แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่านางยิ่งได้ใจ ก่อเรื่องวุ่นวายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาจึงดูต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว! “ไม่ ไม่นะ!” อนุอวิ๋นหน้าถอดสี “ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?” “ความอดทนของข้าที่มีต่อเจ้าถึงขีดสุดแล้ว เจ้ามิรู้จักสำนึกผิด เช่นนั้นเจ้าก็ปิดเรือนสำนึกตนให้ดีเถิด!” ไป๋หย่าเหลียนก้าวเข้าไปตรงหน้าอวิ๋นหงหล่าง นางมีท่าทางอ่อนหวาน “หงหล่าง ข้าได้ยินว่านางวิ่งโร่มาถึงจวนซ่งเพื่อก่อกวนซ่งฮูหยินและพี่จาง ข้าถึงได้มาที่นี่” “ข้าเข้าใจแล้ว” อวิ๋นหงหล่างพยักหน้า จางเหวินมองภาพตรงหน้านิ่ง ๆ นางเห็นสีหน้าที่คุ้นตาบนใบหน้าของอวิ๋นหงหล่าง และรู้สึกว่ามันแทบจะทับซ้อนกับภาพเมื่อหลายปีก่อน ที่แท้ ตลอดหลายปีมานี้ อวิ๋นหงหล่างก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เขาไม่ได้ชอบอนุอวิ๋น แต่ที่ผ่านมา เขาชื่นชอบสตรีประเภทนี้ต่างหาก บัดนี้เมื่อไป๋หย่าเหลียนที่ทั้งอ่อนวัยและสดใหม่เข้ามา อนุอวิ๋นก็หมดความหมายไปโดยปริยาย “ใต้เท้าอวิ๋น ท่านควรดูแลอนุอวิ๋นให้ดี วันนี้นางวิ่งโร่มาก่อกวนถึงหน้าจวนพวกเรา คนที่ไม่รู้ก็คงจะคิดว่าจวนซ่งของพวกเราทำเรื่องที่ไม่ดีต่อนาง ถึงขนาดไม่อยากให้เข้ามาก็ยังไม่ได้”
“เอาล่ะ เอาล่ะ กลับมาปลอดภัยก็ดีแล้ว!” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มองซ่งหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ “แม่ทัพซ่ง พวกเรามีวาสนาที่พิเศษต่อกันจริง ๆ ลูกสาวของข้าตกทุกข์ได้ยากอยู่ข้างนอก หลายปีมานี้ต้องขอบคุณท่านที่ดูแลนาง” “หากไม่มีท่าน ข้าก็ไม่กล้าคิดเลยว่าหรูเยียนจะต้องใช้ชีวิตอย่างไรในตอนนี้” ท่าทีของสกุลหลิ่วที่มีต่อกู้หรูเยียนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นางย่อมรู้ดี หากไม่ใช่เพราะหรูเยียนโชคดีที่ได้แต่งงานกับซ่งหลิน ซ่งหลินปกป้องนางสุดหัวใจ หากนางแต่งงานกับคนอื่น และมีพ่อแม่ที่เป็นผีดูดเลือดเช่นนี้ เกรงว่าหรูเยียนอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ชีวิตของนางจะลำบากเพียงใด “ท่านแม่ยาย การได้แต่งงานกับหรูเยียนถือเป็นวาสนาของข้า!” ใบหน้าของซ่งหลินเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ดูลูก ๆ เหล่านี้ของข้าสิ หากไม่มีหรูเยียน ข้าจะได้มีวาสนาเช่นนี้งั้นหรือ?” “ครั้งนี้ที่เมืองผิงหยาง บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า เมื่อเห็นว่าลูก ๆ มารับข้าด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าแต่ละคนต่างอิจฉาข้าขนาดไหน!” ทุกคนที่มองเห็นท่าทางดีใจจนไม่สามารถซ่อนความรู้สึกได้ของซ่งหลิน ก็สัมผัสได้ถึงความภาคภูมิใจของเขา ทั
“คุณหนู นี่พวกเราจะไปที่ใดกันเจ้าคะ?” “เจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้เนี่ยนชูอยู่ที่ใด?” ซ่งรั่วเจินถามขึ้น เฉินเซียงคิดครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า “ตอนนี้คุณหนูอวิ๋นคงจะอยู่ที่ที่พักกระมังเจ้าคะ?” “พวกเราไปหาเนี่ยนชูก่อน! จริงสิ ในช่วงที่ข้าจากไป เมืองหลวงเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง เจ้าเล่าให้ข้าฟังที” ซ่งรั่วเจินนึกถึงหญิงสาวแปลกหน้าที่เห็นอยู่ข้างกายใต้เท้าอวิ๋นก่อนที่จะกลับมายังเมืองหลวง ดูจากท่าทีแล้ว...คงจะสนิทสนมกันอยู่บ้าง เฉินเซียงได้ยินเช่นนั้น ก็เริ่มเล่าออกมาไม่หยุดทันที “คุณหนู ในช่วงที่ท่านจากไป เมืองหลวงได้เกิดเรื่องขึ้นไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ เรื่องวุ่นวายในสกุลอวิ๋นก็มีเข้ามาไม่หยุดหย่อน” “ไป๋หย่าเหลียนกำลังจะได้แต่งงานเป็นฮูหยินของใต้เท้าอวิ๋นในอีกไม่ช้านี้ ส่วนความสัมพันธ์ของอนุอวิ๋นกับนางไม่จะลงรอยกันนัก วันนี้ก็มาก่อกวนฮูหยินถึงที่เลยเจ้าค่ะ” “ข้าเห็นว่าไป๋หย่าเหลียนอายุน้อยกว่าใต้เท้าอวิ๋นมาก เหตุใดจึงต้องแต่งงานกับเขาล่ะ?” ซ่งรั่วเจินแอบตกใจ ช่างเป็นดอกไม้สดที่ปลูกอยู่บนขี้วัวจริงๆ! “แม่นางไป๋ผู้นั้นก็มิใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ๆ ได้ยินมาว่าก่อนหน
หากกำหนดงานแต่งของคุณชายอวิ๋นเรียบร้อยแล้ว นางจะต้องทุกข์ทรมานอย่างมากแน่ซ่งรั่วเจินเข้าใจ “อวิ๋นเฉิงเจ๋อเป็นอะไรไป? เจ้าทึ่มคนนี้เตรียมแสดงความกตัญญู แต่ทำผิดต่อเนี่ยนชูกระนั้นหรือ?”ยามซ่งรั่วเจินได้พบอวิ๋นเนี่ยนชูก็พบว่าดวงตาของนางแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มา“รั่วเจิน เจ้ากลับมาตั้งแต่ยามใด?”ใบหน้าเล็กของอวิ๋นเนี่ยนชูสะท้อนแววดีใจระคนประหลาดใจ สืบเท้าขึ้นมาอย่างว่องไว จับนางพลางสำรวจอย่างละเอียดหนึ่งรอบ “ผอมแล้ว อยู่ข้างนอกจะต้องลำบากมากแน่กระมัง?”“เจ้าอยู่แต่ในจวน ข้าเห็นว่าเจ้าผอมกว่าข้ามากนัก”ซ่งรั่วเจินมองเห็นอวิ๋นเนี่ยนชูขมวดคิ้วแน่นไม่ยอมคลายออกจากกัน ถอนหายใจหนักๆ “พูดกับข้าเถอะ ตกลงเกิดเรื่องใดขึ้น?”“เจ้าเพิ่งกลับมา ไม่พักผ่อนดีๆ เหตุใดยังมาใส่ใจกับเรื่องของข้าอีกเล่า?” อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้“เจ้าเป็นพี่น้องที่ดีของข้า ข้าไม่ใส่ใจเจ้าจะใส่ใจใครอีกเล่า?” ซ่งรั่วเจินมองนางอย่างระอา จูงนางเดินไปนั่งที่ฝั่งหนึ่ง“เดิมทีข้าก็นั่งเรือกลับมา ไม่เหนื่อย เพียงแต่กินที่ภายนอกไม่ดีเท่าที่บ้าน อยู่ดูแลที่บ้านสองสามวันก็อ้วนกลับมาได้แล้ว ระหว่างทาง
“ข้าคิดว่าข้าคล้ายกำลังฝันหนึ่งตื่น รักข้างเดียวมานานหลายปีถึงเพียงนี้ บัดนี้สมควรตื่นจากฝันแล้ว”สุ้มเสียงของอวิ๋นเนี่ยนชูเรียบเฉยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “อันที่จริงข้าใคร่ครวญอยู่ภายในห้องนานมาก แท้จริงแล้วข้ามควรเข้าใจตั้งนานแล้ว เพียงแต่หลอกตนเองจึงไม่ยอมปล่อยมือมาโดยตลอด” “เจ้าคิดจะปล่อยมือแล้วหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้า “บัดนี้ความจริงอยู่เบื้องหน้าแล้ว ทั้งยังเคยพยายามอย่างเต็มที่มาก่อน ภายในใจเขาไม่มีข้า ข้าตอแยเขาก็รังแต่จะทำให้เขารังเกียจ”ซ่งรั่วเจินนึกถึงอวิ๋นเนี่ยนชูที่ตายอย่างอนาถในชาติก่อน หรือว่าสิ่งที่อวิ๋นเฉิงเจ๋อทำทั้งหมดล้วนเป็นเพียงแค่ความรักของพี่น้อง?“ไม่ว่าเจ้าทำอันใด ข้าล้วนสนับสนุนเจ้า”ซ่งรั่วเจินกุมมืออวิ๋นเนี่ยนชู พูดว่า “สุดหล้าฟ้าเขียวมีที่ใดไร้บุปผา ไฉนเลยจะต้องยึดติดกับบุปผาเพียงดอกเดียว บุรุษที่ดีในเมืองหลวงมีมากมายนัก เขาไม่รู้จักถนอมไว้ พวกเราก็ไปหาบุรุษที่ดียิ่งกว่าคนอื่น”“เจ้าดีถึงเพียงนี้ บุรุษที่ชมชอบเจ้าภายในเมืองหลวงมีมากมายนัก!”อวิ๋นเนี่ยนชูหลุดหัวเราะออกมา “ข้าดีอย่างที่เจ้าพูดที่ใดกัน? บัดนี้ข้าตกอยู่ในสถานการณ
อวิ๋นเนี่ยนชูถูกคำพูดของซ่งรั่วเจินทำให้ตกใจ “บัง บังคับพากลับมา?”“ใช่แล้ว”ซ่งรั่วเจินพูดด้วยท่าทางมีเหตุผล บ่อยครั้งที่คนมักถูกความคิดของตนจองจำเอาไว้ แท้จริงแล้วกระโดดออกมามองดู มากมายหลายเรื่องก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงเพียงนั้น“รั่วเจิน บัดนี้เจ้าเปลี่ยนไปมาก แต่ข้าคิดว่าเจ้าพูดถูก!”อวิ๋นเนี่ยนชูนึกถึงสถานการณ์ยามซ่งรั่วเจินถอนหมั้น ทุกคนล้วนพูดว่านางไม่มีวันหาคู่ครองที่ดีได้อีก ทว่าบัดนี้ฉู่อ๋องดีต่อนางมาก พวกเขาล้วนเห็นอยู่ในสายตาบางทีนางก็สมควรคิดให้ตก ในเมื่อไม่อาจฝืนเด็ดแตงลูกนี้อย่างญาติผู้พี่ได้ เช่นนั้นก็เปลี่ยนแตงลูกใหม่!ไม่ช้าก็เร็วจะต้องได้พบแตงที่เหมาะสมแน่!เห็นอารมณ์ของอวิ๋นเนี่ยนชูเริ่มสงบลง คล้ายคิดตกแล้วจริงๆ ซ่งรั่วเจินถึงพูด “วันนี้อนุอวิ๋นสร้างความวุ่นวายภายในจวน พูดว่าเจ้าชอบอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ข้านี่ถึงตั้งใจมาแจ้งเจ้า”“อะไรนะ?”สีหน้าอวิ๋นเนี่ยนชูเปลี่ยนไป ที่ผ่านมานางเคยคิดมาก่อนว่าหากญาติผู้พี่เองก็ชอบนาง นางจะบอกเรื่องทั้งหมดกับมารดาบัดนี้นางคิดจะปล่อยมือแล้ว อนุอวิ๋นกลับเปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้ามารดา นี่จะยังไม่เกิดปัญหาอีกหรือ?“ข้าเห็นท่าทีของท่านป้า
ส่วนบิดานาง พรุ่งนี้ก็ต้องเข้าวังอธิบายเรื่องทั้งหมดเช่นเดียวกันอวิ๋นเนี่ยนชูเข้าใจแล้ว พูดว่า “ข้าได้ยินว่าเรื่องอุทกภัยในครั้งนี้ร้ายแรงมาก ครั้งนี้พวกเจ้าสามารถกลับมาได้โดยเร็ว อยู่เหนือความคาดหมายของข้าจริงๆ”“ทว่าเห็นเจ้ากลับมาได้ข้าดีใจมากจริงๆ ที่ผ่านมายามเจ้าอยู่ข้ากลับไม่รู้สึกอะไร ระยะนี้เจ้าไม่อยู่ ข้ารู้สึกคล้ายไม่มีที่พึ่งทางใจก็มิปาน”“บัดนี้ข้ากลับมาแล้ว เจ้าสามารถวางใจได้” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ “หากมีเรื่องไม่สบายใจ อย่าเก็บไว้คนเดียว จำไว้ว่าต้องมาหาข้า”อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้า “ต่อให้เจ้ารำคาญ ข้าก็จะมา”ขณะกำลังพูดอยู่นั้น อวิ๋นเฉิงเจ๋อเองก็มาแล้ว“เฉิงเจ๋อเองก็มาแล้ว คนมาครบแล้ว เริ่มงานเลี้ยงได้!” กู้หรูเยียนพูดยิ้มๆยามอวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินชื่ออวิ๋นเฉิงเจ๋อก็เลื่อนสายตาไปมองโดยไม่รู้ตัว แต่ชั่วขณะสอดประสานสายตากับฝ่ายชาย แววตาหม่นลง มากที่สุดกลับเป็นความเด็ดเดี่ยวและเป็นฝ่ายเลื่อนสายตาก่อนก่อนหน้านี้รั่วเจินหมั้นหมายกับหลินจือเยว่สองปี รู้ว่าไม่เหมาะสมกันก็สามารถถอนหมั้นได้อย่างไม่ลังเล ส่วนนางบัดนี้พยายามอย่างเต็มที่จนเจอทางตันแล้ว หากยังไม่หันหลังกลับ หรื
ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อมีสายสัมพันธ์ส่วนตัว?จางเหวินย้อนนึกถึงช่วงเวลาที่เนี่ยนชูและเฉิงเจ๋ออยู่ด้วยกันในแต่ละวัน นางรู้ว่าเนี่ยนชูชอบอยู่กับเฉิงเจ๋อมาก ออกไปข้างนอกด้วยกันเป็นปกตินางคิดมาโดยตลอดว่านั้นคือสายสัมพันธ์พี่น้อง ไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้อย่างอื่น ทว่าลองคิดดูอย่างละเอียดแล้ว เนี่ยนชูถึงวัยแต่งงานแล้ว กลับไม่มีความรักแรกแย้มของหญิงสาว คู่ดูตัวที่แนะนำให้ล้วนถูกนางปฏิเสธไปจนหมด ไม่ยอมกระทั่งไปพบหน้าสักครั้งเฉิงเจ๋อยิ่งไม่ต้องพูดมาก ทว่าเขาเป็นคนคิดมากตั้งแต่เด็ก ทีแรกก็บอกว่าทั้งหมดยังรอให้สอบผ่านก่อนค่อยว่ากันก่อนมีชื่อเสียงและเกียรติยศ เขาไม่คิดเรื่องแต่งงาน ไม่อยากให้ทั้งหมดต้องสูญเปล่า นี่ทำให้น้าอย่างนางต้องวุ่นวายกับการเตรียมความพร้อมทั้งหมดเพราะเหตุนี้ นางไม่ได้เร่ง จนกระทั่งตอนนี้เฉิงเจ๋อเป็นขุนนางแล้ว นางถึงให้เขาไปดูตัวกับแม่นางหวงแม่นางหวงไม่ว่าชาติกำเนิด รูปโฉมหรืออุปนิสัยล้วนไม่เลว มิหนำซ้ำก่อนหน้านี้หวงฮูหยินเองก็พูดกับนางจนเข้าใจแล้ว แม่นางหวงลอบมีใจมาตั้งนานแล้ว หากได้อยู่ร่วมกันก็เป็นเรื่องดีที่สุดในสายตาของนาง นี่คืองานแต่งที่ดีมาก ทว่าเฉิงเ
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที