“จือเยว่ ข้าเองก็ถูกเซียงหนิงโกหกเหมือนกัน นางบอกว่าซ่งรั่วเจินหมั้นหมายกับคุณชายสวีแล้ว แต่ยังไปรบเร้าพัวพันฉู่อ๋อง”“ข้าไม่อยากให้พวกเขาถูกซ่งรั่วเจินปั่นหัวถึงได้ทำแบบนี้!”ฉินซวงซวงจ้องเหอเซียงหนิงอย่างโกรธเคือง “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ล้วนแต่เป็นการโกหกข้า ทำร้ายข้าแบบนี้ เจ้าได้ประโยชน์อะไรงั้นรึ?”เหอเซียงหนิงตกใจจนอึ้งงัน เรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงก่อนหน้านี้ทำให้นางตกใจจนไม่กล้าออกจากบ้านไปพักใหญ่ วันนี้จึงพาสวีเฮ่ออันมาดูโฉมหน้าที่แท้จริงของซ่งรั่วเจินโดยเฉพาะเดิมนั้นแค่อยากมองจากไกลๆ ก็พอแล้ว แต่ตอนที่นางมาถึง พวกฉินซวงซวงก็เผชิญหน้ากับฉู่อ๋องไปแล้ว เรื่องราวถึงได้ลุกลามบานปลายมาถึงขั้นนี้“เรื่องนี้จะโทษข้าได้อย่างไร? ข้าแค่บอกว่าแม่นางซ่งกับฉู่อ๋องมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาต่อกัน ข้าเป็นใครกันถึงจะกล้ามาจับผิดฉู่อ๋อง?”เหอเซียงหนิงคุกเข่าลงอย่างหวาดกลัว “ฉู่อ๋องทรงปรีชา ต่อให้ข้ากินดีหมีหัวใจเสือมาก็ไม่กล้าทำเช่นนี้หรอกเพคะ!”เห็นเหอเซียงหนิงโยนความผิดทั้งหมดมาให้ตัวเอง ฉินซวงซวงก็โกรธแค้นจนสุดจะระงับ“เป็นเพราะเจ้าชอบคุณชายสวีเองชัดๆ พอรู้ว่าคุ
“ใต้เท้า เรื่องเล็กแค่นี้ให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะเจ้าค่ะ”อวิ๋นหยางมองไปทางเจ้านายของตนเอง เห็นท่านอ๋องไม่ได้ปฏิเสธก็ตอบว่า “ได้”ฉินซวงซวงเห็นแม่นมเดินมาทางตนเองด้วยสีหน้าดุร้าย หัวใจพลันกระตุกวูบ รีบร้อนเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง หม่อมฉันผิดไปแล้ว ต่อไปไม่กล้าอีกแล้วเพคะ!”แม่นมหยางเงื้อมือฟาดลงไป “สำนึกผิดก็ควรรับโทษ!”เพียะ!ใบหน้าฉินซวงซวงถูกตบจนหันไปอีกทาง นางเอ่ยอย่างร้อนใจ “หม่อมฉันทำไปเพื่อท่านอ๋องนะเพคะ!”เพียะ!“ซ่งรั่วเจินไม่ได้บริสุทธิ์เหมือนที่เห็นจากเปลือกนอก ท่านอ๋องอย่าถูกนางหลอกเชียวนะเพคะ...”เพียะ!แม่นมหยางเห็นฉินซวงซวงยังไม่ยอมหุบปากจึงลงมือหนักหน่วงกว่าเดิม สตรีผู้นี้มาหาเรื่องคุณหนูห้าครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนหน้านี้แย่งคู่หมั้นของคุณหนูห้าไปแล้ว ตอนนี้ยังคิดจะมาทำลายชื่อเสียงของคุณหนูห้า วันนี้นางจะต้องตบปากสตรีผู้นี้เสียให้เข็ด!“อีกคนก็ต้องตบเหมือนกัน”อวิ๋นหยางส่งสายตาให้แม่นมอีกคน เขาติดตามท่านอ๋องมาหลายปีย่อมไม่จำเป็นต้องรอให้ท่านอ๋องออกปากสั่งไปเสียทุกเรื่องเหอเซียงหนิงใบหน้าเผือดสี ความเจ็บปวดจากการถูกตบปากคราวก่อนยังชัดเจนประหนึ่งเพิ่งเกิดขึ้น แผลเพิ่งห
ดวงตาหลิ่วหรูเยียนฉายแววยินดี ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในงานเลี้ยงนับญาติของตระกูลสวี นางฟังออกว่าตระกูลสวีมีเจตนาเช่นนี้ แต่กลับไม่แน่ใจว่าพวกเด็กๆ คิดเห็นอย่างไรเด็กสองคนนี้เพียงแต่ไปล่องเรือด้วยกันหนเดียว ทั้งยังไปเจอกับเรื่องฉาวโฉ่ของฉินเซี่ยงเหิงและจ้าวซูหว่าน หลังจากนั้นก็ไร้ความเคลื่อนไหว นางยังนึกว่าหมดหวังแล้วเสียอีกคิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้สวีเฮ่ออันจะยอมรับเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน?เหอเซียงหนิงและฉินซวงซวงล้วนเบิกตาโพลงด้วยความเหลือเชื่อ สวีเฮ่ออันชาติตระกูลสูงส่ง ทั้งยังมีอนาคตสดใส ใครๆ ล้วนพูดกันว่าเขามีคุณสมบัติของอัครเสนาบดีด้วยสถานะและอนาคตของเขา กลับบอกทุกคนว่าเขารักซ่งรั่วเจินฝ่ายเดียว?ชั่วขณะที่ได้ยินคำพูดของสวีเฮ่ออัน สีหน้าที่แต่เดิมยังปลอดโปร่งของฉู่จวินถิงก็มีเมฆครึ้มเข้าปกคลุมในบัดดล แววขมุกขมัวในดวงตาทำอย่างไรก็ไม่จางหายไปสวีเฮ่ออัน เจ้าแน่นักนะ!อวิ๋นหยางกำลังโบยคนอย่างไม่ยั้งมือ แต่ชั่วขณะที่สวีเฮ่ออันกล่าววาจานั้นออกมา หัวใจก็พลันกระตุกวูบสวีเฮ่ออันไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหนงั้นหรือ!เขาติดตามท่านอ๋องมาหลายปีจึงเข้าใจนิสัยของฉู่อ๋องเป็นอย่างดี แม้ช่วงเวลาท
ต่อให้ฉู่อ๋องยืนกรานจะแต่งงานกับนาง เกรงว่าก็คงเป็นได้เพียงอนุ แต่จากความเข้าใจที่เขามีต่อแม่นางซ่ง นางไม่น่าจะยินดีเป็นอนุภรรยาดังนั้น เขายังคงมีโอกาสไป๋เฉิงหงเห็นภาพนี้เต็มสองตา ในใจรู้สึกตะลึงอย่างไม่อาจเลี่ยง คิดไม่ถึงว่าบุตรสาวตระกูลซ่งจะมีความสามารถถึงเพียงนี้คนมากมายในเมืองหลวงเข้าใจผิดไปเสียแล้ว คิดว่าสตรีที่ถอนหมั้นคนหนึ่งคงไม่มีทางได้แต่งงานกับคนดีๆ แต่บัดนี้นางกลับสามารถทำให้ฉู่อ๋องและสวีเฮ่ออันมาแย่งชิงได้ไม่ว่าแต่งงานกับใครก็ล้วนแต่เป็นคนดีๆ ที่สตรีทั่วไปอาจเอื้อมไม่ถึงด้วยฐานะของสวีเฮ่ออัน กล้าแย่งชิงสตรีกับฉู่อ๋องแบบนี้เห็นได้ชัดว่าชมชอบจากใจจริงซ่งเยี่ยนโจวมองเงาหลังของฉู่จวินถิงที่อุ้มน้องสาวของตนจากไป นับแต่เรื่องเกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมานานแล้ว น้องสาวของตนยังแกล้งเป็นลม ทว่าฉู่อ๋องกลับไร้ท่าทีว่าจะปล่อยน้องสาวลงมาตั้งแต่ต้นจนจบ...ต่อให้ฉู่อ๋องมีวรยุทธ์สูงส่ง การอุ้มสตรีคนหนึ่งไม่ยากเย็นอะไร แต่สวีเฮ่ออันก็ได้เผยความในใจออกมาต่อหน้าทุกคนแล้วหากฉู่อ๋องไม่คิดอะไรกับน้องหญิงห้า ชั่วขณะนี้จะต้องปล่อยนางลงมา แต่เขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เกรงว่าฉู่อ๋องคงจะห
“เซียวอี้เจ๋อใช้ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละเพคะ หม่อมฉันก็แค่นับรวมเขาด้วยเท่านั้น ไม่ได้จะเลือกเขาจริงๆ เสียหน่อย หม่อมฉันแค่อยากจะบอกว่าหม่อมฉันจะเลือกใครก็ได้ทั้งนั้น”ซ่งรั่วเจินพูดจบก็แอบนึกเสียใจทีหลังเสียแล้ว คนแบบเซียวอี้เจ๋อพูดออกมาแล้วก็ขายหน้าตัวเอง แต่ก็ยังเชิดใบหน้าเล็กๆ นั้น กล่าวชัดถ้อยชัดคำ“นอกจากนี้ คุณชายสวีก็ดีกว่าเขามากนัก วางตัวดีทั้งยังมีความสามารถ แม่นางมากมายในเมืองหลวงล้วนชมชอบ...”“แม่นางคนอื่นชอบ เจ้าก็เลยชอบ? เจ้าไม่มีความคิดของตัวเองบ้างเลยหรือ ปล่อยให้คนอื่นว่าอย่างไรก็เอาตามนั้นได้อย่างไร?”ฉู่จวินถิงขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงเร่งร้อนโดยไม่รู้ตัว หัวเสียให้กับท่าทีไม่แยแสของสตรีตรงหน้า“หม่อมฉันจะไม่มีวิจารณญาณของตัวเองได้อย่างไรเพคะ ก็ยังไม่ได้ตอบตกลงเลยไม่ใช่หรือ?”ซ่งรั่วเจินมีสีหน้ากังขา ถ้าเป็นคนอื่นพูดเช่นนี้ นางคงเข้าใจไปแล้วว่าอีกฝ่ายชอบตนเองจึงบังเกิดความหึงหวง แต่ฉู่จวินถิงเป็นใครกัน?เป็นดอกฟ้าที่สูงส่งเกินอาจเอื้อม เป็นอ๋องผู้โดดเดี่ยวที่ครองตัวเป็นโสดไปจนแก่เชียวนะ!“ในเมืองมีคุณชายที่เพียบพร้อมด้วยรูปลักษณ์ความสามารถมากมาย ถ้าหม่อมฉันจะออกเรือน
เมื่อรถม้าจอดสนิทดีแล้ว ซ่งจืออวี้ก็รีบตรงเข้าทำความเคารพฉู่จวินถิง “ท่านอ๋อง กระหม่อมมารับน้องหญิงห้าพ่ะย่ะค่ะ”ฉู่จวินถิงพยักหน้าพลาง มองไปยังหญิงสาวข้างกาย “เช่นนั้นเจ้ากลับไปก่อนเถิด”“หม่อมฉันทูลลาเพคะ”ซ่งรั่วเจินตอบรับไปคำแล้วหมุนตัวเดินออกมา“จริงสิ เรื่องนั้นมิต้องรีบร้อนไป อย่างไรก็ระวังไว้เป็นดี” ฉู่จวินถิงกำชับไปอีกครั้งด้วยไม่อาจวางใจ “หม่อมฉันทราบดีเพคะ ขอบพระทัยท่านอ๋อง”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า เห็นชายหนุ่มไม่มีสิ่งใดจะพูดแล้วจึงขึ้นรถม้าไปกับซ่งจืออวี้โดยไม่ได้เหลียวหลังอีกคืนนี้เรื่องราวมากมายประเดประดัง หากเป็นวันปกตินางคงได้เข้านอนไปนานแล้ว ฉู่จวินถิงมองตามแผ่นหลังคล่องแคล่วว่องไวของนางไป เขาเม้มริมฝีปากแล้วหัวเราะเบาๆ แม่นางผู้นี้จากไปรวดเร็วดีแท้!อวิ๋นหยางสังเกตปฏิกิริยาของผู้เป็นนายตนอย่างรอบคอบ ในใจเกิดความตกตะลึงปกติแล้วจะมีก็แต่ภาพแม่นางมองตามหลังท่านอ๋องอยู่ไกลๆ มีหรือจะได้เห็นภาพท่านอ๋องมองตามหลังแม่นางคนใดจากไปเช่นนี้?“ท่านอ๋อง ทรงชอบพอคุณหนูซ่งอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ?” อวิ๋นหยางลองเชิงถามฉู่จวินถิงเพียงเหลือบมองเขาไปที ความเยียบเย็นที่แผ่ซ่านออกมาเ
วันถัดมา ยามซ่งรั่วเจินกำลังทานมื้อกลางวันก็ได้ยินข่าวคราวจากสกุลไป๋“เมื่อคืนวานหลังไป๋ฮูหยินกลับไปได้ไม่นานก็สิ้นใจแล้ว ทว่าก่อนหมดลมนางได้ฝากฝังคำสั่งเสียเอาไว้ไม่น้อย ที่ว่ามาก็ล้วนเป็นเรื่องความกังวลที่ว่าคุณชายใหญ่สกุลไป๋จะแย่งชิงสินทรัพย์ของคุณชายอีกสองคนไป”“ว่ากันว่าเมื่อคืนวานสกุลหลี่ว์ก็ตามไปที่นั่นด้วย ร้องขอให้ให้ท่านโหวรีบนำเรื่องบอกกล่าวสู่สังคม เพื่อที่จะยืนยันสถานะของไป๋จื่อมู่”ซ่งจืออวี้เล่าถึงข่าวที่เพิ่งได้ยินมา “ไป๋ฮูหยินช่างเผด็จการเสียจริง แม้ว่ากันตามจริง คุณชายใหญ่สกุลไป๋จะมิใช่ลูกในไส้ของนาง ทว่าหากในตอนนั้นนางมิได้รับเขามาอุ้มชู มีหรือจะได้มีตำแหน่งฮูหยินจวนโหวเช่นนี้”“บัดนี้ข้ามสะพานได้กลับรื้อสะพานทิ้งถีบหัวส่งเขา ทั้งยังเป็นเหตุให้มารดาเขาตาย คุณชายใหญ่สกุลไป๋ช่างน่าเวทนาเสียจริง”ซ่งรั่วเจินฟังคำแล้วไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อยหลี่ว์เหวินซิ่วเดิมเป็นคนเห็นแก่ตัว กระทั่งความคิดจะฆ่าไป๋จื่อมู่ก็ยังเกิดมีขึ้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าเกลียดชังอย่างมิอาจอยู่ร่วมโลกได้มากเพียงใดเรียกคนสกุลหลี่ว์มาก่อนสิ้นใจเช่นนี้ ก็เพื่อเป็นการยืนยันความตั้งใจนี้ ทั้งยังเป็นก
ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกของนางได้ค่อยๆ มลายหายไปตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว...“หากเจ้าชอบพอเขาอยู่จริงก็จงบอกแม่ตามตรงเถิด หลายวันก่อนเจ้าสลบไสลมิได้สติ เยี่ยนโจวก็ได้แจ้งชัดถึงความในใจกับพ่อเจ้าแล้ว ว่ามีใจอยากจะสู่ขอเจ้า” เยี่ยนชิงอวี้กล่าวลั่วชิงอินตกใจเสียจนแทบทำถ้วยหลุดมือ“เขาว่า...จะสู่ขอข้าหรือ?”เยี่ยนชิงอวี้พยักหน้าอย่างจนใจ ลูกสาวของนางคนนี้ช่างหัวรั้นหัวแข็งเสียจริงหากเปลี่ยนเป็นนาง ต่อให้ก่อนหน้านี้ซ่งเยี่ยนโจวจะมีเหตุผลใดให้ไม่อาจแต่งกับนางได้ นางก็จะเฟ้นหาคู่ครองคนใหม่ที่สมดังใจให้จงได้ ไม่ใช่หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ต้องเป็นซ่งเยี่ยนโจวเท่านั้นแต่ลูกสาวของนางกลับรักปักใจในเขาอย่างลึกซึ้ง ดันทุรังรั้งรอเขาจวบจนถึงตอนนี้“เขาบอกว่าจะสู่ขอเจ้า และเขาก็แสดงให้ข้าและพ่อของเจ้าได้เห็นชัดแล้ว”“ฝ่าบาทยังมิได้ถอดถอนตำแหน่งของเขา รอเขาหายดีแล้ว ก็ยังคงเป็นหัวหน้าราชองครักษ์บูรพาระดับสี่ หากเจ้ายังชอบพอเขาอยู่จริง จะลองพิจารณาดูก็ย่อมได้” เยี่ยนชิงอวี้กล่าวคิ้วตาของลั่วชิงอินปรากฏร่องรอยเปี่ยมปิติออกมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงของนางก็ฟังดูสดใสขึ้นทันตา“ท
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที