“ต้องขอบคุณเด็กคนนี้ที่เคยเข้าป่ากับพ่ออยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นฉันต้องหลงป่าตายแทนที่จะได้เอาคืนยายแก่นั่น” หยางเทียนหรงพยายามยันตนเองขึ้นมาจากพื้นดินที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งกรอบ พลางปัดเศษใบไม้ที่ติดตามเสื้อผ้าจนเห็นว่าลักษณะของเสื้อที่สวมใส่อยู่นั้นสมกับเป็นจีนยุคโบราณเสียจริง
“คนสมัยก่อนเขาไม่รู้สึกว่ามันโล่งเลยหรือไงกันถึงได้ใส่แค่เสื้อคลุมกับกางเกงยาวแบบนี้โดยไม่ใส่ชั้นใน” แม้จะเอ่ยถามเช่นนั้นแต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบเขาได้อยู่ดี ดังนั้นหยางเทียนหรงจึงทำได้เพียงปลดปลงแล้วค่อย ๆ ก้าวเดินกลับไปตามเส้นทางที่มุ่งสู่บ้านหลังน้อยของตนที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก
“ก่อนที่จะตายเด็กคนนี้ถูกแย่งผิงกั๋วไปนั่นหมายความว่าป่านนี้แล้วพ่อต้องยังไม่ได้กินอะไรแน่ เราต้องหาของป่ากลับไปกินด้วย อึก ซี่โครงหักหรือเปล่าเนี่ย ทำไมมันเจ็บแบบนี้นะ” เพราะถูกแย่งชิงผิงกั๋วไปหยางเทียนหรงจึงคิดไปเองว่าบิดาของเจ้าของร่างนั้นคงยังไม่ได้กินอะไรแน่นอน ดังนั้นตนจึงคิดเก็บของป่ากลับไปด้วย
กะต๊าก กะต๊าก
เสียงไก่นี่
อย่าบอกนะว่าไก่ที่ผู้คุมวิญญาณมอบให้จะเป็นตัวนี้ เมื่อคิดได้ดังนั้นหยางเทียนหรงไม่รอช้าที่จะวิ่งตามเสียงร้องดังกล่าวไปโดยไม่คิดชีวิต
กะต้ากกกกก
ทว่าเสียงร้องของไก่กลับโหยหวนจนเขาหวั่นใจว่าจะมันจะเกิดเรื่องกับไก่วิเศษของตน สองเท้าน้อยจึงวิ่งเต็มกำลังจนพบเข้ากับเป้าหมายแต่มันกลับไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเดียว
กรรร์ กรรร์
ลูกหมาป่า? น่าสนใจไม่น้อย แต่แม่ไก่ตัวนั้นน่าสนใจมากกว่า หยางเทียนหรงไม่รอช้าคว้าเอาท่อนไม้ที่มีขว้างใส่เจ้าหมาป่าด้วยเรี่ยวแรงเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะทำได้ โดยหวังว่ามันจะให้หมาป่าที่กำลังขย้ำปีกของแม่ไก่ที่กำลังปกป้องไข่ของมันด้วยชีวิตนั้นหนีจากเป้าหมายของตน
เอ๋ง
ลูกหมาป่าร้องด้วยความเจ็บปวดแล้ววิ่งหนีจากไปทันที หยางเทียนหรงจึงเดินไปหาแม่ไก่ตัวนั้นที่กำลังกกไข่ของตนอีกครั้งแม้เลือดจะไหลออกจากปีกจนเขาคิดไปแล้วว่าหากเป็นเช่นนี้อีกไม่นานแม่ไก่คงได้ตายจากไปเป็นแน่
กะต๊าก
“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งกางปีก ฉัน ไม่สิ ข้ามาดีนะ” หยางเทียนหรงเดินเข้าไปใกล้หวังจะดูบาดแผลให้กับแม่ไก่ แต่เจ้าตัวกลับกางปีกเพื่อที่จะพุ่งเข้าหาตนแทน
“ข้าจะดูแผลที่ปีกให้”
“ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอกวางใจได้”
“ถ้าข้าทำขึ้นมา จะยอมให้จิกก็ได้เอ้า”
ครั้นเห็นว่าเด็กน้อยไร้ทีท่าจะเข้ามาทำร้ายตัวมันเอง แม่ไก่ยักษ์จึงปีกลดแล้วนั่งนิ่งเพื่อให้อีกฝ่ายดูบาดแผล
กะต๊าก
มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดยามที่มือน้อยแตะลงบริเวณปีกที่มีโลหิตหลั่งออกมาไม่หยุด
“ปีกของเจ้าอาจจะหัก เดี๋ยวรอข้าอยู่ตรงนี้ ข้าจะไปหาสมุนไพรมารักษาปีกของเจ้าก่อนนะ” เพราะยังอยู่ในป่าทำให้รอบด้านเต็มไปด้วยสมุนไพรมากมาย แม้หยางเทียนหรงจะรู้จักไม่ทั้งหมดแต่ถ้าหากเป็นสมุนไพรพื้นฐานที่ใช้สำหรับห้ามเลือดล่ะก็เขาจำไม่พลาดแน่นอน
นั่นไง
มือน้อยดึงต้นจิเสวี่ยเฉ่าขึ้นมาทั้งรากจากนั้นจึงมองหาลำธารเพื่อนำไปล้างให้สะอาดโดยเขาเก็บสมุนไพรจำนวนมากห่อใส่อาภรณ์ตัวนอก จากนั้นจึงเดินไปยังน้ำตกที่อยู่ไม่ไกลทันที สองเท้าน้อยก้าวเดินไปอย่างระวังด้วยไม่รู้ว่าจะมีสัตว์ร้ายโผล่มาหรือเปล่า
ต้นจิเสวี่ยเฉ่าเป็นสมุนไพรเย็นที่ชอบขึ้นบริเวณใกล้ลำธาร ใบของมันสามารถนำมารักษาได้ทั้งแผลสดและแก้บอบช้ำจากข้างในได้อีกด้วย เขาจึงเก็บมันมามากพอสมควรเพราะจะนำไปต้มเพื่อรักษาตนเอง
ซ่า ซ่า ซ่า
“ถึงเสียที”
น้ำตกขนาดเล็กอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว หยางเทียนหรงไม่รอช้าเดินเข้าไปบริเวณโขดหินที่มองเห็นยังก้อนหินที่อยู่ด้านล่าง เขามองดูแล้วน้ำแค่นี้คงไม่ทำให้ตนเองจมลงจึงนำสมุนไพรออกมาล้างทีละต้นจนสะอาด
และไม่ลืมนำมาหนึ่งต้นเด็ดเอาแต่ใบของมันนำไปบดจนหยาบแล้วนำมาพอกบริเวณบาดแผลที่ยังคงมีโลหิตไหลซึมอยู่ ระหว่างนั้นจึงสำรวจบาดแผลอื่นที่แห้งกรัง รวมถึงหายดีแล้วก็พบว่ามันเต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทำร้ายด้วยของมีคมหรือท่อนไม้นับไม่ถ้วน
“หนอย ยายแก่นี่ หลานตัวเองแท้ ๆ ทำไมถึงกล้าตีจนมีแต่แผลแบบนี้” หยางเทียนหรงในร่างของเด็กน้อยพอกสมุนไพรจนทั่วทั้งกายทำให้ตอนนี้มีแต่กลิ่นสมุนไพรตลบอบอวลไปหมด
เมื่อทำการล้างจนสะอาดทุกต้นแล้วเขาจึงหอบกลับไปยังบริเวณที่แม่ไก่ตัวนั้นอยู่เพื่อทำการห้ามโลหิตให้หยุดไหลส่วนปีกที่หักไปแล้วค่อยรักษากันอีกครา ตอนนี้ต้องให้โลหิตหยุดไหลเสียก่อน
กะต๊าก
“เจ็บเหรอ รอข้าเดี๋ยวนะ”
มือน้อยหยิบต้นจิเสวี่ยเฉ่ามาหนึ่งต้นแล้วทำเหมือนเดิมคือ บดพอหยาบจนมีน้ำออกมาเล็กน้อยจากนั้นจึงนำไปพอกลงบริเวณปีกของแม่ไก่ หยางเทียนหรงจับปีกแม่ไก่ตัวนั้นด้วยความแผ่วเบาแล้วพอกไปจนทั่วทั้งปีก
เมื่อเห็นว่ามันถูกพอกจนหมดแล้วตนจึงสำรวจบริเวณอื่นว่ามีบาดแผลที่ใดอีกหรือไม่ แต่ก็ไม่พบแต่อย่างใดนอกจากปีกเท่านั้น
แต่แล้วก็มีบางอย่างเกิดขึ้น เมื่อเขาพอกสมุนไพรเสร็จสิ้นกลับมีแสงสีทองไหลออกมาจากฝ่ามือของเขาเองลามไปจนครอบคลุมตั้งแต่ปีกไปจนถึงตัวของแม่ไก่ ทันใดนั้นเอง บาดแผลที่มีโลหิตไหลไม่หยุดกลับค่อย ๆ สมานเข้าหากันจนหายเป็นปกติ
“เห้ย เป็นไปได้ไงน่ะ สมุนไพรมันช่วยแค่ห้ามเลือดมันไม่ได้ช่วยให้แผลหายนะ”
กะต๊าก
แม่ไก่ที่หายดีแล้วร้องขึ้นมาอีกครั้งจากนั้นมันจึงใช้เท้าเขี่ยไข่ไก่ที่มันกกเอาไว้แล้วดันมาทางเขาสองฟอง
“อะไรของเจ้าน่ะ”
กุ๊ก กุ๊ก
เมื่อเห็นว่าเขายังคงมองด้วยความงงงวยอยู่ มันจึงใช้จะงอยปากผลักไข่มาทางเขาอีกครั้ง
“ให้ข้าหรือ”
กุ๊ก กุ๊ก แม่ไก่ตัวอ้วนผงกหัวสองครั้งราวกับบอกว่าใช่แล้ว
“อย่าบอกว่านะว่าไก่วิเศษที่ผู้คุมวิญญาณมอบให้ข้าคือเจ้าน่ะ”
กุ๊ก กุ๊ก
“เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดหรือ”
กุ๊ก กุ๊ก
แสดงว่าแสงสีทองที่โอบล้อมแม่ไก่ก่อนหน้ามันคือพันธสัญญาของเขากับแม่ไก่ตัวนี้สินะ ถ้าอย่างนั้นเขาก็สามารถพามันกลับไปที่บ้านด้วยได้เลยใช่ไหม
“เจ้าจะไปอยู่กับข้าได้ไหม” หยางเทียนหรงเอ่ยถามความยินยอมของแม่ไก่ตัวนี้ก่อนที่ตนจะพามันกลับไปอยู่ด้วยที่เรือน เพราะถ้าหากมันปฏิเสธเขาคงต้องหาสัตว์เสี้ยงตัวใหม่
กุ๊ก กุ๊ก แม่ไก่ผงกหัวสองครั้ง
“เจ้ายอมไปกับข้าแล้ว ถ้าอย่างนั้นเจ้าเดินตามข้ามานะ ส่วนไข่ที่เหลือข้าจะนำมันใส่รวมกับสมุนไพรนี่” เขาคิดไปเองจากท่าทางตอบรับดังกล่าว จากนั้นจึงเดินไปเก็บไข่ทั้งหมดมาห่อใส่รวมกับสมุนไพรที่เก็บมาก่อนหน้า
สองเท้าน้อยเดินย้อนกลับตามเส้นทางในความทรงจำเดิมของเจ้าของร่างโดยที่แม่ไก่ตัวอ้วนเดินตามหลังอย่างขึงขัง
เขามองท่าทางนั้นด้วยความขบขันเพราะแววตาของแม่ไก่พร้อมที่จะกางปีกจิกได้ตลอดเวลา แต่แล้วเสียงร้องโอดโอยคล้ายมีคนถูกทำร้ายก็ดังขึ้นทำเอาเขากำลังจะเดินเข้าไปยังประตูเรือนชะงักเท้าเอาไว้แล้วหลบอยู่หลังกำแพงดินทันที
บทที่ 38 ไข่สีดำ ในระหว่างที่เฝ้ารอให้ไข่เยี่ยวม้าที่ตนเองได้ลงมือพอกถึงเวลาอันสมควรที่จะนำมาขายที่ตลาดได้นั้น หยางเทียนหรงจำต้องลองนำไข่เยี่ยวม้าที่ลุงโจวทำเอาไว้ก่อนหน้ามาให้บรรดาลูกค้าที่มาเลือกซื้อไข่ไก่ที่แผงเป็นประจำได้ลิ้มลองรสชาติก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากไข่เยี่ยวม้ายังมีความคาวอยู่มากหากนำมาให้กินดิบคงไม่อาจขายให้ผู้ใดได้ ดังนั้นเด็กน้อยจึงทำการแปรรูปเป็นอาหารที่สามารถทำได้ทั่วไป แต่เพิ่มไข่เยี่ยวม้าเป็นตัวชูโรงความอร่อย อาหารที่เด็กน้อยเลือกทำมาในวันนี้นั่นก็คือ โจ๊กหมู แม้จะดูเป็นเพียงอาหารจืดชืดธรรมดาแต่เมื่อหั่นไข่เยี่ยวม้าที่มีรสเค็มวางลงไป ยามที่กินเข้าไปนั้นความเค็มจากไข่เยี่ยวม้าจะทำให้โจ๊กหมูธรรมดากลับมีรสชาติดีขึ้นมาเลยทีเดียว “นี่เจ้าหนู เหตุใดวันนี้จึงมีโจ๊กหมูมาขายด้วยเล่า เจ้าอยากขายอาหารหรือ” เกาซือหรงเห็นเด็กน้อยวางถ้วยดินเผาเรียงกันนับสิบใบแล้วทำการตักโจ๊กหมูใส่ลงถ้วยพวกนั้น ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าต้องการขายไข่เยี่ยวม้าขอรับลุงเกา” “ไข่เยี่ยวม้า? มันคือสิ่งใดกัน” ไข่เยี่ยวม้า
บทที่ 37 ไข่เยี่ยวม้า และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึงเมื่อลุงโจวเดินมาพร้อมไข่ห่อขี้เถ้าหลายฟองที่ได้ลงมือหมักไปเมื่อเจ็ดวันก่อน ยามนี้ได้เวลาที่จะได้รู้แล้วว่ามันเหมือนกับที่ตนเคยเห็นหรือไม่ “คุณชายไข่เยี่ยวม้าของข้าน้อยพร้อมที่จะนำไปกินได้แล้วขอรับ” “ไข่เยี่ยวม้า? ไข่ห่อขี้เถ้านี่นะหรือลุงโจว” มือน้อยหยิบไข่ที่อยู่ในไหดินออกมาหนึ่งฟองแล้วพิจารณาอย่างถี่ถ้วนพลางขมวดคิ้ว คล้ายมากจริง ๆ จะใช่หรือไม่กัน “ใช่แล้วขอรับคุณชาย ไข่เยี่ยวม้าเป็นไข่ถนอมอาหารของทางใต้ที่เป็นบ้านเกิดของข้าก่อนที่จะย้ายเข้าไปเป็นพ่อบ้านในจวนของขุนนาง เนื่องจากทางใต้มีหน้าร้อนยาวนานมากกว่าหน้าหนาวนักอีกทั้งยังนิยมเลี้ยงไก่ไข่ส่งออกขายไปยังต่างเมืองรวมถึงเมืองท่าซือหลินด้วย แม้จะส่งออกไปขายแทบทุกวันก็ตาม แต่แม่ไก่กลับออกไข่มากเกินไปจนขายออกไม่ทันและเน่าเสียไปมากมายจนวันหนึ่งมีพ่อค้าจากแดนไกลเดินทางเข้ามาพร้อมไข่เยี่ยวม้าพวกนี้” โจวหลี่หรงวางไหดินลงแล้วหยิบไข่ขึ้นมาพร้อมแกะขี้เถ้าออกจนเหลือถึงแค่เปลือกไข่จากนั้นจึงตอกไข่เบา ๆ จนเปลือกแตกออกเผยให้เห็นเนื
บทที่ 36 จัดการป้าซุน“ข้าก็ซื้อเหมือนกัน มิเห็นว่ามันเน่าอย่างที่เจ้าว่าเลยสักนิด” “ใช่ ๆ สามีของข้าก็ซื้อไปเมื่อสองวันก่อน แต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเน่าอย่างที่นางหลี่ว่าจริง ๆ” เสียงชาวบ้านหลายคนที่เดินผ่านมาได้ยินเรื่องราวต่างเอ่ยขึ้นเพื่อยืนยันคำพูดของท่านหมอชราจนทำให้ชาวบ้านหลายคนมองสตรีที่นอนร่ำไห้อยู่ที่พื้นด้วยสายตาดูแคลน “เด็กน้อยอุตส่าห์ทำมาหากินด้วยความขยันขันแข็งเพื่อที่จะเลี้ยงดูบิดาที่ดวงตามืดบอด เหตุใดเจ้าถึงสร้างเรื่องราวใส่ความได้กัน ทั้งที่เจ้าก็มีแขน ขา และดวงตาที่สมบูรณ์กว่าแท้ ๆ แม่นาง” หมอชราเอ่ยตำหนิสตรีตรงหน้าพลางส่ายหน้าแล้วเดินกลับไปหยิบหมูทอดและห่อข้าวบนเกวียนจากนั้นจึงขึ้นรถม้ากลับไปยังโรงหมอ โดยปล่อยให้หญิงสาวเอ่ยคร่ำครวญความเจ็บช้ำออกมาอยู่เช่นนั้น ไม่มีผู้ใดเชื่อลมปากของนางอีกต่อไปในทางกลับกันทหารที่คุ้มกันอยู่จวนท่านเจ้าเมืองก็เดินเข้าไปลากตัวนางออกไป ส่วนแผงเช่าก็ถูกริบทุกอย่างจนหมดสิ้น “พวกท่านจะไปรู้อะไร ลองให้เจ้าหนูไปขายของเหมือนกันดูบ้างสิ มันแย่งลูกค้าข้าไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่จะให้ข้าอยู่เฉยได้หรือ เหอะ
บทที่ 35 ไข่เน่า สามวันต่อมา หลังจากวันที่สนทนาเรื่องขยายเรือนพ่อบ้านโจวก็ไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด ในทางกลับกันยามนี้ทั้งลุงโจวและลุงโม่ต่างสนทนากันเรื่องการสร้างเรือนได้ถูกคอยิ่งนัก หยางเทียนหรงจึงให้พอบ้านโจวอยู่คุมการสร้างเรือนจนกว่าจะเสร็จสิ้น ส่วนตนเองก็เดินทางออกมาขายไข่ไก่ดังเดิมเพราะหยุดขายไปสองวันแล้ว ขาดรายได้ไปหลายตำลึงทำให้เด็กน้อยต้องออกมาค้าขายให้ได้วันนี้ “คุณชายดูแลตนเองให้ดีนะขอรับ และกลับก่อนยามโหย่วด้วย เข้าใจที่ข้าน้อยบอกหรือไม่คุณชาย” โจวหลี่หรงเอ่ยย้ำอีกคราหลังคุณชายตัวน้อยเริ่มหาวออกมา “ลุงโจวเอ่ยกับข้ามาห้าครั้งแล้ว ข้าไปได้และจะกลับมาก่อนยามโหย่ว” “ข้าเป็นห่วงนี่ขอรับ” “ข้าจะดูแลตนเองให้ดีขอรับ ส่วนลุงโจวก็ดูแลกล่องไม้นั้นให้ดีที่สุดเช่นกันนะขอรับ” “ไม่ต้องกังวลขอรับคุณว” เพราะเห็นว่ามันสายมากแล้วเด็กน้อยจึงเอ่ยร่ำลา “อย่ากังวลนักเลยพ่อบ้านโจวข้าอยู่ทั้งคน จะรีบกำชับให้เจ้าหัวผักกาดรีบกลับเรือนโดยเร็ว” บิดาทำการย้ำเตือนอีกคราว่าเด็กน้อยมิได้ไปเพียงลำพัง พ่อบ้านจะได้คลายค
บทที่ 34 ขยายเรือนอีกครั้ง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีไข่ไก่เหลืออยู่นับยี่สิบฟองซึ่งมากกว่าทุกวัน นั่นยิ่งตอกย้ำไปอีกว่ากิจการขายไข่ไก่เริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย ยิ่งยามนี้แม่ไก่สาวเริ่มเติบโตเต็มที่ไข่ไก่ที่ออกมาล้วนแต่ขนาดที่ใหญ่จนต้องขึ้นราคามาเป็นฟองละห้าอีแปะ ทำให้สูญเสียลูกค้าไปบ้างแต่ก็ส่วนน้อยเนื่องจากขนาดของมันนั้นใหญ่มากกว่าร้านที่ขายในราคาเดียวกันเสียอีก “คุณชายกลับกันเถิดขอรับ หากรอไปมากกว่านี้เห็นทีจะถึงเรือนหลังตะวันตกดิน มันไม่เป็นผลดีแน่ขอรับ” การเดินทางไปยังหมู่บ้านซีเป่ยหลังตะวันตกดินนั้นมิใช่เรื่องที่ดีเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่มีเพื่อนร่วมทางแล้วด้วยมันจะกลายเป็นเป้าโจมตีของพวกโจรป่าที่ชอบดักปล้นชิงคนที่เดินทางเพียงลำพังยามค่ำคืน ฉะนั้นกันไว้ดีกว่า
บทที่ 33 พ่อบ้านสกุลหยาง อาการของทาสที่หยางเทียนหรงไถ่ตัวออกมานั้นนับว่าสาหัสพอสมควร เพราะบาดแผลมิได้มีเพียงแค่รอยจากแส้เท่านั้น มันยังมีรอยจากการถูกคมดาบเฉือนเนื้อมากมายนับไม่ถ้วน จนไม่คาดคิดเลยว่าทาสผู้นี้จะมีชีวิตรอดได้นานมากเพียงนี้ “ข้าจัดการบาดแผลภายนอกจนหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ให้บุรุษผู้นั้นตื่นขึ้นมาดื่มโอสถแก้บอบช้ำภายในเท่านั้น” “ขอบคุณท่านหมอที่ช่วยเหลือท่านลุงผู้นี้เอาไว้นะขอรับ” “ลุงของเจ้าหรือ” “มิใช่ขอรับ เขาเป็นทาสที่ข้าได้ช่วยเหลือเอาไว้เพราะไม่อยากให้คนผู้นี้ถูกพ่อค้าทาสทุบตีจนตาย&