เข้าสู่ระบบธารตะวันทำงานให้กับประธานธันย์ร่วมสัปดาห์แล้ว หน้าที่ของเธอคือดูแลจัดการทุกอย่างเกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่อธันย์ธารา ตามที่เขาแจ้งไว้ในตอนแรกก่อนรับเข้าทำงานทุกกระเบียดนิ้ว
หากวันไหนเขาจะทานมื้อเช้า ธันย์ธาราจะส่งเมนูที่อยากกินมาให้เธอรู้ล่วงหน้าก่อน เขาฝังใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจับจิต จนตอนนี้ไม่กล้าออกไปทานร้านอาหารข้างนอกด้วยซ้ำ
ทุกอย่างต้องปรุงสุกใหม่ ผ่านมือผู้ช่วยธารตะวันแล้วเท่านั้น
ท่านประธานไม่ยอมออกไปทานข้าวข้างนอก แต่จะทำการจ้างเชฟระดับแนวหน้ามาที่บ้าน แล้วให้ธารตะวันจับตาดูทุกวิธีทำอย่างละเอียด
คนรอบข้างต่างก็แปลกใจ อะไรเป็นสาเหตุให้เขาไว้ใจเธอขนาดนี้
“ปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้หวานน้อยเหมือนเดิมนะคะ” น้ำเสียงสดใสพูดคุยกับแม่ค้าร้านปาท่องโก๋เจ้าประจำ
เป็นร้านรถเข็นที่ขายในมุมตึก ควันโขมงโฉงเฉงส่งกลิ่นหอมเรียกลูกค้าที่เดินผ่านให้หยุดสนใจ ไหนจะปาท่องโก๋เนื้อสัมผัสนุ่มละมุน จิ้มกับสังขยาใบเตยที่เข้ากันมันโคตรจะฟินเลย
“คนสวยไปทำงานแต่เช้าเลยนะลูก ขยันจริงเชียว” แม่ค้ารุ่นใหญ่ที่ขายมาเกือบสิบปีเอ่ยชม ทำเอาร่างบางยิ้มอายๆ แล้วสะบัดมือแก้เขิน
“อ้าว คุณป้าหยุด 7 วันเลยเหรอคะ” เธอเอียงคอถาม หลังตาไปอ่านป้ายกระดาษที่เขียนด้วยลายมือแปะหน้าร้าน
“ใช่จ้ะ ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับลูกสาว ขายมาทั้งปีแล้วไม่ได้หยุดเลย”
“โอ้โห สุดจะเริ่ดเลยคุณป้า... แต่แบบนี้ใครจะคอยเรียกหนูว่าคนสวยในทุกเช้าล่ะคะ”
“อ้าว ปกติหนูไม่ได้ซื้อเพราะป้าทำอร่อยเหรอลูก”
ทั้งคู่ป้องปากหัวเราะขบขันกันเป็นปกติ วันไหนตื่นเช้าแล้วมีเวลาเหลือเป็นต้องแวะซื้อตลอด เธอชอบกินลมชมวิวระหว่างนั่งรอรถ กว่ารถโดยสารจะมาน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ก็ย่อยละเอียดแล้ว
แต่ระหว่างที่ยืนดูแม่ค้าตักน้ำเต้าหู้กับคีบปาท่องโก๋เพลินๆ เธอก็ดันนึกถึงใครบางคนขึ้นมา อยากให้เขาได้ลองชิมความอร่อยนี้ด้วยกัน
“ป้าจ้ะหนูขอน้ำเต้าหู้เพิ่ม 1 แล้วก็ปาท่องโก๋อีก 1 ชุดนะคะ”
“ได้เลยจ้ะ เดี๋ยวป้าทำแถมปาท่องโก๋ให้ 2 ตัว”
“หนูเกรงใจนะเนี่ย แต่ถ้าให้ก็ขอขอบคุณมากเลยค่ะ” เธอยิ้มรับแล้วยกมือไหว้งามๆ หัวเราะคิกคักกับเจ้าของร้านอย่างอารมณ์ดี
หลังจากได้น้ำเต้าหู้ร้อนๆ กับปาท่องโก๋หอมๆ มา เธอก็เดินเคี้ยวแก้มตุ่ยขณะเดินข้ามสะพานแม่น้ำไปเพื่อรอรถโดยสาย
ทว่าวินาทีที่ช้อนตาขึ้นมองไปข้างหน้า แล้วสบเข้ากับแม่ที่แบกเป้อุ้มให้ลูกน้อยอยู่ด้านหน้า มืออีกข้างจับกับชายหนุ่มที่เป็นสามี อกข้างซ้ายเธอก็พลันเจ็บแปลบขึ้นมาราวกับโดนคมมีดกรีดกลางใจ
“อึก...”
เธอยกมือขึ้นกุมกลางอก มองภาพครอบครัวสุขสันต์กำลังเดินผ่านหน้าไป ก่อนจะขยับไปจับราวสะพานเมื่อรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมา
“ชาติหน้า... กลับมาเกิดเป็นลูกของแม่ใหม่นะตัวเล็ก”
“อ่ะ” เธอกัดปากล่างจนห้อเลือด เรียวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันแน่น
ยังจำประโยคเรียกน้ำตาได้ไม่ลืม ในวันที่ตัวละครธารตะวันเครียดหนักจนแท้งลูกในไส้ ตัวต้นเหตุอย่างสามียังนอนกกชู้ไม่ห่างเตียง
นี่น่ะเหรอความรู้สึกของตัวละคร...
แค่อ่านผ่านตัวอักษรก็ปวดใจแทบแย่ นี่ยังต้องสัมผัสความรู้สึกของตัวเอกในภาคก่อนอีกเหรอเนี่ย
“ยังไงครั้งนี้ก็ต้องแฮปปี้เอน...”
นัยน์ตาสีสวยสะท้อนกับแสงอาทิตย์ เมื่อช้อนมองตรงไปยังทางข้างหน้า ทอประกายความมุ่งมั่นที่จะพานิยายเรื่องนี้ไปสู่จุดจบที่เรียกว่าสุขนิยมให้ได้
ธารตะวันภาคนี้ไม่เอาสามีคนเก่าอีกแล้ว!
ร่างบางลงจากรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างอย่างอ่อนแรง ควักเงินจ่ายค่ารถด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก หลังนั่งซึมเหม่อตอนอยู่บนรถโดยสารประจำทางเพราะความรู้สึกที่ตกค้างในใจ
“เฮ้อ อย่าไปท้อ อย่าอ่อมสิอย่าอ่อม เอเนอจี้มา... เอเนอจี้” เธอพูดขึ้นกับตัวเอง พร้อมกางแขนเงยหน้าปลุกพลังในยามเช้า
ป้าแม่บ้านที่เพิ่งรดน้ำต้นไม้เสร็จชะโงกหน้า พลางส่ายตามองหาว่าเธอยืนคุยกับใครอยู่ แต่พอเห็นว่าแขกผู้มาเยือนคุยคนเดียว มือก็คว้าพระที่ห้อยคอมากำไว้แน่นก่อนส่งเสียงถามออกไป
“ทำอะไรเหรอคะคุณตะวัน”
“อุ้ย ตกใจหมดเลยจ้ะป้า”
ต่างคนต่างตกใจผงะตัวไปข้างหลัง ก่อนเธอจะยิ้มหวานพนมไหว้มือป้าแม่บ้านอย่างนอบน้อม
“ป้าเห็นเรายืนคุยคนเดียวตั้งแต่เมื่อกี้แล้วน่ะ” ป้าแม่บ้านยิ้มแล้วก็ชะเง้อมองดูอีกทีว่าไม่มีใครอีกคนแถวนี้
“อ๋อ เรียกพลังก่อนเริ่มงานน่ะค่ะ แบบว่าบูทเอเนอจี้จ้ะ”
“บูท... บูทเอเวอรี่อะไรนะคะ”
คำศัพท์ที่ไม่สันทัดคนฟัง ทำเอาป้าแม่บ้านมุ่นคิ้วแล้วอ้าปากพะงาบจะพูดตาม แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกความพยายามไป
“ลุยๆ อย่าไปอ่อม อย่าได้ยมเด็ดขาดธารตะวัน!”
เธอฉีกยิ้มแป้นให้อีกฝ่าย ก่อนจะกำมือทั้งสองข้างปลุกใจ พร้อมกับส่งเสียงฮึกเหิมแล้วเดินผ่านหน้าหญิงวัยกลางคนไป
ป้าแม่บ้านมองจนเหลียวหลัง พลางยกมือขึ้นเกาหัวแกรก ไม่คิดว่าเจ้านายอย่างประธานธันย์จะมีลูกน้องนิสัยแปลกชอบกล คราวก่อนตอนทำอาหารก็ดันสังเกตเห็นเธอยืนหัวเราะอยู่คนเดียว
“สวยนะ... แต่ทำไมทำตัวแปลกจัง” พูดแล้วก็ส่ายหัวปนยิ้มเอ็นดูคนรุ่นลูก ก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
พอก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลเธียรประทีบนับอนันต์ ร่างบางก็เตรียมจะปรี่ตรงไปยังห้องครัวเป็นอันดับแรก ทว่าหางตาดันขี้สงสัยเกินเหตุให้เหลือบไปมองอะไรแวบๆ ผ่านไป
“น้าหนุน...” เธอเรียกชื่อเจ้าแมวสีขาวตัวอวบอ้วน พลันลอบถอนหายใจทิ้งที่นึกว่าตาฝาด ก่อนจะยิ้มให้เจ้าขนปุยที่นั่งเลียเท้าหน้า และถูใบหูตามวิถีแมวรักสะอาด
“น้าหนุนไม่รอพ่อเลย” เสียงชายหนุ่มดังแว่วมาแต่ไกล พอหันไปก็เห็นคนหน้าละม้ายคล้ายกับเจ้านายเธอวิ่งเข้ามา
“คุณธารภูมิภัครสวัสดีตอนเช้านะคะ” เธอค้อมศีรษะทักทายคนที่รุ่นราวเดียวกัน
“สวัสดีครับคุณผู้ช่วย” เขาหันมาทักทายเสียงสดใส เป็นชายหนุ่มผู้ที่มากด้วยพลังบวกเลยก็ว่าได้
พี่น้องแย่งชิงสมบัติกันมีให้เห็นถมเถ ไม่ว่าจะชีวิตจริงหรือละครหลังข่าวก็ตาม แต่กับพี่น้องบ้านนี้ดูรักใคร่กลมเกลียวกันดีออก
“พี่ธันย์ยังไม่ตื่น คุณผู้ช่วยปลุกทีนะครับ”
“ได้ค่ะ”
“ไปน้าหนุน”
เขาย่อตัวไปอุ้มแมวรัก ซึ่งเธอรู้มาว่าน้าหนุนเป็นแมวจรที่เก็บมาเลี้ยง ตั้งชื่อว่าน้าหนุนก็เพราะเจอใต้ต้นขนุน ตอนไปเจอคือโดนรถชนจนขาหักแล้วน้าหนุนก็อายุมากแล้วด้วย
ตอนนี้กลายเป็นนายใหญ่ของที่นี่ไปแล้ว
เธอไล่สายตามองตามแผ่นหลังธารภูมิภัคร น้องชายของประธานธันย์ธารา ชายหนุ่มผู้รักสัตว์แล้วก็ยิ้มง่าย อีกทั้งยังอัธยาศัยดีทักทายเธอทุกครั้งที่เจอกัน
ถ้าเป็นประเด็นของพี่น้องแก่งแย่งชิงดีกัน บางทีก็อาจจะต้องปัดตกประเด็นนี้ไปก่อน
“อาจจะยังล่ะมั้ง... อาจจะยังไม่ใช่น้า”
เธอยกมือขึ้นเกาหัวแล้วถอนหายใจ ในมุมมองบุคคลที่หนึ่งเธอไม่สามารถเห็นหรืออ่านความคิดตัวละครได้ แตกต่างจากตอนเป็นนักอ่านที่กล้าตบเข่าฉาดฟันธงว่าใครเป็นตัวร้าย
เมื่อรู้ตัวว่าคิดมากไป เธอก็รีบสะบัดหัวไล่ความคิดไม่เข้าท่า ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปตามประธานธันย์ที่น่าจะยังไม่ตื่น
ปกติเธอก็ปลุกเขาในบางวันอยู่แล้ว ครั้งนี้พอเคาะประตูแล้วไม่มีเสียงตอบรับก็เปิดเข้าไปทันที แต่แล้วก็ชะงักไปเมื่อไม่พบคนบนเตียง
“คุณธันย์ตื่น... อ้าว ไปไหนของเขาอ่ะ”
แกรก
เสียงลูกบิดประตูที่ดังขึ้น ฉุดดึงความสนใจให้เธอหมุนตัวกลับไปมอง ก่อนดวงตากลมโตจะเบิกตาเท่าไข่ห่านเข้าให้ในฉับพลัน
“ว้าย... ตาเถรตกหกหมดแล้วแม่!”
ร่างบางเปลื้องผ้าโยนเรี่ยราดลงบนพื้น เธอเปลือยเปล่าอวดเรือนร่างที่ทุกสัดส่วนล่อตาล่อใจ ปลุกอารมณ์ให้องศาสมุทรกระสันกว่าเดิม มองเธอที่ควบขี่อยู่บนตักด้วยสีหน้าเสียวสยิวพบตะวันบดร่อนเอวบนแท่งร้อน เธอมุ่นคิ้วเว้าวอน เสียวจนส่งเสียงครางหวานแล้วโน้มตัวไปจูบเขาก่อน“อือ…”เธอเป็นฝ่ายใช้ลิ้นบุกก่อน พลางออกแรงบีบบ่าแกร่ง เมื่อรู้สึกเสียววาบในท้องน้อย ทุกครั้งที่แท่งร้อนผลุบเข้าออกในร่องรักองศาสมุทรรั้งท้ายทอยเธอไว้ พลางควงคว้านเรียวลิ้นโพรงปากเธอพบตะวันสู้ยาก เธอผ่อนลมหายใจไม่ทัน เสียงน้ำลายที่ฉ่ำแฉะข้างในปากทำแก้มเธอเห่อร้อน เกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นจนกระสันหนักกว่าเก่า แต่พอโดนเขาจับเอวให้ควบขี่บนแก่นกาย เธอก็เชิดหน้าหายใจถี่กระชั้น“อึก… แฮ่ก”หยาดน้ำลายเธอเหนียวหนืดในลำคอ เกร็งขาทั้งสองข้างจนเบ้หน้า คล้ายว่าอาการเหน็บชาเล่นงาน เพราะขึ้นคุมบังเหียนนานเกินไปใบหน้าสวยแดงปานลูกตำลึงสุก มันก็ดีอยู่หรอกที่อยู่ข้างบน แต่พอทำไปทำมา ตะคริวกลับกินขาในจังหวะกำลังเสียวพอดีเลยน่าอาย…ขืนบอกว่าขึ้นให้เขาแล้วเมื่อย อีกฝ่ายได้หัวเราะเธอกรามค้างแน่“ไหวมั้ย”“ไหวค่ะ”พบตะวันมันเลือดนักสู้ ไม่เคยยอมแพ้แต่ไ
ร่างบางปรี่เข้าไปสวมกอดเขาทันที สองแขนเธอกอดรั้งช่วงลำคอเขา มือก็จับข้างใบหน้าหล่อเหลาแล้วมุ่นคิ้วจะร้องตาม“ร้องไห้ทำไมคะ” พบตะวันถามเสียงอ่อนโยน แต่เขากลับยิ้มให้ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะงั้น“ไม่มีอะไรหรอก”“จะไม่มีอะไรได้ยังไงก็พี่...”“พี่จ้องหน้าจอนานไปหน่อยตาเลยแห้ง”องศาสมุทรหลีกเลี่ยงคำพูด ไม่ซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง แต่เขาแค่ไม่อยากให้เธอคิดมากไปด้วย อาการเครียดบวกวิตกกังวล ประกอบกับงานที่เขาโหมหนักจนรัดตัวไปไหนไม่ได้กลายเป็นระเบิดเวลา ผ่านหยดน้ำตาที่ไหลริน“พี่โกหกตะวันไม่เนียนเลยนะ ถ้าคบกันแล้วตะวันเป็นความสบายใจให้พี่ไม่ได้... แล้วเราจะคบกันต่อไปได้ยังไงคะ”พบตะวันชักสีหน้าบึ้งตึง มือสัมผัสผิวแก้มเขาเบาๆ ก่อนจะเอาแก้มตัวเองไปแนบข้างๆ แล้วถูไถคล้ายลูกแมวตัวน้อย“เธอเป็นความสบายใจของพี่ตะวัน” เขาเอาศีรษะมาชนตอบ ก่อนรอยยิ้มที่หวานละมุนจะจุดบนมุมปาก รวบเอวคอดกิ่วมานั่งบนตักพบตะวันคือแสงสว่างในชีวิตเขาเลยล่ะให้พูดยังไงดี... การได้พบเธอทำให้เขามีชีวิตชีวา หลังดำรงชีพไม่ต่างจากหุ่นยนต์ ไม่กล้าออกนอกคำสั่งที่โดนป้อนมาแต่หลังได้เจอเธอ เขากล้าออกจากกรอบ เพื่อฟังเสียงหั
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา องศาสมุทรหรือในนามประธานองศา เขาใช้เวลาไปกับงานซะส่วนใหญ่ ในเมื่อท่านอินทัชไม่ให้เงินเดือน จากการทำงานให้บริษัทมาตลอดร่วมเดือน เขาก็เลยผันตัวไปเป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจเขาทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อหาเงินมาสร้างตัวช่วงเวลาสองทุ่ม เขาก็เข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ ภายใต้นามของประธานองศาสมุทรเช่นเคยท่านประธานห่วงคนที่บ้านมากกว่าอยากกลับบ้านใจจะขาดรอมร่อ“สวัสดีค่ะคุณองศา” เสียงหญิงสาวทักทายดังขึ้น พอหันกลับไปมอง เขาก็ส่งยิ้มตามมารยาทให้อีกฝ่าย แม้จะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามก็ตาม“สวัสดีครับ เอ่อคุณ...” เขาเลิกคิ้วปนยิ้มขัดเขิน ทำงานจนมึนเบลอ จำไม่ค่อยได้แล้วว่าเจอพบปะใครมาบ้างคนตรงหน้าตอนนี้ก็ด้วย...หญิงสาวร่างเพรียวระหง ปล่อยผมยาวสยายถึงกลางหลัง เธอวาดรอยยิ้มส่งให้ชายหนุ่ม พลางยกมือทัดใบหูแก้อาการขวยเขิน ท่ามกลางผู้คนมากมายในงานเลี้ยง ประธานองศาโดดเด่นจนเธอต้องเดินเข้ามาทักทาย“ญาดาค่ะ เราเคยเจอกันตอนที่คุยไปบริษัทคราวก่อน”“อ่า ขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมเจอคนเยอะมากก็เลยหลงลืมไป”ญาดาป้องปากขำเอ็นดูเขา สมคำร่ำลือจริงนั่นแหละ ประธานหน้าหล่อแต่ติดเย็นชา สีหน้าคมดุพูดจาตร
พบตะวันนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เธอเฝ้ารอให้แม่ของน้องรักเอย เด็กทารกวัยสามเดือนให้นมเสร็จก่อน ภายในห้องแต่งหน้าไม่มีคนอยู่ แต่สักพักประตูห้องก็เปิดออกพอดีเธอยิ้มให้แม่ของเด็กน้อย ก่อนจะจ้องมองรักเอยตาไม่กะพริบตอนนั้นยูกิก็ตัวเท่านี้เลี้ยงง่ายไม่ดื้อเลย“คุณพบตะวันใช่ไหมคะ” แม่เด็กยิ้มให้ ขณะเดินเข้ามาใกล้เธอ“ใช่ค่ะคุณแม่”“คุณวาแจ้งไว้เรียบร้อยแล้วน้า”พอนั่งลงบนโซฟาข้างกัน พบตะวันก็คลี่ยิ้มบางๆ เมื่อหลุบมองเด็กน้อยตาแป๋ว ยืดเหยียดมือป้อมกับนิ้วน้อยไปมา“ตะวันล้างมือแล้วค่ะคุณแม่ อ่าขอ... ลองอุ้มอย่างเดียวพอแล้วค่ะ”“ให้พี่เขาอุ้มหน่อยนะรักเอย เป็นเด็กดีนะคะ”“น้องรักเอย... ลูกสาวชื่อเพราะจังเลยค่ะพบตะวันตื่นเต้นจนเสียงสั่น เธอล้างมือตั้งหลายรอบระหว่างรอ เพราะรู้ดีว่าเด็กทารกต้องได้รับการปกป้อง เวลาเขาเจ็บไข้ได้ป่วยมันจะน่าสงสาร เด็กไม่สามารถบอกความต้องการได้เพราะงั้นเสียงลูกน้อยร้องไห้ มักจะบาดใจคนเป็นแม่ที่สุดแม่เด็กส่งลูกให้พบตะวันอุ้ม เธอนั่งหลังตรงแล้วโอบอุ้มเด็กน้อย เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแล้วระบายยิ้มจางๆ “รักเอยขา...”“แอะ”“ว่าไงคะ”ใบหน้าสวยเอียงคอแล้วยิ้มให้ ดวงตาเศร้าหมอ
กองถ่ายละครกำลังครึกครื้น สถานที่ถ่ายทำคือคอนโดใจกลางเมือง หลังขับรถมาถึง องศาสมุทรก็กุมมือพบตะวันขึ้นไปข้างบน มองหาปานนาวาเป็นคนแรก เพื่อจะได้ขออนุญาตแม่นักแสดงตัวน้อยก่อนเพราะนักแสดงที่อยากเจอ อายุเพียงสามเดือนกว่าเท่านั้นเองอายุเท่ายูกิเลย...“นั่งรอในนี้ก่อนเลย เดี๋ยวตอนน้องรักเอยให้นมเสร็จจะพามาหานะ” ปานนาวาพาทั้งสอง เข้ามานั่งในห้องแต่งตัว เพราะแม่ของเด็กที่เข้าฉากกำลังให้นมอยู่ ให้เสร็จเมื่อไหร่จะอุ้มมาให้เล่นกันองศาสมุทรค้อมหัว พลางระบายยิ้มเศร้าบนมุมปาก“ขอบคุณครับพี่วา ผมคงไม่รบกวนพี่มากไปใช่ไหม”“รบกวนอะไรกัน”“ก็...”“เอาเถอะ ปกตินายไม่เคยง้างปากรบกวนพี่ด้วยซ้ำ”คนเป็นพี่สาวไม่รู้สึกว่าเขารบกวนเลย ดีด้วยซ้ำ เธออยากเป็นพี่สาวให้เขาได้พึ่งพิงบ้าง เพราะตอนเกิดเรื่องเธอ องศาสมุทรยืนกรานอยู่ข้างไม่ถอยถึงขั้นจะไปต่อยพ่อของลูกเธอ แต่โชคดี เธอเข้าไปห้ามเขาเอาไว้ได้ทันพ่อของลูกเฮงซวยที่ไม่รับผิดชอบไปตายให้หนอนกินซะเถอะ“พี่ให้คนเอากาแฟขึ้นมาให้นะตะวัน”“ไม่เป็น...”“ไม่ได้หรอก น้องพี่รักใครพี่ก็รักด้วยสิ”พบตะวันยิ้มเศร้าไม่ต่างกัน ปนดีใจที่พี่สาวของเขาใจดีมาตลอดแต่เรื่องราว
พบตะวันอดรนทนกลั้นไม่ไหว เนื้อตัวเธอก็พลันกระตุกเกร็งหนัก ใบหน้าเงยขึ้นรับน้ำฝนที่ตกกระทบลงมา ขณะที่ช่องทางรักขมิบรัดแท่งร้อนถี่ยิบไม่เกินอึดใจ องศาสมุทรก็กระดกก้นขึ้นสวน ปลดปล่อยของเหลวสีขุ่นข้น อัดฉีดใส่ร่องรักที่รัดเขาแน่น ให้รับหยาดน้ำทั้งหมดของเขาไป“อุ่น... อุ่นจังเลยค่ะ” เธอสบตาเขา พลางหอบหายใจถี่หนักน้ำรักที่แตกหลั่งในรูรัก พุ่งกระฉูดถึงผนังมดลูก ก่อนจะไหลย้อยจากการที่เธอขมิบคาย หลั่งรดเยิ้มลงตรงแก่นกายของเขา ท่ามกลางเสียงหายใจที่สอดประสานกัน เหนื่อยแต่สีหน้าก็เต็มไปด้วยความสุขใบหน้าหล่อเหลายิ้มละมุน เป็นรอยยิ้มที่มีแค่เธอคนเดียวได้เห็นคนอื่นได้เห็นแค่มุมประธานเย็นชาสามีผู้มีสายตาอบอุ่นมีแค่พบตะวันที่ได้รับ“พี่ก็รักเธอตะวัน...” เขาไม่ลืมที่จะบอกรักเธอคืน มือก็จับใบหน้าเรียวเล็กมากดจูบ แต่ปากเธอเย็นชืดจากการตากฝน ทว่าร่างกายของพวกเขากลับร้อนระอุขึ้นมาดื้อๆ“มีความสุขไหม”“มากเลย”“ตะวันก็มีความสุขมากเหมือนกันค่ะ”รอยยิ้มของเธอกลั่นกรองมาจากหัวใจ...บนใบหน้าสวยที่เส้นผมเปียกลู่แนบแก้ม มีรอยยิ้มหวานล้ำประดับอยู่บนมุมปาก เธอน่าจะเป็นคนเดียวที่ทำได้ ทำให้เขายิ้ม แม้ในวันที่ยิ







![ความลับประธานหม้าย [20+ Soft BDSM]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)