เข้าสู่ระบบ“ทำอย่างกับเห็นผี...”
เธอยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตา ทั้งยังอุทานเสียงดังลั่น จนเขาคิดว่าเธอเห็นผีที่ขี่คออยู่เสียอีก
ประธานธันย์ส่ายหน้าพลันมุ่นคิ้ว ไม่ได้รู้สึกกระดากอายหลังเปลือยท่อนบนออกมาจากห้องน้ำ ท่อนล่างพันผ้าขนหนูคาดเอวไว้ แต่มันก็หมิ่นเหม่จนเกรงว่าหากขยับผิดท่าผ้าอาจลงไปกองกับพื้นได้
“ปะ... ปะ... ปาท่องโก๋ค่ะคุณธันย์” ธารตะวันพูดติดขัด ก่อนจะหันหน้าเบือนหนีไปทางอื่น แล้วยื่นถุงน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ให้อีกฝ่าย
“วางไว้”
“นะ... หนำ... นะ- น้ำเต้าหู้ด้วยค่ะ”
“บอกให้วางไว้”
เขาลอบถอนหายใจทิ้งพรืดยาว ก่อนจะชักสีหน้าไม่เข้าใจที่เห็นเธอพูดติดขัดไม่คล่องปาก โทนสียงที่พูดก็เหินแปลกหูชอบกลจนเขาต้องออกแรงดึงแขนเธอลง จะได้เห็นว่าอาการเจ้าตัวปกติดีหรือเปล่า
“แล้วติดอ่างอะไรขนาดนั้น” เขาไม่ได้ใช้แรงมาก แค่จับแขนเธอที่ปิดหน้าออกให้พ้นสายตา ก่อนจะเบิกตาโตชะงักงันไปชั่วขณะ
“คุณธันย์”
“เลือด...”
“เลือดเหรอ”
ร่างสูงจ้องมองเลือดกำเดาสีแดงสด กำลังไหลออกจากรูจมูกของอีกฝ่ายช้าๆ ธารตะวันยกมือขึ้นถูที่ปลายจมูก ก่อนจะหลุบตามองเลือดที่ติดหลังมือมา
“เอ่อ... ละ- เลือดกำเดาไหลเหรอ” เธอแค่นหัวเราะราวกับคนเสียสติ ขณะเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่าจนเลือดไหลเข้าปาก
ฉับพลันเธอก็รู้สึกหน้ามืดกะทันหัน ตาลอยขาอ่อนแรงสำหรับคนกลัวเลือดอย่างเธอที่ตั้งตัวไม่ทัน โลกของเธอหมุนเคว้งไปชั่วขณะ ก่อนที่การรับรู้จะดับวูบลงพร้อมทิ้งร่างอย่างฝืนแรงเอาไว้ไม่ไหว
“ธารตะวัน!” เขาเรียกชื่อเธอเสียงดัง ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปช้อนร่างบางเอาไว้ได้ทัน แต่แลกกับการที่ผ้าขนหนูเขาหลุดไปกองกับพื้นแทน
ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่พัดผ่านมา พาให้ธันย์ธาราวูบหวิวจนต้องรีบคว้าผ้าขึ้นมาปิดใจกลางความเป็นชาย ทว่าคนที่ทิ้งร่างอยู่ในอ้อมแขนเขากลับลืมตาโพลง หยัดกายลุกขึ้นนั่งอย่างกับผีดิบเดินได้
“เฮือก”
“เฮ้ย”
เขาผงะถอยหลังด้วยความตกใจ มือก็คว้าผ้ากำบังจุดศูนย์รวมความอ่อนไหว มองเธอที่รีบกุลีกุจอพุ่งตัวออกจากห้องไป พร้อมถุงน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ในมืออีกด้วย
“อะไรของเขาวะนั่น” ว่าแล้วก็ยกมือเกาหัวแกรกอยู่คนเดียว
ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น พลันแค่นยิ้มอย่างไม่รู้ตัว หลังนึกถึงท่าทางที่แปลกคนของผู้ช่วยส่วนตัว แค่เห็นกล้ามหน้าท้องถึงกับเลือดกำเดาไหลเชียวเหรอ นึกว่ามีแต่นิยายที่เคยอ่านซะอีก
“พิลึกคนชะมัด... ฮึ”
TPA GROUP
เช้าที่แสนอลหม่านผ่านพ้นไปด้วยดี คุณผู้ช่วยมือฉมังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้จะรู้ว่าทำตัวน่าอายต่อหน้าเจ้านายก็ตาม อยากลบอดีตแค่ไหนแต่ความเป็นจริงไม่มีปุ่มให้กดลบอยู่ดี
ธารตะวันนั่งอ้าปากน้ำลายแทบย้อยหยดลงบนเอกสาร อยากจะเอาหัวโขกโต๊ะเพื่อเรียกสติ เธอลืมภาพของประธานธันย์ไม่ได้เลย
โต๊ะทำงานเธออยู่หน้าห้องทำงานท่านประธาน หากมีใครจะเข้าพบต้องติดต่อผ่านเธอเป็นอันดับแรก มุมนี้ถือว่าเงียบสงบทำงานสบายมากก็จริง แต่กระจกใสที่มองทะลุเห็นหน้าคนข้างในนี่สิปัญหา
“คะแนนเต็มร้อย... อย่างน้อยคุณก็ได้ 99.9 แล้วค่ะ” เธอทำหน้าเพ้อฝันแล้วเม้มปากกลั้นยิ้มอยู่คนเดียว
ตืด ตืด
เสียงโทรศัพท์แบบมีสายตั้งอยู่ขวามือดังขึ้น ธารตะวันรีบยื่นมือไปคว้าขึ้นแนบใบหู พร้อมกรอกเสียงนุ่มนวลฟังรื่นหูลงไปในสาย
“ค่ะ คุณธันย์... ธารตะวันพูดสายอยู่ค่ะ”
( “ซื้อกาแฟเพิ่มช็อตให้ผมที ขอบคุณครับ” )
สั่งเสร็จเขาก็กดวางสายทันที พอเหลือบมองเข้าไปข้างในเธอก็เห็นประธานธันย์ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว เขาดูฝืนตาอ่านเอกสารตรงหน้าทั้งที่มีอาการอ่อนเพลีย จนต้องพึ่งคาเฟอีนแบบเพิ่มช็อตช่วยเสริม
“อ่า ความหล่อเป็นภัยก็คงจะจริง...” ใช่ ภัยหัวใจนี่แหละ
เธอส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืน คว้ากระเป๋ามุ่งหน้าไปร้านกาแฟใกล้บริษัท พอไปถึงก็สั่งเครื่องดื่มแล้วยืนคิดอะไรเพลินๆ ระหว่างรอ
หรือบางที เธอควรลาออกพร้อมให้เหตุผลว่า ความหล่อของท่านประธานเป็นสาเหตุให้ไม่มีสมาธิ กล้ามหน้าท้องติดตาจนเก็บน้ำลายไว้ไม่อยู่ดีล่ะ เพราะตอนนี้เธอเก็บอาการไม่ไหวแล้ว
“แบบนั้นเขาคงได้ใส่หมายเหตุว่าเป็นโรคจิตสิ” เธอหัวเราะแห้งสีหน้าจืดเจื่อนกับความคิดไม่เข้าท่า
ทว่าโลกของเธอที่สดใสอยู่ดีๆ จังหวะนรกก็เกิดขึ้น เมื่อกวาดสายตามองไปรอบบริเวณร้านดูเรื่อยเปื่อย แต่กลับหันไปเจอเจตกวินกำลังจะเดินเข้าร้านมาพอดี
“ใครปล่อยคิวเขาเนี่ย”
เธอหันหน้าหนีไปด้านข้าง หางตาชำเลืองมอง หูก็ผึ่งรอให้พนักงานเรียกเธอให้รับเครื่องดื่มสักที
เมื่อไม่มีทางให้เลือก เธอจึงพนมมือขึ้นไหว้ ขมุบขมิบปากท่องคาถาที่ผุดขึ้นมาในหัว ราวกับว่านี่คือมิติของนิยายไสยศาสตร์
“พุทธังบังตา ธัมมังบัง...”
“สวัสดีครับน้องตะวัน”
เพียงแค่เสียงทักทายที่ดังข้างใบหู เงาดำก็ทาบทับบนตัวเธอ รังสีดำทมิฬคลืบคลานเข้ามาพร้อมอากาศหนาวเย็นในฉับพลัน จังหวะที่ลืมตาแล้วสบเข้ากับเจตกวินพอดี
“พี่เจต...”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อระยะห่างที่ใกล้จนเกือบหยุดหายใจ
ใช่... เกือบลืมหายใจไปชั่วขณะ เพราะไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาใกล้ จนหน้าห่างกันไม่ถึงหนึ่งคืบมือแบบนี้
“ตกใจเหมือนเห็นผีเลยนะครับ” เขาป้องปากขำแล้วผละตัวออก
หลายวันมานี้ เธอมัวแต่ให้ความสำคัญกับตัวเองมาก จนเกือบลืมไปเลยว่าจุดเปลี่ยนสำคัญในนิยายภาคก่อนคือใคร อีกอย่างคนร้ายที่ทำเจ้านายเธอความจำเสื่อมก็ยังจับตัวไม่ได้อีก
“หรือว่าน้องตะวันเห็นผีจริงครับเนี่ย” ไม่พูดเปล่า เจตกวินยังหันไปมองรอบกายด้วยสีหน้าหวาดหวั่น เธอเลยคิดอะไรสนุกๆ ออก
“ความจริงแล้วตะวันมีตาที่สามค่ะ”
“ตาที่สามเหรอครับ”
“ใช่ ตาที่สามารถเบิกเนตรให้เห็นมิติลี้ลับได้”
เจตกวินค่อยๆ หุบยิ้มลงทีละนิด แต่สีหน้ามันออกว่ากลัวในสิ่งที่เธอพูด พลางยิ้มแห้งแล้วมุ่นคิ้วมองหญิงสาวที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะหรี่ตาแล้วแสยะยิ้มมุมปากได้น่าขนลุกขนพอง
“อย่างตอนนี้ ตะวันก็เห็นว่ามีบางสิ่งกำลังตามติดพี่อยู่ค่ะ”
“ถ้างั้นน้องตะวันเห็นอะไร ผีเหรอ... มีผีตามพี่เหรอครับ”
“มีผีเด็กตามติดพี่อยู่ค่ะ”
“ผี... ผีเด็กตามพี่”
เธอพยักหน้าจ้องตาเขาเขม็ง ทำเจตกวินขนลุกเกรียว ลอบหันมองซ้ายขวาแล้วยกมือถูแขนที่ขนลุกชันขึ้นมา
ทีแบบนี้ล่ะทำเป็นกลัวผีสาง...
ทว่าถึงเธออยากจะโกรธเจตกวินจนเขี้ยวงอกแค่ไหน แต่พอได้รู้ว่าเขาคงจดจำรายละเอียดเหล่านั้นไม่ได้ เธอก็ผ่อนคลายลง พร้อมกับยิ้มกว้างแสร้งว่าหยอกล้อกันเล่น
“ตะวันล้อเล่นค่ะ พี่เจตกลัวจริงเหรอคะเนี่ย”
“โธ่ พี่ก็ขนลุกหมดเลยครับน้องตะวัน”
“คุณธารตะวันค่ะ” เสียงพนักงานขานชื่อให้รับเครื่องดื่ม เป็นดั่งเสียงสวรรค์ให้เธอได้หลุดพ้นจากตรงนี้สักที
“ขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิ”
“คะ”
“ไหนบอกจะเลี้ยงข้าวพี่ไง... นี่คิดจะเบี้ยวกันหรือเปล่า”
เธอหลุบตามองเขาที่รั้งแขนไว้ ก่อนจะขยับสายตาขึ้นสบมอง พลางเหลือบไปยังร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีหัวมุม
“ถ้างั้นตะวันเลิกงาน 5 โมง... เจอกันที่ร้านปิ้งย่างหัวมุมนะคะ”
ร่างบางเปลื้องผ้าโยนเรี่ยราดลงบนพื้น เธอเปลือยเปล่าอวดเรือนร่างที่ทุกสัดส่วนล่อตาล่อใจ ปลุกอารมณ์ให้องศาสมุทรกระสันกว่าเดิม มองเธอที่ควบขี่อยู่บนตักด้วยสีหน้าเสียวสยิวพบตะวันบดร่อนเอวบนแท่งร้อน เธอมุ่นคิ้วเว้าวอน เสียวจนส่งเสียงครางหวานแล้วโน้มตัวไปจูบเขาก่อน“อือ…”เธอเป็นฝ่ายใช้ลิ้นบุกก่อน พลางออกแรงบีบบ่าแกร่ง เมื่อรู้สึกเสียววาบในท้องน้อย ทุกครั้งที่แท่งร้อนผลุบเข้าออกในร่องรักองศาสมุทรรั้งท้ายทอยเธอไว้ พลางควงคว้านเรียวลิ้นโพรงปากเธอพบตะวันสู้ยาก เธอผ่อนลมหายใจไม่ทัน เสียงน้ำลายที่ฉ่ำแฉะข้างในปากทำแก้มเธอเห่อร้อน เกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นจนกระสันหนักกว่าเก่า แต่พอโดนเขาจับเอวให้ควบขี่บนแก่นกาย เธอก็เชิดหน้าหายใจถี่กระชั้น“อึก… แฮ่ก”หยาดน้ำลายเธอเหนียวหนืดในลำคอ เกร็งขาทั้งสองข้างจนเบ้หน้า คล้ายว่าอาการเหน็บชาเล่นงาน เพราะขึ้นคุมบังเหียนนานเกินไปใบหน้าสวยแดงปานลูกตำลึงสุก มันก็ดีอยู่หรอกที่อยู่ข้างบน แต่พอทำไปทำมา ตะคริวกลับกินขาในจังหวะกำลังเสียวพอดีเลยน่าอาย…ขืนบอกว่าขึ้นให้เขาแล้วเมื่อย อีกฝ่ายได้หัวเราะเธอกรามค้างแน่“ไหวมั้ย”“ไหวค่ะ”พบตะวันมันเลือดนักสู้ ไม่เคยยอมแพ้แต่ไ
ร่างบางปรี่เข้าไปสวมกอดเขาทันที สองแขนเธอกอดรั้งช่วงลำคอเขา มือก็จับข้างใบหน้าหล่อเหลาแล้วมุ่นคิ้วจะร้องตาม“ร้องไห้ทำไมคะ” พบตะวันถามเสียงอ่อนโยน แต่เขากลับยิ้มให้ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะงั้น“ไม่มีอะไรหรอก”“จะไม่มีอะไรได้ยังไงก็พี่...”“พี่จ้องหน้าจอนานไปหน่อยตาเลยแห้ง”องศาสมุทรหลีกเลี่ยงคำพูด ไม่ซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง แต่เขาแค่ไม่อยากให้เธอคิดมากไปด้วย อาการเครียดบวกวิตกกังวล ประกอบกับงานที่เขาโหมหนักจนรัดตัวไปไหนไม่ได้กลายเป็นระเบิดเวลา ผ่านหยดน้ำตาที่ไหลริน“พี่โกหกตะวันไม่เนียนเลยนะ ถ้าคบกันแล้วตะวันเป็นความสบายใจให้พี่ไม่ได้... แล้วเราจะคบกันต่อไปได้ยังไงคะ”พบตะวันชักสีหน้าบึ้งตึง มือสัมผัสผิวแก้มเขาเบาๆ ก่อนจะเอาแก้มตัวเองไปแนบข้างๆ แล้วถูไถคล้ายลูกแมวตัวน้อย“เธอเป็นความสบายใจของพี่ตะวัน” เขาเอาศีรษะมาชนตอบ ก่อนรอยยิ้มที่หวานละมุนจะจุดบนมุมปาก รวบเอวคอดกิ่วมานั่งบนตักพบตะวันคือแสงสว่างในชีวิตเขาเลยล่ะให้พูดยังไงดี... การได้พบเธอทำให้เขามีชีวิตชีวา หลังดำรงชีพไม่ต่างจากหุ่นยนต์ ไม่กล้าออกนอกคำสั่งที่โดนป้อนมาแต่หลังได้เจอเธอ เขากล้าออกจากกรอบ เพื่อฟังเสียงหั
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา องศาสมุทรหรือในนามประธานองศา เขาใช้เวลาไปกับงานซะส่วนใหญ่ ในเมื่อท่านอินทัชไม่ให้เงินเดือน จากการทำงานให้บริษัทมาตลอดร่วมเดือน เขาก็เลยผันตัวไปเป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจเขาทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อหาเงินมาสร้างตัวช่วงเวลาสองทุ่ม เขาก็เข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ ภายใต้นามของประธานองศาสมุทรเช่นเคยท่านประธานห่วงคนที่บ้านมากกว่าอยากกลับบ้านใจจะขาดรอมร่อ“สวัสดีค่ะคุณองศา” เสียงหญิงสาวทักทายดังขึ้น พอหันกลับไปมอง เขาก็ส่งยิ้มตามมารยาทให้อีกฝ่าย แม้จะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามก็ตาม“สวัสดีครับ เอ่อคุณ...” เขาเลิกคิ้วปนยิ้มขัดเขิน ทำงานจนมึนเบลอ จำไม่ค่อยได้แล้วว่าเจอพบปะใครมาบ้างคนตรงหน้าตอนนี้ก็ด้วย...หญิงสาวร่างเพรียวระหง ปล่อยผมยาวสยายถึงกลางหลัง เธอวาดรอยยิ้มส่งให้ชายหนุ่ม พลางยกมือทัดใบหูแก้อาการขวยเขิน ท่ามกลางผู้คนมากมายในงานเลี้ยง ประธานองศาโดดเด่นจนเธอต้องเดินเข้ามาทักทาย“ญาดาค่ะ เราเคยเจอกันตอนที่คุยไปบริษัทคราวก่อน”“อ่า ขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมเจอคนเยอะมากก็เลยหลงลืมไป”ญาดาป้องปากขำเอ็นดูเขา สมคำร่ำลือจริงนั่นแหละ ประธานหน้าหล่อแต่ติดเย็นชา สีหน้าคมดุพูดจาตร
พบตะวันนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เธอเฝ้ารอให้แม่ของน้องรักเอย เด็กทารกวัยสามเดือนให้นมเสร็จก่อน ภายในห้องแต่งหน้าไม่มีคนอยู่ แต่สักพักประตูห้องก็เปิดออกพอดีเธอยิ้มให้แม่ของเด็กน้อย ก่อนจะจ้องมองรักเอยตาไม่กะพริบตอนนั้นยูกิก็ตัวเท่านี้เลี้ยงง่ายไม่ดื้อเลย“คุณพบตะวันใช่ไหมคะ” แม่เด็กยิ้มให้ ขณะเดินเข้ามาใกล้เธอ“ใช่ค่ะคุณแม่”“คุณวาแจ้งไว้เรียบร้อยแล้วน้า”พอนั่งลงบนโซฟาข้างกัน พบตะวันก็คลี่ยิ้มบางๆ เมื่อหลุบมองเด็กน้อยตาแป๋ว ยืดเหยียดมือป้อมกับนิ้วน้อยไปมา“ตะวันล้างมือแล้วค่ะคุณแม่ อ่าขอ... ลองอุ้มอย่างเดียวพอแล้วค่ะ”“ให้พี่เขาอุ้มหน่อยนะรักเอย เป็นเด็กดีนะคะ”“น้องรักเอย... ลูกสาวชื่อเพราะจังเลยค่ะพบตะวันตื่นเต้นจนเสียงสั่น เธอล้างมือตั้งหลายรอบระหว่างรอ เพราะรู้ดีว่าเด็กทารกต้องได้รับการปกป้อง เวลาเขาเจ็บไข้ได้ป่วยมันจะน่าสงสาร เด็กไม่สามารถบอกความต้องการได้เพราะงั้นเสียงลูกน้อยร้องไห้ มักจะบาดใจคนเป็นแม่ที่สุดแม่เด็กส่งลูกให้พบตะวันอุ้ม เธอนั่งหลังตรงแล้วโอบอุ้มเด็กน้อย เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแล้วระบายยิ้มจางๆ “รักเอยขา...”“แอะ”“ว่าไงคะ”ใบหน้าสวยเอียงคอแล้วยิ้มให้ ดวงตาเศร้าหมอ
กองถ่ายละครกำลังครึกครื้น สถานที่ถ่ายทำคือคอนโดใจกลางเมือง หลังขับรถมาถึง องศาสมุทรก็กุมมือพบตะวันขึ้นไปข้างบน มองหาปานนาวาเป็นคนแรก เพื่อจะได้ขออนุญาตแม่นักแสดงตัวน้อยก่อนเพราะนักแสดงที่อยากเจอ อายุเพียงสามเดือนกว่าเท่านั้นเองอายุเท่ายูกิเลย...“นั่งรอในนี้ก่อนเลย เดี๋ยวตอนน้องรักเอยให้นมเสร็จจะพามาหานะ” ปานนาวาพาทั้งสอง เข้ามานั่งในห้องแต่งตัว เพราะแม่ของเด็กที่เข้าฉากกำลังให้นมอยู่ ให้เสร็จเมื่อไหร่จะอุ้มมาให้เล่นกันองศาสมุทรค้อมหัว พลางระบายยิ้มเศร้าบนมุมปาก“ขอบคุณครับพี่วา ผมคงไม่รบกวนพี่มากไปใช่ไหม”“รบกวนอะไรกัน”“ก็...”“เอาเถอะ ปกตินายไม่เคยง้างปากรบกวนพี่ด้วยซ้ำ”คนเป็นพี่สาวไม่รู้สึกว่าเขารบกวนเลย ดีด้วยซ้ำ เธออยากเป็นพี่สาวให้เขาได้พึ่งพิงบ้าง เพราะตอนเกิดเรื่องเธอ องศาสมุทรยืนกรานอยู่ข้างไม่ถอยถึงขั้นจะไปต่อยพ่อของลูกเธอ แต่โชคดี เธอเข้าไปห้ามเขาเอาไว้ได้ทันพ่อของลูกเฮงซวยที่ไม่รับผิดชอบไปตายให้หนอนกินซะเถอะ“พี่ให้คนเอากาแฟขึ้นมาให้นะตะวัน”“ไม่เป็น...”“ไม่ได้หรอก น้องพี่รักใครพี่ก็รักด้วยสิ”พบตะวันยิ้มเศร้าไม่ต่างกัน ปนดีใจที่พี่สาวของเขาใจดีมาตลอดแต่เรื่องราว
พบตะวันอดรนทนกลั้นไม่ไหว เนื้อตัวเธอก็พลันกระตุกเกร็งหนัก ใบหน้าเงยขึ้นรับน้ำฝนที่ตกกระทบลงมา ขณะที่ช่องทางรักขมิบรัดแท่งร้อนถี่ยิบไม่เกินอึดใจ องศาสมุทรก็กระดกก้นขึ้นสวน ปลดปล่อยของเหลวสีขุ่นข้น อัดฉีดใส่ร่องรักที่รัดเขาแน่น ให้รับหยาดน้ำทั้งหมดของเขาไป“อุ่น... อุ่นจังเลยค่ะ” เธอสบตาเขา พลางหอบหายใจถี่หนักน้ำรักที่แตกหลั่งในรูรัก พุ่งกระฉูดถึงผนังมดลูก ก่อนจะไหลย้อยจากการที่เธอขมิบคาย หลั่งรดเยิ้มลงตรงแก่นกายของเขา ท่ามกลางเสียงหายใจที่สอดประสานกัน เหนื่อยแต่สีหน้าก็เต็มไปด้วยความสุขใบหน้าหล่อเหลายิ้มละมุน เป็นรอยยิ้มที่มีแค่เธอคนเดียวได้เห็นคนอื่นได้เห็นแค่มุมประธานเย็นชาสามีผู้มีสายตาอบอุ่นมีแค่พบตะวันที่ได้รับ“พี่ก็รักเธอตะวัน...” เขาไม่ลืมที่จะบอกรักเธอคืน มือก็จับใบหน้าเรียวเล็กมากดจูบ แต่ปากเธอเย็นชืดจากการตากฝน ทว่าร่างกายของพวกเขากลับร้อนระอุขึ้นมาดื้อๆ“มีความสุขไหม”“มากเลย”“ตะวันก็มีความสุขมากเหมือนกันค่ะ”รอยยิ้มของเธอกลั่นกรองมาจากหัวใจ...บนใบหน้าสวยที่เส้นผมเปียกลู่แนบแก้ม มีรอยยิ้มหวานล้ำประดับอยู่บนมุมปาก เธอน่าจะเป็นคนเดียวที่ทำได้ ทำให้เขายิ้ม แม้ในวันที่ยิ







