หยวนซีซวนตกใจเล็กน้อยที่นางเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เรียวลิ้นอ่อนนุ่มที่สอดแทรกเข้าโพรงปากของตน คล้ายกับขนมบัวลอยหวานๆ ที่พาให้เขาอยากจะขบเคี้ยวและกลืนลงคอเสียให้รู้แล้วรู้รอด บุรุษส่งลิ้นของตัวเองเพื่อจูบกับนางอย่างดูดดื่ม ทว่านางกลับดึงลิ้นกลับ เมื่อเขาส่งลิ้นไปหานาง นางก็หลีกหนีจนบุรุษหงุดหงิดไม่น้อย
มือหนาจึงรั้งที่ท้ายทอยเพื่อไม่ให้นางหลีกหนี ก่อนจะกดริมฝีปากแนบแน่นแล้วออกแรงดูดลิ้นของนางเข้าไปในปากของตนเองอีกครั้ง เกี่ยวรัดรึงลิ้นของนางอย่างเอาแต่ใจ ราวกับลงโทษที่นางกลั่นแกล้งเขาเมื่อครู่
เมื่อริมฝีปากถอยห่างออกจากกัน หยวนซีซวนก็จับร่างบอบบางให้นั่งคร่อมอยู่บนตักของเขา หนิงอวี้เฟยไม่ได้ขัดขืน กลับให้ความร่วมมือโดยการแนบร่างกายของตนเองกับร่างของบุรุษ จนเต้าอวบอิ่มบดเบียดที่แผงอกกว้าง พาให้หัวใจแกร่งสั่นไหว
“อืม” บุรุษครางเสียต่ำอย่างพึงพอใจ ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะทำหน้าที่ของมันโดยการปลดเปลื้องอาภรณ์ของนาง จนเผยให้เห็นทรวงอกอวบอิ่มที
บทที่ 32สายเลือดที่มิอาจปฏิเสธได้หลังจากนั้นเรื่องราวก็จบลง และมีเรื่องให้สรรเสริญเทพธิดาหนิงอวี้เฟยเพิ่มขึ้นอีกเรื่อง หลังจากหยวนซีซวนจัดการเรื่องนี้เรียบร้อย บุรุษก็ไปหานางที่เรือนเหลียนฮวา เรือนที่นางมักจะไปนั่งเล่นอยู่ในสวนบุปผาเมื่อมาถึงก็เห็นว่านางกำลังพูดคุยกับเจินเจิ้นอย่างเพลิดเพลิน บุรุษเผยรอยยิ้มมุมปากก่อนจะเดินเข้าไปแล้วยอบกายคำนับ พลางเอ่ยเสียงเบาทว่าได้ยินชัดทั่วบริเวณ“ถวายบังคม... ฝ่าบาทแห่งราชวงศ์หนิง”ถ้อยคำนั้นทำให้หนิงอวี้เฟยสะดุ้ง นางมองหยวนซีซวนก่อนจะเอ่ย“ท่านพี่ ขะ ข้าไม่ใช่สายเลือดราชวงศ์หนิงนะ ข้า...”“ใช่ เจ้านั่นแหละ...ใช่” เจินเจิ้นที่นั่งคุยอย่างสนุกสนานและนอบน้อมกับนางเมื่อครู่ บัดนี้เคร่งขรึมขึ้นราวกับเป็นคนละคน “...สายเลือดของราชวงศ์หนิง หลานของข้า”สตรีตัวน้อยสะดุ้งตกใจ มองเจินเจิ้นตาค้าง“ขออภัยที่ข้าต้องปิดบังตัวตน ในตอนแรกข้าไม่ได้ตั้งใจเลย แต่เพราะอยาก
บทที่ 31สืบหาคนร้ายคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะเหลือบสายตามองหวังจางเหว่ยและโม่โฉวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพราะกลัวว่าจะเป็นการกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน เพราะสิ่งที่นางเอ่ยออกไปหากไม่เป็นความจริง มันก็คือการใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์หยวนซีซวนสังเกตความลังเลนั้น จจึงโบกมือไล่พวกเขาออกไป เมื่อในห้องนี้เหลือแค่เขาและนาง หนิงอวี้เฟยจึงเอ่ยออกไปอย่างไม่ลังเล“ข้าสงสัยว่าจะมีการทุจริตหรือไม่?”บุรุษรับสมุดบัญชีมาดู… คิ้วเข้มของเขาขมวดเข้าหากัน พลางครุ่นคิดกับตัวเลขที่ปรากฏตรงหน้า มองปราดเดียวก็พบถึงความผิดปกติ บุรุษไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะการทุจริตมีอยู่ทุกที่ โดยเฉพาะพวกโลภมาก และฉวยโอกาส หนิงอวี้เฟยในสายตาคนอื่นเป็นชาวสวรรค์ อาจไม่สันทัดเรื่องการทำบัญชีเที่เป็นเรื่องของมนุษย์โลก จึงทำให้เกิดการฉวยโอกาสกระทำการเช่นนี้ทว่านางกลับพบเจอมัน ช่างน่าทึ่งจริงๆจากนั้น… เขาตบตักของตนเองอีกครั้ง“นั่งตักข้า”หนิ
บทที่ 30ความรู้สึกที่พรั่งพรูบุรุษไม่ได้ขอให้นางรับรัก เพียงขอให้เขารักนางต่อไป“ข้าไม่ขอให้เจ้ารับรัก ข้าไม่ขอให้เจ้าอยู่เคียงข้างข้าไปตลอด” หยวนซีซวนเอ่ยเสียงแผ่วเบา แต่ด้วยความใกล้ชิดในยามนี้ ทำให้หนิงอวี้เฟยได้ยินมันชัดเจนเหลือเกิน “หากถึงเวลา หากเจ้ามีทางกลับไป… ข้าจะไม่รั้งเจ้า”หูของนางที่แนบไปกับอกกว้างทำให้ได้ยินเสียงหัวใจของบุรุษชัดเจนยิ่งขึ้น ราวกับพร่ำเอ่ยถ้อยคำหวานซึ้ง“แต่ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ที่นี่ อยู่ ณ ที่แห่งนี้...ให้ข้าได้รักเจ้าด้วยเถิด… เฟยเอ๋อร์”หัวใจของหนิงอวี้เฟยเต้นระรัว ราวกับจะหลุดออกจากอกอ้อมกอดอบอุ่นนี้…ความอ่อนโยนที่แผ่ซ่าน…ถ้อยคำหวานซึ้งที่ตราตรึงใจ…เช่นนี้นางจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร!?“ขะ… ข้า... ข้าเองก็รักท่าน ฮือ…”นางร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้จ
บทที่ 29ข้าต้องกลับไปโม่โฉ่วเดินเข้ามา สายตาคมกริบของเขาตวัดมองชายชราอย่างไม่เป็นไม่มิตร“โม่โฉว?”แต่เมื่อได้ยินเสียงหวานๆ เรียกเขา บุรุษก็เก็บสายตานั่น ก่อนจะสบตากับหนิงอวี้เฟยอย่างอ่อนโยน“คำนับพระชายา ซวนอ๋องจะออกไปข้างนอก จึงให้ข้ามาถามพระชายาว่าอยากไปด้วยกันหรือไม่ขอรับ”“ไปสิ! ไปตอนนี้เลย!”เมื่อได้ยินว่าจะได้ออกไปข้างนอกนางก็ตาลุกวาว ก่อนจะรีบลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งออกไปราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสาโม่โฉวมองตามนางอย่างเอ็นดู นางอยู่แต่ในจวนคงรู้สึกอึดอัดไม่น้อย แม้จวนอ๋องแห่งนี้จะกว้างขวางโอ่อ่ามากเพียงใด แต่ก็มีแต่สิ่งเดิมๆด้วยเหตุนั้นเมื่อหยวนซีซวนรับรู้ว่าหนิงอวี้เฟยแอบใช้ทางลับออกไปเที่ยวเล่นอยู่บ่อยครั้ง เพียงแต่ส่งคนไปอารักขานางอย่างรัดกุมเท่านั้น เพราะหากปล่อยปละละเลยจนเกินไปหากเกิดสิ่งใดขึ้นเขาต้องคลั่งตายแน่ๆนึกถึงเมื่อครั้งนางมาอยู่ที่นี่แรกๆ นางดูหวาดระแวงแล้วหวาดกลัวทุก
บทที่ 28ตามใจนางปากหนางับยอดอกของนางดูดเข้าปาก ส่วนนิ้วแกร่งก็ปรนเปรอช่วงล่างให้นาง จนร่างบอบบางอ่อนระทวย“ทะ ท่านพี่ อื้อ!”สตรีตัวน้อยโอบกอดบุรุษแนบแน่น ร่างของนางสั่นระริกพร้อมทั้งหอบหายใจยังยากลำบาก ทั้งเด้งสะโพกรับนิ้วแกร่งและถอนออกเมื่อพบกับความเสียวซ่านยากเกินรับมือไหว เป็นเช่นนั้นอยู่ไม่นาน หยวนซีซวนก็ดังรั้งเอวของนางแล้วสอดใส่แก่นกายเข้าไปทันที“อื้อ!!”ใบหน้าคมคายโน้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูของนางเสียงแผ่วเบา“ข้าเปลี่ยนโต๊ะทำงานแล้ว ให้ข้าได้ลองเสียหน่อยว่าโต๊ะตัวนี้แข็งแรงมากเพียงใด”ถ้อยคำแฝงความนัย ทำเอาดวงหน้าหวานแดงระเรื่อ นางเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความเขินอาย กระนั้นก็ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธไป จากนั้นบุรุษก็เริ่มขับเคลื่อนแก่นกายอย่างหนักหน่วง“อื้อ!” เสียงหวานครางกระเส่า นางเม้มริมฝีปากกลั้นเสียงน่าอาย ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนลำคอแกร่งแล้วออกแรงกัดเบาๆร่างกายที่ถาโถมเข้ามาหานาง มัน
บทที่ 27น้ำมันหอมระเหย“ข้ารู้สึกถูกชะตากับท่าน… ท่านเป็นคนใจดี ข้าอยากรับใช้ท่าน ข้าไม่ต้องการอะไร เพียงข้าวครบสามมื้อ หรือแค่วันละมื้อก็ยังดี…”เขาเอ่ยรวดเดียวราวกับกำลังนำเสนอตนเอวว่ามีประโยชน์ต่อนางมากเพียงใด หนิงอวี้เฟยมองด้วยความลังเล อันที่จริงนางสามารถช่วยชายชราผู้นี้ได้ แต่ถ้านางพากลับไป หยวนซีซวนจะต้องรู้ว่านางแอบหนีมาเที่ยว อีกทั้งนางยังหนีมาเที่ยวไม่ใช่ครั้งแรกเสียด้วย ไม่ต่างจากคนมีความผิดตั้งใจปิดบังเช่นนั้นก็มีเพียงวิธีเดียว..."พรุ่งนี้ไปขอทำงานที่จวนอ๋อง ข้าจะช่วยเจ้าเอง!" เสียงของนางหนักแน่น ดวงตาฉายแววจริงใจเมื่อชายชราที่ได้ยินคำพูดนั้น กลับตกใจเสียยิ่งกว่าที่คาดคิด ดวงตาของเขาเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงสั่นๆ"ทะ ท่าน ท่านคือ… เทพธิดาหรือ!?"สตรีตัวน้อยชะงัก ก่อนยกนิ้วขึ้นจรดริมฝีปากส่งสัญญาณให้เงียบเสียงทันที“ชู่ว!” หนิงอวี้เฟยกระซิบเสียงเบา ดวงตาวาววับด้วยความร