Masukโชคชะตาเล่นตลกร้าย
แต่คนโดนตลกไม่ออก…
โลกกลมหรือแรงโน้มถ่วงมันเอนเอียง ถึงได้ผลักดันตัวละครที่เธอไม่อยากพบเจอโผล่มามากที่สุด บนโต๊ะอาหารที่ครื้นเครงจากเสียงพูดคุยดังจอแจ แต่ร่างบางที่นั่งข้างเจตกวินตัวลีบหดเหลือสามเซน
ทุกครั้งที่ไหล่เขาขยับมาชน เธอจะวูบวาบราวกับมีไฟฟ้าแล่นพาดผ่านกลางอก ขนแขนพร้อมใจกันลุกชันจนหายใจไม่ทั่วท้องเท่าไหร่
“ทานเยอะๆ นะครับน้องตะวัน” เจตกวินหันมาชวนคุย พลางดันถ้วยเกี๊ยวทอดกรอบให้เธอกินแกล้มกับก๋วยเตี๋ยวต้มยำ โดยที่เขาเป็นคนอาสาออกค่าอาหารเลี้ยงเธอมื้อนี้เอง
“ขอบคุณค่ะพี่เจต”
“กินเลอะอีกแล้ว...”
วินาทีที่เจตกวินกำลังจะเช็ดปากให้ เธอก็สะบัดหันหน้าหนีจนคอแทบเคล็ด เขาตกใจจนชะงักมือไว้เพียงเท่านั้น ส่วนเธอรีบหยิบกระดาษมาเช็ดปากทันทีก่อนหันไปฉีกยิ้มกว้างกลบเกลื่อน
“ตะวันเช็ดเองดีกว่าค่ะพี่เจต... ไม่เป็นไร” เธอพยายามเก็บอารมณ์เวลาอยู่กับเจตกวินแล้ว แต่คงเหลือแค่สีหน้าที่เก็บไว้ไม่อยู่
“น้องตะวันไม่ชอบใจอะไรพี่หรือเปล่าครับ”
“คะ”
“เหมือนเราจะไม่ค่อยชอบหน้าพี่นะ”
เจตกวินเอ่ยเสียงเศร้าปนน้อยใจ ทำเอาเธอเลิ่กลั่กชักสีหน้าไปต่อไม่ถูก ชำเลืองหางตามองเพื่อนๆ เขาทั้งสามคนกำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสชาติ มีแต่เขาที่คอยหันมาชวนเธอคุยเป็นระยะ
“ถ้าเราไม่ชอบอะไรในตัวพี่บอกได้เลยนะ... หรือว่าพี่ทำอะไรให้ไม่ถูกใจน้องตะวันหรือเปล่า” เจตกวินมุ่นคิ้วเว้าวอน สีหน้าเธอไม่ได้ออกชัดขนาดนั้น แต่การกระทำของเธอค่อนข้างชัดเลยทีเดียว
แค่ตัวแตะกันนิดหน่อยก็เบี่ยงหลบ เมื่อกี้แค่จะเช็ดปากให้ยังสะบัดหน้าหนีอีกต่างหาก เขาก็อดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่าเธอไม่พอใจเขาอยู่
“พี่เจตยังไม่ได้ทำอะไรให้ธารตะวันคนนี้หรอกค่ะ”
“ยังไงนะครับ เอ่อ... ธารตะวันคนนี้คือยังไงครับ”
เธอไม่ตอบ แต่คลี่รอยยิ้มพลางคีบเกี๊ยวทอดใส่ชามเขาแทน พอทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างขึ้นมาอีกครั้งได้ ถึงจะแอบสงสารแต่เธอจะไม่เผลอใจให้กับเจตกวินเป็นอันขาด
นิสัยดีโดยพื้นฐานหรือดีแค่หน้าฉากกันแน่...
ธารตะวันอดมุ่นคิ้วค่อนแคะแล้วครุ่นคิดไม่ได้ ทว่าเมื่อสบกับแววตาสีน้ำตาลเข้มหม่นแสงของเจตกวิน เธอก็พลอยรู้สึกผิดอยู่ดีที่ดันแสดงออกชัดจนเขารู้สึกได้
“ขอบคุณครับน้องตะวัน” เจตกวินเอ่ยพลางก้มหน้ายิ้มคนเดียว
ในนิยายที่เคยได้อ่านเจตกวินเป็นหนุ่มรุ่นพี่สุดอบอุ่น ทั้งมีความเป็นสุภาพบุรุษและมีความเป็นผู้นำ แต่ใครจะไปคิด นักเขียนจะหักมุมให้เนื้อหาดราม่าน้ำตาแตกเป็นลิตรขนาดนั้น
“โอะ ท่านประ... คุณธันย์” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วสะดุดกับร่างสูงสง่าของประธานธันย์ที่หน้าร้านเข้า
ปกติเป็นคนอัธยาศัยดีอยู่แล้ว พอทะลุมิติหลุดเข้ามาในนิยายย้อนเวลา เธอก็เผลอเป็นตัวเองเกินไปด้วยการโบกมือให้ท่านประธาน จังหวะที่เขากวาดสายตามองผ่านมาหาเธอพอดี
“เอ่อ...” เธอหัวเราะแห้งๆ เมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ควร
ทว่าร่างสูงกลับตรงปรี่มายังโต๊ะเธอแทน แสงแดดที่สาดส่องเข้าทางด้านหลังเขาเป็นดั่งสปอร์ตไลท์แผ่กระจายออร่าความหล่อ ดึงดูดสายตาคนทั้งร้านอาหารให้หันไปมองที่เขากันเป็นตาเดียว
“โหว...” เธอเผลออ้าปากค้างมองเขาที่เดินแต่เหมือนลอยมา
หล่อเหมือนไม่มีอยู่จริงแต่มีอยู่จริงนึกออกไหม ไม่รู้ว่าเดินหรือลอยมาทำไมมันถึงได้พลิ้วไหวไปหมดทุกอย่างเลย
เจตกวินหันตามสายตาหญิงสาว ก่อนจะปะทะสายตาเข้าคนที่มีดวงตาเฉยชาเป็นเอกลักษณ์ เหล่าพนักงานที่เป็นเพื่อนในกลุ่มของเจตกวินต่างก็ป้องปากซุบซิบกันใหญ่
“รู้จักผมเหรอครับ” เจตกวินเลิกคิ้วถามปนยิ้ม แต่ก็แอบตงิดใจนิดหน่อยเพราะอีกฝ่ายจ้องหน้ากันไม่หยุดอยู่ได้
“ผมคิดว่ามั่นใจว่ารู้จักคุณ แต่คุณไม่รู้จักผมหรอกครับ”
“ว่าไงนะครับ... หมายความว่ายังไงเหรอครับ”
เจตกวินหัวเราะแห้ง พลางยกมือขึ้นเกาหัวแกรก
ประธานธันย์ยกยิ้มเชิงอย่าถือสาคำพูดเขา ทว่านัยน์ตาคมปลาบสุดลึกลับซับซ้อนที่มองคู่สนทนา พาลให้เธอที่นั่งสังเกตการณ์อยู่รู้สึกถึงลางสังหารณ์ไม่ค่อยดี
“พี่เจตคะ นี่ประธานธันย์ธาราค่ะ เจ้านายของตะวันเอง”
พอได้จังหวะเธอก็แทรกบทสนทนาได้อย่างแนบเนียน หลังประธานธันย์กดสายตามองต่ำเชิงคาดโทษไปที่เจตกวิน ในฉับพลันบรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ครึกครื้นอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นคุกรุ่นทันที
“อ๋อ เจ้านายของน้องตะวันนี่เอง” เจตกวินคลายปมที่หว่างคิ้วออกเล็กน้อย ก่อนพูดต่อด้วยถ้อยคำสุภาพ
“สวัสดีครับ ผมชื่อเจต... เจตกวิน”
“ผมธันย์... ธันย์ธารายินดีที่ได้เจอครับ”
“ครับ ยินดีที่ได้เจอเช่นกัน” พูดจบก็ส่งมือไปจับกับอีกฝ่ายที่ยื่นมา
ธารตะวันมองทั้งคู่สลับกันไปมา เรียวคิ้วก็มุ่นขึ้นอ่านสถานการณ์ไม่ออกว่าประธานธันย์คิดอะไรอยู่ เขากำลังส่งยิ้มให้คนที่จับมือด้วย แต่รอยยิ้มนั่นส่งไปไม่ถึงดวงตาเลยสักนิด
“คุณธันย์มาทานข้าวที่นี่เหรอคะ” ธารตะวันโพล่งถาม หลังทั้งคู่เอาแต่จ้องหน้ากันไม่หยุด
“ผมมาหาคุณ”
“ฉันเหรอคะ”
เขากะพริบตาพร้อมพยักหน้าแทนคำตอบ เธอสายตาล่อกแล่กไปมาเล็กน้อย แต่พอคนตรงหน้าพูดขยายความเธอก็เข้าใจได้ทันที
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณส่วนตัว”
“คุย... ตอนนี้เลยเหรอคะ”
“ผมจะจ่ายเป็นงานนอกเวลาให้ก็แล้วกัน”
สิ้นประโยคนั้นเธอก็หันขวับไปคว้ากระเป๋ามาสะพายทันที ก่อนจะยิ้มหวานให้ประธานธันย์ที่ยืนทำหน้านิ่งไร้อารมณ์อยู่ แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าของแบบนี้เงินมางานก็ย่อมเดินอยู่แล้ว
เจตกวินมองตามธารตะวันราวกับแมวมองเจ้าของ เธอลุกขึ้นยืนก็เงยหน้ามองตาม ดวงตาเขากรอกมองทุกการเคลื่อนไหวเลย
“ตะวันกลับก่อนนะคะพี่เจต... ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวมื้อนี้ค่ะ ไว้ถ้ามีโอกาสตะวันขอเลี้ยงพี่คืนบ้างนะคะ” เธอส่งรอยยิ้มให้เจตกวินอย่างลืมตัว รวมถึงคำพูดที่ติดปากประจำเวลามีคนเลี้ยงข้าว
ทว่าพอรู้สึกตัวก็พลันหุบยิ้มฉับทันที เพราะไม่ใช่แค่ยิ้มหวานให้ แต่ยังทิ้งท้ายคำพูดที่น่าจับตีปากซะให้เข็ด
จะเปิดลู่ทางให้มาเจอกันอีกทำไมล่ะเนี่ย!
“ได้สิครับ ไว้พี่จะรอเรามาเลี้ยงข้าวนะ”
“เอ่อ... ถ้างั้นไว้คราวหน้าก็แล้วกันค่ะ”
เจตกวินยิ้มเขินจนเพื่อนเป่าปากแซวทั้งคู่ ท่ามกลางสีหน้าฉงนหนักของธารตะวันที่ยิ้มแหย แต่แล้วก็มีมือปริศนาคว้าแขนเธอให้ออกมาจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว
ร่างสูงของท่านประธานยังจับแขนเธอไม่ยอมปล่อย แม้จะเดินไกลออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าเด็ดแล้วก็ตาม
“คุณธันย์คะ...” เธอเรียกเขาเสียงค่อย ทำให้เขาหยุดเดินกะทันหัน
ธันย์ธาราหมุนตัวกลับมาประจันหน้าเธอ ธารตะวันตัวสูงแค่หน้าอกเขาเอง ส่วนสูงที่ต่างกันอย่างชัดเจนจู่ๆ ก็ทำเธอหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“โทษที” เขาพูดสั้นๆ ก่อนจะยอมปล่อยแขนเธอออก
เธอหลบตาแล้วเม้มปากนิดๆ พลางเงยหน้าช้อนตามองเขาอีกครั้ง
“ธารตะวัน”
“คะ”
“เลือกให้ดี...”
ใบหน้างามล้ำมุ่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เขาจะสื่อถึงอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้ทำหน้าตาเคร่งเครียดราวกับมีเรื่องคอขาดบาดตาย
“หมายถึงเลือกอะไรเหรอคะ”
“ทุกอย่างที่ต้องเลือกนั่นแหละ”
พูดไปเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจอยู่ดี...
