หลังจากเข้ามาในเมือง ซีซวนจัดการเรื่องที่พักให้กับครอบครัวของเพื่อนรัก ส่วนตัวของกุ้ยหนิงอันโดนลากเข้ามาพักห้องเดียวกันกับตนเอง
ทันทีที่เข้ามากุ้ยหนิงอันเอยถามอย่างไม่อ้อมค้อม หวังว่าเพื่อนรักของเธอคงไม่เจอปัญหาเช่นเดียวกันหรอกใช่ไหม
“เธอเดินทางมาหาฉันครั้งนี้ไม่ใช่มาเพื่อลาใช่ไหม”
“อืม เธอเหมาะที่จะเป็นเพื่อนรักฉันแล้วล่ะ แต่ว่าฉันมีอีกเรื่องต้องมาคุยกับเธอเอง เรื่องของผู้พันจิ้ง”
ซีซวนพยักหน้าตอบรับแต่โดยดี แต่เรื่องสำคัญคือเรื่องของเพื่อนรักมากกว่า
“เกี่ยวอะไรกับผู้ชายคนนั้น” มือของกุ้ยหนิงอันสั่นเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อของชายคนนั้นอีกครั้ง
“สายข่าวของฉันแจ้งมาว่าผู้พันจิ้งยังคงตามหาหญิงสาวในคืนนั้นไม่หยุด และเขาน่าจะรู้แล้วว่าพนักงานโรงแรมลาออกไปสองคน ซึ่งสองคนนั้นคือเธอกับฉัน แต่เธอไม่ต้องตกใจไป คนของฉันลบร่องรอยของเราสองคนแล้ว หากสวรรค์ไม่กลั่นแกล้ง คงยากที่เขาจะพบเจอเธออีกครั้ง”
“ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะมาที่นี่แล้วยกที่ดินให้ฉันใช่ไหม”
“ใช่ นี่คืออีกเหตุผลที่ฉันประกาศแบบนั้นในหมู่บ้าน การที่เธออยู่ใต้ร่มของตระกูลซ่ง ฉันเชื่อว่าต่อให้เป็นตระกูลใหญ่จากปักกิ่ง เขาต้องคิดบ้าง”
“ขอบใจที่ทำเพื่อฉันขนาดนี้ แต่เรื่องที่ดินสร้างบ้าน และที่ดินทางเข้าหมู่บ้านรวมถึงที่ดินบนเขา ฉันขอซื้อได้หรือไม่ แม้ว่าตอนนี้ฉันยังไม่มีเงินก้อนให้เธอ แต่ฉันจะพยายามทยอยผ่อนคืนจนครบโดยเร็วที่สุด”
ต่อให้เป็นเพื่อนรักกันแค่ไหน แต่เรื่องที่เธอมีเงินจากการขายผลผลิตในมิติ เธอไม่อาจบอกกล่าวแก่คนนอกได้ ดังนั้นจึงขอผ่อนจ่ายดีที่สุดและสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว
ซีซวนคิดตาม เธอมองว่าสิ่งที่เพื่อนรักกล่าวมานั้นก็สมเหตุสมผลที่สุด ดังนั้นจึงพยักหน้ารับ
“เช่นนั้นแล้วแต่เธอตัดสินใจก็แล้วกัน ทว่าเอกสารสิทธิ์ก่อนที่ฉันจะกลับ ฉันจะจัดการเป็นชื่อของเธอให้เรียบร้อย จากนั้นเมื่อไหร่ที่เธอพร้อมผ่อนจ่ายค่อยเอาเงินมาคืนฉัน ดีไหม”
“อืม ตกลง ก่อนกลับก็ช่วยทิ้งหมายเลขธนาคารให้ฉันด้วย เพราะหากฉันจะส่งเงินให้เธอ ฉันคงต้องไปสิงสถิตต้นไม้ แล้วถามเลขธนาคารแน่ เพราะเธอไม่ได้อยู่ที่เซี่ยงไฮ้แล้วไม่ใช่เหรอ”
กุ้ยหนิงอันพูดติดตลก เธอมองแววตาของซีซวนคล้ายกับมีความในใจบางอย่าง จึงตัดสินใจบอกเรื่องที่เธอท้องให้รับรู้
“ตอนนี้เธอกำลังจะเป็นป้าแล้วนะ ฉันตั้งท้องจะสี่เดือนแล้ว” ใบหน้าอันอ่อนโยนของคนกำลังจะเป็นแม่ยิ้มออกมาไม่รู้ตัวพร้อมกับเอามือลูบท้องด้วยความรักใคร่ นั่นทำให้ซีซวนยิ้มตามไปด้วย
“เธอเองกำลังจะเป็นน้าแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ฉันท้องได้สี่เดือนแล้วเหมือนกัน” อาการและท่าทางของซีซวนเมื่อพูดถึงการมีลูก ใบหน้าของเธอนั้นอ่อนโยนหาสิ่งใดเปรียบไม่ได้
หลังจากได้ยินว่าเพื่อนรักตั้งท้องเช่นกัน กุ้ยหนิงอันจึงเข้าใจทันทีว่าทำไมซีซวนจึงบินไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
“บอกกับครอบครัวหรือยัง”
“ยัง ฉันไม่อยากให้พ่อต้องผิดหวัง ท่านเลี้ยงฉันมาตัวคนเดียว เพราะแม่ฉันสิ้นใจตอนที่คลอดฉันออกมาได้ไม่นาน ฉันไม่อยากให้ท่านเสียใจ”
“ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกหรอกนะ นี่คือของขวัญที่เธอมอบให้ท่าน ท่านอาจจะดีใจมากกว่าเสียใจ นี่คือของขวัญที่สวรรค์มอบให้เราทั้งสองคน แม้ว่าลูกจะไม่มีพ่อและความรักของพ่อ แต่อย่างน้อยลูกมีความรักของแม่และครอบครัวมาคอยเติมเต็ม คิดว่ามันดีกว่าไหม”
กุ้ยหนิงอันไม่รู้หรอกว่าพ่อของซีซวนเป็นอย่างไร การที่ท่านเลี้ยงดูบุตรสาวมาเพียงคนเดียวโดยไม่แต่งงานใหม่นั้น แสดงว่าท่านคิดถึงความรู้สึกและรักซีซวนมาก เรื่องนี้เธอคิดว่าควรจะบอกท่าน
“เธอคิดเช่นนั้นเหรอ”
ใบหน้าหวานอาบไปด้วยน้ำตา เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน พ่อรักเธอมาก และเธอก็รักลูกที่อยู่ในท้องมากเช่นกัน นี่คือของขวัญของครอบครัวเธอ ไม่ใช่ความผิดพลาดหรือเรื่องอัปยศ
“ขอบใจมากนะอันอันที่ทำให้ฉันคิดได้ ฉันจะได้ไม่ทำผิดต่อคุณพ่อไปมากกว่านี้”
“ไม่เป็นไร ยังไงเธอคือเพื่อนรักของฉัน แม้ว่าในอดีตเราทั้งสองจะทำเรื่องที่ผิดพลาดไป แต่หลังจากนี้เราควรจะอยู่กับความสุขและปัจจุบัน อดีตที่เลวร้ายจงลืมมันไปเสียเถอะ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ สู้ ๆ นะ”
ทั้งสองต่างส่งกำลังใจให้กันและกัน แม้ว่าอดีตจะก้าวพลาดอย่างไร ทว่าหลังจากนี้ทั้งสองคนควรอยู่กับความสุขและรอยยิ้มมากกว่าจมกับความทุกข์
จากนั้นเมื่อได้เวลาอาหาร ซีซวนและกุ้ยหนิงอันออกมาจากห้องเพื่อไปหาครอบครัวของกุ้ยหนิงอัน และพาทุกคนไปกินอาหารที่ภัตตาคารสุดหรูของเมือง
สามวันถัดมาบ้านรองกุ้ยจึงกลับมายังหมู่บ้านอีกครั้ง เพื่อเริ่มสร้างบ้านโดยมีซีซวนตามมาด้วย ส่วนเรื่องเอกสารถือครองกรรมสิทธิ์นั้น ซีซวนจัดการให้กับกุ้ยหนิงอันเรียบร้อยแล้ว อีกสองวันเธอต้องกลับเซี่ยงไฮ้เพื่อไปจัดการเรื่องราวของตนเอง
วันนี้จึงนัดแนะกับผู้รับเหมาเพื่อพูดคุยเรื่องสร้างบ้านให้กับบ้านรองกุ้ย และสร้างร้านค้าตรงที่ดินปากทางเข้าหมู่บ้านด้วยอีกแห่ง ส่วนเรื่องทำสวนผลไม้และสวนผัก กุ้ยหนิงอันขอยืมชื่อตระกูลซ่งมาอ้าง เพื่อที่ชาวบ้านจะได้ไม่สงสัยไปมากกว่านี้
ทว่าเมื่อหิมะหยุดตก ท้องของกุ้ยหนิงอันที่เริ่มขยายทำให้เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาจึงดูเด่นชัดขึ้นว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ นั่นจึงทำให้บ้านใหญ่กุ้ยที่รู้ข่าวจึงมากระแนะกระแหนบ้านรองกุ้ยไม่หยุด
ซึ่งไม่ต่างจากรูปร่างของซีซวนเท่าไรนัก เรื่องนี้ทำให้คนสนิทของซีซวนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเข้ามาสอด กลับไปนายท่านคงถามคุณหนูด้วยตนเอง
“ที่แท้ไปทำงานในครั้งนั้นเป็นจริงอย่างที่ฉันกล่าวมาใช่หรือไม่ นังหนิงอัน ชื่อเสียงของตระกูลกุ้ยป่นปี้ก็เพราะแก”
แม้เฒ่ากุ้ยเท้าสะเอวยกมือชี้หน้าด่าอย่างโกรธจัด
“แล้วยังไงคะย่า ฉันตั้งท้องหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับชื่อเสียงของตระกูลกุ้ยด้วยล่ะ อีกทั้งเวลานี้บ้านใหญ่กับบ้านรองแยกบ้านกันนานแล้ว ไว้ว่าบ้านใหญ่หรือบ้านรองทำเรื่องอันใดย่อมไม่เกี่ยวหรือส่งถึงกัน”
กุ้ยหนิงอันตอบกลับอย่างไม่ยินยอม ในเมื่อแยกบ้านกันแล้ว จะมาวุ่นวายกับเธออีกทำไม เธอท้องแล้วอย่างไร หรือเธอไปท้องบนหลังคาบ้านใหญ่กุ้ย คนในบ้านจึงเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้
ซีซวนได้รับสัญญาณไม่ให้ยุ่งกับเรื่องนี้ เธอจึงเดินกลับมารอที่รถ เพราะกุ้ยหนิงอันไม่อยากให้คุณหนูซ่งเพื่อนรักต้องมัวหมองไปด้วย หากข่าวการตั้งครรภ์ของคุณหนูส่งกระจายออกไปคงไม่ดีต่อตระกูลซ่งและธุรกิจในเครือ
“มีผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนตั้งท้องก่อนแต่งงาน แล้วนี่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ แบบนี้จะไม่ให้ตระกูลกุ้ยเสื่อมเสียไปด้วยได้อย่างไร”
“เช่นนั้นแม่ก็ตัดขาดกับบ้านรองเถอะครับ อันอันตั้งท้องจะได้ไม่เสื่อมเสียไปยังบ้านใหญ่”
กุ้ยจื่อหลงออกมาปกป้องบุตรสาวของตนด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว ในเมื่อปัญหามันอยู่ตรงนี้ เช่นนั้นบ้านใหญ่และบ้านรองก็ตัดขาดไปเลย
“แกกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไงเจ้ารอง ฉันเป็นแม่แกนะ แกคิดจะทอดทิ้งฉันเหรอ”
แม่เฒ่ากุ้ยล้มลงนั่งพื้น ถีบแข้งถีบขาว่าบุตรชายของเธอนั้นอกตัญญู จะท้องทิ้งแม่ที่แก่ชราเช่นเธอ
“ย่าจะเอาค่าเลี้ยงดูเท่าไร หากบ้านรองและบ้านใหญ่จะตัดขาดกัน”
กุ้ยหนิงอันเลือกที่จะใช้วิธีนี้แก้ปัญหา อีกทั้งอย่างไรย่าก็คือมารดาผู้ให้กำเนิดพ่อของเธอ เสียเงินค่าเลี้ยงดูครั้งเดียวจบดีกว่าต้องมานั่งปวดหัวกับบ้านใหญ่ที่คอยมาหาเรื่องไม่เว้นวัน
บทส่งท้ายครอบครัวที่มีความสุขจิ้งเจี้ยนซาพาลูก ๆ มาที่เซียงไฮ้ และแวะมาเยี่ยมเยียนซีซวนด้วย ซ่งซีซวนนำลูก ๆ ออกมาต้อนรับเพื่อนสนิทด้วยความคิดถึง พอเจอหน้ากันก็รีบโผกอดอย่างเร็ว“ซวนซวนเป็นยังไงบ้าง” กุ้ยหนิงอันผละออกและเปิดปากถามก่อน“ก็เรื่อย ๆ ตอนนี้งานฉันเริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว”ซีซวนก็กลอกตามองบน ตอบคำถามไปอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะตั้งแต่แต่งงานมา เธอยังไม่มีเวลาส่วนตัวเลย เนื่องจากถูกนายท่านสามลากไปเรียนรู้งาน พอกลับมาบ้าน ก็ต้องรับมือกับลูก ๆ ตกดึกยังมีสามีที่นอนรออยู่บนเตียงอีก“เธอกับสามีล่ะ” จากนั้นก็ถามกุ้ยหนิงอันกลับไป พร้อมกับเหลือบไปมองสามีของเธอ และเพื่อนสนิทที่กำลังดูแลลูก ๆ อยู่“ก็กำลังปรับตัวกันอยู่ พี่เจี้ยนซาเขาไม่ค่อยถนัดงานบริหาร ฉันเองก็ต้องเรียนรู้ไปกับเขาด้วย” กุ้ยหนิงอันจึงตอบกลับไป เธอเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนนัก“พอเธอมา ฉันเลยหาข้ออ้างที่จะหยุดกับอาสามได้”ซีซวนบ่นอุบให้เพื่อนสนิทฟังอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็พรั่งพรูความลำบากที่ถูกนายท่านสามซ่งใช้งานอย่างหนัก โดยมีกุ้ยหนิงอันนั่งฟังไปด้วย หัวเราะไปด้วยส่วนจิ้งเจี้ยนซาและหลันอี้ข่าย ก็รับหน้าที่ดูแลเด็กทั้งสี่ค
บทที่ 73ช่วยกันทำงานหลังจากที่นายท่านจิ้งเริ่มวางมือ งานของจิ้งเจี้ยนซาก็มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้แผนงานของเขานั้นแทบไม่มีเวลาที่จะได้อยู่กับภรรยา กุ้ยหนิงอันก็มาช่วยงานสามีเช่นกัน ในฐานะผู้ช่วย“สวัสดีครับคุณชายจิ้ง”นายท่านไช่ คู่ค้าของธุรกิจตระกูลจิ้ง ตั้งแต่รุ่นพ่อที่มีนัดกับจิ้งเจี้ยนซาในวันนี้มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อชายหนุ่มที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กเดินเข้ามา เขาก็ลุกขึ้นและเอ่ยทักทาย“สวัสดีครับท่าน” จิ้งเจี้ยนซาก็คุ้นเคยกับชายวัยกลางคนตรงหน้าไม่น้อย เนื่องจากนายท่านไช่นั้นเป็นรุ่นน้องของพ่อเขาอีกที“ไม่เจอกันเสียนาน งานแต่งงานต้องขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไป”นายท่านไช่เอ่ยขอโทษ เพราะงานแต่งงานของจิ้งเจี้ยนซานั้นเขาไม่ได้ไปร่วม เนื่องจากมีงานด่วนที่ต่างประเทศ ทำได้เพียงส่งของขวัญไปแสดงความยินดีเท่านั้น“ไม่เป็นไรเลยครับ ผมเข้าใจว่าท่านไปต่างประเทศ” ซึ่งจิ้งเจี้ยนซาก็เข้าใจ“ยังไงก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะ” นายท่านไช่จึงแสดงความยินดีด้วยอีกครั้ง“ขอบคุณครับ นี่กุ้ยหนิงอัน ภรรยาของผมครับ” จิ้งเจี้ยนซาตอบรับ และแนะนำภรรยาที่มาด้วยกันให้ผู้ใหญ่รู้จัก“สวัสดีค่ะนายท่านไช่” กุ้ยหนิงอันค้อมก
บทที่ 72ค่าสินสอดที่ถูกกล่าวขาน จิ้งเจี้ยนซาพาครอบครัวภรรยา และลูก ๆ เดินทางมาที่ปักกิ่ง เพื่อจัดเตรียมงานแต่งงานของเขาที่นี่ ถ้าว่ากันตามความจริงแล้ว ก็ไม่เชิงว่ามาจัดเตรียมงานเท่าไรนัก เพราะคนที่จัดการเรื่องนี้ และอาสาทำเองทุกอย่างคือนายท่านจิ้งที่เดินทางมาจัดเตรียมงานก่อนพวกเขาเสียอีกครอบครัวกุ้ยได้เชิญคนในหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีมาด้วย แต่เว้นแต่บ้านใหญ่ ที่ตอนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว และคนที่ถูกเชิญก็จะตามมาเมื่อใกล้ถึงวันงาน โดยมีบ้านสามกุ้ยเป็นคนพามานั่นเองพอจิ้งเจี้ยนซา และคนบ้านกุ้ยมาถึงปักกิ่งก็เข้าพักที่คฤหาสน์ของตระกูลจิ้งกันวันแรกถือเป็นการพักผ่อน และทำตัวให้ชินในเมืองหลวง ซึ่งคนบ้านกุ้ยก็ไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้วแต่วันที่สองนั้นกุ้ยหนิงอันก็ถูกสามีลากมาลองชุดแต่งงานที่ห้องเสื้อแห่งหนึ่ง หญิงสาวก็ให้ความร่วมมือด้วยความเต็มใจ“ชุดนี้เป็นยังไงบ้างคะ” เธอลองชุดออกมาให้สามีดูเป็นชุดที่ห้า ซึ่งเขาก็ดูพอใจกับทุกชุด เพียงแต่แค่เขาเห็นส่วนไหนที่วาบหวิวเพียงนิดเดียว ก็แสดงความไม่พอใจออกมาทันที“ชุดนี้ดีครับ” จิ้งเจี้ยนซาพยักหน้าพอใจเมื่อเห็นภรรยาในชุดแต่งงาน เขาอยากใ
บทที่ 71 งานมงคลของซ่งซีซวนหลังจากที่กุ้ยจื่อหลงจัดการปัญหากับบ้านใหญ่แล้ว คนบ้านกุ้ยก็มาทุ่มเทให้กับสวนผลไม้ โดยมีจิ้งเจี้ยนซาคอยช่วยเหลือทุกอย่าง เนื่องจากเขาลาออกจากราชการแล้วจึงมีเวลาช่วยงานภรรยากุ้ยหนิงอันเองก็ช่วยสามีทำงานเช่นกัน เพราะตอนนี้นายท่านจิ้งนั้นได้เริ่มวางมือให้ลูกชายไปช่วยดูแลธุรกิจให้แล้ว ทำให้สองสามีภรรยาไม่ค่อยมีเวลาว่างกันเลยจนใกล้วันที่เป็นงานแต่งงานของซ่งซีซวนและหลันอี้ข่ายแล้ว บ้านกุ้ยจึงขนกันไปที่เซียงไฮ้ เพื่อร่วมงานแต่งงานของทั้งสองคนในส่วนงานแต่งงานของกุ้ยหนิงอันและจิ้งเจี้ยนซานั้น ตกลงกันไม่ได้ เพราะนายท่านจิ้งก็อยากจะจัดงานที่ปักกิ่งด้วย จึงทำให้จะมีงานแต่งงานถึงสองที่ด้วยกัน งานแต่งงานของซีซวนในครั้งนี้ จิ้งเจี้ยนซาก็ถือโอกาสมาแจกการ์ดงานแต่งงานของเขาด้วยเช่นกันงานแต่งงานของซ่งซีซวนรอบบ่ายจัดขึ้นที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนายหญิงหลันที่เป็นคนจัดเตรียมทุกอย่าง ทำให้งานออกมาอลังการเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ทางเข้างานก็รับรู้ได้ถึงความหรูหรา ส่วนตอนเช้าได้ทำพิธียกน้ำชาตามธรรมเนียมเรียบร้อยแล้วกุ้ยหนิงอันนั้นถือว่าเป็นญาติทางซีซวน จึงมีคนมาพาเธอและลูก ๆ ไ
บทที่ 70 รบเร้าอยากแต่งงานหลังจากงานศพของแม่เฒ่ากุ้ยผ่านพ้นไป กุ้ยจื่อหลงแม้จะมีเศร้าใจไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นทุกข์ตรม แต่ว่าพอเสร็จสิ้นงานศพ พี่ใหญ่ หรือลุงใหญ่กุ้ยก็มาคุยกับเขา คือเรื่องที่อีกฝ่ายนั้นใช้เงินไปจนหมดกับการจัดงานแล้ว ไหนจะหลานชายที่ถูกจับตัวไปอีก ทางนั้นต้องการให้เขาบอกกับลูกเขย ใช้เส้นสายพาหลานชายออกมา“พ่อเป็นอะไรไปคะ” กุ้ยหนิงอันเดินผ่านไปแล้วเห็นพ่อนั่งคิดอะไรอยู่จึงเดินเข้าไปถามไถ่“อันอัน”“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” กุ้ยหนิงอันเห็นสีหน้าของคนเป็นพ่อก็รู้สึกไม่ดี เพราะพ่อกุ้ยเหมือนมีเรื่องเครียดอะไรที่เธอไม่รู้“ลุงใหญ่ของลูกขอให้ช่วยลูกชายเขาที่ติดคุกอยู่ตอนนี้”แต่เมื่อกุ้ยจื่อหลงเอ่ยออกมา กุ้ยหนิงอันกลับมีสีหน้าที่เอือมระอา ขนาดตงเฉิงทำเรื่องร้ายแรง จนทำให้ย่ากุ้ยต้องตายไป บ้านใหญ่ยังถือหางอยากจะช่วยเขาอีก เธอไม่แปลกใจเลยที่ลูกชายของลุงใหญ่จะเติบโตมาแบบนี้“เราช่วยไม่ได้หรอกนะคะพ่อ เขาทำผิด ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดีเอง” และแน่นอนว่าเธอต้องปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือเรื่องนี้“พ่อว่าจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเกี่ยวกับงานศพของย่า อันอันคิดเห็นยังไงลูก”กุ้ยจื่อหลงก็ไม่ได้ค
บทที่ 69 ตัดสินใจลาออก หลังจากผ่านเรื่องราวร้าย ๆ ในที่สุดก็ถึงวันที่ซีซวนขึ้นรับตำแหน่งแทนนายท่านซ่ง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นส่วนหรือกรรมการต่างก็เห็นด้วย เพราะรู้ดีว่าซีซวนนั้นเป็นสะใภ้รองของตระกูลหลัน และยังมีตระกูลหยางรวมถึงเธอยังเป็นเพื่อนรักกับสะใภ้เพียงหนึ่งเดียวของตระกูลจิ้งอีกด้วยวันนี้ภายในงานจึงมีแขกมากมายมาร่วมยินดี ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจไม่ใช่เพราะซีซวนขึ้นรับตำแหน่งแทนบิดา แต่เป็นคนที่ซีซวนเอ่ยขึ้นเพื่อให้รักษาการในตำแหน่งนี้แทนเธอมากกว่า“วันนี้ต้องขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงาน วันนี้ฉันจะขอแจ้งรายชื่อรองผู้นำ ซึ่งนั่นก็คือซ่งโหมวช่าย หรือก็คืออาสามของฉันเอง”นายท่านสามซ่งได้แต่นิ่งค้างเมื่อตำแหน่งรองผู้นำตระกูลตกลงมาบนหัว ก่อนจะมองหน้าพี่ชายและหลานสาวด้วยคำถามทันทีที่เห็นพี่ชายพยักหน้าให้ เขาจึงเดินมาหาหลานสาวบนเวที“เพราะอะไรซีซวน”“เพราะอาไม่เคยคิดร้ายฉันและคุณพ่อยังไงล่ะคะ อีกทั้งตัวฉันเองอายุยังน้อย ยังต้องศึกษาอีกหลายเรื่อง เมื่อคุณพ่อวางมืออาสามจึงเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ที่สุดแล้ว อีกทั้งเราคือครอบครัวเดียวกันค่ะ”ต่อให้ที่ผ่านมาเธอใช้ความรู้คำว่าครอบครัวต