ทุกคนที่ตามมารับชมความครึกครื้นพึงพอใจมาก ความสนุกสนานเช่นนี้พบเห็นได้ไม่บ่อยนักปกติสองแม่ลูกสกุลเคอโอหังจนคุ้นชิน วันนี้ตบหน้าพวกเขาแรงๆ หนึ่งฉาด รู้สึกเพียงมีความสุขยิ่งนัก!แปดแสนตำลึงนี้ มองจากท่าทีของคนสกุลเคอดูแล้วน่ากลัวว่าไม่ง่ายดายเพียงนั้น น่ากลัวว่าต่อจากนี้มีละครฉากสนุกให้รับชมแล้ว...ขบวนคนสกุลซ่งนำสิ่งของและหนังสือรับรองหนี้กลับไป ออกจากสกุลเคออย่างพึงพอใจส่วนใต้เท้าเคอเลิกประชุมกลับมาแล้วได้รู้ว่าฮูหยินและลูกสาวถึงขั้นติดหนี้สกุลซ่งแปดแสนตำลึง ทันใดนั้นรู้สึกราวกับฟ้าถล่มอยู่ตรงหน้า!เงินมากเพียงนี้ สกุลเคอจะคืนได้เยี่ยงไร?เพียะ!ใต้เท้าเคอยกมือตบหน้านายหญิงเคอหนึ่งฉาด “ดูเรื่องดีที่เจ้าทำสิ! แปดแสนตำลึงถูกพวกเจ้าใช้ไปจนหมดแล้วหรือ?”“ท่านตบข้า?”นายหญิงเคอปิดหน้าตนเอง เห็นอีกสามบ้านกำลังมองเรื่องตลกก็ตะโกนด่าทั้งน้ำตาออกไปอย่างสุดระงับ“ตอนแรกจ่ายเงินมากน้อยเพียงใด หรือว่าภายในใจของท่านไม่รู้จำนวนเลยหรือ? ตอนนี้ถึงขั้นตำหนิข้า ท่านมิได้ใช้เงินเหล่านั้นหรือ?”ใต้เท้าเคอย่อมใช้เงินจริง ที่บ้านมีคนโง่อย่างซ่งจิ่งเซินมอบเงินให้ไม่หยุดคนหนึ่ง ทีแรกพวกเขายังปฏิเ
ซ่งจืออวี้คลี่ยิ้มลำพองใจ “ใครให้เจ้านั่นโง่เขลาเองเล่า? ปล่อยน้องหญิงห้าสตรีงามดุจหงส์คนนี้ไป กลับต้องการแต่งงานกับไก่ป่าชอบนอกใจเขาคนนั้น บัดนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้วมิใช่หรือ?”ซ่งรั่วเจิน “...” ท่านสรุปเก่งเสียจริงซ่งจิ่งเซินเลิกคิ้ว เขาเพิ่งกลับมา ระยะก่อนได้รับข่าวมากเกินไป ดังนั้นจึงไม่รู้รายละเอียดมากมายอันใดนัก“นั่นก็สมน้ำหน้าเขาแล้ว ตอนนี้ติดหนี้พวกเรามากเพียงนี้ คืนแล้วหรือไม่?”“ข้าคิดว่าอีกเดี๋ยวจะไปรับจวนของพวกเขาแล้ว ระยะนี้ยุ่งมากจนเกินไป ไม่มีเวลาใส่ใจ”ซ่งรั่วเจินยกมุมปาก นางได้รู้ว่าฉินซวงซวงกลับจวนหลินแล้ว แม้ไม่รู้ว่าตกลงหลินจือเยว่คิดเช่นไรจึงยอมให้อภัยนาง แต่ในเมื่อต้องการจวน ก็ต้องให้คนอยู่พร้อมหน้ากันถึงจะดีซ่งจิ่งเซินและซ่งจืออวี้สบตากันแวบหนึ่ง ทันใดนั้นนึกสนุกขึ้นมาแล้ว“พวกเราจะไปเป็นเพื่อนเจ้า!”ซ่งอี้อันพยักหน้า แม้พูดว่าสุภาพชนไม่ฆ่าคน แต่คนรังแกน้องสาวของเขาจะต้องชดใช้!หลินจือเยว่พบจุดจบเช่นนี้ เป็นเขารนหาที่เองณ สกุลหลินฉินซวงซวงถูกหลินจือเยว่รับกลับมาแล้ว รู้สึกดีใจขึ้นมาระลอกหนึ่ง“จือเยว่ ข้าก็รู้ภายในใจท่านยังมีข้า ท่านฟังข้าอธิบายเรื
ทันใดนั้นสีหน้าหลินจือเยว่บึ้งตึง “นี่เจ้าหมายความว่ากระไร? ถามไล่เรียงข้า?”สีหน้าฉินซวงซวงเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดอธิบาย “ข้ามิได้หมายความเช่นนี้ ข้าเพียงบังเอิญได้ยินข่าวนี้ก็เท่านั้น...”“เจ้าเองก็รู้หลังเกิดเรื่องนี้ท่านแม่โมโหมากเพียงใด คิดเพียงให้ข้าหย่ากับเจ้า จากนั้นให้ข้าแต่งงานใหม่อีกครั้ง”“เรื่องนี้ทำให้นางเสียใจมากจนเกินไป ข้าเองก็ไม่สามารถปฏิเสธน้ำใจนางไปตลอดได้ นี่ถึงฝืน...”เพียงฉินซวงซวงได้ยินว่ามีเรื่องนี้จริง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ขึ้นมาแล้ว นังเฒ่าเจ้าสำนักซ่องคนนั้นไม่ใช่คนดีดังคาด!นางเพียงออกจากสกุลหลินระยะหนึ่งเท่านั้น นางถึงขั้นยุแยงให้หลินจือเยว่แต่งงานใหม่อีกครั้ง ช่างอำมหิตนัก!“ทีแรกข้าเองก็ไม่เห็นด้วย เจ้าเองก็รู้ภายในใจข้า ไม่ว่าแม่นางคนใดก็เทียบเจ้าไม่ได้ แต่ซุนเยียนเอ๋อร์คนนี้เป็นญาติผู้น้องของซ่งรั่วเจิน เจ้ารู้ดี” หลินจือเยว่พูดขึ้นฉินซวงซวงขมวดคิ้ว “ท่านพี่ ท่านหมายความว่า?”“ซ่งฮูหยินและซุนฮูหยินเป็นพี่น้องแท้ๆ กัน ยิ่งไปกว่านั้นหลายปีมานี้สกุลซุนสามารถอยู่อย่างไร้กังวลได้ก็หนีไม่พ้นสกุลซ่งคอยดูแล”“ได้ยินมาว่าสกุลซุนมักไปขูดรีดที่สกุล
“ก่อนหน้านี้ดีชั่วอย่างไรก็เป็นจวนโหวแห่งหนึ่ง บัดนี้เสื่อมโทรมกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว มองออกว่าให้กำเนิดเพียงตัวไร้ประโยชน์ สุดท้ายก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “พูดมีเหตุผล”“น้องหญิงห้า หลังรับจวนหลังนี้แล้วเจ้าวางแผนเยี่ยงไร?”“ข้าคิดว่าซื้อมาทำร้านอาหารแห่งหนึ่งเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินครุ่นคิด พูดว่า “แม้ว่าโทรมไปบ้าง แต่กลับกว้างขวาง ซ่อมแซมดีๆ สักหน่อย แบ่งออกเป็นลานเล็กๆ”ก่อนหน้านี้นางเคยเห็นร้านอาหารแห่งอื่นภายในเมืองหลวง กิจการนับว่าไม่เลว แต่ห้องส่วนตัวบนชั้นสอง ความเป็นส่วนตัวยังแย่เกินไปหากในเวลานี้เปิดร้านอาหารเช่นนี้แห่งหนึ่ง เชื่อว่าจะต้องมีคนมากมายเลือกใช้ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีนางก็ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ก่อนหน้านี้ชอบอาหารเลิศรสหลากหลายอย่าง วิธีการทำเทียบกับอาหารเหล่านั้นภายในเมืองหลวงตอนนี้แล้ว นางมีตำรับอาหารเลิศรสมากมายยิ่งกว่าถึงตอนนั้นนำออกมาเป็นจานเด็ดประจำร้าน ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีลูกค้า แม้แต่ราคาก็สามารถเพิ่มขึ้นได้อีกเล็กน้อยได้ยินถ้อยคำของซ่งรั่วเจิน ดวงตาซ่งจิ่งเซินทอประกายระยับ “นี่กลับเป็นความคิดที่ดีอย่างหนึ่ง ดูท่าแล้วระยะที่ข้าไม่อยู่นี้
ฉินซวงซวงชะงัก “เจ้าหมายความว่ากระไร?”“ก็หมายความตามที่พูด”ซ่งรั่วเจินหันมองทางหลินจือเยว่ “ครั้งก่อนข้าเคยพูดไว้ จะต้องรีบคืนเงินให้หมด ครั้งก่อนยกร้านให้ข้าแล้ว แต่ระยะนี้กลับไม่เห็นพวกเจ้าคืนเงิน เช่นนั้นก็ใช้เรือนหลังนี้ค้ำประกันเถอะ”สีหน้าหลินจือเยว่เปลี่ยนไป “เจ้าต้องการเรือน?”“มิเช่นนั้นเล่า?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “หรือว่าจะปล่อยให้พวกเจ้าเบี้ยวหนี้เช่นนี้ ไม่ต้องคืนเงินแล้ว?”หลินจือเยว่สะอึก สีหน้าไม่สบอารมณ์ ซ่งรั่วเจินไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อยจริงๆเดิมทีเขาอยู่ในเมืองหลวงก็มีหน้ามีตา มากน้อยอย่างไรก็มีคนชื่นชม บัดนี้ภายในคำพูดของซ่งรั่วเจิน เขากลายเป็นคนเบี้ยวหนี้ไม่ยอมใช้คนหนึ่ง ไม่น่าฟังมากเพียงใด?“ข้า ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้ เพียงแต่หากเจ้าเอาเรือนหลังนี้ไป พวกเราก็ไม่มีแม้แต่ที่พักอาศัยแล้ว”“เจ้าวางใจ เงินที่ติดค้างเจ้าเอาไว้พวกเราจะต้องคืน...”“ไม่ต้องมาวาดฝันให้ข้าแล้ว ท่านจะเอาอะไรมาคืน?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา ตัดบทคำพูดของหลินจือเยว่ เรื่องวาดฝันนั้นมอบให้ฉินซวงซวงเถอะ นางรับไม่ไหวฉินซวงซวงเห็นซ่งรั่วเจินพูดกับหลินจือเยว่ถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะทนอยู่ได้?
“เจ้าค่ะ คุณชาย”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินไม่ได้เพิ่งจะเคยเจอสถานการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก ตอนแรกที่ถอนหมั้นก็เป็นเช่นนี้ คนเป็นโขยงบุกเข้ามากวาดเอาสิ่งของในจวนที่สามารถนำไปได้ไปจนหมดตอนนี้ก็มาไม้นี้อีกแล้ว นี่คิดจะทำให้พวกนางไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอนเลยงั้นรึ!ทันใดนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าหลินก็ทรุดนั่งลงบนพื้นร่ำไห้โวยวายขึ้นมา“สวรรค์ ทุกคนมาดูเร็วเข้า ตระกูลซ่งคิดจะกดดันให้ครอบครัวพวกข้าไปถึงทางตันชัดๆ!”“ท่านโหว ข้าผิดต่อท่านจริงๆ แม้แต่จวนโหวก็ยังรักษาไว้ไม่ได้ เอาชีวิตข้าไปตอนนี้ยังดีเสียกว่า!”เสียงครึกโครมนี้ดึงดูดผู้คนบริเวณรอบๆ เข้ามา ก่อนหน้านี้ตระกูลหลินเกิดเรื่องติดต่อกัน ยามนี้เห็นฮูหยินผู้เฒ่าหลินโวยวายอีกแล้วก็ห้อมล้อมเข้ามาอย่างอดไม่อยู่ทว่าคราวนี้ความสนใจของทุกคนกลับไม่ใช่เสียงร่ำไห้ร้องทุกข์ของฮูหยินผู้เฒ่าหลิน สิ่งที่พวกเขาสนใจยิ่งกว่าคือฉินซวงซวงกลับมาแล้วหรือนี่?“ฉินซวงซวงถูกคนจับชู้ได้คาเตียงแล้วแท้ๆ ต่อให้จวนสกุลฉินจะป่าวประกาศว่านางบริสุทธิ์ แต่ภรรยาดีๆ ที่ไหนจะขึ้นรถม้าชายอื่นตอนกลางค่ำกลางคืนกัน?”“นั่นน่ะสิ ได้ยินว่านางนึกว่าเป็นรถม้าของฉู่อ๋องจึงขึ้นไป ไม่รู้จัก
หลินจือเยว่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ซ่งรั่วเจิน เจ้าจะรังแกกันเกินไปแล้ว!”“ไม่พอใจก็ไปแจ้งความจับข้าที่ศาลาว่าการสิ!” ซ่งรั่วเจินไม่กลัวแม้แต่น้อย “ข้าว่าท่านรีบคืนเงินที่เหลือโดยเร็วจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าจะไปแจ้งความ”“เงินที่ท่านค้างอยู่เพียงพอให้ตัดสินโทษเนรเทศตั้งนานแล้ว ถ้ายังปฏิเสธไม่ยอมคืนเงิน ท่านก็รอให้ทางการมาจับกุมก็แล้วกัน!”เดิมนางก็คิดไว้เช่นนี้ แต่เห็นรัศมีตัวเอกของหลินจือเยว่กับฉินซวงซวงยังไม่หายไป แทนที่จะขับไล่ไปให้พวกเขามีโอกาสหวนคืนมาอีกครั้ง มิสู้ปล่อยให้อยู่ในเมืองหลวงต่อไปหากพบว่ามีโอกาสที่จะฟื้นตัวกลับมา นางก็จะทำลายมันทันที!หลินจือเยว่สะท้านใจวาบ ถ้าถูกตัดสินโทษเนรเทศก็หมายความว่าจะไม่มีโอกาสคืนสู่ราชสำนักโดยสิ้นเชิงไม่ได้เด็ดขาด!ฉินซวงซวงตั้งท่าจะอาละวาด แต่กลับถูกหลินจือเยว่ดึงเอาไว้ “อดทนไว้จนกว่าคลื่นลมสงบ ตอนนี้ปล่อยให้พวกนั้นได้ใจไปก่อน รอพวกเราฟื้นตัวกลับมาได้เมื่อไร ตระกูลซ่งได้เห็นดีกันแน่!”ฉินซวงซวงได้ยินอย่างนั้นก็ได้สติคืนมา นางถลึงตาใส่ซ่งรั่วเจินพลางกล่าว “เจ้ารอข้าก่อนเถอะ! ข้าจะต้องคืนความอัปยศที่ได้รับในวันนี้กลับไปให้เจ้าไม่ช้าก็เร
“ย่อมต้องไปหาตระกูลฉินอยู่แล้ว” ซ่งรั่วเจินยิ้มกล่าวพวกเขาสบตากัน ใบหน้าเผยรอยยิ้มแฝงเลศนัยออกมาตระกูลฉิน...ถึงคราวหาความสงบไม่ได้อีกครั้งแล้ว“น้องหญิงห้า ก่อนหน้านี้เจ้าให้ข้าคอยสังเกตความเคลื่อนไหวของฉินซวงซวงกับเหอเซียงหนิงไม่ใช่หรือ? ข้าพบเรื่องแปลกมากเรื่องหนึ่ง” ซ่งจืออวี้กล่าวซ่งจิ่งเซินแววตาวาววับ “ลองพูดมาซิ”“หลังจากฉินซวงซวงไปที่ตระกูลฉินก็ไม่เคยได้อยู่อย่างสงบ ได้ยินว่าคุณชายใหญ่กับคุณชายรองตระกูลฉินล้วนโวยวายเพราะเรื่องนี้ แม้แต่ฉินเซี่ยงเหิงยังลงมือกับจ้าวซูหว่าน”“หลังฉินซวงซวงกลับมา สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้รองของตระกูลฉินถึงถูกรับตัวกลับมา จะว่าไปก็แปลกนัก ฉินซวงซวงไปแล้ว เหอเซียงหนิงกลับยังอยู่ที่นั่นไม่ไปไหน”ซ่งรั่วเจินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ“ตอนนี้เหอเซียงหนิงยังอยู่ที่ตระกูลฉิน?”ซ่งจืออวี้พยักหน้า “เจ้าว่าแปลกไหม? หลังจากเหอเซียงหนิงก่อเรื่องที่ตรอกหย่งอันก็มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ แม้แต่คนตระกูลเหอก็ยังตัดขาดกับนาง”“ฉินซวงซวงจะสนิทกับนางแค่ไหนก็ไม่มีทางปล่อยให้นางอยู่ในตระกูลฉินต่อไป นอกจากนี้ ถึงฉินซวงซวงจะยินดี ตระกูลฉินก็ไม่มีทางยอมรับ!”“ฉิน
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที