บนรถม้าซ่งรั่วเจินมองข้อเท้าที่แพลงไปของตน ถอนหายใจอย่างสุดระงับ เป็นคุณหนูสูงศักดิ์นานมากแล้ว ใช้ยันต์เร่งความเร็วถึงขั้นยังสามารถข้อเท้าแพลงได้ไม่ใช่น่าขายหน้าธรรมดา!เดิมทีอยากใช้เข็มเงินรักษาตนเองดูสักรอบ จู่ๆ ก็คิดได้ว่าเข็มเงินล้วนถูกโยนทิ้งไปแล้วดูท่าแล้ว ภายภาคหน้าต้องพกเข็มเงินสองสามชุดติดตัวไว้ เตรียมไว้ใช้ยามจำเป็น“เจ็บมากหรือไม่?”ฉู่จวินถิงเห็นซ่งรั่วเจินก้มหน้ามองขาของตน คิ้วดุจกิ่งหลิวขมวดน้อยๆ มองสีหน้านางได้ไม่ชัดนัก กลับได้ยินเสียงถอนหายใจนั้นลูกกระเดือกเขากลิ้งขึ้น อ้าปากแต่ก็หุบลง ครู่ต่อมาขยับเข้าใกล้เล็กน้อย ภายในสายตาดำลุ่มลึกเปี่ยมความห่วงใยภายในสมองปรากฏภาพนางถูกมือสังหารล้อมไว้ไม่หยุด โลหิตสีแดงบนใบหน้าขาวนวล ชุดกระโปรงสีพื้นของนางทำให้มองดูแล้วอ่อนแออย่างมาก หัวใจของเขาคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นข้างหนึ่งบีบไว้โชคดีเหลือเกินที่นางยังปลอดภัยนางยังนั่งอยู่ข้างกายเขาครู่ต่อมาซ่งรั่วเจินเงยหน้าขึ้น ไม่ทันสังเกตว่าฝ่ายชายเข้าใกล้ตนเองถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด เพียงเงยหน้าขึ้น ระยะห่างของทั้งคู่ก็ใกล้แค่เอื้อมแล้วดวงตาชุ่มชื้นคล้ายกวางน้อยสบเข้ากับ
อิงตามการหยั่งเดา ก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรสายตาฉู่จวินถิงเคร่งขรึม “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง”......สกุลซ่ง“ป่านนี้แล้วเจินเอ๋อร์ก็ยังไม่กลับมาอีกหรือ?”หลิ่วหรูเยียนเห็นซ่งรั่วเจินยังไม่กลับมา กังวลใจอย่างอดไม่ได้“ท่านแม่ วันนี้ฉู่อ๋องรับน้องหญิงห้าไป ข้าเองก็ไม่ได้ยินข่าวว่านางเข้าวัง น่าจะไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรอกกระมัง?” ซ่งจืออวี้เอ่ยขึ้นซ่งจิ่งเซินขมวดคิ้ว “แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องรู้ขอบเขตยิ่งนัก อิงตามหลักการแล้ว ไม่น่าพาน้องหญิงห้ากลับมาส่งดึกดื่นถึงเพียงนี้”“ข้าได้ยินผู้ดูแลแจกจ่ายโจ๊กกลับมาก็รายงานว่าวันนี้น้องหญิงห้าออกจากเมือง ตอนอยู่นอกเมืองยังได้พบกับถังเสวี่ยหนิงอีกด้วย จึงให้คนแจกจ่ายโจ๊กทางเมืองเฉิงหนานเก็บแผง”“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” หลิ่วหรูเยียนแปลกใจ“เรื่องเก็บแผงนี้น้องหญิงทำถูกแล้ว แม่นางสกุลถังคนนั้นน่ากลัวว่าสมองมีปัญหา ปกติได้พบผู้ลี้ภัย แต่ไหนแต่ไรมาพวกเราล้วนแจกจ่ายโจ๊ก”“ประการแรกป้องกันมิให้ราษฎร์แอบอ้างรับของ ประการที่สองแม้ว่าไม่ดีมากมายอันใด แต่ก็ไม่ทำให้ราษฎร์อดตาย ทว่าถังเสวี่ยหนิงคนนั้นถึงขั้นซื้อซาลาเปาเนื้อจำนวนห
เมื่อได้ยินว่าข้อเท้าแพลง หลิ่วหรูเยียนถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง มองทางฉู่จวินถิงด้วยแววตาอ่อนโยนเป็นพิเศษ“ท่านอ๋อง ก็แค่ข้อเท้าแพลงเพราะไม่ทันระวัง นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เจินเอ๋อร์พักผ่อนสองวันก็ดีขึ้นแล้ว ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”สี่พี่น้องสกุลซ่งล้วนพยักหน้า เห็นฉู่จวินถิงเอ่ยขอโทษอย่างจริงใจถึงเพียงนี้ พวกเขายังคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่อันใดเสียอีก บัดนี้ได้รู้ว่าบาดเจ็บข้อเท้าแพลง นี่จึงวางใจลงแล้วทว่าท่านอ๋องให้ความสำคัญต่อรั่วเจินไม่ธรรมดา หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ยังไม่ต้องพูดว่าข้อเท้าแพลงเลย ต่อให้ตายตรงหน้าท่านอ๋องก็ไม่ชายตาแลเลยสักครั้ง“ท่านอ๋อง หม่อมฉันกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว ท่านเองก็รีบกลับไปพักผ่อนเถิดเพคะ” ซ่งรั่วเจินพูดยิ้มๆฉู่จวินถิงพยักหน้า “เช่นนั้นข้ากลับก่อน ขอลา”“ท่านอ๋องกลับดีๆ นะเพคะ”คนสกุลซ่งยืนอยู่ที่เดิมส่งรถม้าจากไป จากนั้นจึงได้เห็นเฉินเซียงที่ยืนอยู่ข้างหลังรถม้าตอนพวกเขาได้เห็นเลือดบนตัวเฉินเซียง แต่ละคนล้วนเบิกตากว้าง “นี่...นี่คือเลือดหรือ?”เฉินเซียงเดินเข้ามาท่ามกลางสายตาของทุกคน มองคุณหนูบ้านตนอย่างเอือมระอา หากนางพูดว่าไม่ใช่ น่าจะไม
“เฉินเซียง เมื่อคืนมิใช่บอกให้เจ้าพักผ่อนดีๆ หรือ เหตุใดมาเช้าถึงเพียงนี้เล่า?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างกังวลนางไม่ใช่คนไม่เคยเห็นเลือดมาก่อน สถานการณ์เมื่อวานกลับไม่ส่งผลกระทบต่อนาง แต่สำหรับเฉินเซียงแล้ว ได้รับความตกใจไม่น้อย“คุณหนู บ่าวไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เมื่อวานท่านยอดเยี่ยมยิ่งนัก หากไม่ใช่คุณหนู บ่าวก็คงไม่มีชีวิตรอดแล้ว” ดวงตาเฉินเซียงทอประกายระยับ ใบหน้าเปี่ยมความเลื่อมใสซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ “เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”“คุณหนู วันนี้เช้าท่านอ๋องก็มาแล้ว ยังตั้งใจนำมื้อเช้าที่ท่านชอบมาอีกด้วยเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินเพิ่งดื่มน้ำก็ได้ยิน เกือบพ่นน้ำชาในปากออกมา “เขามาตั้งแต่เช้าทำอันใด?”“ท่านอ๋องอาจไม่วางใจอาการบาดเจ็บของคุณหนู ตั้งใจนำยาทารักษาอาการข้อเท้าแพลงมาเป็นพิเศษ บ่าววางไว้ที่ข้างเตียงเจ้าค่ะ” เฉินเซียงพูดซ่งรั่วเจินหันมองทางที่เฉินเซียงชี้ ได้เห็นขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวงดงามประณีตขวดหนึ่งไม่ผิดไปดังคาด ดวงตาทอประกายหลายส่วน เอ่ยถาม “เช่นนั้นตอนนี้เขากำลังทำอันใด?”“ตอนนี้คุณชายใหญ่และคุณชายรองกำลังดื่มชากับท่านอ๋องเจ้าค่ะ ในเมื่อคุณหนูตื่นแล้ว บ่าวปรนนิบัติคุณหนูอาบน
เมื่อมองใบหน้าเรียวเล็กงดงามมีเสน่ห์ของสตรีตรงหน้า ฉู่จวินถิงยกมุมปากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เอ่ยถาม “ข้างกายเจ้ามีสาวใช้คอยปรนนิบัติเพียงคนเดียวหรือ?”“เดิมทีมีสองคน แต่หนึ่งในนั้น ตอนนั้นท่านเองก็เห็นแล้วมิใช่หรือ?”คิ้วเรียวยาวดุจกิ่งหลิวของซ่งรั่วเจินยกขึ้นน้อยๆ นึกถึงเมื่อแรกที่ได้รู้จักกับฉู่จวินถิงเป็นครั้งแรก ก็คือตอนไปคิดบัญชีสกุลหลิ่วฉู่จวินถิงจึงนึกขึ้นได้ “ที่ถูกฉินซวงซวงซื้อตัวไปคนนั้นน่ะหรือ?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า รู้สึกแปลกอยู่บ้าง “เหตุใดวันนี้ท่านสนใจสาวใช้ของหม่อมฉันนัก?”“เมื่อวานพวกเขาทำไม่สำเร็จ เชื่อว่าไม่มีวันยอมเลิกรา ข้าเองก็ไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนเจ้าทุกเวลาได้”“หลายวันนี้ยังต้องไปจัดการอุทกภัย ไม่วางใจเจ้า ดังนั้นจึงเลือกสาวใช้ฝีมือไม่เลวสองคนมามอบให้เจ้า เจ้าดูว่าเป็นเช่นไร?” ฉู่จวินถิงพูดเห็นฝ่ายชายพูดว่าไม่วางใจนางอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ดวงตาซ่งรั่วเจินกลิ้งกลอก กลับดีใจอยู่บ้างภายในใจ“จวนฉู่อ๋องยังมีสาวใช้เชี่ยวชาญวิชายุทธด้วยหรือ?”“ส่วนมากเป็นชาย แต่ก็มีองครักษ์หญิงบางส่วน อิงตามฐานะของเจ้า พวกนางย่อมเหมาะสมมาก”“ปกติปลอมตัวเป็นสาวใช้ ยามตกอยู่ในอ
“เมื่อวานคุณหนูตกอยู่ในอันตราย ข้าไม่สามารถช่วยได้ก็ช่างเถอะ ยังต้องให้คุณหนูปกป้องข้าอีกด้วย หากข้าเองก็เป็นวิชายุทธ ภายภาคหน้าก็สามารถปกป้องคุณหนูดีๆ ได้แล้ว”“ท่านอ๋องมิใช่เลือกสาวใช้เป็นวิชายุทธสองคนมอบให้คุณหนูซ่งแล้วหรือ?”“ไป๋จื่อและชิงเถิงวิชายุทธแข็งแกร่งอย่างมาก เป็นท่านอ๋องคัดเลือกด้วยตนเองอย่างใส่ใจ เหตุใดเจ้าต้องเรียนวิชายุทธด้วยเล่า?”อวิ๋นหยางมองเฉินเซียงแวบหนึ่ง พูดว่า “เรียนวิชายุทธต้องเริ่มตั้งแต่เล็ก ตอนนี้เจ้าเพิ่งเริ่ม น่ากลัวว่าช้าไปบ้าง ไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”เฉินเซียงที่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความเสียใจได้ยินถ้อยคำนี้ก็ชะงักไป จากนั้นเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงระคนดีใจ “เจ้าพูดว่าสาวใช้สองคนนั้นเป็นท่านอ๋องส่งมาหรือ?”“ใช่แล้ว” อวิ๋นหยางพยักหน้า“ข้าไม่เป็นไรแล้ว” เฉินเซียงหัวเราะตบหน้าอก ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ใบหน้าเรียวเล็กเบิกบานขึ้นมา “ท่านอ๋องดีต่อคุณหนูเหลือเกิน!”อวิ๋นหยาง “???”ซ่งรั่วเจินมองมื้อเช้าตรงหน้า ทั้งหมดล้วนเป็นรสชาติที่นางชอบ ลอบตกตะลึงภายในใจ ฉู่จวินถิงรู้ความชอบของนางถึงเพียงนี้เชียว!“เป็นอันใด? ไม่ถูกปากหรือ?” ฉู่จวินถิงเห็นซ่งรั่วเจิ
ฉู่จวินถิงมองเสื้อผ้าในมือตน นัยน์ตาดำขลับเผยแววตกตะลึงดีใจ ดุจพลุสว่างไสวบนท้องฟ้ายามราตรี แม้แต่เส้นเสียงก็สูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว“นี่มอบให้ข้าหรือ?”ซ่งรั่วเจินสบมองสายตาเร่าร้อนของฝ่ายชาย พยักหน้าลงอย่างประหม่าสวรรค์โปรด!สายตาเช่นนั้นใครจะทนไหวบ้างเล่า?“หม่อมฉันเตรียมไว้ให้องค์หญิงอีกหนึ่งชุดด้วย ย่อมมิอาจลำเอียงเลือกที่รักมักที่ชังได้หรอกกระมัง!”ฉู่จวินถิงได้ยินถ้อยคำของฝ่ายหญิง เขาหัวเราะเบาๆ ลูกกระเดือกกลิ้งขึ้นลง มุมปากยกน้อยๆ ดวงตาทั้งดำทั้งลุ่มลึกคล้ายประดับดวงดาวนับไม่ถ้วนเขาเข้าใจ เสื้อผ้าชุดนี้ไม่เหมือนคนอื่นนี่เป็นนางเย็บด้วยมือตนเอง“ฝีมือเย็บปักของหม่อมฉันมิอาจเทียบช่างเย็บปักได้ ทำรูปแบบซับซ้อนมากเกินไปไม่เป็น ดังนั้นจึงค่อนข้างเรียบง่าย...”ซ่งรั่วเจินพูดอธิบายหนึ่งประโยค อันที่จริงทางด้านนี้นางก็นับว่ามีพรสวรรค์ เย็บปักธรรมดาไม่มีปัญหาอะไร แต่พูดถึงระดับการเย็บปักของช่างเย็บปักของเมืองหลวงไปจนถึงช่างเย็บปักของวังหลวง นั่นยังห่างชั้นกันมากจากนั้น นางยังพูดไม่จบก็ถูกฉู่จวินถิงเอ่ยขัดแล้ว“ไม่หรอก”“ข้าชอบมาก”ฉู่จวินถิงมองเสื้อผ้าในมือ คล้ายกำลังมองสม
ผู้ดูแลเผยสีหน้าเอือมระอา ทุกวันเพียงแค่เงินแจกจ่ายโจ๊กก็ใช้จ่ายไปไม่น้อย ครั้นเปลี่ยนเป็นแจกจ่ายซาลาเปาเนื้อราคาก็ชวนให้คนตกตะลึง อีกเดี๋ยวจะต้องไปคลังขอเบิกเงินอีกแล้ว...ซ่งจิ่งเซินและซ่งจืออวี้มองบรรยากาศครึกครื้นที่ประตูเมืองทิศทักษิณแห่งนั้น เอ่ยออกมาอย่างสลดใจ “ความยิ่งใหญ่เช่นนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นมาก่อน สกุลถังเงินหนาไม่ผิดไปดังคาด!”“น้องสี่ อัครมหาเสนาบดียอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ เหตุใดกับเรื่องนี้ถึงได้โง่งมนัก ปล่อยให้ถังเสวี่ยหนิงทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้?”ซ่งจืออวี้เผยสีหน้าสงสัย คนไม่เคยสัมผัสมาก่อนอาจไม่เข้าใจ แต่อัครมหาเสนาบดีไม่มีทางไม่รู้ผลลัพธ์ที่ตามมาของการกระทำนี้ซ่งจิ่งเซินหัวเราะเบาๆ “ได้ยินมาว่าเมื่อคืนดื่มสุราจนเมามาย น่ากลัวว่าจะยังไม่รู้เรื่องนี้”“หากรู้เข้า จะต้องไม่ปล่อยให้นางทำเรื่องเหลวไหลแน่ แต่เรื่องนี้ชุลมุนวุ่นวายใหญ่โตถึงเพียงนี้ ต่อให้หลังผ่านวันนี้ไปจะห้ามเอาไว้ น่ากลัวว่าไม่ทันการณ์แล้ว”“ฉวยโอกาสในครั้งนี้ พวกเราเองก็หาเงินได้มาก อย่างไรเสียจวนถังก็ไม่ขาดเงินอยู่แล้ว”“สกุลถังแจกจ่ายโจ๊ก พวกเราหาเงินได้อย่างไร?” ซ่งจืออวี้ตกตะลึงซ่งจิ่งเซิ
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที