แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
“เรื่องนี้โทษท่านแม่ไม่ได้ พูดได้เพียงว่าหลินจือเยว่แสดงละครได้อย่างยอดเยี่ยม หน้าหนาไร้ยางอาย!”

ซ่งรั่วเจินยิ่งพูดยิ่งรังเกียจ โชคดีช่วงเวลาที่นางทะลุมิติเข้ามาในหนังสือยังมิได้แต่งเข้าจวนสกุลหลิน หากแต่งเข้าไปแล้ว นั่นต่างหากถึงจบสิ้น!

หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกสาวผู้เพียบพร้อมของตนพูดถ้อยคำหล่านี้ออกมา ยิ่งมั่นใจว่านางกำลังเสียใจ น้ำตาคลอหน่วย “ลูกสาวชะตาอาภัพของข้า...”

แต่น้ำตาที่หางตายังไม่ทันตกก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอก ของทั้งใหญ่ทั้งเล็กถูกยกเข้ามา หยาดน้ำตาหยุดชะงักในทันใด

“เจินเอ๋อร์ นี่ นี่คืออะไรกัน?”

“อย่างไรเสียก็ไม่แต่งแล้ว สิ่งของย่อมต้องนำกลับมา ฉินซวงซวงคนนั้นพูดทุกคำว่ารักชอบท่านโหว ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่านางจะยอมหักใจชดเชยจวนโหวโล่งโจ้งนั่นหรือไม่!”

ซ่งรั่วเจินเคยอ่านต้นฉบับหนังสือมาก่อน ย่อมรู้ว่าฉินซวงซวงก็คือคนมีอุปนิสัยชมชอบความร่ำรวยคนหนึ่ง หาไม่แล้วเพียงนางเอ่ยปาก หลินจือเยว่ก็ต้องถอนหมั้นนางเป็นแน่!

แต่นางกลับไม่ทำ ก็เพื่อเงินของจวนสกุลซ่ง

บัดนี้เงินตกอยู่ในมือนางแล้ว ฉินซวงซวงทางหนึ่งคิดจะหลับนอนกับบุรุษของเจ้าของร่างเดิม ทางหนึ่งใช้จ่ายเงินของเจ้าของร่างเดิม ฝันกลางวันอยู่แท้ ๆ !

รักหนักแน่นยิ่งกว่าทองงั้นหรือ?

นางทำให้พวกเขาสมปรารถนาแล้ว!

หลิ่วหรูเยียนตกตะลึงอย่างสุดระงับ แต่ไหนแต่ไรมาเจินเอ๋อร์เป็นคนมีอุปนิสัยนุ่มนวล วันนี้ถึงขั้นทำเรื่องนอกลู่นอกทางเช่นนี้ได้?

“น้องหญิงห้าพูดได้ดี! บนโลกนี้ที่ใดไม่มีหญ้า ไยต้องแขวนคอตายบนต้นไม้เอียงกระเท่เร่นี้ด้วยเล่า? ข้าว่าหลินจือเยว่คนนั้นมิใช่คนดีอันใด!”

ซ่งอี้อันกลับเห็นด้วยกับอุปนิสัยเฉียบขาดของซ่งรั่วเจิน ร้องไห้คร่ำครวญในเวลานี้ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อหลินจือเยว่ไม่ยอมแต่ง มิสู้หาเขยที่ดีคนใหม่ ย่อมดีกว่าตกเข้ากองเพลิงชั่วชีวิต

ซ่งรั่วเจินมองชายสุภาพหล่อเหลาตาบอดทั้งสองข้างตรงหน้า เพียงแวบเดียวก็จำได้ว่าเขาคือพี่ชายคนรองของเจ้าของร่างเดิม

เดิมทีเขาก็เป็นคนมีพรสวรรค์มากความสามารถ เชี่ยวชาญท่วงทำนองบทกวีไปทุกด้าน มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเมืองหลวงตั้งแต่เด็ก อาจารย์ที่เคยสอนเขาล้วนกล่าวชมไม่ขาดปาก ซ้ำยังพูดว่าเขามีพรสวรรค์เป็นถึงจอหงวนอย่างแน่นอน

