หลังผ่านการเมาครั้งนี้ ซ่งรั่วเจินได้เห็นอีกด้านของฉู่จวินถิง ระยะห่างที่กั้นกลางระหว่างทั้งคู่คล้ายถูกทำให้มลายหายไป ใกล้ชิดกันมากขึ้นไม่น้อยหลายครั้งทั้งๆ ที่ไม่ได้พูดอะไร แต่ขอเพียงได้สบสายตากับอีกฝ่าย ภายในใจก็เกิดความรู้สึกหวานล้ำขึ้นมาพวกซ่งหลินมองออก หรือพูดให้ถูกคือไม่อาจเมินข้ามไปได้ต่อให้เพียงแต่กินข้าว สายตาของฉู่อ๋องก็มักตกลงบนตัวซ่งรั่วเจินอยู่บ่อยครั้ง หนำซ้ำยังเป็นฝ่ายคีบอาหารให้นางเพราะซ่งรั่วเจินรังเกียจความยุ่งยากจึงไม่ชอบกินปลา ฉู่อ๋องถึงขั้นเอาก้างปลาออกแล้วคีบใส่ชามของนาง ทว่ายามอยู่ต่อหน้าทุกคน เขายังปั้นหน้าเคร่งขรึมดังเดิม ท่าทางคล้ายไม่เป็นไรนี่ช่างขัดแย้งกันโดนแท้!จากนั้นทางการเริ่มแจกโจ๊ก ทุกวันสถานการณ์ของผู้ลี้ภัยดีขึ้นมาก กอปรกับเงินบรรเทาภัยพิบัติที่ราชสำนักนำมา ฉู่จวินถิงให้นายอำเภอสร้างที่พักสำหรับพักผ่อนบางส่วนในเวลาเดียวกันบันทึกสถานการณ์ของผู้ลี้ภัยไว้ในรายงาน หลังจากสถานการณ์ของเมืองผิงหยางดีขึ้นแล้ว ก็สามารถเลือกตามสถานการณ์ได้ว่าจะไปหรืออยู่ต่อคาดว่าราษฎรส่วนใหญ่ล้วนอยากกลับบ้านเกิด“ความคืบหน้าของเมืองไห่เทียนช่วงสองวันนี้มอบให้พ
“ขอเพียงมีความหวัง ก็สามารถลองดูได้”พูดไป จ้าวชิงหยวนเห็นซ่งรั่วเจินมาแล้ว รีบพูด “แม่นางซ่ง รบกวนเจ้าช่วยดูหน่อยเถอะ เขาอาการหนักเกินไปจริงๆ”ซ่งรั่วเจินมองนายอำเภอโจวแวบหนึ่ง ผอมจนไม่คล้ายคน แต่มองผ่านหน้าตากลับมองออกได้อย่างง่ายดายว่านี่คือคนดีคนหนึ่ง“แม่นางซ่ง ยังมีหนทางช่วยท่านลุงโจวหรือไม่?” จ้าวผิงอันเอ่ยปากอย่างกังวลเขาเคยทรมานเพราะไอมรณะรุมเร้ามาก่อน นั่นคือความทรมานจนอยากตาย ชนิดที่ว่าถึงช่วงสุดท้าย ตนเองล้วนอยากตาย ท่านลุงโจวอดทนมาถึงตอนนี้ได้จะต้องลำบากมากแน่“มีข้าอยู่ ไฉนเลยจะตายง่ายถึงเพียงนั้น?”ซ่งรั่วเจินยกมุมปาก เนตรขนงกลับจริงจัง ยื่นมือออกไปวนรอบตัวนายอำเภอโจวเพื่อเก็บไอมรณะนายอำเภอโจวรู้สึกเพียงความเย็นยะเยือกที่รุมเร้าเขามาโดยตลอดหายไปอย่างฉับพลัน ความเย็นแทงลึกถึงกระดูกนั้นแทรกซึมทุกอณูรูขุมขน ต่อให้ตากแดดอย่างไรก็ไม่รับรู้ถึงความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อยบัดนี้ ความรู้สึกเย็นยะเยือกหายไปแล้ว ต่อให้ไม่อบอุ่น แต่ก็ไม่รู้สึกเย็น“ร่างกายท่านต้องรักษาดีๆ สักระยะหนึ่ง ไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว แต่อย่างไรเสียก็เคยถูกไอมรณะรุมเร้ามาเป็นเวลานาน อ่อนแออย่างมาก พยา
“เช่นนั้นบัดนี้ผู้ใดดูแลเมืองผิงหยางหรือเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ก่อนหน้านี้สกุลหลิงตั้งตนเป็นใหญ่ครอบครองอำนาจของเมืองผิงหยาง นายอำเภอจะต้องเป็นคนของสกุลหลิงแน่บัดนี้สกุลหลิงไปเมืองหลวงแล้ว หลิงเหวินเทาที่ทิ้งไว้เองก็ตายไปแล้ว กอปรกับนายอำเภอเองก็ถูกฆ่า เมืองผิงหยางมิใช่อยู่ในสถานการณ์ไร้ผู้ปกครองหรอกหรือ?“นายอำเภอตายไปแล้ว โจวหลี่รับช่วงต่องานของเขาชั่วคราว คนผู้นี้เป็นคนมีมโนสำนึกคนหนึ่ง พวกเรารู้จักเขามานานหลายปี จะต้องไม่ขูดเลือดขูดเนื้อราษฎรเหมือนนายอำเภอหยางแน่”สายตาซ่งหลินเย็นลง เดิมทีวางแผนว่าต่อให้รังเกียจนายอำเภอคนนี้เยี่ยงไร ก็จะไม่ฆ่าเขาในตอนนี้ ทำให้เกิดความโกลาหลภายในเมืองผิงหยางเพียงแต่คนผู้นั้นน่ารังเกียจเกินไป ต่อให้เก็บไว้ก็จะฉวยโอกาสขูดรีดราษฎร มิสู้ฆ่าให้ตายไปเสียเลย!ขบวนคนมาถึงทางการอย่างว่องไว“แม่ทัพซ่ง?”ยามผู้แทนนายอำเภอได้เห็นซ่งหลิน ภายในสายตาเปี่ยมความประหลาดใจ แต่ต่อมาก็กลายเป็นดีใจ“ท่านยังมีชีวิตอยู่ช่างดีเหลือเกิน!”“โจวหลี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกันอีกครั้งในเวลาเช่นนี้” สีหน้าซ่งหลินอ่อนโยน “บัดนี้สถานการณ์เมืองผิงหยางเป็น
โจวหลี่เผยสีหน้าเศร้าหมอง ในช่วงนี้เขาทำหมดทุกทางแล้ว อับจนหนทางอย่างแท้จริง“ตอนพวกเรามาก็นำเสบียงอาหารมาด้วย สามารถใช้รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินก่อนได้” ซ่งหลินพูด“นั่นดีมากเหลือเกิน!” โจวหลี่เผยสีหน้าดีใจจากนั้น ชั่วขณะเขากำลังจะเร่งตามซ่งหลินไปดูเสบียงอาหาร กลับเกือบล้มหมดสติไปหร่วนเฉิงประคองเขาไว้ พูดว่า “ท่านไม่เป็นไรกระมัง? ข้าเห็นท่านสีหน้าขาวซีด เทียบกับก่อนหน้านี้ยามได้พบกันแล้วท่านผอมลงไม่น้อย คาดว่าตัวท่านเองก็หิวกระมัง!”“ข้าไม่เป็นไร” โจวหลี่โบกมือ “ทำให้พวกเจ้าเห็นเรื่องน่าขันแล้ว”“ตอนนี้ยกเรื่องนี้ให้พวกเราเถอะ ท่านไปกินอะไรสักหน่อย พักผ่อนดีๆ” ฉีอู่เอ่ยพวกบัณฑิตเหล่านี้แต่ละคนล้วนอ่อนแอไม่อาจต้องลม นายอำเภอของเมืองไห่เทียนก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้ บัดนี้โจวหลี่เองก็เป็นเช่นนี้ เขาเห็นแล้วไม่คุ้นชิน“ท่านอ๋องและราชครูกู้ใกล้จะมาถึงแล้ว อีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะได้รับการแก้ไข เจ้าไปพักผ่อนอย่างสบายใจก่อนเถอะ”“เจินเอ๋อร์ เจ้านั่งเรือมาเหนื่อยเช่นเดียวกัน ข้าให้คนไปเก็บกวาดห้องไว้แล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อน ข้าจะไปจัดการเรื่องแจกโจ๊ก” ซ่งหลินเอ่ยสีหน้าซ่งรั่วเจินสะท
“ไอ้พวกชั่วเหล่านี้ ข้าเห็นแล้วอยากฆ่าพวกเขาให้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้เลย แต่ละคนล้วนต้องถูกสวรรค์ลงโทษ!”“ข้าไม่อาจกลืนแค้นนี้ลงไปได้อย่างแท้จริง ราษฎรแต่ละคนล้วนหิวโหย พวกเขาโก่งราคาเสบียงอาหารก็ช่างเถอะ ถึงขั้นยังเหยียดหยามพวกเขา ช่างพูดเหลือเกิน!”ในที่ห่างออกไป เสียงโกรธเกรี้ยวของฉีอู่และหร่วนเฉิงดังออกมาก่อนหน้านี้ทั้งสองคนออกไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ บัดนี้ทั้งคู่โมโหหน้าแดงไปถึงคอ โกรธเกรี้ยวอย่างมาก!ซ่งรั่วเจินได้ยินเสียงก็เดินออกไป เอ่ยถามหนึ่งรอบถึงรู้ว่าตอนพวกเขานำเสบียงอาหารไปส่งได้เผชิญหน้ากับฉากพ่อค้าผู้มั่งคั่งของเมืองผิงหยางกำลังรังแกคนเห็นว่าราษฎรใกล้หิวตายแล้ว ขอร้องพวกเขาสามารถมอบอาหารให้สักมื้อได้หรือไม่ สรุปคือยังไม่ต้องพูดว่าคนผู้นั้นโยนหมั่นโถวลงพื้น ยังกระทืบแรงๆ อีกสองที สุดท้ายถึงยอมให้อีกฝ่ายเอาไปกินนี่เห็นได้ชัดว่ากำลังเหยียดหยามคน!ฉีอู่ได้เห็นแล้วก็เข้าไปต่อยตีคนหนึ่งยก หากไม่ใช่เพราะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายกลัวทำให้ราษฎรตื่นตระหนกตกใจ นี่คงฆ่าคนไปแล้ว!“เช่นนั้นท่านพ่อข้าเล่า?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ฉีอู่และหร่วนเฉิงล้วนโมโหจนกลายเป็นเช่นนี้
“ซ่อนอยู่ที่นี่?” ดวงตาซ่งหลินทอประกาย คิดไม่ถึงลูกสาวยังมีความสามารถเช่นนี้!โจวหลี่เผยสีหน้าตกตะลึง อันที่จริงเขาเองก็ตามหาภายในจวนมาก่อน แต่ตามหาทุกสถานที่ที่สามารถหาได้แล้ว กลับไม่พบว่าตกลงซ่อนอยู่ที่ใด จึงคิดว่าตอนหยางฮูหยินจากไปได้นำไปทั้งหมดแล้ว“นี่ไม่ใช่จำนวนน้อย สามารถซื้อเสบียงอาหารได้มากมาย”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ ลดเสียงให้เบาลงพูดกับซ่งหลิน “หาคนที่ดูเข้าท่าสักหน่อยแล้วซื้อเสบียงอาหารไม่ต้องมาก รอพี่สามมาแล้วค่อยซื้อจากพี่สามทั้งหมดเจ้าค่ะ!”“เจินเอ๋อร์ฉลาดนัก!” ซ่งหลินยิ้มกว้าง ลูกสาวของเขามีความสามารถไม่ธรรมดาจริงๆ!ทุกคนได้เห็นสมบัติซ่อนอยู่ใต้ดินภายในสวนดอกไม้ทางด้านหลังอย่างว่องไวพูดให้ถูกก็คือไม่มีคนรู้ว่าใต้ดินนี้ซ่อนห้องลับเอาไว้แห่งหนึ่ง!หลายปีมานี้นายอำเภอหยางซ่อนเงินเหล่านี้ไว้ภายในห้องลับใต้ดินโดยที่ไม่รู้คนรู้ส่วนซ่งรั่วเจินทำนายออกมาได้ว่าเงินอยู่ใต้ดิน กลับไม่ได้หาเส้นทางของห้องลับ แต่ให้คนขุดลงไปทีแรกคนขุดยังรู้สึกแปลกใจ ไม่เข้าใจอยู่ดีๆ ขุดดินทำอันใด แต่ขุดลงไปได้ครู่หนึ่งก็พบว่าข้างล่างแข็งผิดปกติ ต่อมาจึงเจาะเปิดออกได้เห็นกล่องเงินทองเครื
โจวหลี่ได้รู้ว่าซ่งรั่วเจินวางแผนเชิญหัวหน้าตระกูลที่กักตุนเสบียงอาหารมา รีบก้าวเท้าฉับไวเข้ามา สีหน้าเปี่ยมความกังวล “แม่นางซ่ง ข้ารู้เจ้าทำเช่นนี้เพื่อราษฎรทั้งเมือง แต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยไปเจรจากับพวกเขามาก่อน ไม่ว่าพูดเยี่ยงไรก็ล้วนไร้ความหมาย”ได้ยินดังนั้น ซ่งรั่วเจินก็หัวเราะเบาๆ “ไร้ความหมายก็ไม่เป็นไร ตรงข้ามกันเพียงแต่เชิญมาเจรจาดูเท่านั้น”“ข้ากังวลพวกเขาพูดจาไม่ไพเราะ โดยเฉพาะแม่นางในห้องหอคนหนึ่งอย่างเจ้า จะต้องถูกรังแกแน่”โจวหลี่เผยสีหน้าเอือมระอา เขาไม่เข้าใจแม่ทัพซ่งกำลังคิดอันใด ถึงขั้นมอบเรื่องนี้ให้แม่นางซ่งไปจัดการต้องรู้ว่าพวกพ่อค้าเหล่านั้นแต่ละคนล้วนเจ้าเล่ห์ หากขัดแย้งกันขึ้นมา ก็สามารถทำให้คนโมโหตายได้!แม้แต่ชายตัวโตอย่างเขาพูดกับพวกเขาก็ไร้ประโยชน์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซ่งรั่วเจินแม่นางอ่อนแอบอบบางคนหนึ่ง น่ากลัวว่าจะรังแกจนนางร้องไห้“ใต้เท้าโจวไม่จำเป็นต้องกังวล เรื่องเล็กนี้ไม่สามารถทำให้ข้าตกใจได้”ซ่งรั่วเจินยกมุมปาก นางเป็นถึงเจ้าสำนักเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ก็แค่พวกตาเฒ่าดื้อรั้นสองสามคน คิดจะขู่นางรึ?ต่อให้เป็นเจ้าของร่างเดิม ทำการค้าในเมืองหลวงมานานหล
หากไม่มีทางการ เดิมทีพวกเขาก็ไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้!โจวหลี่คนนี้ยังเป็นคนมีมโนสำนึกคนหนึ่ง น่ากลัวว่าก่อนหน้านี้ยามนายอำเภอหยางยังอยู่ เขาจะต้องเกลี้ยกล่อมหลายครั้งแน่ ดังนั้นสกุลสือเห็นเขาแล้วจึงไม่สบอารมณ์ บัดนี้จึงอยากหาทางทำให้เขาลำบากหลังหัวหน้าตระกูลเมืองผิงหยางทุกคนได้รับคำเชิญแล้ว กลับไม่ได้มาจวนของนายอำเภอในทันที ตรงข้ามกันไปยังสกุลสือก่อน“คาดว่าทุกท่านล้วนรู้สถานการณ์ในตอนนี้แล้ว แม่ทัพซ่งอยู่ที่จวนนายอำเภอ ครั้งนี้เชิญพวกเราไปจะต้องเพื่อกดราคาเสบียงอาหารแน่ พวกเราน่าจะรู้ว่าสมควรทำเยี่ยงไรกระมัง?”สีหน้าหัวหน้าตระกูลสือเย่อหยิ่งอย่างเห็นได้ชัด ต่อให้แม่ทัพซ่งมาแล้วอย่างไร?พวกเขาเพียงแต่ทำการค้า นอกจากแม่ทัพซ่งจะสามารถฆ่าพวกเขาทุกคนได้!หากทำเช่นนี้จริง ต่อให้เป็นแม่ทัพซ่ง ก็ไม่สามารถฆ่าคนเป็นผักปลาได้ หรือว่าเพื่อราษฎรเมืองผิงหยางจึงไม่เป็นแม้แต่ขุนนางแล้ว?“หัวหน้าตระกูลสือ ได้ยินมาว่าท่านอ๋องและราชครูกู้มาเพื่อควบคุมสถานการณ์โดยรวม คาดว่าอีกไม่นานก็จะมาถึงแล้ว หากถึงตอนนั้นถูกลงโทษ...”“ลงโทษแล้วกลัวอันใด? บัดนี้กำลังขาดแคลนเสบียงอาหาร นั่นเป็นเรื่องของทางการ พ
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที