เพียงฮูหยินผู้เฒ่าได้ยิน ความปวดใจแผ่ซ่านอยู่ภายในสายตานางรู้ว่าอวี้หลงกตัญญูมาโดยตลอด อุปนิสัยยิ่งไม่ต้องพูดมาก ได้เห็นสองพี่น้องขัดแย้งกันจนคุ้นชิน ตอนนี้รู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก“เป็นพ่อแม่ทำผิดต่อเจ้า”จนกระทั่งเหออวี้หลงออกไปแล้ว เหออวี้เฉิงจึงค่อยเข้ามาเยี่ยมมารดาตอนที่ทั้งสองเดินสวนกัน ต่างมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ สบถเสียงเย็นชาใส่แล้วเดินผ่านไป“ท่านแม่ ท่านรู้สึกเช่นไรขอรับ?”เหออวี้เฉิงมองมารดาของตนด้วยความเป็นห่วง “ระยะนี้ในบ้านไม่ค่อยสงบ ท่านต้องระวังตัวให้มาก เพิ่มคนติดตามไว้ข้างกายสักสองสามคน”“แม่ไม่เป็นไร วันนี้ก็เป็นเพราะแม่เองที่ไม่ระวัง ตอนนี้ในจวนก็ไม่ค่อยสงบจริงนั่นล่ะ แม่เป็นห่วงที่สุดก็คือพวกเจ้าสองพี่น้อง” “แม่รู้ว่าตั้งแต่เล็กเจ้ากับพี่ชายก็ไม่ค่อยลงรอยกัน แม่เองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด บ้านคนอื่นพี่น้องล้วนรักใคร่กลมเกลียวกัน แต่ทำไมพวกเจ้าสองคนเพียงแค่เจอกันก็ต้องมีเรื่องทะเลาะ”“ตอนนี้พวกเจ้าก็โตกันหมดแล้ว สภาพพี่ใหญ่เจ้ากลายเป็นเช่นนี้ เจ้าก็เห็นเองกับตา อย่าได้ทะเลาะกับพี่ใหญ่เจ้าอีกเลย”ฮูหยินใหญ่ถอนหายใจยาว “เรื่องตำแหน่
เหออวี้หลงตอบโต้กลับไป “เจ้าคิดว่าข้าไม่มีสมองเหมือนเจ้าหรือ? ข้าได้พบพระชายาฉู่อ๋องเองกับตา นี่ถึงขอของล้ำค่ามาได้!”ได้ยินดังนั้น เหออวี้หลงชะงักไป ภายในสายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อวูบหนึ่งนี่คือหยกที่พระชายาฉู่อ๋องมอบให้จริงหรือ?หากไม่เห็นเองกับตา ก็ยากจะทำใจเชื่อได้จริงๆ หรือว่าสมบัติล้ำค่าล้วนเป็นเช่นนี้?เห็นว่าเหออวี้เฉิงหุบปากแล้ว เหออวี้หลงไม่เสียเวลาอีก สาวเท้าฉับไวเข้าไปในห้อง มองเห็นสีหน้าเผือดซีดของมารดาตนที่กำลังนอนบนเตียง“หมอมาแล้วหรือ?” เหออวี้หลงเอ่ยถามแม่นมที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกาย“ท่านโหว หมอมาตรวจอาการก่อนแล้ว พูดว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่เป็นไร เพียงได้รับความตกใจเท่านั้น กอปรกับความหนาวเย็น น่ากลัวว่าเป็นหวัดไปแล้ว สองวันนี้จะต้องพักผ่อนในจวนดีๆ เจ้าค่ะ”เหออวี้หลงวางใจลงแล้ว “เช่นนั้นก็ดี เดิมทีร่างกายท่านแม่ก็อ่อนแออยู่แล้ว วันนี้ยังเกิดเรื่องเช่นนี้อีก พวกเจ้าจะต้องใส่ใจปรนนิบัติให้ดี”“เจ้าค่ะ ท่านโหว”ตอนนี้เอง ฮูหยินใหญ่เองก็ฟื้นแล้ว มองเห็นใบหน้าอิดโรยเผือดซีดของลูกชายตน ตาแดงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ปวดใจอย่างสุดระงับ“อวี้หลง ลำบากเจ้าจริงๆ จะต้องเป็นข้าและ
เขาไม่รู้เลยว่าเรื่องเหล่านี้ซับซ้อนถึงเพียงนี้ แต่เขาไม่เคยถามไถ่ถึงสถานการณ์ภายในจวนจิ้งเป่ยโหวมากนัก รู้เพียงสถานการณ์ของเหออวี้หลงเท่านั้น“อาหารยกมาแล้ว พวกเรากินข้าวก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าค่อยไปดูที่จวนจิ้งเป่ยโหว ทำความเข้าใจสถานการณ์สักหน่อย”ทุกคนพยักหน้าลง ชิมรสชาติอาหารของหอเยาเยว่ด้วยกันหยางอ๋องลอบดีใจ ต่อให้ก่อนหน้านี้ได้รู้จักกับอูเยว่เอ๋อร์ทำให้รำคาญใจไปบ้าง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถกระชับความสัมพันธ์กับฉู่อ๋องได้บัดนี้ได้เห็นความยอดเยี่ยมของพี่สะใภ้ เขารู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก!......เหออวี้หลงรีบเดินทางกลับจวนจิ้งเป่ยโหว“สถานการณ์ของท่านแม่เป็นเช่นไร?”“พี่ใหญ่ ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นภายในจวนบ่อยๆ วันนี้ท่านแม่ไม่ทันระวังตกลงไปในบ่อน้ำ ท่านถึงขั้นยังมีใจออกไปภายนอกอีกนะ!”คุณชายรองเหออวี้เฉิงสบมองเหออวี้หลงอย่างเย้ยหยัน “อิงตามที่ข้าเห็น ความกตัญญูของท่านคงไม่ใช่ว่าเสแสร้งทำออกมาหรอกกระมัง บัดนี้ได้รับสืบทอดตำแหน่งแล้ว ก็ไม่สนใจอีก”“วันนี้ข้าออกไปทำธุระ เจ้าอย่าพูดเหลวไหลไร้สาระ!”สีหน้าเหออวี้หลงเคร่งขรึมลงไป ต่อให้เขาและเหออวี้เฉิงเป็นพี่น้องแท้ๆ แต่ความสัม
เหออวี้หลงรีบหยิบเงินที่เตรียมไว้ดีแล้วตั้งแต่แรกออกมา อันที่จริงเขาถึงขั้นคิดมาก่อนว่าขอให้คนช่วยชีวิต บางทีราคาอาจสูงเทียมฟ้าอย่างไรเสียก็ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าชีวิต แต่เงินหนึ่งหมื่นตำลึงในตอนนี้ น้อยกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากนักพระชายาฉู่อ๋องช่างมีเมตตาโดยแท้ นางคือผู้มีบุญคุณช่วยชีวิต!ซ่งรั่วเจินมองเห็นตั๋วเงินเต็มกระเป๋าของเหออวี้หลง ก็รู้ว่าคนผู้นี้เตรียมไว้ดีแล้วตั้งแต่แรก“พระชายาฉู่อ๋อง เหล่านี้ล้วนเป็นน้ำใจของข้า...”เหออวี้หลงมอบตั๋วเงินในมือทั้งหมดไป“พูดแล้วว่าหนึ่งหมื่นตำลึงก็คือหนึ่งหมื่นตำลึง รับมากกว่านี้จะผิดกฎของข้า”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ ดึงเงินหนึ่งหมื่นตำลึงออกจากมือเหออวี้หลง ยื่นหยกคุณภาพต่ำชิ้นหนึ่งให้“ท่านเก็บหยกนี้ไว้ให้ดี เจ้าส่งนี้สามารถช่วยกำบังท่านจากเคราะห์ร้ายและรักษาชีวิตของท่านได้”เหออวี้หลงรับไปด้วยสองมืออย่างเคารพนบนอบ รู้สึกแปลกอย่างมากภายในใจ เขามองออกว่าหยกชิ้นนี้คุณภาพต่ำ ด้วยฐานะของพระชายาฉู่อ๋อง จะต้องไม่สวมแน่แต่เขารู้ว่าของที่พระชายาฉู่อ๋องมอบให้จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่า สามารถช่วยเขาให้พ้นเคราะห์ได้!“ขอบคุณพระชายาฉู่อ๋องมาก ข้า
หอเยาเยว่หลังจากพวกซ่งรั่วเจินนั่งลงแล้ว หยางอ๋องสั่งให้ร้านอาหารยกอาหารเลิศรสทั้งหมดขึ้นมาหนึ่งชุด นี่ถึงเอ่ยปากว่า“ไม่ขอปิดบัง ข้ามีสหายสนิทคนหนึ่ง ก็คือเหออวี้หลงแห่งจวนจิ้งเป่ยโหว แต่ไม่รู้ช่วงนี้เป็นอันใดไป ภายในจวนเขาเกิดเรื่องอยู่บ่อยครั้ง”“เมื่อหลายวันก่อนยิ่งแล้วใหญ่ ข้าออกจากบ้านพร้อมเขา แจกันบนชั้นสองตกลงมาใส่หัวของเขา แตกจนได้เลือด”หยางอ๋องเผยสีหน้าซับซ้อน “หากเรื่องทำนองนี้บังเอิญเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง บางทีนั่นอาจเป็นเหตุไม่คาดฝัน แต่ช่วงนี้เขาซวยบ่อยๆ เรื่องพรรค์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งสองครั้ง”“ดังนั้น ข้าจึงคิดว่าเรื่องนี้มีอันใดซ่อนอยู่หรือไม่ หาไม่แล้วก็ยากจะนึกออกได้ว่าคนผู้หนึ่งจะซวยได้ถึงเพียงนี้!”เพียงเมิ่งชิ่นได้ยิน ก็หันมองทางซ่งรั่วเจิน นึกถึงเมื่อแรกนางฟังคำเกลี้ยกล่อมของรั่วเจิน นี่ถึงรักษาชีวิตเอาไว้ได้คนอื่นอาจไม่มีวิธีรับมือต่อเรื่องนี้ แต่ถามรั่วเจิน นั่นสามารถถามออกมาได้จริงๆ!“คุณชายเหอท่านนี้มาหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามหยางอ๋องพยักหน้า “มา ตอนนี้อยู่ด้านนอกนั่น ข้าใคร่ครวญดูแล้วหากพี่สะใภ้ยอมข้าก็จะให้เขาเข้ามา หากไม่ยอม นั่นก็ช่างเถอ
จวนเหลียงอ๋อง หลังจากที่ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ จากไปแล้ว จวนอ๋องก็กลับคืนสู่ความสงบ บ่าวไพร่รอบด้านก็ถอยออกไปหมด เหลือเพียงเหลียงอ๋องกับพระชายาเหลียงอ๋องสองคน บรรยากาศหนักอึ้งอย่างน่าประหลาด “ข้าเคยสั่งเจ้าหรือไม่ว่า ออกไปก่อเรื่องให้น้อย ๆ หน่อย?” เหลียงอ๋องน้ำเสียงเย็นชา ดูเหมือนน้ำเสียงนิ่งสงบ แต่กลับทำให้ฉีชิงอีใจหายใจคว่ำ ฉีชิงอีรีบคุกเข่าลงทันที “ท่านอ๋อง เดิมทีหม่อมฉันก็ไม่อยากก่อเรื่อง เพียงแต่ซ่งรั่วเจินนั่นเกินไปจริงๆ!” “ท่าทางนางหยิ่งยโส ไม่เห็นหม่อมฉันอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย แล้วยังจงใจยั่วยุหม่อมฉัน หม่อมฉันทนไม่ไหวไปชั่วขณะหนึ่ง จึงทำเรื่องผิดพลาดขึ้นมา” “เจ้าควรรู้สถานะในราชสำนักของฉู่อ๋องในตอนนี้ เขากำลังมีอำนาจ เจ้าหาเรื่องพวกเขาในเวลานี้ มีแต่จะนำปัญหามาให้ข้า” แววตาของเหลียงอ๋องดุดันและเหี้ยมเกรียม ช่วงนี้เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติ แม้แต่ในราชสำนัก ทุกคนต่างก็สรรเสริญฉู่อ๋อง คิดว่าเขาฉลาด สุขุมรอบรู้ วิทยายุทธ์สูงส่ง นับว่าเป็นผู้ที่อยู่จุดสูงสุดในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย แต่เขาก็ไม่เคยใส่ใจเลย สำหรับเขาแล้ว สิ่งเห