ทว่าน่าเสียดาย...ก่อนหน้านี้คู่หมั้นถูกลวนลาม เพื่อปกป้องคู่หมั้นเขาจึงต่อสู้กับคน อีกฝ่ายอาศัยว่ามีคนมากกว่า สบโอกาสทุบเข้าที่สมองของเขา

แม้สามารถปกป้องชื่อเสียงของคู่หมั้นจ้าวซูหว่านเอาไว้ได้ แต่เพราะเหตุนี้จึงต้องสูญเสียการมองเห็นไป...

มองเห็นซ่งอี้อันยื่นมือออกมาต้องการปลอบตนเองแต่คว้าโดนอากาศ ซ่งรั่วเจินขยับขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างจนใจ “ข้าอยู่นี่”

ซ่งอี้อันเก้อกระดากอย่างเห็นได้ชัด “น้องหญิงห้า ก็แค่ถอนหมั้นมิใช่หรือ? ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอก”

ซ่งรั่วเจินสบโอกาสจับมือซ่งอี้อัน จับชีพจรตรวจอาการของเขา รู้ว่าศีรษะของเขาถูกกระแทกอย่างรุนแรงจึงทำให้เลือดอุดตันส่งผลให้ตาบอดทั้งสองข้าง ขอเพียงก้อนเลือดละลายก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ นี่ถึงถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง

ยังมีทางรักษา!

“คุณชายรอง มีจดหมายจากตระกูลจ้าวขอรับ”

“ใช่จดหมายของหว่านเอ๋อร์หรือไม่?” ซ่งอี้อันดีใจขึ้นมาแล้ว “น้องหญิงห้า เจ้าช่วยข้าอ่านดูเถอะว่าเขียนอะไร ใช่หรือไม่ว่าช่วงนี้ติดงานที่จวนจึงมิได้มาหาข้าอยู่ตลอด?”

ซ่งรั่วเจินเปิดจดหมายในมือ มองเห็นจ้าวซูหว่านต้องการถอนหมั้นก็ไม่แปลกใจ เดิมทีหญิงคนนี้ก็ทำเพื่อผลประโยชน์ ก่อนหน้านี้มั่นใจว่าซ่งอี้อันต้องมีพรสวรรค์เป็นถึงจอหงวน เพื่อขยับฐานะขึ้นเป็นฮูหยินของจอหงวน รบเร้าตอแยเจ้าของร่างเดิมทั้งวี่ทั้งวันขอมาจวนสกุลซ่ง เพื่อให้ได้มาสบตากับซ่งอี้อัน

บัดนี้เห็นว่าสกุลซ่งกำลังลำบาก จึงอยากขอถอนหมั้น ส่วนเรื่องถูกคนลวนลาม เห็นได้ชัดว่าเป็นตัวนางหาเรื่องเอง เพียงแต่ถูกซ่งอี้อันพบเข้าจึงแสร้งเป็นผู้บริสุทธิ์ ทำให้พี่รองของนางกลายเป็นเช่นนี้!

กระนั้น ในต้นฉบับจ้าวซูหว่านมิได้ถอนหมั้นวันนี้ แต่เป็นหลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน คงมิใช่เพราะเรื่องระหว่างนางและจวนโหว ทำให้จ้าวซูหว่านขอถอนหมั้นล่วงหน้าหรอกกระมัง?

“จ้าวซูหว่านขอถอนหมั้น”

พูดคำนี้ออกมา ภายในห้องพลันเงียบกริบ

ซ่งรั่วเจินอ่านเนื้อความในจดหมายออกมา ทุกคำของจ้าวซูหว่านล้วนพูดว่าสกุลจ้าวบีบคั้นนางให้ถอนหมั้น ส่วนนางเป็นผู้บริสุทธิ์มีความรักลึกซึ้ง

“อี้อันต้องตาบอดก็เพราะนาง สกุลจ้าวถึงขั้นขอถอนหมั้นในตอนนี้ ช่างลืมบุญคุณคน ขาดคุณธรรมจริงๆ!”

หลิ่วหรูเยียนเสียใจเรื่องซ่งรั่วเจินอยู่แล้ว บัดนี้ได้ยินข่าวร้ายอีกครั้ง เป็นลมหมดสติอย่างสุดระงับ

“ท่านแม่!”

“ฮูหยิน!”

ซ่งรั่วเจินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง บัดนี้จวนสกุลซ่งวุ่นวายอย่างแท้จริง กระนั้นในเมื่อนางมาแล้ว ก็ไม่สามารถปล่อยให้คนเหล่านี้ทำลายสกุลซ่งได้!

อย่างไรเสียสกุลซ่งก็เป็นตระกูลใหญ่ มีกิจการร่ำรวย พี่ใหญ่วิชายุทธ์แข็งแกร่ง พี่รองมีพรสวรรค์เป็นจอหงวน พี่สามแม้ไม่มีความสามารถอะไร แต่ก็เห็นเจ้าของร่างเดิมเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ บัดนี้นางมาแล้ว อยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ก็ต้องช่วยสกุลซ่งออกจากโคลนตม!

พระเอกนางเอกในหนังสืออะไร นางซ่งรั่วเจินมาแล้ว ย่อมไม่อนุญาตให้ทั้งครอบครัวกลายเป็นตัวประกอบ!

จนกระทั่งกลับจากพาหลิ่วหรูเยียนไปส่งที่เรือน ซ่งอี้อันยังนั่งหน้าซีดดังเดิม ไม่รู้กำลังคิดเรื่องใด

“พี่รอง ที่ใดในโลกไม่มีหญ้า ไยต้องโหยหาไม้กิ่งเดียวด้วยเล่า?” ซ่งรั่วเจินตบบ่าซ่งอี้อัน “ไม่มีคนนี้ มากที่สุดก็หาภรรยาอื่น ใต้หล้ากว้างใหญ่เพียงนี้ หรือว่ายังหาไม่ได้อีก?”

ซ่งอี้อัน “...” ดีร้ายอย่างไรก็ไม่เห็นต้องย้อนคำพูดเขาเลยนี่

“ไม่ได้การ ข้ามิอาจยอมรับได้ ข้าจะไปถามสกุลจ้าวให้ชัดเจน! ในเมื่อจ้าวซูหว่านยินยอม พวกเขาถือสิทธิ์อะไรห้ามมิให้นางแต่งงาน? ก่อนนี้พวกเขามิได้พูดเช่นนี้!”

ซ่งจืออวี้โมโหเดือดดาล เดินออกไปภายนอก

“พี่สาม ไม่ต้องไปแล้ว” ซ่งรั่วเจินพูดขึ้น

ซ่งจืออวี้ไม่ยอมแพ้ “แต่...”

“น้องสาม เลิกโง่ได้แล้ว เจ้าคิดว่าหากหว่านเอ๋อร์ยอมแต่กับข้าจริง สกุลจ้าวจะส่งจดหมายเช่นนี้มาหรือ? หรือพวกเขาไม่กลัวเสื่อมเสียชื่อเสียง?”

ซ่งอี้อันหัวเราะเยาะตนเองทีหนึ่ง “นับตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บ หว่านเอ๋อร์มาเยี่ยมข้าครั้งหนึ่ง หลังรู้ว่าข้าตาบอดรักษาไม่ได้ก็ไม่มาอีกเลย ข้าเองก็รับรู้อยู่ในใจแล้ว แต่ก็ยังมีความหวังอยู่บ้าง”

บัดนี้ได้รับจดหมายนี้ ยังมีอันใดไม่เข้าใจอีก? นางตัดสินใจเช่นนี้ ไยพวกเราต้องไปพูดจาให้ไม่พอใจกันด้วยเล่า?”

“พี่รอง แต่ท่านกลายเป็นเช่นนี้ก็เพราะนาง นางลืมบุญคุณคนเช่นนี้ช่างไม่คู่ควรเป็นคนจริง ๆ !”

ซ่งจืออวี้ยกกำปั้นทุบโต๊ะ โต๊ะแปดเซียนถูกทุบจนแหลกกลับยังไม่สามารถคลายความแค้นภายในใจของเขาได้ “แต่ละคนล้วนสารเลว ข้าอยากฉีกพวกมันเป็นชิ้นๆ เสีย!”

ซ่งรั่วเจินเห็นซ่งอี้อันสุขุมใจเย็น แม้สับสนว้าวุ่นภายในใจ แต่กลับไม่ขาดสติ อดมองประเมินเขาสูงขึ้นอีกขั้นไม่ได้ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวนที่ทุกคนชื่นชมจริงๆ

“พี่รอง จ้าวซูหว่านถอนหมั้นเป็นเพราะนางตาบอดเอง เดิมทีฐานะของนางก็ไม่คู่ควรกับท่านอยู่แล้ว บัดนี้ถอนหมั้นก็ดี อีกเดี๋ยวรักษาตาท่านหายแล้ว นางก็จะไม่ได้อันใดไปเลย!”

“สตรีเช่นนี้ไม่คู่ควรแต่งงานกับท่าน ไม่คู่ควรเข้าบ้านสกุลซ่งของพวกเรา!”

“น้องหญิงคนดี” ซ่งอี้อันรู้สึกอบอุ่นภายในใจ คิ้วกลับขมวดมุ่นไม่คลายออกจากกัน “หมอทั้งเมืองล้วนมาดูอาการแล้ว ดวงตาคู่นี้ของข้าไม่มีหวังแล้ว...”

แต่ไรมาเขาฮึกเหิมมีชีวิตชีวา รอคว้าชัยชนะหลังสอบขุนนาง ทว่าบัดนี้กลายเป็นคนตาบอดแล้ว ความหวังสลายไปแล้ว ยังไม่ต้องพูดเรื่องเป็นขุนนาง แม้แต่ดูแลตนเองยังเป็นเรื่องยาก กลายเป็นภาระของทั้งครอบครัว...

“พี่รอง ข้าสามารถรักษาตาของท่านให้หายได้!” ซ่งรั่วเจินพูด

ซ่งอี้อันชะงักเบาๆ หลุดหัวเราะออกมา “น้องหญิงห้า พี่สามรู้ว่าเจ้าหวังดี ทว่าตั้งแต่เด็กเจ้าก็ไม่เคยเรียนวิชาแพทย์มาก่อน เช่นนั้นจะรักษาอาการป่วยของข้าได้อย่างไร?”

“ข้าพูดว่ารักษาได้ก็คือรักษาได้ ท่านเชื่อข้าเถอะ”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1174

    ในเวลาเดียวกัน วังหลังฮองเฮาเผชิญหน้ากับพี่น้องทุกท่านที่มาเยี่ยมคารวะ อารมณ์ไม่ดีสุดขีดคนเหล่านี้ใบหน้าเผยความกังวล แต่แท้จริงแล้วกลับอยากให้เกิดเรื่องกับฉู่อ๋องและอวิ๋นอ๋องแทบแย่หากเกิดเรื่องกับพวกเขาสองคน เช่นนั้นนางที่เป็นฮองเฮาก็ไร้ที่พึ่งแล้ว“ฮองเฮา จงเฟยตั้งใจส่งพระคัมภีร์มา พูดว่าหลังรู้ข่าวเรื่องค่ายทหาร ก็ตั้งใจคัดบทสวดเพื่อขอพรให้องค์ชายทั้งสองท่านเพคะ”“ตอนนี้เอง แม่นมข้างกายฮองเอาถือพระคัมภีร์หนึ่งฉบับเข้ามาจากภายนอก นี่คือแม่นมของจงเฟยส่งเข้ามาทุกคนภายในห้องได้ยินแล้ว ต่างมีสีหน้าแปลกใจนับตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อนจงเฟยก็ถูกขัง จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ถูกปล่อยออกมา บัดนี้ช่างไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปจริงๆ คิดเพียงอยากออกมา!เพียงแต่ฮองเฮากลับเข้าใจความคิดอีกชั้นหนึ่งของจงเฟยนี่ขอพรที่ใดกัน เห็นได้ชัดว่ายั่วโมโหนาง!หลังเกิดเรื่องนี้ขึ้น นางก็ใคร่ครวญดีๆ มาก่อนแล้ว แผนการร้ายนี้เห็นชัดว่าพุ่งเป้ามาที่ฉู่อ๋อง บัดนี้คนที่อยากลงมือกับฉู่อ๋องอย่างรอแทบไม่ไหว ย่อมเป็นองค์ชายคนอื่นภายในนั้น...เช่ออ๋องเป็นคนแรกที่พุ่งเป้ามา!“ข้ารับพระคัมภีร์ไว้แล้ว ให้จงเฟย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1173

    ราชครูกู้เห็นว่าหลิงไท่ซือต้องการกล่าวโทษฉู่อ๋องให้ได้ บัดนี้ฐานะของลูกเขยตนไม่เหมาะสม ไม่สะดวกออกมาพูดได้เพียงแต่บัดนี้ท่าทางต้องการให้ฉู่อ๋องพลิกสถานการณ์กลับมาไม่ได้ของหลิงไท่ซือคนต่ำต้อยคนนี้ เขามองแล้วไม่สบอารมณ์อย่างมาก“ฉู่อ๋องจัดการในทันทีแล้ว บัดนี้ฉู่อ๋องเองก็ติดโรคระบาด ไม่สบายไปด้วย ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่หาทางรักษาโรคระบาดหรอกหรือ?”ราชครูกู้มองทางหลิงไท่ซือ “เหตุใดหลิงไท่ซือต้องร้อนใจตัดสินโทษถึงเพียงนี้ด้วยเล่า?”สีหน้าหลิงไท่ซือเคร่งขรึมลงไป ขณะกำลังจะเอ่ยปาก หร่วนไท่ซือกลับพูดออกมาก่อน “ราชครูกู้พูดถูกแล้ว ตอนนี้จะคลี่คลายเยี่ยงไรต่างหากสำคัญที่สุด”“หากจะตัดสินโทษจริง ไม่สู้รอฉู่อ๋องกลับเข้าราชสำนักก่อนค่อยว่ากัน เชื่อว่าด้วยอุปนิสัยของฉู่อ๋อง จะต้องไม่ปัดความรับผิดชอบแน่”สีหน้าทุกคนล้วนแปลกใจ ทุกคนเองก็ล้วนได้ยินมาว่าสกุลหร่วนและสกุลซ่งแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กัน บัดนี้ท่าทีของหร่วนไท่ซือชัดเจนอย่างมากทว่า พวกเขาคิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน วิธีรับมือของฉู่อ๋องเองก็ดีมากแล้ว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ดียิ่งกว่านี้!เช่ออ๋องเห็นราชครูก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1172

    เห็นว่าตำรับยาถูกรับไปแล้ว ฉู่จวินถิงไปสอบสวนคนสอดแนมที่ถูกจับไว้ ซ่งรั่วเจินจึงกลับเข้ากระโจมขณะกำลังเตรียมให้เหล่าหมอหลวงไปพักผ่อน กลับพบว่าพวกเขาล้วนสบมองนางด้วยสายตาทอประกาย ภายในสายตาเปี่ยมความหวัง“พระชายา ท่านไม่ได้ไปปรุงยาหรือ?”“ยาถูกนำไปปรุงแล้ว พวกเรารออยู่ที่นี่ก็พอ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “ทุกท่านล้วนลำบากแล้ว ไม่สู้กลับไปพักผ่อนสักครู่?”“ข้าไม่ง่วง ข้าอยากเห็นผลลัพธ์ของยาก่อนว่าเป็นเช่นไร”หมอหลวงหยางโบกมือ เมื่อคืนเขาดีใจที่สุด อีกทั้งยังนับว่าเขาได้เห็นวิชาแพทย์อันล้ำเลิศของพระชายาฉู่อ๋องอย่างแท้จริงแล้ว สมกับที่เคยได้ยินมาไม่ผิดไปดังคาด!บางส่วนที่พวกเขาไม่เข้าใจ พระชายาฉู่อ๋องคิดเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจประเด็นสำคัญภายในนั้นแล้วมีอยู่หลายครั้ง เขาล้วนรู้สึกราวกับสติปัญญาแล่นพล่านขึ้นมาอย่างกะทันหันหากมีโอกาสได้ร่วมศึกษากับพระชายาฉู่อ๋องอีกหลายครั้ง เขาคิดว่าวิชาแพทย์ของตนจะต้องก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยแน่“ใช่ หากไม่ได้รับผล พวกเรานอนก็นอนหลับไม่สนิทพ่ะย่ะค่ะ!”หมอหลวงคนอื่นเองก็มีท่าทีเช่นนี้ ครั้งนี้พวกเขามั่นใจมาก!ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบางๆ “เช่นนั้นพวกเราก็มารอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1171

    ตอนซ่งรั่วเจินเดินออกจากกระโจมก็พบว่าหนึ่งคืนที่ผ่านมา ภายในค่ายทหารเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเห็นได้ชัดว่ารองแม่ทัพหลายท่านไม่ได้นอนพักผ่อนตลอดทั้งคืน ทว่าสีหน้าพวกเขากลับสะท้อนคุณธรรมเต็มเปี่ยม อีกทั้งยังมีเพลิงโทสะลุกโชน“ข้าก็บอกแล้วว่าหนึ่งคืนจะต้องลากตัวไอ้สารเลวคนนี้ออกมาให้ได้ ท่านอ๋องดีต่อทหารทุกคนมาก ถึงขั้นมีคนกล้าฉวยโอกาสนี้สร้างความเดือดร้อนให้ทั้งค่ายทหาร นี่ถูกเขาเอาเปรียบหมดแล้วจริงๆ!”“คนผู้นี้ก็คือเดรัจฉานโดยแท้ ก่อนหน้านี้ตอนเข้าอยู่ในค่ายไม่ได้รับความสนใจ ยังเป็นทานอ๋องเลื่อนตำแหน่งให้ บัดนี้กลับตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น!”“มารดาเถอะ หากครั้งนี้สามารถรอดตายผ่านด่านนี้ไปได้ คืนนี้ข้าจะไปขุดหลุดฝังบรรพชนบ้านเขา!”คนอื่นต่างเผยสีหน้าเห็นด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังจะไปรายงานท่านอ๋องจะได้พบพระชายาฉู่อ๋อง จึงรีบเก็บสีหน้าและทำความเคารพ “คารวะพระชายา”“จับคนสอดแนมได้แล้วหรือ?”หูของซ่งรั่วเจินว่องไวมาก ย่อมไม่พลาดบทสนทนาของพวกเขาเมื่อคืนตอนจวินถิงกลับมาฟ้าก็มืดมากแล้ว เขาพูดว่าไม่เกินวันนี้จะต้องจับตัวคนสอดแนมออกมาให้ได้ตอนนั้นนางยังแปลกใจเหตุใ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1170

    สถานการณ์ในตอนนี้ หากเขาสอดมือเข้าไป ก็ยากจะถูกคนหยิบยกเรื่องนี้ออกมากล่าวหา ให้เสด็จพ่อส่งคนออกมาสืบถึงจะทำให้คนเชื่อถือที่สุด!อีกด้านหนึ่ง คนสร้างเรื่องทั้งหมดกำลังดีใจ“บัดนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้ว่าโรคระบาดแพร่จากค่ายทหาร ชื่อเสียงอันดีงามที่เขาสั่งสมมานานหลายปี นับว่าถูกทำลายทั้งหมดแล้ว!”“ทว่าตอนเหล่าขุนนางในราชสำนักถกเถียงกันเรื่องนี้ ท่าทีของเสด็จพ่อกลับไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เห็นได้ชัดว่ายังปกป้องเขาอยู่”ฝ่ายชายขมวดคิ้ว สีหน้าสะท้อนความไม่พอใจ บัดนี้เกิดเรื่องใหญ่ภายในค่ายทหาร ไม่ว่ามองอย่างไรก็สมควรลงโทษอย่างหนัก แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย“อย่าเพิ่งร้อนใจเพคะ” หญิงสาวทางด้านข้างผลิยิ้มพลางเอ่ยปาก “ตอนนี้ฉู่อ๋องยังเอาตนเองไม่รอด ฝ่าบาทกังวลความปลอดภัยของเขา ย่อมไม่ใส่ใจจัดการเขาในตอนนี้!”“ไม่แน่ว่าไม่ต้องรอให้ฝ่าบาทจัดการ ฉู่อ๋องก็ตายในค่ายทหารก่อนแล้ว”ได้ยินดังนั้น ฝ่ายชายพยักหน้า ใบหน้าเผยความระอา“ทีแรกข้าก็ไม่อยากเอาชีวิตเขา ใครให้เขาโดดเด่นเกินหน้าเกินตาเช่นนี้ พูดได้เพียงว่าเขารนหาที่ตายเอง!”ภายในสายตาหญิงสาวสะท้อนไอเย็น “ทุกคนที่ขวางทางท่านล้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1169

    เมืองหลวง ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วทุกหนแห่งพวกกู้หรูเยียนได้รู้ว่าบัดนี้คนในเมืองหลวงกำลังกระสับกระส่าย โรคระบาดเริ่มขยายวงกว้าง ยิ่งไปกว่านั้นราษฎรก็แน่ใจว่าโรคระบาดในครั้งนี้แพร่มาจากค่ายทหารของฉู่อ๋อง ใบหน้าจึงเผยความกังวล“เสนาบดีศาลต้าหลี่สืบออกมาได้แล้วไม่ใช่หรือ ทั้งๆ ที่หมู่บ้านชิงหยางแห่งนั้นเกิดโรคระบาดก่อน แต่ราษฎรเหล่านี้กลับปักใจว่าโรคระบาดออกมาจากค่ายทหาร น่าโมโหนัก!”บัดนี้กู้หรูเยียนนับว่ารู้แล้วว่าซิ่วไฉเจอทหาร มีเหตุผลไปก็ไร้ประโยชน์ ทั้งๆ ที่ทั้งหมดล้วนพูดไว้อย่างชัดเจนแล้ว เอือมระอาคนเหล่านี้ไม่เชื่อ“ท่านแม่ ท่านอย่าโมโหเพราะข่าวลือภายนอกเหล่านั้นเลย นี่เห็นได้ชัดว่ามีคนปลุกปั่น ท่านโมโหไปก็ไร้ประโยชน์”“ก็เพียงปากของพวกเราเหล่านี้ พูดออกไปก็ไร้ประโยชน์”ซ่งจิ่งเซินเห็นมารดาร้อนใจดุจไฟเผา มุมปากล้วนพองขึ้นมาแล้ว เอ่ยออกมาอย่างสุดระงับ“เรื่องนี้โทษท่านแม่ที่ร้อนใจไม่ได้ ข้าได้ยินข่าวลือเหล่านั้นก็อยากตีคนเหลือเกิน!”สีหน้าซ่งจืออวี้ไม่สบอารมณ์ “ตอนนี้น้องหญิงห้าไม่อยู่ข้างนอกก็ดี คำพูดของคนข้างนอกเหล่านั้นเกินไปจริงๆ ชวนให้คนโมโหแทบแย่!”ซ่งอี้อันมองเห็นท่า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status