Share

บทที่ 6 จากไปแล้ว

last update Last Updated: 2025-02-10 13:00:32

บทที่ 6 จากไปแล้ว

          “ฮ่า ฮ่า ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ ว่าบุตรชายที่เจ้ารักนักหนายามนี้ คงกลายเป็นอาหารสัตว์ป่าไปแล้ว อดีตบุตรเขยของข้าเอ๋ย”

เท้าของหญิงชราเหยียบลงกลางอกของบุรุษที่มีรูปลักษณ์ซูบตอบอีกทั้งยังตาบอดจนช่วยตนเองแทบไม่ได้ ชาวบ้านหลายคนมามุงดูแต่ก็รีบกลับไปหลังเจอคำขู่จากภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านว่าจะไม่ให้กู้ยืมตำลึงหากมาช่วยอดีตลูกเขยไร้ค่า

สาเหตุที่ชาวบ้านเพิกเฉยการช่วยเหลือสองพ่อลูกนั่นเป็นเพราะสกุลอันทำการปล่อยเงินกู้โดยใช้ที่นามาแลกเปลี่ยนและยังคิดดอกเบี้ยเจ็ดส่วนจากสิบส่วน แม้จะดูขูดเลือดไปแต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยแย้งด้วยเกรงกลัวว่าตนเองจะไม่ได้เงิน

          “ยายแก่นี่เอาอีกแล้วนะ ไหนบอกแยกบ้านกันไปแล้วไง ทำไมถึงได้มาวุ่นวายกับสองพ่อลูกนี่อีก ตัวเองก็มีเงินมากกว่าแท้ ๆ”

          พลัก

          “ท่านพ่อ ไม่นะ” เอ่ยพึมพำกับตนเองได้ไม่นานหยางเทียนหรงที่หลบซ่อนตัวอยู่ใกล้ประตูทางเข้าก็ต้องวิ่งออกมาอย่างรวดเร็วเพราะหญิงชรากำลังจะเอาท่อนไม้ฟาดไปยังศีรษะบิดาของตน

          มันจะมากเกินไปแล้ว

          อาภรณ์ที่ห่อไข่ไก่และสมุนไพรถูกวางแอบเอาไว้อยู่หลังกอหญ้า จากนั้นตนจึงวิ่งออกไปผลักหลังของหญิงชราออกไปให้ไกลจากบิดาของตน สองแขนกางออกเพื่อปกป้องบิดาให้รอดพ้นจากหญิงชราที่แสนร้ายกาจผู้นี้

          “นี่เจ้ายังไม่ตาย!” โจวซือเหยียนเบิกตาโพลงหลังเห็นคนที่กล้าเข้ามาผลักตนเองเมื่อครู่เป็นผู้ใด ท่อนไม้ในมือสั่นระรัวจนมันหลุดออกจากมือเหี่ยวย่นหยาดเหงื่อไหลซึมลงมายังคาง  

          “เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อตอนนั้นเจ้าไม่หายใจแล้ว” อันซีเหมยเอ่ยเสียงดังด้วยความตื่นตระหนก เพราะนางเป็นผู้พิสูจน์เองกับมือว่าหลานแสนชังผู้นี้ไม่หายใจแล้วจริง ๆ 

          “หลานจะตายก่อนท่านยายกับท่านป้าได้อย่างไรกันขอรับ หากเป็นเช่นนั้นข้าคงเป็นหลานที่อกตัญญูยิ่งนัก”

          “หลานอกตัญญูนี่เจ้าแช่งข้าหรือ” หญิงชราเหวเสียงดังหลังได้ยินวาจาไม่เข้าหูจากปากของหลานชายคนนี้

          “เข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแค่เอ่ยตามความจริง อายุข้ายังน้อยกว่าจะเติบใหญ่ย่อมใช้ระยะเวลาหลายปี แต่ท่านยายแก่ชรามากแล้วเช่นนี้อีกไม่นานก็คงตายจาก ไม่สิ หลานเลอะเลือนแล้วพูดอะไรออกไปหวังว่าท่านยายจะไม่ถือสานะขอรับ” อย่าเพิ่งความดันขึ้นจนตายไปก่อนเล่ารอดูความสำเร็จของเขาเสียก่อนเถิดยายแก่  

          “หรงหรงของบิดา เจ้ากลับมาแล้วหรือ” บิดาพยายามชันกายขึ้นมาหลังได้ยินเสียงของบุตรชายตัวน้อยที่หญิงชราตรงหน้าบอกกับตนว่าได้สังหารเจ้าก้อนแป้งตายไปเสียแล้ว

          หมับ

          มือหนาคว้าร่างกายเล็กได้ก็โอบกอดด้วยความหวาดกลัวระคนห่วงหา เพราะถ้าหากสูญเสียผู้เป็นดังแก้วตาดวงใจไปอีกคน หยางเสวี่ยหรงคงขาดใจตายไปเป็นแน่

          “ท่านพ่อข้ากลับมาแล้วขอรับ ท่านไม่ต้องห่วงหากข้าอยู่จะไม่มีผู้ใดกล้ามาทำร้ายท่านได้ข้าสัญญา” หยางเทียนหรงเอ่ยคำมั่นสัญญาแก่บิดาเจ้าของร่างที่ตนนั้นเข้ามาแทนที่ ต่อไปนี้บุรุษที่กำลังโอบกอดเขาอยู่จะกลายเป็นบิดาที่แท้จริงของเขาเอง

          และเขาจะทำหน้าที่ปกป้องและดูแลอีกฝ่ายเป็นอย่างดีไปจนชั่วชีวิตตามเจตจำนงของเด็กน้อยผู้นี้

          “เพ้ย เด็กอย่างเจ้าน่ะหรือจะทำอะไรข้าได้ ถูกข้าทุบตีไปทั้งตัวจนร้าวรานไปแล้วก่อนหน้ายังไม่สำนึกใช่หรือไม่ เช่นนั้นครานี้ข้าจะตีพวกเจ้าให้ตายคามือเลยทีเดียว” หญิงชรายกท่อนไม้ขึ้นหวังจะตีทุบทั้งสองให้ตายดังใจนึก ทันใดนั้นเอง

          กะต๊าก

          กะต๊าก

          “โอ้ย ไก่มาจากที่ใดกัน โอ้ย ซีเหมยเจ้ายืนมองอะไรอยู่ มาเอาไก่ออกไปจากตัวข้าเร็วเข้า” หญิงชราพยายามปัดป้องแต่ก็ไม่สามารถทำอันใดแม่ไก่ตัวอ้วนได้เลยเพราะมันใช้จะงอยปากจิกเข้าที่กายเนื้อจนมีโลหิตไหลออกมา และยังใช้เล็บจิกจนมีรอยเต็มแขนข้างที่ถือท่อนไม้อยู่

          “ท่านแม่ข้าไม่กล้า มันดุร้ายนักเจ้าค่ะ” คราแรกนางคิดจะเข้าไปแต่พอเห็นว่า แม่ไก่ตัวนั้นใช้กรงเล็บและจะงอยปากจิกจนมารดามีโลหิตนางจึงยืนดูห่างไกลแทน

          “นังลูกบ้า เข้ามาช่วยข้าเดี๋ยวนี้ โอ้ย ข้าเจ็บนะ อย่าให้ข้าจับเจ้าได้เชียว เจ้าได้กลายเป็นไก่ย่างให้ข้ากินแน่ โอ้ย” เมื่อเห็นว่าไม่สามารถเข้าไปใกล้สองคนนั้นได้อีกต่อไป หญิงชราจึงล่าถอยออกมาจนพ้นกำแพงดินของเรือนอดีตลูกบุตรเขยทันที

          เมื่อออกพ้นกำแพงเรือนแล้ว แม่ไก่ตัวนั้นไม่ได้ตามออกมาแต่มันยังคงวนเวียนอยู่บริเวณประตูเรือนอันแสนซอมซ่อของสกุลหยาง ราวกับปกป้องไม่ให้ผู้ใดย่างกรายเข้าไปในเรือนหลังนั้นได้

          “ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” บุตรสาวคนโตที่วิ่งออกมารีบเข้ามาสำรวจมารดาของตนว่ามีบาดแผลมากน้อยเพียงใด พลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

          “มีตาหรือไม่ ถ้ามีก็ใช้ดูว่าข้าเป็นอันใด เพ้ย แล้วแม่ไก่ตัวอ้วนนั่นมันมาจากที่ใดกัน เหตุใดมันจึงต้องเข้ามาทำร้ายข้าด้วย” หญิงชราเอ่ยออกมาด้วยอารมณ์โทสะแล้วจ้องมองไปยังแม่ไก่ตัวนั้นด้วยสายตามาดร้าย       

          “คงเป็นไก่ป่าที่หลงมาจากป่าด้านหลังนะเจ้าคะ”

          “ไหนเจ้าบอกว่ามันตายไปแล้วอย่างไรเล่า เหตุใดมันจึงวิ่งเข้ามาปกป้องบิดามันได้”

          “หรือมันแค่หมดสติไปเท่านั้นเจ้าคะ”

          “ช่างเถอะ ข้าไม่รามือจากสองคนนั้นเป็นแน่ หลินเอ๋อร์ของข้าจากไปด้วยความทรมาน หลานชังและบิดาของมันย่อมต้องตายด้วยความทรมานไม่ต่างจากหลินเอ๋อร์ของข้า” เพราะรักบุตรสาวคนนี้สุดหัวใจและคาดหวังเอาไว้อย่างแรงกล้าว่านางจะนำพาความรุ่งเรืองมาสู่ตระกูลได้แต่เมื่ออีกฝ่ายตายจากทำให้ความหวังของยายเฒ่าพังทลาย ยายเฒ่าโจวจึงไม่อาจปล่อยวางได้ นางต้องการให้สองคนนั้นได้รับความเจ็บปวดเหมือนที่นางได้รับ

          “ท่านแม่หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”

          “ในเมื่อวันนี้มันไม่ตาย แต่วันหน้าใช่ว่าจะรอดจากเงื้อมมือของข้าไปได้”

          หลังจากที่แม่ไก่ตัวอ้วนไล่จิกหญิงชราจนล่าถอยจากไป เด็กน้อยจึงหันกลับไปเพื่อสำรวจบิดาของตนว่าบาดเจ็บที่ใดหรือไม่

          “บิดาท่านเจ็บที่ใด บอกข้าได้หรือไม่ขอรับ” มือน้อยยังคงสำรวจไปตามกายของบิดาอย่างถี่ถ้วนเพราะเกรงกลัวว่าจะมีบาดแผลที่ตนไม่เห็นก่อนมาถึงที่นี่

          “ข้าไม่เป็นอะไร ยายของเจ้ายังไม่ทันได้ทุบตีข้า”

          “บิดาท่านแน่ใจหรือ ท่านไม่ได้โป้ปดข้าเพื่อให้ข้าสบายใจใช่หรือไม่” หยางเทียนหรงพยายามเลิกอาภรณ์บริเวณแขนทั้งสองข้างขึ้น แต่แรงของเด็กน้อยกลับทำได้เพียงแค่ข้อแขนเท่านั้น เจ้าตัวน้อยจิปากด้วยความหงุดหงิด

          เรี่ยวแรงของเด็กน้อยเหตุใดมันจึงน้อยนักนะ

          เขาอยากเติบโตมากกว่านี้แล้ว

          “ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ หรงหรง ว่าแต่เจ้าเถอะเจ็บที่ใดหรือไม่ ข้าได้ยินว่ายายของเจ้าทุบตีเจ้าจนตาย”

          ใช่

          เด็กคนนั้นตายจากท่านไปแล้ว

          “หรงหรงที่แสนอ่อนแอผู้นั้นได้จากท่านไปแล้วขอรับ ยามนี้เหลือเพียงแค่หรงหรงที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องท่านไม่ให้พบเจอเรื่องเลวร้ายอีกต่อไป” มันอาจจะเป็นประโยคที่โตมากกว่าวัยของเด็กคนนี้ แต่หยางเทียนหรงอยากจะบอกบิดาตรงหน้าว่าเขาต้องการกระทำเช่นนี้จริง ๆ

          “ข้าขอโทษที่พาเจ้ามาลำบากเช่นนี้ บางคราหากข้าเป็นผู้จากไปแทนมารดาของเจ้า ยายของเจ้าคงเอ็นดูเจ้ามากกว่านี้” หยางเสวี่ยหรงเอ่ยขึ้นด้วยความเจ็บปวดเมื่อนึกภรรยาของตนที่ตายจากการถูกโจรปล้นเรือนคราก่อน

          หากวันนั้นนางไม่เข้ามารับคมดาบจากพวกมันเพื่อปกป้องเขา นางก็คงไม่ต้องจากไปเช่นนี้

         

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 38 ไข่สีดำ

    บทที่ 38 ไข่สีดำ ในระหว่างที่เฝ้ารอให้ไข่เยี่ยวม้าที่ตนเองได้ลงมือพอกถึงเวลาอันสมควรที่จะนำมาขายที่ตลาดได้นั้น หยางเทียนหรงจำต้องลองนำไข่เยี่ยวม้าที่ลุงโจวทำเอาไว้ก่อนหน้ามาให้บรรดาลูกค้าที่มาเลือกซื้อไข่ไก่ที่แผงเป็นประจำได้ลิ้มลองรสชาติก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากไข่เยี่ยวม้ายังมีความคาวอยู่มากหากนำมาให้กินดิบคงไม่อาจขายให้ผู้ใดได้ ดังนั้นเด็กน้อยจึงทำการแปรรูปเป็นอาหารที่สามารถทำได้ทั่วไป แต่เพิ่มไข่เยี่ยวม้าเป็นตัวชูโรงความอร่อย อาหารที่เด็กน้อยเลือกทำมาในวันนี้นั่นก็คือ โจ๊กหมู แม้จะดูเป็นเพียงอาหารจืดชืดธรรมดาแต่เมื่อหั่นไข่เยี่ยวม้าที่มีรสเค็มวางลงไป ยามที่กินเข้าไปนั้นความเค็มจากไข่เยี่ยวม้าจะทำให้โจ๊กหมูธรรมดากลับมีรสชาติดีขึ้นมาเลยทีเดียว “นี่เจ้าหนู เหตุใดวันนี้จึงมีโจ๊กหมูมาขายด้วยเล่า เจ้าอยากขายอาหารหรือ” เกาซือหรงเห็นเด็กน้อยวางถ้วยดินเผาเรียงกันนับสิบใบแล้วทำการตักโจ๊กหมูใส่ลงถ้วยพวกนั้น ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าต้องการขายไข่เยี่ยวม้าขอรับลุงเกา” “ไข่เยี่ยวม้า? มันคือสิ่งใดกัน” ไข่เยี่ยวม้า

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 37 ไข่เยี่ยวม้า

    บทที่ 37 ไข่เยี่ยวม้า และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึงเมื่อลุงโจวเดินมาพร้อมไข่ห่อขี้เถ้าหลายฟองที่ได้ลงมือหมักไปเมื่อเจ็ดวันก่อน ยามนี้ได้เวลาที่จะได้รู้แล้วว่ามันเหมือนกับที่ตนเคยเห็นหรือไม่ “คุณชายไข่เยี่ยวม้าของข้าน้อยพร้อมที่จะนำไปกินได้แล้วขอรับ” “ไข่เยี่ยวม้า? ไข่ห่อขี้เถ้านี่นะหรือลุงโจว” มือน้อยหยิบไข่ที่อยู่ในไหดินออกมาหนึ่งฟองแล้วพิจารณาอย่างถี่ถ้วนพลางขมวดคิ้ว คล้ายมากจริง ๆ จะใช่หรือไม่กัน “ใช่แล้วขอรับคุณชาย ไข่เยี่ยวม้าเป็นไข่ถนอมอาหารของทางใต้ที่เป็นบ้านเกิดของข้าก่อนที่จะย้ายเข้าไปเป็นพ่อบ้านในจวนของขุนนาง เนื่องจากทางใต้มีหน้าร้อนยาวนานมากกว่าหน้าหนาวนักอีกทั้งยังนิยมเลี้ยงไก่ไข่ส่งออกขายไปยังต่างเมืองรวมถึงเมืองท่าซือหลินด้วย แม้จะส่งออกไปขายแทบทุกวันก็ตาม แต่แม่ไก่กลับออกไข่มากเกินไปจนขายออกไม่ทันและเน่าเสียไปมากมายจนวันหนึ่งมีพ่อค้าจากแดนไกลเดินทางเข้ามาพร้อมไข่เยี่ยวม้าพวกนี้” โจวหลี่หรงวางไหดินลงแล้วหยิบไข่ขึ้นมาพร้อมแกะขี้เถ้าออกจนเหลือถึงแค่เปลือกไข่จากนั้นจึงตอกไข่เบา ๆ จนเปลือกแตกออกเผยให้เห็นเนื

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 36 จัดการป้าซุน

    บทที่ 36 จัดการป้าซุน“ข้าก็ซื้อเหมือนกัน มิเห็นว่ามันเน่าอย่างที่เจ้าว่าเลยสักนิด” “ใช่ ๆ สามีของข้าก็ซื้อไปเมื่อสองวันก่อน แต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเน่าอย่างที่นางหลี่ว่าจริง ๆ” เสียงชาวบ้านหลายคนที่เดินผ่านมาได้ยินเรื่องราวต่างเอ่ยขึ้นเพื่อยืนยันคำพูดของท่านหมอชราจนทำให้ชาวบ้านหลายคนมองสตรีที่นอนร่ำไห้อยู่ที่พื้นด้วยสายตาดูแคลน “เด็กน้อยอุตส่าห์ทำมาหากินด้วยความขยันขันแข็งเพื่อที่จะเลี้ยงดูบิดาที่ดวงตามืดบอด เหตุใดเจ้าถึงสร้างเรื่องราวใส่ความได้กัน ทั้งที่เจ้าก็มีแขน ขา และดวงตาที่สมบูรณ์กว่าแท้ ๆ แม่นาง” หมอชราเอ่ยตำหนิสตรีตรงหน้าพลางส่ายหน้าแล้วเดินกลับไปหยิบหมูทอดและห่อข้าวบนเกวียนจากนั้นจึงขึ้นรถม้ากลับไปยังโรงหมอ โดยปล่อยให้หญิงสาวเอ่ยคร่ำครวญความเจ็บช้ำออกมาอยู่เช่นนั้น ไม่มีผู้ใดเชื่อลมปากของนางอีกต่อไปในทางกลับกันทหารที่คุ้มกันอยู่จวนท่านเจ้าเมืองก็เดินเข้าไปลากตัวนางออกไป ส่วนแผงเช่าก็ถูกริบทุกอย่างจนหมดสิ้น “พวกท่านจะไปรู้อะไร ลองให้เจ้าหนูไปขายของเหมือนกันดูบ้างสิ มันแย่งลูกค้าข้าไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่จะให้ข้าอยู่เฉยได้หรือ เหอะ

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 35 ไข่เน่า

    บทที่ 35 ไข่เน่า สามวันต่อมา หลังจากวันที่สนทนาเรื่องขยายเรือนพ่อบ้านโจวก็ไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด ในทางกลับกันยามนี้ทั้งลุงโจวและลุงโม่ต่างสนทนากันเรื่องการสร้างเรือนได้ถูกคอยิ่งนัก หยางเทียนหรงจึงให้พอบ้านโจวอยู่คุมการสร้างเรือนจนกว่าจะเสร็จสิ้น ส่วนตนเองก็เดินทางออกมาขายไข่ไก่ดังเดิมเพราะหยุดขายไปสองวันแล้ว ขาดรายได้ไปหลายตำลึงทำให้เด็กน้อยต้องออกมาค้าขายให้ได้วันนี้ “คุณชายดูแลตนเองให้ดีนะขอรับ และกลับก่อนยามโหย่วด้วย เข้าใจที่ข้าน้อยบอกหรือไม่คุณชาย” โจวหลี่หรงเอ่ยย้ำอีกคราหลังคุณชายตัวน้อยเริ่มหาวออกมา “ลุงโจวเอ่ยกับข้ามาห้าครั้งแล้ว ข้าไปได้และจะกลับมาก่อนยามโหย่ว” “ข้าเป็นห่วงนี่ขอรับ” “ข้าจะดูแลตนเองให้ดีขอรับ ส่วนลุงโจวก็ดูแลกล่องไม้นั้นให้ดีที่สุดเช่นกันนะขอรับ” “ไม่ต้องกังวลขอรับคุณว” เพราะเห็นว่ามันสายมากแล้วเด็กน้อยจึงเอ่ยร่ำลา “อย่ากังวลนักเลยพ่อบ้านโจวข้าอยู่ทั้งคน จะรีบกำชับให้เจ้าหัวผักกาดรีบกลับเรือนโดยเร็ว” บิดาทำการย้ำเตือนอีกคราว่าเด็กน้อยมิได้ไปเพียงลำพัง พ่อบ้านจะได้คลายค

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 34 ขยายเรือนอีกครั้ง

    บทที่ 34 ขยายเรือนอีกครั้ง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีไข่ไก่เหลืออยู่นับยี่สิบฟองซึ่งมากกว่าทุกวัน นั่นยิ่งตอกย้ำไปอีกว่ากิจการขายไข่ไก่เริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย ยิ่งยามนี้แม่ไก่สาวเริ่มเติบโตเต็มที่ไข่ไก่ที่ออกมาล้วนแต่ขนาดที่ใหญ่จนต้องขึ้นราคามาเป็นฟองละห้าอีแปะ ทำให้สูญเสียลูกค้าไปบ้างแต่ก็ส่วนน้อยเนื่องจากขนาดของมันนั้นใหญ่มากกว่าร้านที่ขายในราคาเดียวกันเสียอีก “คุณชายกลับกันเถิดขอรับ หากรอไปมากกว่านี้เห็นทีจะถึงเรือนหลังตะวันตกดิน มันไม่เป็นผลดีแน่ขอรับ” การเดินทางไปยังหมู่บ้านซีเป่ยหลังตะวันตกดินนั้นมิใช่เรื่องที่ดีเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่มีเพื่อนร่วมทางแล้วด้วยมันจะกลายเป็นเป้าโจมตีของพวกโจรป่าที่ชอบดักปล้นชิงคนที่เดินทางเพียงลำพังยามค่ำคืน ฉะนั้นกันไว้ดีกว่า

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 33 พ่อบ้านสกุลหยาง

    บทที่ 33 พ่อบ้านสกุลหยาง อาการของทาสที่หยางเทียนหรงไถ่ตัวออกมานั้นนับว่าสาหัสพอสมควร เพราะบาดแผลมิได้มีเพียงแค่รอยจากแส้เท่านั้น มันยังมีรอยจากการถูกคมดาบเฉือนเนื้อมากมายนับไม่ถ้วน จนไม่คาดคิดเลยว่าทาสผู้นี้จะมีชีวิตรอดได้นานมากเพียงนี้ “ข้าจัดการบาดแผลภายนอกจนหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ให้บุรุษผู้นั้นตื่นขึ้นมาดื่มโอสถแก้บอบช้ำภายในเท่านั้น” “ขอบคุณท่านหมอที่ช่วยเหลือท่านลุงผู้นี้เอาไว้นะขอรับ” “ลุงของเจ้าหรือ” “มิใช่ขอรับ เขาเป็นทาสที่ข้าได้ช่วยเหลือเอาไว้เพราะไม่อยากให้คนผู้นี้ถูกพ่อค้าทาสทุบตีจนตาย&

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status