ในที่สุดพวกเขาก็ได้กินอิ่มเสียที นอกจากนี้ การมาถึงของฉู่อ๋องและราชครูกู้ยังทำให้ทุกคนมองเห็นความหวังที่จะได้สร้างบ้านขึ้นมาใหม่อีกครั้งหลังจากซ่งจิ่งเซินมาถึงแล้วก็นำเสบียงอาหารที่จำเป็นมาด้วยเต็มลำเรือ ฉู่จวินถิงรับซื้อในราคาสูง หลังจากนั้นก็มีเสบียงอาหารทยอยมาถึงมากกว่าเดิม เสบียงในเมืองจึงไม่ขาดแคลนอีกต่อไปพ่อค้าร่ำรวยในเมืองผิงหยางเห็นตระกูลสือประสบเคราะห์ ตระกูลเฉากับตระกูลเหยาก็ทยอยได้รับผลกระทบ ไม่ว่าใครล้วนไม่กล้ากักตุนเสบียง ทยอยนำออกมาลดราคาขายซ่งรั่วเจินมองดูฉู่จวินถิงหาคนจำนวนหนึ่งมาหารือกันว่าจะสร้างสะพานขึ้นใหม่ได้อย่างไรเนื่องจากอุทกภัยก่อนหน้านี้ไม่เพียงทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนไร่นา สะพานก็ยังถูกน้ำซัดจนถล่มแม้ซ่งรั่วเจินจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องด้านนี้นัก แต่ดีชั่วอย่างไรนางก็เป็นคนที่ทะลุมิติมา ไม่เคยกินหมูก็ต้องเคยเห็นหมูวิ่งมาก่อนจึงเสนอความรู้เชิงทฤษฎีบางอย่างออกมาภายหลังยังนำกระดาษและพู่กันมาวาดภาพร่างสะพานลงไปจำต้องยอมรับว่าคนที่ฉู่จวินถิงหามาล้วนแต่ร้ายกาจ หลังจากนางวาดภาพร่างเสร็จ คนอื่นๆ ก็มองเห็นจุดที่เป็นข้อดีได้ในทันที“คิดไม่ถึงว่าแม่นางซ่งจะมีคว
เมืองหลวงหลังฉู่เทียนเช่อและหลิงเชี่ยนเอ๋อร์กลับถึงเมืองหลวง ทุกคนก็ได้ทราบข่าวที่คุณชายใหญ่ตระกูลหลิงเสียชีวิตลงอย่างน่าอนาถฉู่เทียนเช่อยังให้คนนำจดหมายไปส่งแต่ละบ้าน อันดับแรกที่ไปคือตระกูลซ่ง พร้อมกันนั้นยังแจ้งข่าวที่ว่าแม่ทัพซ่งยังมีชีวิตอยู่ต่อทุกคนด้วยเมื่อข่าวนี้แพร่ออกมา ผู้คนทั้งเมืองหลวงล้วนแต่ประหลาดใจ ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าแม่ทัพซ่งเสียชีวิตในสนามรบ คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าน่าเสียดาย ยามนี้ได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ชาวบ้านล้วนปีติยินดีอย่างไม่อาจเลี่ยงคนส่วนหนึ่งในราชสำนักรู้ข่าวลือนี้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ในจำนวนนั้นผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลซ่งย่อมรู้สึกยินดี แต่คนที่รังแกตระกูลซ่งในช่วงก่อนหน้านี้เพราะคิดว่าซ่งหลินตายไปแล้ว ยามนี้ย่อมจะนั่งไม่ติดเป็นธรรมดาก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคนตระกูลซ่งคงจบสิ้นแล้ว ซ่งหลินไม่อยู่แล้ว แต่กลับมีเงินมากมายขนาดนี้ ย่อมเป็นเนื้ออันโอชะในสายตาทุกคนตระกูลซ่งในตอนนี้กลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อันคนหนึ่งบุ๋นคนหนึ่งบู๊ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพตงจงหลาง อีกคนเป็นจอหยวนหมาดๆ ล้วนแต่มีความสามารถอย่างยิ่งกันทั้งคู่ ได้
โชคดีที่ตอนนี้ทุกอย่างล้วนออกมาดีที่สุดแล้ว“ข้ารู้ว่าเจ้าดีต่อชิงอิน เยี่ยนโจวก็ดีต่อชิงอิน ตอนนี้เวลาเด็กคนนี้มาเจอข้า อ้าปากทีไรก็พูดถึงแต่บ้านแม่สามี ยังจะคิดถึงคนเป็นแม่อย่างข้าอยู่เสียที่ไหน?”เยี่ยนชิงอวี้ส่ายศีรษะน้อยๆ “ให้นางอยู่บ้านเจ้าไปเถอะ ข้าคร้านจะสนใจนางแล้ว”เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินดังนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ นางรู้ว่ากู้หรูเยียนสนิทสนมกับเยี่ยนชิงอวี้ ตอนนี้กลายเป็นคนในครอบครัวกันอย่างแท้จริงแล้ว“ความจริงข้ามาวันนี้เพราะอยากมาคุยเรื่องสนุกกับเจ้าละ” เยี่ยนชิงอวี้ทำทีลึกลับ“เรื่องสนุกอันใดรึ?”“ก็เรื่องตระกูลอวิ๋นน่ะสิ” แววขบขันวาบผ่านดวงตาของเยี่ยนชิงอวี้ “อนุอวิ๋นผู้นั้นเข้าใจว่าหลังจางเหวินกับอวิ๋นหงหล่างหย่ากันแล้ว นางก็จะได้เป็นอวิ๋นฮูหยิน ช่างฝันเฟื่องเสียจริงๆ!”กู้หรูเยียนพลันมีท่าทางสนอกสนใจขึ้นมา “เจ้าเล่าให้ละเอียดหน่อย เรื่องเป็นอย่างไรรึ?”“ได้ยินว่าหลังจากใต้เท้าอวิ๋นหย่าก็รู้สึกว่าขายหน้า แต่อนุอวิ๋นก็ดันอาละวาดไม่หยุด บอกว่าเงินถูกจางเหวินเอาไปหมดแล้ว ไม่พอใจสถานการณ์ภายในจวนเป็นอย่างมาก”“เดิมทีใต้เท้าอวิ๋นยังอดทนอดกลั้น ต่อมาพออดทนไม่ไหวก
“หลังจากอนุอวิ๋นรู้เรื่องนี้ก็โวยวายในจวนใหญ่เลยละ ด่าทออวิ๋นหงหล่างว่าเป็นผู้ชายหลายใจ ทำให้เขาหัวเสียอย่างหนักจนไม่กลับไปนอนที่บ้านมาสองวันแล้ว”เมื่อวาจานั้นดังขึ้น กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้สบตากันแล้วก็ต่างหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่“อวิ๋นหงหล่างก็ทำตัวเองจริงๆ ภรรยาที่ดีขนาดนี้ไม่รู้จักทะนุถนอม ต่อไปอนุอวิ๋นคงสร้างปัญหาไม่จบแน่”“ข้าได้ยินมาว่าคนที่แนะนำให้คนนั้นก็ไม่ใช่คนที่รับมือง่าย แม้อายุจะน้อยกว่าโข แต่เป็นคนที่เก่งกาจคนหนึ่ง”กู้หรูเยียนเข้าใจแล้ว ขอแค่เป็นนายหญิงที่เก่งกาจคนหนึ่งย่อมจะมีวิธีการมากมายมาจัดการกับอนุภรรยาในจวนเรื่องอย่างการโปรดปรานอนุย่ำยีภรรยา หากลือกันใหญ่โต อวิ๋นหงหล่างก็คงจะโชคร้ายแล้วหากไม่ใช่เพราะจางเหวินหมดใจไปแต่แรกจึงคร้านจะสนใจ อนุอวิ๋นก็คงไม่ได้มีชีวิตสุขสบายตลอดหลายปีมานี้ แต่เห็นได้ชัดว่า...ช่วงเวลานี้กำลังจะจบสิ้นลงในอีกไม่ช้า“เห็นทีหลังจากนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมดูแล้วละ” กู้หรูเยียนเอ่ยพร้อมยิ้มบางเยี่ยนชิงอวี้พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าได้ยินว่างานมงคลระหว่างแม่นางตระกูลเคอผู้นั้นกับตระกูลชวีล่มแล้ว?”กู้หรูเยียนย่นคิ้ว “เรื่องตั้ง
ดวงตางามของกู้หรูเยียนฉายแววอ่อนใจ นี่คือเรื่องที่นางกังวลใจที่สุด เรื่องมงคลดีๆ เรื่องหนึ่งหากเกิดเปลี่ยนใจในภายหลังกะทันหัน มิกลายเป็นโศกนาฏกรรมหรอกหรือ?“ข้าเห็นว่าจิ่งเซินก็ไม่ได้โง่ ไม่จำเป็นต้องกังวลใจจนเกินไป ก่อนนี้เข้าใจว่าเคอหยวนจื่อเพียงแต่ลองใจเขา ตอนนี้นางถึงขั้นหมั้นหมายกับคนอื่นลับหลังจิ่งเซินแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เอาเขามาใส่ใจเลยสักนิด”“ถึงในอดีตจิ่งเซินจะชอบแค่ไหน ตอนนี้ก็ควรเข้าใจได้แล้ว มิสู้รอถามให้รู้เรื่องตอนกลับมาอีกทีดีกว่า”“นอกจากนี้ ด้วยนิสัยของแม่ทัพซ่ง ต่อให้จิ่งเซินหน้ามืดตามัวอยากแต่งงานกับเคอหยวนจื่อ เกรงว่าเขาก็คงไม่เห็นด้วยกระมัง?” เยี่ยนชิงอวี้เอ่ยพร้อมยิ้มบางกู้หรูเยียนนึกถึงนิสัยของซ่งหลิน ถึงเขาจะนิสัยดี แต่ก็มีหลักการอย่างยิ่ง เรื่องที่ไม่เห็นด้วยไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางตอบตกลงสองปีมานี้ก็เป็นเพราะเขาไม่ได้กลับมาจึงไม่รู้เรื่องที่จิ่งเซินทำลงไปพวกนั้น หากรู้แล้ว เกรงว่ากลับมาแล้วจิ่งเซินคงจะถูกอบรมสั่งสอนอย่างไม่อาจเลี่ยง……สถานการณ์เมืองผิงหยางดีขึ้นทุกวัน เสบียงชุดใหญ่ถูกลำเลียงขนส่งมาหลังจากเรือจากเมืองอื่นมาถึงแล้วทราบว่าซ่งจิ่งเ
เมืองหลวง จวนตระกูลซ่ง“ฮูหยิน อนุอวิ๋นเอาแต่ป่าวประกาศอยู่ด้านนอกว่าจะมาพบจางฮูหยิน มิให้นางเข้า นางก็เอาแต่ส่งเสียงโวยวายอยู่ด้านนอกไม่หยุด” พ่อบ้านสีหน้าไม่สู้ดี เขาแทบอยากจะลงมือตบตีสักครั้งแล้วส่งตัวกลับไป แต่ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นคนสกุลอวิ๋น ทำเช่นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะสมนัก “อนุอวิ๋นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร? ข้ากับอวิ๋นหงหล่างหย่าขาดกันแล้ว นางยังจะมาหาข้าทำไมอีก?” จางเหวินใบหน้าถมึงทึง ลุกพรวดขึ้นทันที “ข้าจะออกไปพบนางเดี๋ยวนี้!” “อย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย” กู้หรูเยียนคว้าตัวจางเหวินไว้ก่อนกล่าวว่า “หากเจ้าออกไปตอนนี้ ในขณะที่นางกำลังโวยวายอยู่ด้านนอก เช่นนั้นมิเท่ากับทำให้เจ้าต้องพลอยขายหน้าไปด้วยหรือ?” “ตอนนี้นางก็คือผู้ที่ไม่มีอะไรจะเสีย ย่อมไม่เกรงกลัวผู้ที่มี ชื่อเสียงตัวเองป่นปี้ไปแล้ว จึงอยากจะทำลายเจ้าไปด้วย” ระหว่างที่กล่าวนั้น กู้หรูเยียนก็สั่งพ่อบ้านว่า “เจ้าไปพานางเข้ามาเถิด” “สตรีนางนี้มิใช่คนที่จะเงียบสงบ ข้ากลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเจ้า เช่นนั้นให้ข้าออกไปพบนางเองเถิด” จางเหวินส่ายหน้า ก่อนหน้านี้ที่ก่อเรื่องจนไปถึงทางการก็เป็นบ
แววตาของอนุอวิ๋นฉายแววคาดหวัง แท้จริงแล้วนางรู้สึกเสียใจ หากรู้แต่แรกว่าทุกอย่างจะลงเอยเช่นนี้ สู้ปล่อยให้จางเหวินอยู่ในจวนตั้งแต่แรกเสียยังจะดีกว่า ทว่าเมื่อจางเหวินได้ยินคำพูดนี้กลับรู้สึกขบขัน คนชั่วย่อมมีคนชั่วมาจัดการ “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่เจ้าถนัดที่สุดมิใช่การเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารและอ่อนแอหรอกหรือ? ไฉนตอนนี้พอเทียบกับผู้อื่นไม่ได้ เจ้าถึงได้รีบร้อนมาขอความช่วยเหลือล่ะ?” “หรือว่า… ฮูหยินคนใหม่นางนี้จะดูอ่อนแอกว่าเจ้าอีก?“ นึกถึงแต่ก่อน อนุอวิ๋นก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้ ทำให้นางต้องอดทนต่อความอยุติธรรมมากมายในจวน และยังทำให้นางเห็นชัดเจนว่าอวิ๋นหงหล่างเป็นคนโง่เง่าเพียงใด แรกเริ่มนางยังยินดีที่จะอธิบาย แต่เมื่อเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางก็ยอมแพ้ไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่ชายผู้นั้นก็ยังทำให้นางรู้สึกขยะแขยง สีหน้าของอนุอวิ๋นชะงักไปครู่หนึ่ง นางกัดฟันพลางกำหมัดแน่น แต่ในใจกลับไม่อยากจะยอมรับ ไป๋หย่าเหลียนนังแพศยานั่น เสแสร้งเก่งกว่านางเสียอีก! ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ไป๋หย่าเหลียนกำลังอยู่ในวัยเยาว์งามสะพรั่ง ตรงกันข้ามกับนางที่หมดวัยเยาว์ไ
“ข้าทำอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?” อนุอวิ๋นกล่าวอย่างขุ่นเคือง “ตอนนี้ข้ายังไม่ได้แต่งเข้าสกุลอวิ๋นก็จริง แต่ทุกคนต่างรู้ว่างานแต่งงานของเรากำลังเตรียมการอยู่ เดิมทีเจ้าทำอะไร ข้าก็มิได้สนใจ แต่เจ้ากลับเที่ยวไปทำลายชื่อเสียงของข้าทุกหนทุกแห่ง อีกทั้งยังมารังควานพี่จางอีก เจ้าทำเกินไปแล้วจริงๆ!” ไป๋หย่าเหลียนสีหน้าเย็นชา ลึกลงไปในดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ก่อนหน้านี้นางก็รู้ว่าอนุอวิ๋นไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย เรื่องที่จวนอวิ๋นเอาใจอนุและกดขี่ฮูหยินเอกนั้นไม่มีใครที่ไม่รู้ เพียงไปฟังพวกบ่าวไพร่ในจวนก็จะรู้เรื่องเอง เพียงแต่นางไม่เคยเห็นสตรีประเภทนี้อยู่ในสายตาเลย ในฐานะฮูหยินเอก ไหนเลยจะยอมให้อนุมากดหัวได้? ไม่เชื่อฟัง เช่นนั้นก็ต้องตบตีให้หลาบจำ! “ข้าทำลายชื่อเสียงเจ้า? ตัวเจ้ามีสันดานเช่นนี้อยู่แล้ว ยังต้องให้ข้าทำลายอีกหรือ?” อนุอวิ๋นโกรธเป็นอย่างมาก ไป๋หย่าเหลียนเมื่ออยู่ต่อหน้านายท่าน นางก็เสแสร้งออดอ้อน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตน นางกลับแสดงท่าทางแข็งกร้าวและเกรี้ยวกราด นางรู้ดีว่าหากไป๋หย่าเหลียนได้เข้าจวนไป ไม่ว่านางหรือซีหว่านก็จะไม่
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที