เป้าหมาย : ก่อนตายต้องไปญี่ปุ่นให้ได้เลย
ร่างบางนั่งชันเข่าพิงหลังกับหัวเตียง วางไดอารี่จดบันทึกไว้บนหน้าตัก ขณะกวาดสายตาไล่อ่านตัวอักษรที่เขียนด้วยลายมือตัวบรรจง
เป้าหมายสูงสุดของเจ้าของไดอารี่เล่มนี้ คือก่อนตายอยากไปญี่ปุ่นให้ได้ ไม่พอยังแนบภาพที่ปริ้นท์มาแปะประกอบอีกต่างหาก แค่ข้อความสั้นๆ กับรูปภาพเพียงเท่านี้ก็ทำเธอใจสั่นแล้ว
แต่พออ่านถึงบรรทัดสุดท้ายของหน้ากระดาษ ที่ถูกเขียนกับกำทิ้งไว้ก็ทำเอาคนที่นั่งอ่านอยู่น้ำตาคลอขึ้นมาเฉยเลย
ความฝัน : อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น เป็นแม่คนที่ดี
“ครอบครับคือความฝันเหรอ...”
พอนึกถึงคำว่าครอบครัว หยาดน้ำตาก็พลันเอ่อรื้นขึ้นมาดื้อๆ
เธออินกับตัวละครธารตะวันมาก เพราะทั้งคู่มีหลายอย่างคล้ายคลึงกัน ทุกอักษรที่กลั่นกรองออกมาให้ได้อ่าน งานเขียนที่สื่ออารณ์ถึงคนมีประสบการณ์เดียวกัน มันทำให้น้ำตาไหลได้ง่ายชะมัดเลย
“เธอคงโดดเดี่ยวเหมือนกันใช่ไหม... ธารตะวัน” นิ้วเรียวลูบไล้ไปที่ตัวอักษรลายมือบนหน้ากระดาษ
สัมผัสได้ถึงใจผู้เขียนเลย ว่าขณะเขียนต้องใจสลายแค่ไหนกัน
ถึงจะเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่อบอุ่น แต่หัวอกลูกผู้หญิงก็อยากจะเป็นแม่ที่ดีให้เด็กน้อยที่เกิดจากความรัก คอยเป็นบ้านหลังใหญ่ให้เจ้าลูกน้อยได้พึ่งพิงในยามเหนื่อยยากลำบาก
อยากสัมผัสคำว่าครอบครัวที่อบอุ่นสักครั้งในชีวิต
อยากเป็นแม่ที่ดีให้ลูกน้อย...
แม่ที่จะโอบกอดดวงใจของเธอไว้อย่างอ่อนโยน
เป้าหมายในโลกที่จากมา ตัวเธอเองก็อยากจะไปเมืองนอกสักครั้งในชีวิตเหมือนกัน เพราะงั้นเป้าหมายนี้เราจะทำด้วยกัน ส่วนเรื่องการมีครอบครัวที่อบอุ่นเอาไว้ก็สุดแท้แต่พระเจ้าจะบัญชา
“งั้นฉันจะพาเธอไปญี่ปุ่นให้ได้... ทั้งเธอและฉันเลย” พูดจบก็ปิดไดอารี่แล้วเก็บใส่ลิ้นชักหัวเตียง
เธอกระถดล้มตัวลงนอน ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดโคมไฟหัวเตียง
หากในโลกนี้เธอได้รับบทบาทเป็นธารตะวัน สิ่งเดียวที่เธอจะทำคือทำให้ตัวละครนี้มีความสุข ได้ตื่นมากินของอร่อยในทุกวัน ให้ลองนึกถึงตัวเองก่อนบ้างก็ไม่เห็นเป็นอะไร
กินอิ่ม นอนหลับ และจะใช้ชีวิตอย่างดีเลย
“นิยายภาคนี้... ต้องแฮปปี้เอนดิ้งเท่านั้น”
เช้าวันที่สองในโลกนิยายที่ทะลุมิติมา เธอยังคงซึมซับการเป็นธารตะวันแบบที่ตัวเองไม่ฝืนใจอะไร ตื่นเช้ามาสูดรับอากาศเติมพลังบวกในวันที่เริ่มงานใหม่ จากนั้นก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมพร้อมจะทำงาน
นักอ่านจอมเพ้อคนนี้จะพาไปปลายทางที่ตั้งไว้ บทของธารตะวันจะไม่จบลงอย่างหดหู่น่าอดสูแบบเดิมแน่นอน
‘ข้อความจากท่านประธาน’
‘มาตามที่อยู่นี้ ค่ารถเบิกจ่ายได้ครับ’
มือบางคว้าโทรศัพท์บนโต๊ะที่เด้งเสียงข้อความขึ้นมา ก่อนเธอจะรีบคว้ากระเป๋าและเสื้อเบลเซอร์คลุมตัวนอกติดมือออกจากห้องไป
ธารตะวันนั่งรถมาถึงปลายทางที่เขาส่งมาให้ เป็นบ้านหลังใหญ่ที่น่าจะเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า เพราะมันใหญ่โตโอ่อ่าจนตาค้างกันเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีบ่อน้ำพุราคาแพงประดับตกแต่งทางเข้าด้วย
เธอเงยหน้ามองแล้วรีบเก็บปากล่างขึ้น เมื่อมีผู้หญิงรุ่นแม่ที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่บ้านที่นี่เดินเข้ามาสอบถาม
“มาพบใครคะ” ป้าแม่บ้านถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“มาพบคุณธันย์ค่ะ”
“แจ้งชื่อด้วยค่ะ แล้วจะแจ้งคุณธันย์ให้ทราบ”
“ธารตะวันค่ะ...”
พอทราบชื่อป้าแม่บ้านก็ผายมือให้เธอเข้าไปได้เลย ร่างบางเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ด้วยอาการใจหวิว ไม่รู้ว่าเกิดอีกกี่ชาติถึงจะได้มีบุญวาสนากับเขาบ้าง
เธอกวาดสายตาสำรวจบันไดเงาวับที่แบ่งเป็นสองฝั่ง มีโคมไฟระย้าราคาน่าจะแพงหูฉี่ประดับประดาอยู่ใจกลางบ้าน แต่ป้าแม่บ้านกลับพาเธอเดินตรงไปยังห้องครัวแทน
พอมาส่งเธอที่ห้องครัว ป้าแม่บ้านที่ไม่ทราบแม้แต่ชื่อก็เดินหายไปเลย ทิ้งให้เธอยืนเงอะงะหันรีหันขวาอยู่เพียงลำพัง กระทั่งเสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังเธอก็หมุนตัวกลับไปมอง
“คุณทำอาหารเป็นหรือเปล่า” คุณธันย์สวมเสื้อแขนยาวกับกางเกงสีเทาขายาวดูสบายๆ ราวกับว่าวันนี้จะยังไม่ได้เริ่มงานกัน
“ทำเป็นค่ะ”
“ทำให้หน่อยสิ”
ธารตะวันเอียงคอพลางช้อนสายตามองเขา ร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรบางทีก็ทำเธอเมื่อยคอเหมือนกัน
“บอกแล้วไงว่างานจุกจิกหน่อย”
“อ่า ถ้างั้นคุณธันย์อยากทานอะไรคะ”
“ไม่รู้สิ มีอะไรทำได้บ้างในตู้เย็น”
“ขอฉันดูสักครู่นะคะ” เธอรีบใช้ไหวพริบหันไปดูของในตู้เย็น เปิดมันออกเพื่อสำรวจดูว่ามีวัตถุดิบอะไรพอทำอาหารเช้าได้บ้าง
พอกวาดสายตาสำรวจตู้เย็นทั้งหมด เธอก็พบว่ามีของพอจะทำไข่กระทะเมนูโปรดของถนัดได้อยู่ ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มอย่างพอใจก่อนตั้งใจจะหันหน้าไปบอกเขา
“ไข่กระทะดีมั้ยคะ อร่อยแล้วก็อิ่มท้องด้วยแต่... โอะ คุณธันย์อย่าเข้ามาใกล้นักสิคะ”
เธอผงะถอยหลังแทบไม่ทัน เมื่อร่างสูงย่อตัวนั่งลงข้างเธอ แถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ในระยะที่อันตรายกับหัวใจอีกต่างหาก
“โทษที”
“ฉันตกใจหมดเลยค่ะ”
ธันย์ธารายอมผละตัวลุกขึ้นยืน พลางล้วงมือลงกระเป๋ากางเกง
ธารตะวันยกมือทาบหน้าอก ใบหน้าขึ้นริ้วสีแดงระเรื่อราวกับลูกตำลึงสุกภายในเสี้ยววินาที
ยัยนักอ่านจอมเพ้อคนนี้แพ้คนหล่อเข้าเส้นเลือด ถึงเจอกันครั้งแรกเขาจะดูแปลกพิกลยังไงก็เถอะ แต่ใครจะปฏิเสธความหล่อเบ้าหน้าฟ้าประทานลงได้
อ่านนิยายมาก็หลายร้อยเรื่อง ผู้ชายที่ชอบมันก็เปลี่ยนไปตามนิยายที่อ่านนั่นแหละ แต่ก็อย่างว่า... เปลี่ยนความชอบตามพระเอกที่อ่านไม่พอ แต่มาตรฐานยังสูงตามพระเอกนิยายที่อ่านอีกต่างหาก
“หน้าคุณแดงนะธารตะวัน”
“คะ”
“นี่คุณแพ้อะไรหรือเปล่า”
“แพ้คนหล่อ เอ้ย... พะ- แพ้อากาศค่ะ”
ลิ้นเธออ่อนเปลี้ยกะทันหัน รีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน ก่อนจะลุกขึ้นยืนตามแล้วยิ้มแห้งพร้อมกับผายมือให้เขาไปนั่งรอก่อน
“คุณธันย์ไปนั่งรอเถอะค่ะ เสร็จแล้วฉันจะนำไปให้”
“แกว่าถ้าเราตกหลุมรักคนที่ไม่ควรรัก... มันจะแย่มากมั้ย”คำถามจากแพรพิมพ์ดาวเอ่ยขึ้น ฝ่าความเงียบให้เจ้าของห้องอย่างธารตะวันเงยหน้ามอง เธอกำลังตั้งใจโซ้ยสุกี้น้ำที่อีกฝ่ายซื้อมาฝากถึงห้องในยามดึก ทว่าพอเกริ่นเรื่องนี้เธอก็รีบเคี้ยวแล้วกลืนทันที“แกมีความรักเหรอ” เธอเลิกคิ้วถามอย่างใจจดใจจ่อ“ก็เปล่าหนิ” คู่สนทนาสั่นหัวปฏิเสธตอบกลับมา“แล้วถามทำไมอ่า”ธารตะวันหรี่ตาอย่างจับผิดพิรุธ เมื่อแพรพิมพ์ดาวแสร้งทำเป็นหลบสายตา ก้มหน้าใช้ช้อนตักสุกี้ตัวเองเข้าปากกลบเกลื่อนอาการเรื่องนี้ต้องมีอะไรในกอไผ่แน่นอน“สรุปถามทำไมหรา” พอได้ทีเธอก็ลากเสียงยาว เท้าแขนลงบนโต๊ะญี่ปุ่นแล้วยื่นหน้าเพื่อคาดเค้น ให้ผู้ต้องสงสัยคายหลักฐานออกมา“แล้วถามไม่ได้รึไง๊ล้า” แพรพิมพ์ดาวขึ้นเสียงสูง ก่อนจะยกมือเกาที่ต้นคอแล้วกลอกตาไปมา“เสียงสูงทะลุเพดานแล้วจ้ะ”“ก็... ก็อาจจะมีบ้าง”“ดูจากสีหน้าแกแล้วเนี่ย น่าจะมีเยอะเลยแหละ”พูดจบประโยค แพรพิมพ์ดาวก็ลอบถอนหายใจ พลางงุดหน้าจนคางเกือบชิดอกแล้วช้อนตามองเพื่อนสนิท วันนี้ที่เธอมาหาซะมืดค่ำก็เพราะมีปัญหานี้กวนใจนี่แหละแพรพิมพ์ดาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนตั้งท่าเล่าด้วยสีหน้าจริ
ห้างสรรพสินค้าหลังจากพาน้องกรมาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า จัดรถบังคับชุดใหญ่ให้แบบเต็มเหนี่ยว ธันย์ธาราก็พาเด็กน้อยมาเล่นบ้านลม ส่วนเขานั่งเฝ้ากับคุณผู้ช่วยที่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอเก็บไว้ธารตะวันยิ้มเอ็นดูน้องกรมากๆ รอยยิ้มที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าจิ้มลิ้ม ส่งไปถึงดวงตาเธอให้เป็นรูปสระอิ ส่งเสียงหัวเราะปนยิ้มจังหวะที่น้องกรหันมาโบกมือให้“น่ารักจัง...” เธอชมออกเสียงแล้วยิ้มอย่างอิ่มเอมใจแต่ขณะที่เธอมองเด็กน้อย เจ้าของดวงตาคู่คมก็จับจ้องมองเธออยู่เช่นกัน ในแววตาที่สบมองมีประกายรอยยิ้มเจือจางอยู่ด้วยหากทว่าจู่ๆ ร่างบางก็นิ่งงันไป รอยยิ้มที่ปรากฏค่อยๆ เลือนหายไปทีละนิด เมื่อคิดถึงเรื่องราวสุดเศร้าจากนิยายที่เคยอ่าน จนนอนร้องไห้จมกองน้ำตาขี้มูกโป่งพูดจาสะอึกสะอื้นมาแล้ว“คุณคิดอะไรอยู่”“คะ”“เห็นอยู่ดีๆ คุณก็เหม่อ” เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย อีกฝ่ายคงไม่ทันได้สังเกต ในมุมเงียบๆ ของคนไม่ค่อยพูดแอบมองเธออยู่ก่อนแล้วร่างบางลอบถอนลมหายใจอย่างปลงปลด ก่อนจะลดโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายภาพน้องกรลง นัยน์ตาหม่นแสงขึ้นมาในฉับพลันเธอก็เป็นแค่นักอ่านจอมเพ้อ ชอบอินกับบทบาทของตัวละครเกินไปหน่อย พอได้เห็น
เมืองเอกเข้าปรึกษาหาลือเรื่องธุรกิจที่หุ้นส่วนกัน เกี่ยวกับธุรกิจบาร์เครื่องดื่มกึ่งร้านอาหารใจกลางเมือง ซึ่งเมืองเอกก็นำเอกสารมาแจกแจงรายละเอียดทั้งหมด ถึงการปรับปรุงร้านด้านในใหม่ล่าสุดถึงธันย์ธาราจะจำคนรอบตัวไม่ได้เลย แต่พอทราบข่าวว่าเพื่อนรักประสบอุบัติเหตุ เมืองเอกก็เป็นคนแรกๆ ที่เข้าช่วยเหลือทันทีทั้งติดต่อทนายและคนพื้นที่ทั้งหมด มาให้ช่วยกันระดมหาหลักฐานเพิ่มเติมในคืนวันเกิดเหตุ แต่กลับสืบสาวราวเรื่องถึงต้นตอไม่ได้ จนธันย์ธาราค่อนข้างมั่นใจว่าอาจเป็นคนมีอิทธิพลเข้ามาเอี่ยว“เรื่องผ่านมาสักพักใหญ่ละ แต่คดีความยังไม่คืบหน้าเหรอวะ” พอพูดคุยเรื่องธุรกิจเสร็จ เมืองเอกก็ไถ่ถามเรื่องคดีความต่อทันทีทั้งคู่นั่งคุยกันในห้องทำงาน ร่างสูงของประธานธันย์นั่งหลังตรงแล้วหลุบตาคิดหนัก ส่วนเมืองเอกที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็พลอยขมวดคิ้วนิ่วหน้าคิดตามไปด้วย“ทำไงได้ กล้องวงจรปิดพร้อมใจกันเสียเลยนี่หว่า”“อมพระทั้งโบสถ์มากูยังไม่อยากจะเชื่อเลยเหอะ”ธันย์ธาราพ่นลมขำเบาๆ ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นเหมือนบทละคร ทั้งโดนลอบทำร้ายจนความจำเสื่อมแต่จับคนก่อเหตุไม่ได้อีกทั้งกล้องวงจรปิดสำคัญๆ รอบบริเวณที
เจตกวินอาสามาส่งธารตะวันถึงหน้าบริษัท เขายื่นแขนให้เธอจับพยุงร่างเดินกะเผลกเข้างาน ทว่าตั้งแต่ที่เขาพูดว่าจะจีบเธอขณะเดินข้ามสะพานแม่น้ำ บทสนทนาก็จบลงโดยการที่เธอเงียบมาตลอดทาง“เราเดินไหวแน่นะ” เขาถามขึ้น ตอนมาส่งเธอที่หน้าบริษัทแล้ว“ไหวค่ะ” เธอพยักหน้า พลางคลี่รอยยิ้มฝืดฝืนส่งให้ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มหวานราวกับบริหารเสน่ห์ใส่ ใบหน้าหล่อเหลาตามพิมพ์นิยมของเจตกวิน เกือบทำให้ธารตะวันเคลิ้มตามรอยยิ้มที่ชวนอบอุ่นใจ จนบางทีอาจลืมไปว่านี่คือตำนานตัวร้ายได้บทพระเอกมาแต่แล้วเธอก็ถูกกระชากสติให้กลับมาฉับพลัน รีบส่ายสะบัดหัวไล่ความคิดไม่เข้าท่าให้ออกจากสมองไปทันที“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มาส่งแล้วก็... ให้ขี่หลังด้วย”“ไม่เป็นไรครับ แต่พรุ่งนี้พี่ไปรับเราอีกได้มั้ย”พอได้ที เจตกวินก็ใช้ช่องทางนี้ไล่ต้อนเธอ ก่อนที่จะจ้องมองใบหน้าน่ารักของรุ่นน้อง พลางมุ่นคิ้วรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ“ยังไงทางมาบริษัทก็ทางเดียวกันอยู่แล้วหนิครับ” เขาพูดต่อในเชิงกดดันกันทางอ้อม แต่ใช้รอยยิ้มสวยกดข่มอารมณ์ความต้องการไว้“ตะวันไม่รบกวนพี่เจตดีกว่า” เธอยิ้มแล้วตอบกลับอย่างชัดเจน“รังเกียจพี่เหรอ...”“คะ”“เราคุยกับพี่ตาม
“ญี่ปุ่นต้องสนุกมากแน่เลยใช่มั้ยคะป้าขา... ฮือ”ร่างบางยืนหมดอาลัยตายอยากอยู่หน้าร้านน้ำเต้าหู้ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่กี่วัน แต่เธอก็คิดถึงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เจ้าประจำจะแย่ ถึงขั้นเบะปากจะร้องไห้มาร่อมมาร่ออยู่แล้วญี่ปุ่นในช่วงเดือนนี้คงมีหิมะให้เล่นสนุกแน่เลย จะว่าไปแล้วตั้งแต่เกิด ตัวเธอไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเลยสักครั้ง อย่าว่าแต่เที่ยวเมืองนอกเลย แค่เดินทางในประเทศยังเป็นไปได้ยากชีวิตที่ต้องก้มหน้าหาเงินงกๆ หนึ่งวันก็เก้าชั่วโมง ไม่รวมเดินทางไปกลับที่ต้องเผชิญอุปสรรคแต่ละวันต่างกันออกไปอีก“รีบกลับมาไวๆ น้าคุณป้าขา” เธอได้แต่มองรถเข็นของป้าที่คลุมผ้าใบไว้ตาละห้อยทว่าวินาทีที่เธอหมุนตัวหันหลัง ร่างสูงของเจตกวินดันมาปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำเอาเธอชะงักตัวมองอีกฝ่ายที่ยิ้มหวานให้แต่เช้า“พี่เจต...”เจตกวินมุ่นคิ้วเข้าหากัน พลางชะเง้อตัวมองไปด้านหลังเธอ แล้วทำหน้าเสียดายที่เห็นป้ายกระดาษติดประกาศว่าหยุด แต่เขาก็แค่เล่นละครตบตาเพราะมาดักรอธารตะวันแต่แรกแล้ว“อ้าว พี่เพิ่งรู้ว่าร้านป้าเขาปิด” เจตกวินยิ้มหวานให้หญิงสาว อันที่จริงเมื่อวานเขาขับผ่านทางนี้แล้วเห็นธารตะวันขึ้นรถเมล์พ
ซ่าเสียงห่าฝนชุดใหญ่เทกระจาดอย่างหนัก ระหว่างทางขับรถกลับมาหอพักของธารตะวันยังไม่แรงเท่านี้เลยกระทั่งรถยนต์ของประธานธันย์จอดหน้าหอพักคุณผู้ช่วย พายุฝนก็พร้อมใจสาดซัดกระหน่ำ ตกหนักจนแทบมองไม่เห็นทางด้านหน้า เสียงฟ้าร้องดังครืนจนร่างบางหดตัวตกใจ“ฝนตกหนักขนาดนี้คุณจะขับกลับไหวเหรอคะ”“ไหวครับ”“แต่ฉันเป็นห่วงคุณไงคะ...”เธอชะเง้อมองสายฝนผ่านหน้าต่างรถ สีหน้าเคร่งเครียดหนัก ก่อนที่จะหันไปเสนอความเห็นด้วยความเป็นห่วงอีกฝ่าย เกรงว่าถ้าเขาขับรถฝ่าพายุกลับไปแล้วจะเกิดอันตราย อย่างน้อยรอฝนซาก็ยังดี“ขึ้นไปนั่งรอบนห้องฉันก่อนดีมั้ยคะ รอให้ฝนซาแล้วคุณธันย์ค่อยกลับดีกว่าค่ะ... ขับไปแบบนี้อันตรายมากเลย”“รอบนห้องคุณเหรอ”ธันย์ธาราถามย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาด พลางส่ายตาครุ่นคิด จนคิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน“ค่ะ ทำไมคะ” ร่างบางมุ่นคิ้วที่มุมปากมีรอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏอยู่“เปล่า ไม่มีอะไร” เขาส่ายหน้าพลางยกมือขึ้นถูปลายจมูกนิดๆสุดท้ายพายุฝนก็ไม่มีท่าทีจะเบาลง ธารตะวันเดินกางร่มคันเดียวกับเจ้านายขึ้นห้อง จนเสื้อผ้าบางส่วนของทั้งคู่ถูกสาดกระเซนจนเปียกชุ่มร่างสูงวางร่มที่เปียกฝนกางไว้หน้าห้องเธอ เพราะห