โชคชะตาเล่นตลกร้าย
แต่คนโดนตลกไม่ออก…
โลกกลมหรือแรงโน้มถ่วงมันเอนเอียง ถึงได้ผลักดันตัวละครที่เธอไม่อยากพบเจอโผล่มามากที่สุด บนโต๊ะอาหารที่ครื้นเครงจากเสียงพูดคุยดังจอแจ แต่ร่างบางที่นั่งข้างเจตกวินตัวลีบหดเหลือสามเซน
ทุกครั้งที่ไหล่เขาขยับมาชน เธอจะวูบวาบราวกับมีไฟฟ้าแล่นพาดผ่านกลางอก ขนแขนพร้อมใจกันลุกชันจนหายใจไม่ทั่วท้องเท่าไหร่
“ทานเยอะๆ นะครับน้องตะวัน” เจตกวินหันมาชวนคุย พลางดันถ้วยเกี๊ยวทอดกรอบให้เธอกินแกล้มกับก๋วยเตี๋ยวต้มยำ โดยที่เขาเป็นคนอาสาออกค่าอาหารเลี้ยงเธอมื้อนี้เอง
“ขอบคุณค่ะพี่เจต”
“กินเลอะอีกแล้ว...”
วินาทีที่เจตกวินกำลังจะเช็ดปากให้ เธอก็สะบัดหันหน้าหนีจนคอแทบเคล็ด เขาตกใจจนชะงักมือไว้เพียงเท่านั้น ส่วนเธอรีบหยิบกระดาษมาเช็ดปากทันทีก่อนหันไปฉีกยิ้มกว้างกลบเกลื่อน
“ตะวันเช็ดเองดีกว่าค่ะพี่เจต... ไม่เป็นไร” เธอพยายามเก็บอารมณ์เวลาอยู่กับเจตกวินแล้ว แต่คงเหลือแค่สีหน้าที่เก็บไว้ไม่อยู่
“น้องตะวันไม่ชอบใจอะไรพี่หรือเปล่าครับ”
“คะ”
“เหมือนเราจะไม่ค่อยชอบหน้าพี่นะ”
เจตกวินเอ่ยเสียงเศร้าปนน้อยใจ ทำเอาเธอเลิ่กลั่กชักสีหน้าไปต่อไม่ถูก ชำเลืองหางตามองเพื่อนๆ เขาทั้งสามคนกำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสชาติ มีแต่เขาที่คอยหันมาชวนเธอคุยเป็นระยะ
“ถ้าเราไม่ชอบอะไรในตัวพี่บอกได้เลยนะ... หรือว่าพี่ทำอะไรให้ไม่ถูกใจน้องตะวันหรือเปล่า” เจตกวินมุ่นคิ้วเว้าวอน สีหน้าเธอไม่ได้ออกชัดขนาดนั้น แต่การกระทำของเธอค่อนข้างชัดเลยทีเดียว
แค่ตัวแตะกันนิดหน่อยก็เบี่ยงหลบ เมื่อกี้แค่จะเช็ดปากให้ยังสะบัดหน้าหนีอีกต่างหาก เขาก็อดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่าเธอไม่พอใจเขาอยู่
“พี่เจตยังไม่ได้ทำอะไรให้ธารตะวันคนนี้หรอกค่ะ”
“ยังไงนะครับ เอ่อ... ธารตะวันคนนี้คือยังไงครับ”
เธอไม่ตอบ แต่คลี่รอยยิ้มพลางคีบเกี๊ยวทอดใส่ชามเขาแทน พอทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างขึ้นมาอีกครั้งได้ ถึงจะแอบสงสารแต่เธอจะไม่เผลอใจให้กับเจตกวินเป็นอันขาด
นิสัยดีโดยพื้นฐานหรือดีแค่หน้าฉากกันแน่...
ธารตะวันอดมุ่นคิ้วค่อนแคะแล้วครุ่นคิดไม่ได้ ทว่าเมื่อสบกับแววตาสีน้ำตาลเข้มหม่นแสงของเจตกวิน เธอก็พลอยรู้สึกผิดอยู่ดีที่ดันแสดงออกชัดจนเขารู้สึกได้
“ขอบคุณครับน้องตะวัน” เจตกวินเอ่ยพลางก้มหน้ายิ้มคนเดียว
ในนิยายที่เคยได้อ่านเจตกวินเป็นหนุ่มรุ่นพี่สุดอบอุ่น ทั้งมีความเป็นสุภาพบุรุษและมีความเป็นผู้นำ แต่ใครจะไปคิด นักเขียนจะหักมุมให้เนื้อหาดราม่าน้ำตาแตกเป็นลิตรขนาดนั้น
“โอะ ท่านประ... คุณธันย์” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วสะดุดกับร่างสูงสง่าของประธานธันย์ที่หน้าร้านเข้า
ปกติเป็นคนอัธยาศัยดีอยู่แล้ว พอทะลุมิติหลุดเข้ามาในนิยายย้อนเวลา เธอก็เผลอเป็นตัวเองเกินไปด้วยการโบกมือให้ท่านประธาน จังหวะที่เขากวาดสายตามองผ่านมาหาเธอพอดี
“เอ่อ...” เธอหัวเราะแห้งๆ เมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ควร
ทว่าร่างสูงกลับตรงปรี่มายังโต๊ะเธอแทน แสงแดดที่สาดส่องเข้าทางด้านหลังเขาเป็นดั่งสปอร์ตไลท์แผ่กระจายออร่าความหล่อ ดึงดูดสายตาคนทั้งร้านอาหารให้หันไปมองที่เขากันเป็นตาเดียว
“โหว...” เธอเผลออ้าปากค้างมองเขาที่เดินแต่เหมือนลอยมา
หล่อเหมือนไม่มีอยู่จริงแต่มีอยู่จริงนึกออกไหม ไม่รู้ว่าเดินหรือลอยมาทำไมมันถึงได้พลิ้วไหวไปหมดทุกอย่างเลย
เจตกวินหันตามสายตาหญิงสาว ก่อนจะปะทะสายตาเข้าคนที่มีดวงตาเฉยชาเป็นเอกลักษณ์ เหล่าพนักงานที่เป็นเพื่อนในกลุ่มของเจตกวินต่างก็ป้องปากซุบซิบกันใหญ่
“รู้จักผมเหรอครับ” เจตกวินเลิกคิ้วถามปนยิ้ม แต่ก็แอบตงิดใจนิดหน่อยเพราะอีกฝ่ายจ้องหน้ากันไม่หยุดอยู่ได้
“ผมคิดว่ามั่นใจว่ารู้จักคุณ แต่คุณไม่รู้จักผมหรอกครับ”
“ว่าไงนะครับ... หมายความว่ายังไงเหรอครับ”
เจตกวินหัวเราะแห้ง พลางยกมือขึ้นเกาหัวแกรก
ประธานธันย์ยกยิ้มเชิงอย่าถือสาคำพูดเขา ทว่านัยน์ตาคมปลาบสุดลึกลับซับซ้อนที่มองคู่สนทนา พาลให้เธอที่นั่งสังเกตการณ์อยู่รู้สึกถึงลางสังหารณ์ไม่ค่อยดี
“พี่เจตคะ นี่ประธานธันย์ธาราค่ะ เจ้านายของตะวันเอง”
พอได้จังหวะเธอก็แทรกบทสนทนาได้อย่างแนบเนียน หลังประธานธันย์กดสายตามองต่ำเชิงคาดโทษไปที่เจตกวิน ในฉับพลันบรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ครึกครื้นอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นคุกรุ่นทันที
“อ๋อ เจ้านายของน้องตะวันนี่เอง” เจตกวินคลายปมที่หว่างคิ้วออกเล็กน้อย ก่อนพูดต่อด้วยถ้อยคำสุภาพ
“สวัสดีครับ ผมชื่อเจต... เจตกวิน”
“ผมธันย์... ธันย์ธารายินดีที่ได้เจอครับ”
“ครับ ยินดีที่ได้เจอเช่นกัน” พูดจบก็ส่งมือไปจับกับอีกฝ่ายที่ยื่นมา
ธารตะวันมองทั้งคู่สลับกันไปมา เรียวคิ้วก็มุ่นขึ้นอ่านสถานการณ์ไม่ออกว่าประธานธันย์คิดอะไรอยู่ เขากำลังส่งยิ้มให้คนที่จับมือด้วย แต่รอยยิ้มนั่นส่งไปไม่ถึงดวงตาเลยสักนิด
“คุณธันย์มาทานข้าวที่นี่เหรอคะ” ธารตะวันโพล่งถาม หลังทั้งคู่เอาแต่จ้องหน้ากันไม่หยุด
“ผมมาหาคุณ”
“ฉันเหรอคะ”
เขากะพริบตาพร้อมพยักหน้าแทนคำตอบ เธอสายตาล่อกแล่กไปมาเล็กน้อย แต่พอคนตรงหน้าพูดขยายความเธอก็เข้าใจได้ทันที
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณส่วนตัว”
“คุย... ตอนนี้เลยเหรอคะ”
“ผมจะจ่ายเป็นงานนอกเวลาให้ก็แล้วกัน”
สิ้นประโยคนั้นเธอก็หันขวับไปคว้ากระเป๋ามาสะพายทันที ก่อนจะยิ้มหวานให้ประธานธันย์ที่ยืนทำหน้านิ่งไร้อารมณ์อยู่ แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าของแบบนี้เงินมางานก็ย่อมเดินอยู่แล้ว
เจตกวินมองตามธารตะวันราวกับแมวมองเจ้าของ เธอลุกขึ้นยืนก็เงยหน้ามองตาม ดวงตาเขากรอกมองทุกการเคลื่อนไหวเลย
“ตะวันกลับก่อนนะคะพี่เจต... ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวมื้อนี้ค่ะ ไว้ถ้ามีโอกาสตะวันขอเลี้ยงพี่คืนบ้างนะคะ” เธอส่งรอยยิ้มให้เจตกวินอย่างลืมตัว รวมถึงคำพูดที่ติดปากประจำเวลามีคนเลี้ยงข้าว
ทว่าพอรู้สึกตัวก็พลันหุบยิ้มฉับทันที เพราะไม่ใช่แค่ยิ้มหวานให้ แต่ยังทิ้งท้ายคำพูดที่น่าจับตีปากซะให้เข็ด
จะเปิดลู่ทางให้มาเจอกันอีกทำไมล่ะเนี่ย!
“ได้สิครับ ไว้พี่จะรอเรามาเลี้ยงข้าวนะ”
“เอ่อ... ถ้างั้นไว้คราวหน้าก็แล้วกันค่ะ”
เจตกวินยิ้มเขินจนเพื่อนเป่าปากแซวทั้งคู่ ท่ามกลางสีหน้าฉงนหนักของธารตะวันที่ยิ้มแหย แต่แล้วก็มีมือปริศนาคว้าแขนเธอให้ออกมาจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว
ร่างสูงของท่านประธานยังจับแขนเธอไม่ยอมปล่อย แม้จะเดินไกลออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าเด็ดแล้วก็ตาม
“คุณธันย์คะ...” เธอเรียกเขาเสียงค่อย ทำให้เขาหยุดเดินกะทันหัน
ธันย์ธาราหมุนตัวกลับมาประจันหน้าเธอ ธารตะวันตัวสูงแค่หน้าอกเขาเอง ส่วนสูงที่ต่างกันอย่างชัดเจนจู่ๆ ก็ทำเธอหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“โทษที” เขาพูดสั้นๆ ก่อนจะยอมปล่อยแขนเธอออก
เธอหลบตาแล้วเม้มปากนิดๆ พลางเงยหน้าช้อนตามองเขาอีกครั้ง
“ธารตะวัน”
“คะ”
“เลือกให้ดี...”
ใบหน้างามล้ำมุ่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เขาจะสื่อถึงอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้ทำหน้าตาเคร่งเครียดราวกับมีเรื่องคอขาดบาดตาย
“หมายถึงเลือกอะไรเหรอคะ”
“ทุกอย่างที่ต้องเลือกนั่นแหละ”
พูดไปเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจอยู่ดี...
ประธานธันย์จ้องดวงหน้าเธอเขม็ง นัยน์ตาสีเข้มแต่เวลากระทบแสงแดดกลับมีประกายน้ำตาลทองสะท้อนกลับมา
เวลาจะตกหลุมรักใครสักคน บางทีก็มาจากการได้สบตากันนี่แหละ
“ถ้าต้องเลือก... เลือกสิ่งที่ดีให้ตัวเองนะธารตะวัน เข้าใจมั้ย”
โรงพยาบาลธารตะวันนั่งน้ำตาตกอยู่ข้างเตียงประธานธันย์ เหมือนภาพความจำที่โหดร้ายมันฉายซ้ำอีกครั้ง กับการที่เธอต้องเห็นเขาเจ็บตัว นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงโรงพยาบาล ไม่ยอมตื่นขึ้นมาสักที“ฮึก... ฉันปวดใจจะแย่แล้วนะคะ”เธอกุมมือเย็นมาแนบที่ข้างแก้มอุ่นร้อน ท่ามกลางหยาดน้ำตาที่รินไหล เปียกชื้นบนแก้มขาวจนดวงหน้าแดงก่ำเหตุการณ์ที่งานก่อนหน้านี้ชุลมุนมาก คนร้ายที่บุกเข้ามาได้ จงใจเอาชีวิตของธันย์ธาราโดยเฉพาะ ทิศทางของกระบอกปืน หรือการเข้าหาระยะประชิดตัว มันก็บอกชัดแล้วว่าต้องการเอากันถึงตาย“พระเอกต้องไม่... ฮึก ฮือ ไม่ตายสิคะ”เธอเบะปากร่ำไห้โฮ เขาเข้าไปแย่งปืนกับชายชุดดำ ยื้อยุดฉุดกันไปมาเพียงไม่นาน เสียงปืนก็ดังขึ้นหนึ่งนัดถ้วน เป็นเหตุให้ประธานธันย์ล้มลงไปกองกับพื้นก่อนของเหลวที่ไหลออกมา จะอาบย้อมเสื้อผ้าเขาเป็นสีเลือด เปื้อนเลอะตัวเธอที่เข้าไปช้อนร่างเขาขึ้นมา “ตาธันย์ลูกแม่!”เสียงคุณหญิงหยาดเพชรดังมาแต่ไกล เธอจึงรีบปล่อยมือเขาแล้วปาดน้ำตาทิ้งทันที ก่อนจะผุดตัวลุกขึ้น ยืนให้ห่างจากข้างเตียงเขา“ลูกฉันเป็นยังไงบ้างธารตะวัน หมอบอกว่าไงบ้างหะ”ร่างของหญิงวัยกลางคนร่ำไห้ น้ำตาหลั่งรินราวก
THE RADA GRAND HOTELธันย์ธาราเข้าร่วมโครงการใหม่ของเดอะรดาแกรนด์ ระหว่างยืนฟังเจ้าของโครงการเปิดงานบนเวที เขาก็ส่งแชมเปญให้ธารตะวัน พร้อมกับหันไปยิ้มให้กันด้วยสายตารักใคร่ร่างสูงขยับปลายเท้าไปใกล้เธอ มือที่แนบข้างลำตัว ยื่นไปแตะหลังมือของธารตะวันเบาๆ ทำเอาเธอยืนอมยิ้มราวกับคนเสียสติ มือกระดกแชมเปญขึ้นดื่ม ขณะทอดสายตามองเจ้าของโครงการบนเวที“คุณธันย์...”“ค่อยยังชั่วหน่อย”ใบหน้าเรียวเล็กหลุบตามองต่ำ เมื่อเขาคว้ามือเธอไปจับไว้หน้าตาเฉย ฉับพลันตัวเธอก็แข็งทื่อ กวาดตาล่อกแล่กมองซ้ายขวาไปมาแต่ทว่า...กลับไม่เป็นที่สังเกตของคนในงาน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ที่ดำเนินไปอย่างลับๆ จนผ่านมาหลายวันแล้ว“ผมควรซื้อไว้เป็นเรือนหอเรามั้ย” เขาพูดขึ้น หลังสนใจโครงการที่ถูกพูดถึงอยู่ ราคาเหยียบเจ็ดสิบล้าน แต่เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน เหมาะแก่การสร้างเป็นเรือนหอเหมือนกัน“ป๋าอีกแล้วนะคะคุณธันย์”“ผมว่าพื้นที่ใช้สอยดีเลย การเดินทางก็สะดวก เหมาะกับการอยู่เป็นครอบครัว... หรือคู่รักสร้างตัวนะคุณ”ร่างบางระหงเอียงคอมองเขา ต่อให้ธันย์ธาราไม่เคยแนะนำตัว ว่าที่โลกเดิมทำอาชีพอะไรก็ตาม แต่ถ้าให้เธอเด
หลังจากเจอแพรพิมพ์ดาว ในสภาพดูไม่จืดเท่าไหร่ ธารตะวันก็รีบพาอีกฝ่ายเข้ามานั่งสงบสติอารมณ์ในห้อง ก่อนจะหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยนกันปอดบวม หยิบคว้าผ้าผ่อนมาเช็ดผมให้คนที่ร้องไห้โฮประธานธันย์โดนแพรพิมพ์ดาวจ้องเขม็ง ก่อนที่เขาจะส่งกระดาษให้หญิงสาวซับน้ำตา เธอรับไปเช็ดหน้าแล้วขอบคุณเขาเสียงสั่นเครือ“ขอบคุณค่ะ แต่แกพาผู้ชายเข้า ฮึก... เข้าห้องเหรอตะวัน”“เรื่องฉันเล็กมาก ไว้เล่าให้ฟังทีหลังก็แล้วกัน”คนที่เมามายนั่งบนเบาะฟูก ธารตะวันยืนเช็ดเส้นผมให้ ย่อตัวนั่งให้ใบหน้าเสมอกัน ก่อนจะจับไหล่ทั้งสองข้างของเพื่อนสาว พร้อมกับจ้องตาให้คายสิ่งที่ทำน้ำตาแตกออกมา“ไหนเล่าหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมตากฝนมาแบบนี้”“ฉัน... ฉันจะลาออกจากที่นี่แล้ว ฮึก ไอ้เด็กนั่น... ร้าย”“ร้ายยังไง แกตั้งสติแล้วค่อยๆ เล่าได้ไหม”แพรพิมพ์ดาวเบะปาก น้ำตาเม็ดใสรินไหลเหมือนเพชรพลอย หล่นร่วงกราวราวกับมีฝนตกบนหน้าเธอ“พ่อเขาให้เงินมา... บอกว่าเลิกยุ่งกับลูกชาย ฮึก ปล่อยให้เขาไปมีอนาคตที่ดี ถ้ายัง... อึก ฮึก ฝืนเจอกันจะให้เขาไปเรียนต่อ”“แล้วแกทำไง น้องเขาได้อธิบายอะไรมั้ย”“ฉันแค่อยาก อึก... อยากให้เขามีอนาคตที่ดี ฉันก็เลยยอมถอ
สายตาคู่คมของประธานธันย์อบอุ่น แต่ก็แฝงความเร่าร้อน เหมือนดวงตาที่มองเธอตอนมีอะไรกันไม่มีผิด ก่อนเขาจะกระชับร่างบางเข้ามาแนบชิดกันมากขึ้น“บ้า... คุณธันย์ก็พูดเกินไปแหล่ว”ธารตะวันบิดตัวเขินเขา พลางตีอกกำยำอีกฝ่าย แต่ไม่ลืมที่จะแวะใช้นิ้วจิ้มเบาๆ กับกล้ามเนื้อที่แน่นจนแข็งน่าขยำ“หน้าแดงหมดแล้วนะคุณ” เขาวาดรอยยิ้มเอ็นดูเธอ“ก็... ห้องครัวมันร้อนนี่คะ” เธอกลั้นยิ้มแล้วพองแก้มนิดๆพลังงานด้านบวกของคุณผู้ช่วยกลับมาทันที อาจจะมีช่วงที่ตกหลุมความเศร้าไปบ้าง แต่ได้กำลังใจดีจากเขา เธอก็กลับมายิ้มสดใสอีกครั้ง“คุณไม่ต้องมาพูดเอาใจฉันเลยค่ะ คิดจริงนะคะ คนยิ่งบ้ายออยู่ด้วยไม่รับความเห็นต่างอื่นน้า”“สวยจริงครับ ไม่ได้โกหก”ร่างบางคล้องเรียวแขนที่ลำคอเขา ก่อนจะเหลือบมองหม้อที่เดือดปุดๆ อยู่ข้างใน ธันย์ธาราเลยหันไปปิดแก๊สให้ ปิดเสร็จก็กลับมาสนใจเธอต่อ แบบไม่ละสายตาจากแฟนสาวแม้แต่น้อย“สวยจริงเหรอคะ”“แล้วผมจะโกหกทำไม”ธารตะวันยิ้มอย่างผู้รับชัยชนะ จะโกรธต่อก็คงทำไม่ลง คนตรงหน้าดันหล่อจนใจเหลวไปหมดแล้วบางทีเธอก็จินตนาการไม่ออก ถ้าชีวิตของเธอถูกเขียนเป็นบทนิยายขึ้นมา มันคงเป็นเรื่องเล่าเรื่องยาวหล
ภายในห้องครัวขนาดไม่ใหญ่มาก เจ้าของห้องอย่างธารตะวัน กำลังยืนต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่เงียบๆช่วงสองทุ่มที่ท้องร้อง ทั้งที่เมื่อเย็นเพิ่งไปทานดินเนอร์มื้อหรู แต่ไปในฐานะของผู้ช่วยประธานธันย์ ส่วนเขานั่งทานอาหารกับว่าที่คู่หมั้น ทั้งคู่นั่งแยกโต๊ะกัน เพื่อไม่ให้มีใครสงสัยในความสัมพันธ์ของเรา“เฮ้อ... กินหรูแค่ไหนก็จบที่บะหมี่กึ่งอยู่ดี”ร่างบางระหงบ่นอุบ ก่อนจะใส่เครื่องเคียงอย่างหมูสับ และไส้กรอกลงไปในหม้อ พร้อมกับปิดฝารอให้น้ำเดือดสักครู่“พี่ธันย์ลองทานนี่สิคะ อร่อยมากเลยนะ”“พี่ธันย์ขา ถ่ายรูปให้แพรหน่อยได้ไหม”“พี่ธันย์ทานเยอะๆ นะคะ มา เดี๋ยวแพรไหมตักให้”ทั้งภาพและเสียงของคู่หมั้นเขา มันฉายซ้ำซ้อนอยู่ในหัวเธอไม่หยุดตอนแรกธารตะวันก็คิดว่าเป็นคนเงียบๆ แต่พออยู่กับธันย์ธาราสองคน แพรไหมพูดเป็นต่อยหอยไม่หยุดเลยต่างหาก แถมยังชวนคุยเก่ง ดวงหน้าก็สะสวยมองเพลินหูเจริญตาด้วยถึงประธานธันย์จะเย็นชากับผู้หญิงคนอื่น แค่นัดทานข้าวให้มันจบไป และทุกอย่างอยู่ในสายตาเธอก็ตาม แต่มันก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้ปากบอกเขาว่าไม่เป็นไรแต่ใจเธอมันโคตรนอยเลยต่างหาก“ทำอะไรอยู่เหรอตะวัน”ร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง
ธารตะวันยืนใจลอย ขณะจับเหยือกน้ำเย็นเทใส่แก้ว ในหัวครุ่นคิดถึงภาพฝันวันข้างหน้า เธอกับเขาอาจจะโดนกีดกั้นเรื่องของความรักนักอ่านตัวยงอดหวั่นใจไม่ได้ ในนิยายแทบทุกเรื่องที่เคยอ่าน หากฐานะไม่เหมาะสมกัน ย่อมถูกกีดกั้นให้ชีวิตรักมีอุปสรรคทุกที ซึ่งแน่นอนว่านิยายที่เธออ่านมาจบดีทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้จะไปถึงปลายทางเดียวกันหรือเปล่านี่เป็นบททดสอบของลูกสะใภ้ที่ไร้ศักด์งั้นเหรอ...“เฮ้อ ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ เจอเข้าจริงหนักใจเหมือนกันนะ”ร่างบางระหงพูดพึมพำกับตัวเอง เหมือนการคิดวกวนไม่ช่วยให้เธอปล่อยวาง จนเกิดอาการแพ้เสียงในหัวอย่างที่เห็นพวกตัวหลักที่ชอบพูดคนเดียว คิดว่ามีแค่ในละครที่เคยดูซะอีก“อ่า แม่เขาก็ดูไม่ได้ใจร้ายเท่าไหร่... คิดมากไปไหมเรา”เธอไม่อยากตัดสินคนจากภายนอก เนื้อเรื่องอาจจะมีการพลิกผันก็เป็นได้ การสวมบทบาทเป็นบุคคลที่หนึ่งไม่ง่ายเลย เธอเดาความคิดและมุมมองตัวละครอื่นไม่ออกพวกเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ และบทต่อไปจะลงมือทำอะไรกันแต่ทว่า คุณผู้ช่วยคงคิดเพลินไปหน่อย เหยือกที่รินน้ำอยู่มันล้นออกจากแก้วจนเปียกโต๊ะ เธอถึงได้ลนลานรีบหยิบผ้ามาเช็ดทันที“ตั้งสติหน่อยตะวัน ไม่มีอะไรให้คิดม