของซีซวนนั้นเป็นใคร
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ ยินดีที่ได้พบกันนะคะ ฉันชื่อซีซวน หรือจะเรียกเสี่ยวซวนก็ได้ค่ะ”
“เสี่ยวซวน เธอมีอะไรหรือเปล่าหรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมถึงได้เดินทางมาจากเซี่ยงไฮ้เลยล่ะ”
“คิดถึงเธอน่ะสิ แล้วก็อีกไม่นานฉันต้องบินไปเรียนต่อต่างประเทศ ก่อนไปเลยคิดจะมาลาเธอน่ะ”
เพียงแค่นี้กุ้ยหนิงอันคิดว่าคงมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับซีซวนเป็นแน่
“บ้านเธอพังหมดแล้ว จะอยู่กันยังไง”
“ฉันตั้งใจจะสร้างบ้านใหม่ เลยจะซ่อมหลังคาบ้านเก่าให้พออยู่ได้ก่อนน่ะ”
ทั้งสองคนคุยกันจนลืมไปว่ายังมีหัวหน้าหมู่บ้านและชาวบ้านอีกมากมายที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน
“จริงสิ ตระกูลซ่งของฉันคล้ายจะมีที่ดินที่หมู่บ้านนี้ด้วย จงหวนที่ดินที่คุณพ่อให้ฉันนายจำได้ไหมว่าอยู่ตรงไหน”
เมื่อคิดบางอย่างขึ้นมาได้จึงหันไปถามคนดูแลของตนเอง
“เดี๋ยวผมตรวจสอบให้ครับคุณหนู เท่าที่ผมจำได้จะมีที่บนเขาและที่ดินในหมู่บ้านอยู่ครับ”
เรื่องนี้นายท่านเองก็แจ้งมาแล้ว เผื่อว่าคุณหนูอยากจัดการที่ดินพวกนี้ด้วยตนเองว่าจะทำอะไร
“อย่างนั้นตรวจสอบเสร็จก็หาผู้รับเหมามาสร้างบ้านด้วยนะ ดูท่าแล้วบ้านเพื่อนฉันคงอยู่ไม่ได้ ต่อให้ซ่อมแซมหลังคาคงอยู่ได้ไม่นาน”
“ครับคุณหนู”
“เดี๋ยวก่อนเสี่ยวซวน เงินที่เธอให้ฉันยืมในตอนนั้นยังไม่ได้ใช้คืน เธอจะบ้าหรือไงยังจะมาสร้างบ้านให้ฉันอีก”
กุ้ยหนิงอันเริ่มปวดหัวกับเพื่อนสนิท มีอย่างที่ไหนจะมาสร้างบ้านให้ครอบครัวเธอ ไม่เพียงบ้านรองกุ้ยเท่านั้นที่ตกใจกับการกระทำของซีซวน แต่ชาวบ้านและบ้านใหญ่กุ้ยยังแทบไม่เชื่อหูตนเอง ว่ามีคนปกติที่ไหนจะมาสร้างบ้านให้คนอื่นง่าย ๆ
“ช่างเถอะ เงินแค่ห้าร้อยหยวนเท่านั้นเอง ฉันให้เธอมากกว่านั้นก็ไม่เอา ว่าแต่ตอนนี้บ้านอยู่ไม่ได้แล้ว เธอและครอบครัวเข้าไปพักที่โรงแรมกับฉันดีกว่า ไปทั้งครอบครัวนี่แหละจะได้นอนคุยกันให้หายคิดถึง เชิญคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ สองแฝดด้วยนะ”
ซีซวนยักไหล่เล็กน้อย ในเวลานี้เธอสลัดภาพเก่าออกไปจนหมดเหลือเพียงคราบคุณหนูผู้เอาแต่ใจคนหนึ่ง
“เดี๋ยวก่อนนะครับ คุณหนูแซ่ซ่ง คุณหนูใช่บุตรของนายท่านซ่งแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้หรือเปล่าครับ”
หัวหน้าหมู่บ้านตัดสินใจเอ่ยถาม เพราะนายท่านซ่งคือผู้มีพระคุณกับครอบครัวเขาเมื่อนานมาแล้ว และท่านมีที่ทางในหมู่บ้านแปลงใหญ่และบนเขาอีกมากมาย ทว่าหลายปีที่ผ่านมากลับไม่มีใครมาติดต่อหรือทำอะไรกับที่ดินเหล่านั้นเลย
“ใช่ครับ คุณหนูคือบุตรคนเดียวของนายท่านซ่ง เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์และการเดินเรือแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้”
คนสนิทเป็นฝ่ายตอบแทน ทำให้ชาวบ้านที่รู้ฐานะของหญิงสาวตรงหน้าได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ไม่คิดว่าเบื้องหลังของเธอจะยิ่งใหญ่เช่นนี้
“หากเป็นเช่นนั้น ที่ดินของนายท่านซ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านรองกุ้ยนี่เองครับ และยังมีบนเขารวมถึงหน้าหมู่บ้านด้วยครับ”
“อ้า…ดีเลย อย่างนั้นก็สร้างมันตรงที่ดินผืนนี้นี่แหละ ยังไงพี่จงหวนช่วยจัดการให้ด้วย วันนี้เรารีบเข้าในเมืองกันเถอะ”
เมื่อรู้ว่าที่ดินของตนเองอยู่ไม่ไกลจึงรีบบอกกับคนดูแล จากนั้นจึงหันไปชวนกุ้ยหนิงอันและครอบครัวเข้าเมืองทันที
รถหรูสองคันเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านโดยมีชาวบ้านมองด้วยความอิจฉาที่บ้านรองกุ้ยได้นั่งรถคันหรูแบบที่คนอื่นไม่เคยมีใครได้นั่งมาก่อน
บทส่งท้ายครอบครัวที่มีความสุขจิ้งเจี้ยนซาพาลูก ๆ มาที่เซียงไฮ้ และแวะมาเยี่ยมเยียนซีซวนด้วย ซ่งซีซวนนำลูก ๆ ออกมาต้อนรับเพื่อนสนิทด้วยความคิดถึง พอเจอหน้ากันก็รีบโผกอดอย่างเร็ว“ซวนซวนเป็นยังไงบ้าง” กุ้ยหนิงอันผละออกและเปิดปากถามก่อน“ก็เรื่อย ๆ ตอนนี้งานฉันเริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว”ซีซวนก็กลอกตามองบน ตอบคำถามไปอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะตั้งแต่แต่งงานมา เธอยังไม่มีเวลาส่วนตัวเลย เนื่องจากถูกนายท่านสามลากไปเรียนรู้งาน พอกลับมาบ้าน ก็ต้องรับมือกับลูก ๆ ตกดึกยังมีสามีที่นอนรออยู่บนเตียงอีก“เธอกับสามีล่ะ” จากนั้นก็ถามกุ้ยหนิงอันกลับไป พร้อมกับเหลือบไปมองสามีของเธอ และเพื่อนสนิทที่กำลังดูแลลูก ๆ อยู่“ก็กำลังปรับตัวกันอยู่ พี่เจี้ยนซาเขาไม่ค่อยถนัดงานบริหาร ฉันเองก็ต้องเรียนรู้ไปกับเขาด้วย” กุ้ยหนิงอันจึงตอบกลับไป เธอเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนนัก“พอเธอมา ฉันเลยหาข้ออ้างที่จะหยุดกับอาสามได้”ซีซวนบ่นอุบให้เพื่อนสนิทฟังอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็พรั่งพรูความลำบากที่ถูกนายท่านสามซ่งใช้งานอย่างหนัก โดยมีกุ้ยหนิงอันนั่งฟังไปด้วย หัวเราะไปด้วยส่วนจิ้งเจี้ยนซาและหลันอี้ข่าย ก็รับหน้าที่ดูแลเด็กทั้งสี่ค
บทที่ 73ช่วยกันทำงานหลังจากที่นายท่านจิ้งเริ่มวางมือ งานของจิ้งเจี้ยนซาก็มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้แผนงานของเขานั้นแทบไม่มีเวลาที่จะได้อยู่กับภรรยา กุ้ยหนิงอันก็มาช่วยงานสามีเช่นกัน ในฐานะผู้ช่วย“สวัสดีครับคุณชายจิ้ง”นายท่านไช่ คู่ค้าของธุรกิจตระกูลจิ้ง ตั้งแต่รุ่นพ่อที่มีนัดกับจิ้งเจี้ยนซาในวันนี้มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อชายหนุ่มที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กเดินเข้ามา เขาก็ลุกขึ้นและเอ่ยทักทาย“สวัสดีครับท่าน” จิ้งเจี้ยนซาก็คุ้นเคยกับชายวัยกลางคนตรงหน้าไม่น้อย เนื่องจากนายท่านไช่นั้นเป็นรุ่นน้องของพ่อเขาอีกที“ไม่เจอกันเสียนาน งานแต่งงานต้องขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไป”นายท่านไช่เอ่ยขอโทษ เพราะงานแต่งงานของจิ้งเจี้ยนซานั้นเขาไม่ได้ไปร่วม เนื่องจากมีงานด่วนที่ต่างประเทศ ทำได้เพียงส่งของขวัญไปแสดงความยินดีเท่านั้น“ไม่เป็นไรเลยครับ ผมเข้าใจว่าท่านไปต่างประเทศ” ซึ่งจิ้งเจี้ยนซาก็เข้าใจ“ยังไงก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะ” นายท่านไช่จึงแสดงความยินดีด้วยอีกครั้ง“ขอบคุณครับ นี่กุ้ยหนิงอัน ภรรยาของผมครับ” จิ้งเจี้ยนซาตอบรับ และแนะนำภรรยาที่มาด้วยกันให้ผู้ใหญ่รู้จัก“สวัสดีค่ะนายท่านไช่” กุ้ยหนิงอันค้อมก
บทที่ 72ค่าสินสอดที่ถูกกล่าวขาน จิ้งเจี้ยนซาพาครอบครัวภรรยา และลูก ๆ เดินทางมาที่ปักกิ่ง เพื่อจัดเตรียมงานแต่งงานของเขาที่นี่ ถ้าว่ากันตามความจริงแล้ว ก็ไม่เชิงว่ามาจัดเตรียมงานเท่าไรนัก เพราะคนที่จัดการเรื่องนี้ และอาสาทำเองทุกอย่างคือนายท่านจิ้งที่เดินทางมาจัดเตรียมงานก่อนพวกเขาเสียอีกครอบครัวกุ้ยได้เชิญคนในหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีมาด้วย แต่เว้นแต่บ้านใหญ่ ที่ตอนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว และคนที่ถูกเชิญก็จะตามมาเมื่อใกล้ถึงวันงาน โดยมีบ้านสามกุ้ยเป็นคนพามานั่นเองพอจิ้งเจี้ยนซา และคนบ้านกุ้ยมาถึงปักกิ่งก็เข้าพักที่คฤหาสน์ของตระกูลจิ้งกันวันแรกถือเป็นการพักผ่อน และทำตัวให้ชินในเมืองหลวง ซึ่งคนบ้านกุ้ยก็ไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้วแต่วันที่สองนั้นกุ้ยหนิงอันก็ถูกสามีลากมาลองชุดแต่งงานที่ห้องเสื้อแห่งหนึ่ง หญิงสาวก็ให้ความร่วมมือด้วยความเต็มใจ“ชุดนี้เป็นยังไงบ้างคะ” เธอลองชุดออกมาให้สามีดูเป็นชุดที่ห้า ซึ่งเขาก็ดูพอใจกับทุกชุด เพียงแต่แค่เขาเห็นส่วนไหนที่วาบหวิวเพียงนิดเดียว ก็แสดงความไม่พอใจออกมาทันที“ชุดนี้ดีครับ” จิ้งเจี้ยนซาพยักหน้าพอใจเมื่อเห็นภรรยาในชุดแต่งงาน เขาอยากใ
บทที่ 71 งานมงคลของซ่งซีซวนหลังจากที่กุ้ยจื่อหลงจัดการปัญหากับบ้านใหญ่แล้ว คนบ้านกุ้ยก็มาทุ่มเทให้กับสวนผลไม้ โดยมีจิ้งเจี้ยนซาคอยช่วยเหลือทุกอย่าง เนื่องจากเขาลาออกจากราชการแล้วจึงมีเวลาช่วยงานภรรยากุ้ยหนิงอันเองก็ช่วยสามีทำงานเช่นกัน เพราะตอนนี้นายท่านจิ้งนั้นได้เริ่มวางมือให้ลูกชายไปช่วยดูแลธุรกิจให้แล้ว ทำให้สองสามีภรรยาไม่ค่อยมีเวลาว่างกันเลยจนใกล้วันที่เป็นงานแต่งงานของซ่งซีซวนและหลันอี้ข่ายแล้ว บ้านกุ้ยจึงขนกันไปที่เซียงไฮ้ เพื่อร่วมงานแต่งงานของทั้งสองคนในส่วนงานแต่งงานของกุ้ยหนิงอันและจิ้งเจี้ยนซานั้น ตกลงกันไม่ได้ เพราะนายท่านจิ้งก็อยากจะจัดงานที่ปักกิ่งด้วย จึงทำให้จะมีงานแต่งงานถึงสองที่ด้วยกัน งานแต่งงานของซีซวนในครั้งนี้ จิ้งเจี้ยนซาก็ถือโอกาสมาแจกการ์ดงานแต่งงานของเขาด้วยเช่นกันงานแต่งงานของซ่งซีซวนรอบบ่ายจัดขึ้นที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนายหญิงหลันที่เป็นคนจัดเตรียมทุกอย่าง ทำให้งานออกมาอลังการเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ทางเข้างานก็รับรู้ได้ถึงความหรูหรา ส่วนตอนเช้าได้ทำพิธียกน้ำชาตามธรรมเนียมเรียบร้อยแล้วกุ้ยหนิงอันนั้นถือว่าเป็นญาติทางซีซวน จึงมีคนมาพาเธอและลูก ๆ ไ
บทที่ 70 รบเร้าอยากแต่งงานหลังจากงานศพของแม่เฒ่ากุ้ยผ่านพ้นไป กุ้ยจื่อหลงแม้จะมีเศร้าใจไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นทุกข์ตรม แต่ว่าพอเสร็จสิ้นงานศพ พี่ใหญ่ หรือลุงใหญ่กุ้ยก็มาคุยกับเขา คือเรื่องที่อีกฝ่ายนั้นใช้เงินไปจนหมดกับการจัดงานแล้ว ไหนจะหลานชายที่ถูกจับตัวไปอีก ทางนั้นต้องการให้เขาบอกกับลูกเขย ใช้เส้นสายพาหลานชายออกมา“พ่อเป็นอะไรไปคะ” กุ้ยหนิงอันเดินผ่านไปแล้วเห็นพ่อนั่งคิดอะไรอยู่จึงเดินเข้าไปถามไถ่“อันอัน”“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” กุ้ยหนิงอันเห็นสีหน้าของคนเป็นพ่อก็รู้สึกไม่ดี เพราะพ่อกุ้ยเหมือนมีเรื่องเครียดอะไรที่เธอไม่รู้“ลุงใหญ่ของลูกขอให้ช่วยลูกชายเขาที่ติดคุกอยู่ตอนนี้”แต่เมื่อกุ้ยจื่อหลงเอ่ยออกมา กุ้ยหนิงอันกลับมีสีหน้าที่เอือมระอา ขนาดตงเฉิงทำเรื่องร้ายแรง จนทำให้ย่ากุ้ยต้องตายไป บ้านใหญ่ยังถือหางอยากจะช่วยเขาอีก เธอไม่แปลกใจเลยที่ลูกชายของลุงใหญ่จะเติบโตมาแบบนี้“เราช่วยไม่ได้หรอกนะคะพ่อ เขาทำผิด ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดีเอง” และแน่นอนว่าเธอต้องปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือเรื่องนี้“พ่อว่าจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเกี่ยวกับงานศพของย่า อันอันคิดเห็นยังไงลูก”กุ้ยจื่อหลงก็ไม่ได้ค
บทที่ 69 ตัดสินใจลาออก หลังจากผ่านเรื่องราวร้าย ๆ ในที่สุดก็ถึงวันที่ซีซวนขึ้นรับตำแหน่งแทนนายท่านซ่ง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นส่วนหรือกรรมการต่างก็เห็นด้วย เพราะรู้ดีว่าซีซวนนั้นเป็นสะใภ้รองของตระกูลหลัน และยังมีตระกูลหยางรวมถึงเธอยังเป็นเพื่อนรักกับสะใภ้เพียงหนึ่งเดียวของตระกูลจิ้งอีกด้วยวันนี้ภายในงานจึงมีแขกมากมายมาร่วมยินดี ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจไม่ใช่เพราะซีซวนขึ้นรับตำแหน่งแทนบิดา แต่เป็นคนที่ซีซวนเอ่ยขึ้นเพื่อให้รักษาการในตำแหน่งนี้แทนเธอมากกว่า“วันนี้ต้องขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงาน วันนี้ฉันจะขอแจ้งรายชื่อรองผู้นำ ซึ่งนั่นก็คือซ่งโหมวช่าย หรือก็คืออาสามของฉันเอง”นายท่านสามซ่งได้แต่นิ่งค้างเมื่อตำแหน่งรองผู้นำตระกูลตกลงมาบนหัว ก่อนจะมองหน้าพี่ชายและหลานสาวด้วยคำถามทันทีที่เห็นพี่ชายพยักหน้าให้ เขาจึงเดินมาหาหลานสาวบนเวที“เพราะอะไรซีซวน”“เพราะอาไม่เคยคิดร้ายฉันและคุณพ่อยังไงล่ะคะ อีกทั้งตัวฉันเองอายุยังน้อย ยังต้องศึกษาอีกหลายเรื่อง เมื่อคุณพ่อวางมืออาสามจึงเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ที่สุดแล้ว อีกทั้งเราคือครอบครัวเดียวกันค่ะ”ต่อให้ที่ผ่านมาเธอใช้ความรู้คำว่าครอบครัวต