เข้าสู่ระบบสายฝนโปรยปรายลงมาในยามเย็น คราคร่ำด้วยผู้คนที่เพิ่งเลิกงานกำลังเดินทางกลับบ้าน บ้างก็ยืนรอใต้ตึกอาคารระหว่างรอให้ฝนหยุดตกก่อน บางคนก็วิ่งฝ่าฝนหรือกางร่มเดินอย่างไม่รีบร้อน
ธารตะวันเป่าลมร้อนผ่านริมฝีปาก นั่งทำงานมาทั้งวันฝนก็ไม่มีวี่แววว่าจะตก แต่พอจะกลับบ้านเท่านั้นแหละ เทกระจาดจนนึกว่าฟ้ารั่ว
“วิ่งฝ่าออกไปเลยดีไหมนะ...”
เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มสว่าง แม้จะยังมีเมฆครึ้มเกาะกลุ่มกระจายตัวอยู่เล็กน้อย ก่อนจะหลุบตามองพื้นด้านล่างที่เฉอะแฉะ
สายฝนเริ่มซาลงเยอะแล้ว จนเธอคิดว่าถ้าวิ่งฝ่าไปถึงร้าน อาจจะไม่ค่อยเปียกเท่าไหร่ ยืนรอให้หยุดก็ไม่รู้จะหยุดเมื่อไหร่อีก
สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจจะฝ่าฝนไปร้านปิ้งย่างที่หัวมุม ทว่าระหว่างที่เธอตัดสินใจจะวิ่งฝ่าไป กลับมีใครสักคนรั้งแขนเธอเอาไว้ พร้อมกับเงาดำที่ทาบทับลงมาบนลำตัวและร่มคันใหญ่ที่กางให้เธอ
“คุณธันย์” เธอเรียกชื่อคนที่ดึงแขนและเอียงร่มให้
วินาทีที่สบตา โลกก็พลันหยุดหมุน ตามด้วยหัวใจที่สั่นระรัวในอก
“จะไปไหน”
“เอ่อ... จะไปร้านปิ้งย่างหัวมุมนี่เองค่ะ”
พูดจบเธอก็ชี้ไปที่หัวมุมตรงแยกไฟแดง ก่อนจะดันร่มให้เอียงไปทางเขาคืนบ้าง หลังได้เห็นเม็ดฝนตกกระทบบนไหล่กว้างอยู่
“ผมก็จะไปเหมือนกัน” เขาตอบเสียงนิ่งเรียบ ใบหน้าเรียบเฉยดูไร้อารมณ์ร่วมแต่หล่อเหมือนเดิม
“คุณธันย์ก็จะไปร้านนี้เหมือนกันเหรอคะ”
“ใช่ อยู่ใกล้แค่นี้แต่ไม่เคยลองกินเลย”
สิ้นประโยคนั้น ธารตะวันก็ยิ้มกว้างทันที สาเหตุที่เธอยอมเลี้ยงข้าวเจตกวินคืน เพราะรู้ว่าเขาอาจใช้เหตุผลนี้มาเข้าใกล้เธออีก เธอก็เลยตัดจบด้วยการไม่ต้องมีบุญคุณต่อกันซะเลย
เลี้ยงข้าวให้จบ จะได้ไม่ต้องมาทวงบุญคุณกันดีหลัง และก็ไม่ต้องมาเจอกันอีกด้วย
“รังเกียจที่จะร่วมโต๊ะเดียวกับผมมั้ย”
“รังเกียจอะไรล่ะคะ ฉันจะรังเกียจคุณได้ยังไง”
เธอรีบโบกมือปฏิเสธรัวๆ พร้อมกับสั่นหัวประกอบอย่างจริงจัง จะรังเกียจเขาได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อเป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยซะขนาดนี้
