ลู่ฉิงเสวี่ยส่ายหน้า ท่าทางมุ่งมั่นอย่างมาก “ข้าคิดดูแล้ว ก่อนหน้านี้ลูกของข้าเกือบรักษาเอาไว้ไม่ได้ เจ้าไม่ได้ใช้เพียงวิชาแพทย์ คล้ายยัง...ยังใช้วิชานั้น ดังนั้นข้าจึงอยากถาม ใช่หรือไม่ว่า...”ซ่งรั่วเจินเข้าใจแล้ว “ท่านอยากถามข้าว่าเหตุที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ใช่หรือไม่ว่าถูกสิ่งชั่วร้ายเข้าสิง?”ลู่ฉิงเสวี่ยพยักหน้า “ข้าไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ เพียงอยากถามให้ชัดเจนจะได้วางใจ”ซ่งรั่วเจินเห็นอารมณ์ของลู่ฉิงเสวี่ยกลับมาเป็นปกติแล้ว ต่อให้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย แต่นางสตรีเข้มแข็งคนหนึ่ง ทั้งหมดนี้ไม่ส่งผลต่ออารมณ์ของนาง นี่จึงเอ่ยออกมา“มีปัญหาจริงเจ้าค่ะ”เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา ลู่ฉิงเสวี่ยก็ตึงเครียด “ตกลงเป็นเพราะเหตุใดกันแน่? เจ้าสามารถบอกข้าได้หรือไม่?”“วันนี้ตอนข้าเห็นท่าน ก็พบว่าเด็กในท้องถูกวิญญาณแค้นโอบล้อมอยู่ วิญญาณแค้นคิดจะสิงร่างเด็ก”“หากทำสำเร็จ ลูกที่ท่านคลอดจะกลายเป็นหายนะยิ่งใหญ่”“แต่ลูกของท่านยอดเยี่ยมมาก เขาดิ้นรนอยู่ตลอด ชนิดที่ว่าตอนทนไม่ไหว เขายอมตายจากไป แต่ไม่ยอมถูกวิญญาณแค้นสิงร่าง”“ก็เพราะสาเหตุนี้ วันนี้ครรภ์ของท่านจึงเกือบรักษาไว้ไม่ได้”ลู่ฉิงเส
เดิมทีฟ่านหัวหรงก็ไม่ยอมแพ้ เขาไม่มีวันยอมหย่ากับลู่ฉิงเสวี่ย!ภายในใจเขามีลู่ฉิงเสวี่ยมาโดยตลอด เรื่องนี้ไม่เคยหวั่นไหวมาก่อน ส่วนชุยอิงเอ๋อร์ เดิมทีก็ไม่สามารถเทียบกับฉิงเสวี่ยได้!เพียงแต่ ทุกคนของสกุลลู่เข้มงวดมาก ไม่คิดมอบโอกาสให้เขาใต้เท้าลู่สั่งให้คนเขียนหนังสือหย่าแล้วมอบให้ฟ่านหัวหรง ส่วนด้านบนนั้น ลู่ฉิงเสวี่ยลงชื่อไว้เรียบร้อยแล้วฟ่านหัวหรงเหม่อมองหนังสือหย่าในมือ ภายใต้ความโมโหจึงลืมมารยาทของผู้น้อย ฉีกหนังสือหย่าทิ้งต่อหน้าคนสกุลลู่ สุดท้ายถูกไล่ออกไปซ่งรั่วเจินเห็นเส้นเลือดบนขมับของฟ่านหัวหรงเต้นตุบๆ ดวงตาแดงก่ำ คล้ายไม่อาจทนต่อความเจ็บปวดใหญ่หลวงได้ ชนิดที่ว่าคุกเข่าต่อหน้าทุกคน ท่าทางคล้ายขอโอกาสให้เขาสักครั้ง ภายในใจรู้สึกอยากขันหลายส่วนคนมากมายล้วนรอให้เสียไปก่อนถึงจะรู้ว่าที่มีอยู่นั้นล้ำค่ามากเพียงใด แต่เห็นได้ชัดเจนมากว่าสายไปเสียแล้ว“ไม่เข้าใจจริงๆ ต้องการอันใดกันแน่?”ฉู่จวินถิงสบสายตาซับซ้อนของฮูหยินตนแล้วพูดว่า “ก็แค่ต้องการทุกอย่าง เขาไม่ได้ชอบชุยอิงเอ๋อร์ เพียงแต่ชอบให้แม่นางเคารพยกย่องโดยสันดานเท่านั้น”“ท่านพี่กลับมองออกอย่างกระจ่างชัด ข้าเห็น
ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเกิดเรื่องบาดหมางกับฮูหยินน้อยสกุลเมิ่ง นี่ถึงทำให้แท้งลูก จริงหรือไม่?”“พ่อของลูกเปลี่ยนใจ ความรักระหว่างพ่อแม่ไม่หลงเหลืออีก บางทีเขาอาจรับรู้ได้ถึงเป็นเช่นนี้กระมัง” ลู่ฉิงเสวี่ยเอ่ยตอบเสียงเรียบ“ไม่ ข้าไม่ได้เปลี่ยนใจ! ภายในใจข้ารักเจ้าที่สุดมาโดยตลอด เรื่องนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”ฟ่านหัวหรงมีสีหน้าร้อนใจ “ข้ารู้เจ้ายอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่เจ้าให้โอกาสข้าสักครั้ง”“เจ้าไม่ชอบชุยอิงเอ๋อร์ ข้าจะไล่นางไปเดี๋ยวนี้เลย รับรองว่าภายภาคหน้าไม่มีวันพบนางอีก จะตัดขาดจากนาง ดีหรือไม่?”สายตาลู่ฉิงเสวี่ยซับซ้อน มองผ่านท่าทีของฟ่านหัวหรง นางรู้ได้ว่าเขาสามารถตัดขาดความสัมพันธ์กับชุยอิงเอ๋อร์เพื่อตนเองได้นึกถึงท่าทางเย่อหยิ่งโอหังยามชุยอิงเอ๋อร์วิ่งมาเบ่งบารมีต่อหน้านางก่อนหน้านี้ พูดว่าบัดนี้ฟ่านหัวหรงใส่ใจมากที่สุดก็คือนางชุยอิงเอ๋อร์ ไม่ใช่ตนเองบัดนี้นางเพียงคิดว่าน่าขัน เดิมทีนางก็หมิ่นแคลนเกินกว่าจะไปแย่งชิงกับชุยอิงเอ๋อร์ เพราะฐานะของพวกเขาแตกต่างกันตั้งแต่แรกนางเป็นลูกสาวของสกุลลู่ นางเป็นฝ่ายลดตัวลงมาแต่งงาน ต่อให้ไม่แต่งกับฟ่านหัวหรง นางก็มีชีวิตที่ดีมา
“ฉิงเสวี่ย เจ้าเข้าใจข้าผิดไปหรือไม่ หรือมีใครพูดอันใดต่อหน้าเจ้ากระนั้น?”ฟ่านหัวหรงสืบเท้าขึ้นมาจับมือลู่ฉิงเสวี่ย “พวกเราอยู่ร่วมกันมานานเพียงนี้ ความจริงใจของข้าเจ้าเองก็รู้ดี!”ลู่ฉิงเสวี่ยมองชายที่นางเคยรักอย่างลึกซึ้งคนนี้ เป็นเขาสร้างความฝันอันงดงาม ทีแรกคิดว่าชาตินี้จะติดอยู่ในความฝันอันงดงาม บัดนี้ตื่นขึ้นมาแล้ว นางไม่มีวันทำเรื่องโง่งมอีก“หัวหรง ข้าเคยพูดไว้ตั้งแต่แรก ข้าลู่ฉิงเสวี่ยไม่ชอบการหลอกลวง ยิ่งไม่ชอบถูกทรยศ”“หากวันหนึ่งท่านมีคนอื่น ไม่สู้บอกข้าโดยตรง พวกเราจะได้จบลงด้วยดี แต่ทั้งๆ ที่ท่านรับปากข้าแล้ว กลับยังเห็นข้าเป็นตัวโง่งมหลอกลวงกันเช่นนี้ นี่จำเป็นด้วยหรือ?”ฟ่านหัวหรงตึงเครียดขึ้นมา ความโชคดีรางๆ นั้นมลายหายไปแล้วทว่าทั้งๆ ที่เขาปกปิดไว้ดีถึงเพียงนั้น ฉิงเสวี่ยไม่ควรรู้เรื่องถึงจะถูก...“ช่วงนี้ท่านและชุยอิงเอ๋อร์ออกไปเที่ยวเล่นที่ภายนอกมีความสุขหรือไม่?” ลู่ฉิงเสวี่ยเอ่ยถามเสียงเรียบรูม่านตาฟ่านหัวหรงหดเกร็ง ฉิงเสวี่ยไม่เพียงรู้เรื่องชุยอิงเอ๋อร์ แม้แต่เรื่องเขาพาชุยอิงเอ๋อร์ออกไปพร้อมกันก็รู้ทั้งหมด!“ฉิงเสวี่ย เจ้าฟังข้าอธิบาย เรื่องไม่เป็นอย
“ตอนนั้นข้าได้ยินแล้วก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ เกือบทะเลาะต่อยตีกับสวีปินคนนั้น แต่ฟ่านหัวหรงห้ามไว้”สีหน้าคุณชายใหญ่สกุลลู่เคร่งขรึมลงไป “มิน่าเล่า คนดีย่อมคบคนดี คนชั่วย่อมคบคนชั่ว คบหากับคนชั่วกลุ่มนี้ เขาจะดีได้อย่างไร?”“เมื่อแรกเจ้าสมควรต่อยตีพวกเขาแรงๆ สักที หลังกลับมาแล้วก็แจ้งพวกเรา สวีปินไอ้ชั่วคนนั้นข้าเองก็รู้จัก ไม่ใช่คนดีอะไร!”ลู่เป่ยชวนพยักหน้า บัดนี้เขานึกเสียใจภายหลังหากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ เมื่อแรกก็ควรให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ เอ่ยเตือนพี่หญิงไม่ให้ฟ่านหัวหรงไปอยู่รวมกับคนชั่วเหล่านี้ นี่ก็เกิดเรื่องไม่ผิดไปดังคาดทุกคนได้เห็นฟ่านหัวหรงรีบเข้ามาอย่างว่องไวฟ่านหัวหรงคิดไม่ถึงเลยว่าเพียงมาถึงก็จะได้พบการต้อนรับยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความกังวลทวีคูณยิ่งขึ้น“หัวหรงคารวะท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่”ใต้เท้าลู่มองเขาด้วยสีหน้าเย็นชาแวบหนึ่ง ภายในสายตาเปี่ยมความเยาะหยัน “ฟ่านโหวงานยุ่ง ถึงขั้นมีเวลามาที่สกุลลู่ของพวกเรากระนั้นรึ?”“ท่านพ่อ ลูกเขยไม่เข้าใจความนัยของท่าน”ฟ่านหัวหรงเผยสีหน้าจริงใจ “ลูกเขยได้รับคำสั่งให้ไปทำธุระที่คูเมืองอื่น วันนี้เพิ่งกลับถึงเมืองหลวง ได้ยิ
“ไอ้สารเลวคนนั้นถึงขั้นกล้ามา?”ใต้เท้าลู่ได้ยินข่าวการมาของฟ่านหัวหรงแล้ว สีหน้าเย็นชาลงไป“มาแล้วก็ดี ประเดี๋ยวฉิงเสวี่ยเห็นแล้วเขาจะไม่สบอารมณ์ ไม่สู้รีบตัดให้ขาดไป ให้เขาเขียนหนังสือหย่า แยกย้ายจากไปด้วยดี!”ลู่ฮูหยินพยักหน้าเห็นด้วย “ก่อนหน้านี้สาบานต่อหน้าพวกเรา จะดีต่อฉิงเสวี่ย ปรากฏว่าลับหลังกลับทำเรื่องพรรค์นี้ นางแพศยาคนนั้นตั้งครรภ์ลูกของเขาแล้ว ยังคิดจะหลอกฉิงเสวี่ยไปตลอด!”“ข้ารู้สึกไม่คุ้มค่าแทนฉิงเสวี่ยจริงๆ เมื่อแรกทั้งๆ ที่เลือกคุณชายน้อยสกุลต้วนไว้ให้ฉิงเสวี่ย แต่เขาตามตอแยไม่เลิกรา”“แต่งงานได้เพียงไม่นานก็เลิกทะนุถนอมแล้ว คำพูดของผู้ชายไม่น่าเชื่อถือจริงๆ!”เพียงสิ้นเสียงของลู่ฮูหยิน ใต้เท้าลู่และลูกชายสองสามคนของสกุลลู่ต่างมองหน้ากัน ครู่ต่อมาอยากอธิบาย แต่นึกถึงอารมณ์ของลู่ฮูหยิน แต่ละคนล้วนเลือกจะเงียบปากลง“เพราะฉิงเสวี่ยไม่ตั้งครรภ์มาโดยตลอด จึงรู้สึกผิดต่อเขาอยู่ในใจ เพื่อรักษาอาการป่วย แต่ไหนแต่ไรมาไม่รู้นางกินน้ำแกงยาไปมากน้อยเพียงใด”“ข้าที่เป็นแม่ล้วนเห็นอยู่ในสายตา ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกฉิงเสวี่ยรู้สึกผิดต่อเขา ยังคิดเสนอให้เขารับอนุจิตใจดีมาคนหนึ