ประธานธันย์จ้องดวงหน้าเธอเขม็ง นัยน์ตาสีเข้มแต่เวลากระทบแสงแดดกลับมีประกายน้ำตาลทองสะท้อนกลับมา
เวลาจะตกหลุมรักใครสักคน บางทีก็มาจากการได้สบตากันนี่แหละ
“ถ้าต้องเลือก... เลือกสิ่งที่ดีให้ตัวเองนะธารตะวัน เข้าใจมั้ย”
พบตะวันนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เธอเฝ้ารอให้แม่ของน้องรักเอย เด็กทารกวัยสามเดือนให้นมเสร็จก่อน ภายในห้องแต่งหน้าไม่มีคนอยู่ แต่สักพักประตูห้องก็เปิดออกพอดีเธอยิ้มให้แม่ของเด็กน้อย ก่อนจะจ้องมองรักเอยตาไม่กะพริบตอนนั้นยูกิก็ตัวเท่านี้เลี้ยงง่ายไม่ดื้อเลย“คุณพบตะวันใช่ไหมคะ” แม่เด็กยิ้มให้ ขณะเดินเข้ามาใกล้เธอ“ใช่ค่ะคุณแม่”“คุณวาแจ้งไว้เรียบร้อยแล้วน้า”พอนั่งลงบนโซฟาข้างกัน พบตะวันก็คลี่ยิ้มบางๆ เมื่อหลุบมองเด็กน้อยตาแป๋ว ยืดเหยียดมือป้อมกับนิ้วน้อยไปมา“ตะวันล้างมือแล้วค่ะคุณแม่ อ่าขอ... ลองอุ้มอย่างเดียวพอแล้วค่ะ”“ให้พี่เขาอุ้มหน่อยนะรักเอย เป็นเด็กดีนะคะ”“น้องรักเอย... ลูกสาวชื่อเพราะจังเลยค่ะพบตะวันตื่นเต้นจนเสียงสั่น เธอล้างมือตั้งหลายรอบระหว่างรอ เพราะรู้ดีว่าเด็กทารกต้องได้รับการปกป้อง เวลาเขาเจ็บไข้ได้ป่วยมันจะน่าสงสาร เด็กไม่สามารถบอกความต้องการได้เพราะงั้นเสียงลูกน้อยร้องไห้ มักจะบาดใจคนเป็นแม่ที่สุดแม่เด็กส่งลูกให้พบตะวันอุ้ม เธอนั่งหลังตรงแล้วโอบอุ้มเด็กน้อย เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแล้วระบายยิ้มจางๆ “รักเอยขา...”“แอะ”“ว่าไงคะ”ใบหน้าสวยเอียงคอแล้วยิ้มให้ ดวงตาเศร้าหมอ
กองถ่ายละครกำลังครึกครื้น สถานที่ถ่ายทำคือคอนโดใจกลางเมือง หลังขับรถมาถึง องศาสมุทรก็กุมมือพบตะวันขึ้นไปข้างบน มองหาปานนาวาเป็นคนแรก เพื่อจะได้ขออนุญาตแม่นักแสดงตัวน้อยก่อนเพราะนักแสดงที่อยากเจอ อายุเพียงสามเดือนกว่าเท่านั้นเองอายุเท่ายูกิเลย...“นั่งรอในนี้ก่อนเลย เดี๋ยวตอนน้องรักเอยให้นมเสร็จจะพามาหานะ” ปานนาวาพาทั้งสอง เข้ามานั่งในห้องแต่งตัว เพราะแม่ของเด็กที่เข้าฉากกำลังให้นมอยู่ ให้เสร็จเมื่อไหร่จะอุ้มมาให้เล่นกันองศาสมุทรค้อมหัว พลางระบายยิ้มเศร้าบนมุมปาก“ขอบคุณครับพี่วา ผมคงไม่รบกวนพี่มากไปใช่ไหม”“รบกวนอะไรกัน”“ก็...”“เอาเถอะ ปกตินายไม่เคยง้างปากรบกวนพี่ด้วยซ้ำ”คนเป็นพี่สาวไม่รู้สึกว่าเขารบกวนเลย ดีด้วยซ้ำ เธออยากเป็นพี่สาวให้เขาได้พึ่งพิงบ้าง เพราะตอนเกิดเรื่องเธอ องศาสมุทรยืนกรานอยู่ข้างไม่ถอยถึงขั้นจะไปต่อยพ่อของลูกเธอ แต่โชคดี เธอเข้าไปห้ามเขาเอาไว้ได้ทันพ่อของลูกเฮงซวยที่ไม่รับผิดชอบไปตายให้หนอนกินซะเถอะ“พี่ให้คนเอากาแฟขึ้นมาให้นะตะวัน”“ไม่เป็น...”“ไม่ได้หรอก น้องพี่รักใครพี่ก็รักด้วยสิ”พบตะวันยิ้มเศร้าไม่ต่างกัน ปนดีใจที่พี่สาวของเขาใจดีมาตลอดแต่เรื่องราว
พบตะวันอดรนทนกลั้นไม่ไหว เนื้อตัวเธอก็พลันกระตุกเกร็งหนัก ใบหน้าเงยขึ้นรับน้ำฝนที่ตกกระทบลงมา ขณะที่ช่องทางรักขมิบรัดแท่งร้อนถี่ยิบไม่เกินอึดใจ องศาสมุทรก็กระดกก้นขึ้นสวน ปลดปล่อยของเหลวสีขุ่นข้น อัดฉีดใส่ร่องรักที่รัดเขาแน่น ให้รับหยาดน้ำทั้งหมดของเขาไป“อุ่น... อุ่นจังเลยค่ะ” เธอสบตาเขา พลางหอบหายใจถี่หนักน้ำรักที่แตกหลั่งในรูรัก พุ่งกระฉูดถึงผนังมดลูก ก่อนจะไหลย้อยจากการที่เธอขมิบคาย หลั่งรดเยิ้มลงตรงแก่นกายของเขา ท่ามกลางเสียงหายใจที่สอดประสานกัน เหนื่อยแต่สีหน้าก็เต็มไปด้วยความสุขใบหน้าหล่อเหลายิ้มละมุน เป็นรอยยิ้มที่มีแค่เธอคนเดียวได้เห็นคนอื่นได้เห็นแค่มุมประธานเย็นชาสามีผู้มีสายตาอบอุ่นมีแค่พบตะวันที่ได้รับ“พี่ก็รักเธอตะวัน...” เขาไม่ลืมที่จะบอกรักเธอคืน มือก็จับใบหน้าเรียวเล็กมากดจูบ แต่ปากเธอเย็นชืดจากการตากฝน ทว่าร่างกายของพวกเขากลับร้อนระอุขึ้นมาดื้อๆ“มีความสุขไหม”“มากเลย”“ตะวันก็มีความสุขมากเหมือนกันค่ะ”รอยยิ้มของเธอกลั่นกรองมาจากหัวใจ...บนใบหน้าสวยที่เส้นผมเปียกลู่แนบแก้ม มีรอยยิ้มหวานล้ำประดับอยู่บนมุมปาก เธอน่าจะเป็นคนเดียวที่ทำได้ ทำให้เขายิ้ม แม้ในวันที่ยิ
“ย้ายไปเบาะหลังดีมั้ย”ใบหน้าสวยที่แดงฉานสั่นหัว ไม่ต้องไปนั่งที่เบาะหลังหรอก เธอย้ายตัวเองไปนั่งบนตักเขาแทนง่ายกว่า มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะพอเธอรู้ว่าเขาคือธันย์ธาราเรื่องอย่างว่าก็ช่ำชองเลยล่ะแค่ให้อารมณ์พาไปก็พอ...อีกอย่าง ทำกันมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว แม้จะเขินอายแต่ว่าก็ถึงใจดี“ตรงนี้ตะวันก็ทำถนัดค่ะ” เธอโถมตัวไปที่เบาะเขา หลังถอดกางเกงทิ้ง จนช่วงล่างเปลือยเปล่า“ลืมไปว่าเธอขึ้นเก่ง”“ไม่งั้นจะได้ยูกิเหรอ”“ไม่ใช่พี่ทำจนติดหรือไง หือ”เขาใช้สองมือประคองบั้นท้ายอวบอัด จัดท่าทางให้เธอนั่งคร่อมคุกเข่า มือก็บีบคลึงแหวกอ้าลูกพีชสดสีสวย ทำพบตะวันตัวสั่นกระตุก พลางประคองที่ใบหน้าหล่อเหลาอย่างถนอมเธอสบสายตาของเขา สลับกับมองริมฝีปากขึ้นลง“คืนนั้นที่ญี่ปุ่น... พี่ทำจนเหลือแต่ลมเลยเธอ”“คนบ้านี่”“ส่วนเธอก็เดินขาถ่างเลย...”เขายื่นหน้าเข้ามาหยอกล้อ ครั้งนั้นที่ญี่ปุ่นมันดีจนลืมไม่ลง เขาเสพสมกับร่างกายเธอตลอดทั้งคืน อากาศหนาวเย็น แต่ร่างกายของเราเบียดเสียดกันจนอุ่นร้อน เก็บเกี่ยวความซาบซ่านจนลืมเวลาเลยคราวนี้จะชิมรสหวานทั้งตัวเธอเลย...“ลามกอีกแล้ว” เธอย่นปลายจมูกใส่ รู้ทันห
รถยนต์ขององศาสมุทรจอดสนิทที่ริมฟุตบาท เบื้องหน้าคือท้องทะเลยามค่ำคืน เสียงคลื่นสาดซัดเข้าฝั่งเป็นระลอก บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ไร้ซึ่งผู้คนพลุกพล่าน ค่อนข้างทำให้เขาพึงพอใจทีเดียวพบตะวันเอนศีรษะซบไหล่กว้าง พลางเงยหน้ามองเขาที่เงียบผิดปกติหลังคารถหรูเปิดประทุนรับลมทะเล แต่สีหน้าของอีกฝ่าย กลับดูไม่สดใสเท่าที่ควร จนเธอเอื้อมมืออุ่นไปสัมผัสแก้มเย็นของเขา“คิดมากอยู่หรือเปล่าคะ”“หือ”“เรื่องพ่อของพี่องศาไง... คิดมากอยู่ไหม”องศาสมุทรดึงสติกลับมา เขาเผลอนั่งเหม่อปล่อยใจล่องลอย เพราะว่าเอาแต่ชมวิวจนเพลินตาเกินไปหน่อย“นิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก” เขาจับมือเธอที่แตะข้างแก้ม ก่อนจะส่งยิ้มให้เธอ เพราะไม่อยากทำพบตะวันกังวลใจ“ตะวันทำให้พี่ต้องผิดใจกับท่านไหมนะ”“ไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย อย่าโทษตัวเองแบบนั้นได้ไหม”“แต่ว่า...”“ตะวัน”“คะ”ใบหน้าสวยมุ่นคิ้วปนน้อยใจโชคชะตา ถ้าเป็นในนิยายยังไงสุดท้าย เราทั้งคู่ก็คงจะได้ลงเอย ต่อให้บุกป่ามุดน้ำหรือลุยไฟก็ตาม แต่สุดท้าย เราจะกลับมารักกันเพื่อให้ตอนจบขึ้นคำว่าบริบูรณ์แต่ชีวิตจริงนี่สิ...เธอรู้ว่าเขาต้องแบกรับหลายอย่าง ซึ่งเธอไม่อยากเป็นตัวต้นเหต
ใบหน้าหล่อเหลาคิ้วกระตุกยิก เมื่อได้ยินว่าเขตแดนชอบเพลงพลอย ทว่าในส่วนที่เขาเห็น มันก็โอนเอนไปทางนี้ได้เหมือนกัน พบตะวันที่เพิ่งจะพูดโพล่งออกไปอย่างมั่นใจ ยืดหลังตรงแล้วพยักหน้าจริงจังไปอีกบอกแล้วไงว่าฟ้าจะผ่าตายการชอบหรือรักใครสักคน มันต้องมีจุดประกายให้รู้สึกสิแต่กับเขตแดนที่ทำงานด้วยกันมานาน เขาเป็นรุ่นพี่ที่ดีมาตลอด ในส่วนที่ท่านประธานองศากำลังวิตก ชาตินี้หรือมิตินิยายเรื่องไหนก็ไม่เกิดขึ้น“อื้อ พูดจริงนะคะ”“อ่า...”“เราสามคนทำงานด้วยกันมานาน ไม่มีทางที่พี่เขาจะมาชอบตะวันหรอก นี่อย่าบอกนะว่าคิดไปไกลแล้วน่ะค่ะ หยุดเลยๆ ไม่มีวันนั้นแน่นอน”เธอผละตัวออกเล็กน้อย พลางโบกมือให้ล้มเลิกความคิด“พี่เชื่อใจเธอ” องศาสมุทรพูดปนยิ้ม ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามากอด พลางใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าขาวออกให้แค่เห็นหน้าอ้อนใจเขาก็อ่อนยวบยาบแล้ว เอาอะไรไปงอนนาน แค่หึงเธอที่ชอบยิ้มหวานให้คนอื่นไปทั่ว เขาหวง ลุกลามไปยันหึงหน้าคล้ำเขียว เพราะว่ารอยยิ้มที่หวานหยาดย้อยขนาดนั้นเขาอยากเห็นแค่คนเดียวนี่หวง...หวงทั้งตัวเธอเลย“หรือว่า... พี่เขตทำให้นึกถึงเจตกวินคะ” พบตะวันแกล้งแซวเล่น แต่กลับขำแห้งเลยที