“ถ้างั้นสนใจมานั่งร่วมโต๊ะกับฉันไหมคะ แต่ว่ามีเพื่อนฉันมาด้วยอีกคนนึงนะ นั่งกินกันหลายคนบรรยากาศจะได้ไม่อ่อมเกินค่ะ”
“อ่อมเกินเหรอ”
“แบบว่า... บรรยากาศไม่ครื้นเครงน่ะค่ะ”
ประธานธันย์พยักหน้ารับช้าๆ ก่อนทั้งคู่จะเดินกางร่มคู่กันไปที่ร้านปิ้งย่างหัวมุม
ใช้เวลาไม่นานในการเดินมาถึงหน้าร้าน พอมาถึงเธอก็พบว่าเจตกวินมายืนอยู่ก่อนแล้ว เขาหันมายิ้มให้เธอ ก่อนหุบยิ้มลงนิดๆ ที่ได้เห็นว่ามีชายหนุ่มหน้านิ่งเดินขนาบข้างมาด้วย
“อ้าว คุณธันย์ก็มาด้วยเหรอครับ” เจตกวินหันไปทักทายคนที่ยืนข้างเธออยู่
ธันย์ธารายกยิ้มมุมปาก พลางเก็บร่มที่เปียกฝนเสียบไว้หน้าร้าน
“สวัสดีครับคุณเจตกวิน”
“สวัสดีครับคุณธันย์ธารา”
คนกลางอย่างธารตะวันมองคนตัวสูงทั้งสองสลับกันไปมา ก่อนจะรีบพาทั้งคู่เข้าไปในร้านก่อนที่คนจะเยอะ
ช่วงเวลานี้ฝนตกก็พลอยทำให้รถติด ผู้คนก็ทยอยกันเข้ามานั่งหาอะไรทานกันจนแน่นเต็มร้าน ธารตะวันสั่งเซตหมูสามชั้นมานั่งย่างให้ทั้งสองหนุ่ม
เธอตัดชิ้นพอดีคำอย่างคล่องแคล่ว ย่างให้สุกจนสีกำลังสวย จนธันย์ธาราที่นั่งข้างเธอจ้องมองไม่ละสายตา
“มา เดี๋ยวพี่ตัดให้ครับน้องตะวัน” เจตกวินยื่นมือไปแย่งกรรไกรกับที่คีบในมือเธอ แต่ธารตะวันปฏิเสธเพราะชอบบริการอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรตะวันทำได้ค่ะพี่เจต”
“มันร้อนนะ... พี่ทำให้ดีกว่า”
“ไม่เป็นไร แค่ตัดหมูเองค่ะ”
“เอามาเถอะครับ มือเราจะร้อนเอานะ”
ทั้งคู่ยื้อแย่งกันไปมา โดยมีสายตาคู่คมของประธานธันย์จ้องทั้งคู่สลับกันซ้ายขวา ก่อนจะพูดโพล่งออกไป แล้วแย่งกรรไกรกับที่คีบในมือเธอมาถือไว้เอง
“ผมทำเอง”
“คะ”
“ครับ...”
ทั้งเจตกวินและธารตะวัน ต่างก็หันขวับมองไปที่เขา ชายหนุ่มมาดเจ้าชายเย็นชาอย่างธันย์ธารานี่เหรอจะย่างหมู ทว่าพอเขาดุผ่านสายตามา เธอก็จำยอมต้องส่งอุปกรณ์ให้เจ้าตัว โดยไม่กล้าขัดใจอะไร
จากประธานบริษัท สู่บทบาทบริกรหนุ่มหน้าหล่อ นั่งตัดหมูสามชั้นบนเตาปิ้งย่างจนแทบไม่ได้กินเอง ส่วนเธอนั่งตัวลีบติดเกรงใจเขาอยู่ดี
“ปกติวันหยุดเราไปเที่ยวไหนมั้ย” เจตกวินชวนคุย แต่เธออดไม่ได้ที่จะคอยระวังความร้อนให้เจ้านาย
“ยังไม่มีที่เที่ยวในใจนะคะ”
“กลุ่มพี่มีทริปไปเที่ยวทะเลวันหยุดกัน น้องตะวันสนใจไปเที่ยวผ่อนคลายด้วยกันมั้ย”
“ทะเลเหรอคะ...”
เธอเอียงคอมองใบหน้าเจตกวิน เขาส่งยิ้มให้ รอยยิ้มนั้นอ่อนละมุนจนสาวๆ หลายคนอาจจะหลงกล แต่คงไม่ใช่กับธารตะวันคนนี้
“ใช่ครับ มีขี่เจ๊ตสกีแล้วก็ล่องเรือไปดำน้ำกัน”
“พี่เจตเที่ยวกับเพื่อนให้สนุกเถอะ ตะวันนอนตีพุงอยู่ที่ห้องดีกว่า”
“น่าเสียดายจัง เอาไว้ไปด้วยกัน 2 คนดีมั้ย”
คำว่าไว้ไปด้วยกันสองคน ทำเอาเธอยิ้มเหยเก ก่อนจะรีบเก็บสีหน้าแล้วระบายยิ้มเจื่อน แม้สิ่งที่เขาชวนจะฟังดูน่าสนุกมากก็ตาม
“เผื่อเราเกร็งกับเพื่อนพี่ไง”
“เกรงใจมากกว่าเดิมอีกค่ะ”
ว่าแล้วก็หัวเราะแห้งๆ กลบเกลื่อน พลางส่ายตาหาตัวช่วยเพราะเจตกวินกำลังจะอ้าปากตามตื้อเธอ ก่อนจะหันไปเห็นประธานหนุ่มกำลังนั่งหน้าเครียดหน้าเตาพอดี
“คุณธันย์ยังไม่ค่อยได้กินเลย ถ้างั้นเดี๋ยวฉันทำแทนดีกว่า”
“ไม่เป็นไร”
“คุณจะได้กินบ้างค่ะ”
“ไม่เป็นไร”
เขาตอบซ้ำคำเดิม ราวกับหุ่นยนต์ที่ตั้งค่าให้ปฏิเสธการช่วยเหลือ
“งั้นฉันขอป้อนได้แทนนะคะ” เธอพูดติดเกรงใจเขา ก่อนจะจัดการห่อหมูสามชั้นกับใบงา เติมเครื่องเคียงให้พอดีคำแล้วจ่อไปที่ปากเขา
ธันย์ธาราผงะใบหน้าเล็กน้อย เขาจับกรรไกรกับที่คีบตัดหมูอยู่ พอโดนจ่อป้อนที่ปากก็เลยชักสีหน้าไปต่อไม่ถูก
“อ้า... อ้าม~”
ธารตะวันส่งเสียงเหมือนหลอกล่อให้เด็กกินข้าว แต่ที่น่าแปลกกว่าก็คือท่านประธานอ้าปากแล้วกินอย่างว่าง่าย ก่อนเขาจะขมวดคิ้วนิ่วหน้าไม่เข้าใจที่อ้าปากให้เธอป้อนจริงๆ
เธอสังเกตเห็นเขาเคี้ยวหมดปากก็จัดคำต่อไปให้ ก่อนยื่นหน้าเข้าไปถามว่ารับเครื่องเคียงเพิ่มไหม โดยที่มีสายตาของเจตกวินจับจ้องมองทั้งคู่นิ่งๆ พลันลอบถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่
“ใส่อันนี้เพิ่มไหมคะ”
“อืม”
“อ้า”
ตอนนี้กลายเป็นว่าประธานธันย์ย่างหมู ส่วนธารตะวันรับหน้าที่คอยป้อนให้เขาเรื่อยๆ จนเจตกวินที่นั่งไม่มีบทกระดกโซจูขึ้นดื่มไม่พัก
ใบหน้าหล่อคมที่นั่งตัดหมูหน้าเตาปิ้งย่าง แต่ยังหล่อเหลาจนหลายคนเหลียวมอง ชำเลืองหางตามองใบหน้ารุ่นพี่ของธารตะวัน ก่อนเขาจะกระตุกยิ้มมุมปากแล้วหันไปคุยกับเธอแทน
“ขออีกคำสิ”
“ได้ค่ะ”
“ขอบคุณ”
ร่างบางเปลื้องผ้าโยนเรี่ยราดลงบนพื้น เธอเปลือยเปล่าอวดเรือนร่างที่ทุกสัดส่วนล่อตาล่อใจ ปลุกอารมณ์ให้องศาสมุทรกระสันกว่าเดิม มองเธอที่ควบขี่อยู่บนตักด้วยสีหน้าเสียวสยิวพบตะวันบดร่อนเอวบนแท่งร้อน เธอมุ่นคิ้วเว้าวอน เสียวจนส่งเสียงครางหวานแล้วโน้มตัวไปจูบเขาก่อน“อือ…”เธอเป็นฝ่ายใช้ลิ้นบุกก่อน พลางออกแรงบีบบ่าแกร่ง เมื่อรู้สึกเสียววาบในท้องน้อย ทุกครั้งที่แท่งร้อนผลุบเข้าออกในร่องรักองศาสมุทรรั้งท้ายทอยเธอไว้ พลางควงคว้านเรียวลิ้นโพรงปากเธอพบตะวันสู้ยาก เธอผ่อนลมหายใจไม่ทัน เสียงน้ำลายที่ฉ่ำแฉะข้างในปากทำแก้มเธอเห่อร้อน เกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นจนกระสันหนักกว่าเก่า แต่พอโดนเขาจับเอวให้ควบขี่บนแก่นกาย เธอก็เชิดหน้าหายใจถี่กระชั้น“อึก… แฮ่ก”หยาดน้ำลายเธอเหนียวหนืดในลำคอ เกร็งขาทั้งสองข้างจนเบ้หน้า คล้ายว่าอาการเหน็บชาเล่นงาน เพราะขึ้นคุมบังเหียนนานเกินไปใบหน้าสวยแดงปานลูกตำลึงสุก มันก็ดีอยู่หรอกที่อยู่ข้างบน แต่พอทำไปทำมา ตะคริวกลับกินขาในจังหวะกำลังเสียวพอดีเลยน่าอาย…ขืนบอกว่าขึ้นให้เขาแล้วเมื่อย อีกฝ่ายได้หัวเราะเธอกรามค้างแน่“ไหวมั้ย”“ไหวค่ะ”พบตะวันมันเลือดนักสู้ ไม่เคยยอมแพ้แต่ไ
ร่างบางปรี่เข้าไปสวมกอดเขาทันที สองแขนเธอกอดรั้งช่วงลำคอเขา มือก็จับข้างใบหน้าหล่อเหลาแล้วมุ่นคิ้วจะร้องตาม“ร้องไห้ทำไมคะ” พบตะวันถามเสียงอ่อนโยน แต่เขากลับยิ้มให้ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะงั้น“ไม่มีอะไรหรอก”“จะไม่มีอะไรได้ยังไงก็พี่...”“พี่จ้องหน้าจอนานไปหน่อยตาเลยแห้ง”องศาสมุทรหลีกเลี่ยงคำพูด ไม่ซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง แต่เขาแค่ไม่อยากให้เธอคิดมากไปด้วย อาการเครียดบวกวิตกกังวล ประกอบกับงานที่เขาโหมหนักจนรัดตัวไปไหนไม่ได้กลายเป็นระเบิดเวลา ผ่านหยดน้ำตาที่ไหลริน“พี่โกหกตะวันไม่เนียนเลยนะ ถ้าคบกันแล้วตะวันเป็นความสบายใจให้พี่ไม่ได้... แล้วเราจะคบกันต่อไปได้ยังไงคะ”พบตะวันชักสีหน้าบึ้งตึง มือสัมผัสผิวแก้มเขาเบาๆ ก่อนจะเอาแก้มตัวเองไปแนบข้างๆ แล้วถูไถคล้ายลูกแมวตัวน้อย“เธอเป็นความสบายใจของพี่ตะวัน” เขาเอาศีรษะมาชนตอบ ก่อนรอยยิ้มที่หวานละมุนจะจุดบนมุมปาก รวบเอวคอดกิ่วมานั่งบนตักพบตะวันคือแสงสว่างในชีวิตเขาเลยล่ะให้พูดยังไงดี... การได้พบเธอทำให้เขามีชีวิตชีวา หลังดำรงชีพไม่ต่างจากหุ่นยนต์ ไม่กล้าออกนอกคำสั่งที่โดนป้อนมาแต่หลังได้เจอเธอ เขากล้าออกจากกรอบ เพื่อฟังเสียงหั
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา องศาสมุทรหรือในนามประธานองศา เขาใช้เวลาไปกับงานซะส่วนใหญ่ ในเมื่อท่านอินทัชไม่ให้เงินเดือน จากการทำงานให้บริษัทมาตลอดร่วมเดือน เขาก็เลยผันตัวไปเป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจเขาทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อหาเงินมาสร้างตัวช่วงเวลาสองทุ่ม เขาก็เข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ ภายใต้นามของประธานองศาสมุทรเช่นเคยท่านประธานห่วงคนที่บ้านมากกว่าอยากกลับบ้านใจจะขาดรอมร่อ“สวัสดีค่ะคุณองศา” เสียงหญิงสาวทักทายดังขึ้น พอหันกลับไปมอง เขาก็ส่งยิ้มตามมารยาทให้อีกฝ่าย แม้จะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามก็ตาม“สวัสดีครับ เอ่อคุณ...” เขาเลิกคิ้วปนยิ้มขัดเขิน ทำงานจนมึนเบลอ จำไม่ค่อยได้แล้วว่าเจอพบปะใครมาบ้างคนตรงหน้าตอนนี้ก็ด้วย...หญิงสาวร่างเพรียวระหง ปล่อยผมยาวสยายถึงกลางหลัง เธอวาดรอยยิ้มส่งให้ชายหนุ่ม พลางยกมือทัดใบหูแก้อาการขวยเขิน ท่ามกลางผู้คนมากมายในงานเลี้ยง ประธานองศาโดดเด่นจนเธอต้องเดินเข้ามาทักทาย“ญาดาค่ะ เราเคยเจอกันตอนที่คุยไปบริษัทคราวก่อน”“อ่า ขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมเจอคนเยอะมากก็เลยหลงลืมไป”ญาดาป้องปากขำเอ็นดูเขา สมคำร่ำลือจริงนั่นแหละ ประธานหน้าหล่อแต่ติดเย็นชา สีหน้าคมดุพูดจาตร
พบตะวันนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เธอเฝ้ารอให้แม่ของน้องรักเอย เด็กทารกวัยสามเดือนให้นมเสร็จก่อน ภายในห้องแต่งหน้าไม่มีคนอยู่ แต่สักพักประตูห้องก็เปิดออกพอดีเธอยิ้มให้แม่ของเด็กน้อย ก่อนจะจ้องมองรักเอยตาไม่กะพริบตอนนั้นยูกิก็ตัวเท่านี้เลี้ยงง่ายไม่ดื้อเลย“คุณพบตะวันใช่ไหมคะ” แม่เด็กยิ้มให้ ขณะเดินเข้ามาใกล้เธอ“ใช่ค่ะคุณแม่”“คุณวาแจ้งไว้เรียบร้อยแล้วน้า”พอนั่งลงบนโซฟาข้างกัน พบตะวันก็คลี่ยิ้มบางๆ เมื่อหลุบมองเด็กน้อยตาแป๋ว ยืดเหยียดมือป้อมกับนิ้วน้อยไปมา“ตะวันล้างมือแล้วค่ะคุณแม่ อ่าขอ... ลองอุ้มอย่างเดียวพอแล้วค่ะ”“ให้พี่เขาอุ้มหน่อยนะรักเอย เป็นเด็กดีนะคะ”“น้องรักเอย... ลูกสาวชื่อเพราะจังเลยค่ะพบตะวันตื่นเต้นจนเสียงสั่น เธอล้างมือตั้งหลายรอบระหว่างรอ เพราะรู้ดีว่าเด็กทารกต้องได้รับการปกป้อง เวลาเขาเจ็บไข้ได้ป่วยมันจะน่าสงสาร เด็กไม่สามารถบอกความต้องการได้เพราะงั้นเสียงลูกน้อยร้องไห้ มักจะบาดใจคนเป็นแม่ที่สุดแม่เด็กส่งลูกให้พบตะวันอุ้ม เธอนั่งหลังตรงแล้วโอบอุ้มเด็กน้อย เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแล้วระบายยิ้มจางๆ “รักเอยขา...”“แอะ”“ว่าไงคะ”ใบหน้าสวยเอียงคอแล้วยิ้มให้ ดวงตาเศร้าหมอ
กองถ่ายละครกำลังครึกครื้น สถานที่ถ่ายทำคือคอนโดใจกลางเมือง หลังขับรถมาถึง องศาสมุทรก็กุมมือพบตะวันขึ้นไปข้างบน มองหาปานนาวาเป็นคนแรก เพื่อจะได้ขออนุญาตแม่นักแสดงตัวน้อยก่อนเพราะนักแสดงที่อยากเจอ อายุเพียงสามเดือนกว่าเท่านั้นเองอายุเท่ายูกิเลย...“นั่งรอในนี้ก่อนเลย เดี๋ยวตอนน้องรักเอยให้นมเสร็จจะพามาหานะ” ปานนาวาพาทั้งสอง เข้ามานั่งในห้องแต่งตัว เพราะแม่ของเด็กที่เข้าฉากกำลังให้นมอยู่ ให้เสร็จเมื่อไหร่จะอุ้มมาให้เล่นกันองศาสมุทรค้อมหัว พลางระบายยิ้มเศร้าบนมุมปาก“ขอบคุณครับพี่วา ผมคงไม่รบกวนพี่มากไปใช่ไหม”“รบกวนอะไรกัน”“ก็...”“เอาเถอะ ปกตินายไม่เคยง้างปากรบกวนพี่ด้วยซ้ำ”คนเป็นพี่สาวไม่รู้สึกว่าเขารบกวนเลย ดีด้วยซ้ำ เธออยากเป็นพี่สาวให้เขาได้พึ่งพิงบ้าง เพราะตอนเกิดเรื่องเธอ องศาสมุทรยืนกรานอยู่ข้างไม่ถอยถึงขั้นจะไปต่อยพ่อของลูกเธอ แต่โชคดี เธอเข้าไปห้ามเขาเอาไว้ได้ทันพ่อของลูกเฮงซวยที่ไม่รับผิดชอบไปตายให้หนอนกินซะเถอะ“พี่ให้คนเอากาแฟขึ้นมาให้นะตะวัน”“ไม่เป็น...”“ไม่ได้หรอก น้องพี่รักใครพี่ก็รักด้วยสิ”พบตะวันยิ้มเศร้าไม่ต่างกัน ปนดีใจที่พี่สาวของเขาใจดีมาตลอดแต่เรื่องราว
พบตะวันอดรนทนกลั้นไม่ไหว เนื้อตัวเธอก็พลันกระตุกเกร็งหนัก ใบหน้าเงยขึ้นรับน้ำฝนที่ตกกระทบลงมา ขณะที่ช่องทางรักขมิบรัดแท่งร้อนถี่ยิบไม่เกินอึดใจ องศาสมุทรก็กระดกก้นขึ้นสวน ปลดปล่อยของเหลวสีขุ่นข้น อัดฉีดใส่ร่องรักที่รัดเขาแน่น ให้รับหยาดน้ำทั้งหมดของเขาไป“อุ่น... อุ่นจังเลยค่ะ” เธอสบตาเขา พลางหอบหายใจถี่หนักน้ำรักที่แตกหลั่งในรูรัก พุ่งกระฉูดถึงผนังมดลูก ก่อนจะไหลย้อยจากการที่เธอขมิบคาย หลั่งรดเยิ้มลงตรงแก่นกายของเขา ท่ามกลางเสียงหายใจที่สอดประสานกัน เหนื่อยแต่สีหน้าก็เต็มไปด้วยความสุขใบหน้าหล่อเหลายิ้มละมุน เป็นรอยยิ้มที่มีแค่เธอคนเดียวได้เห็นคนอื่นได้เห็นแค่มุมประธานเย็นชาสามีผู้มีสายตาอบอุ่นมีแค่พบตะวันที่ได้รับ“พี่ก็รักเธอตะวัน...” เขาไม่ลืมที่จะบอกรักเธอคืน มือก็จับใบหน้าเรียวเล็กมากดจูบ แต่ปากเธอเย็นชืดจากการตากฝน ทว่าร่างกายของพวกเขากลับร้อนระอุขึ้นมาดื้อๆ“มีความสุขไหม”“มากเลย”“ตะวันก็มีความสุขมากเหมือนกันค่ะ”รอยยิ้มของเธอกลั่นกรองมาจากหัวใจ...บนใบหน้าสวยที่เส้นผมเปียกลู่แนบแก้ม มีรอยยิ้มหวานล้ำประดับอยู่บนมุมปาก เธอน่าจะเป็นคนเดียวที่ทำได้ ทำให้เขายิ้ม แม้ในวันที่ยิ







![นางบำเรอ [5P]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)