แชร์

บทที่7 ขายสมุนไพร

ผู้เขียน: zuey
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-25 06:52:23

เสี่ยวหลันจื่อลงมาจากภูเขาในตอนบ่ายแก่ๆ แล้ว ด้านหลังมีตะกร้าสมุนไพรที่เก็บมา ในอ้อมแขนยังอุ้มเจ้าสัตว์ตัวเล็กสีแดงเพลิงที่นางพึ่งจะตั้งชื่อให้มันว่าเสี่ยวหง เพราะขนมันสีแดงทั้งตัวแม้กระทั่งตาของมันก็มีสีแดง

เสี่ยวหลันจื่อเปิดประตูเดินเข้าไปในลานบ้านวางตะกร้าลง

แม่เฒ่าสวีที่รอนางกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ ก็รีบเดินมาจับตัวนางหมุนไปหมุนมาเพื่อดูว่านางบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่

“ท่านยาย ข้าไม่มีที่ไหนในร่างกายที่บาดเจ็บหรอกนะเจ้าคะ ท่านจับข้าหมุนไปหมุนมาจนเวียนหัวไปหมดแล้ว”

“เจ้าเด็กคนนี้นี่ ก็ยายเป็นห่วงเจ้าไม่ใช่หรือไงถึงได้ทำแบบนี้ เอาล่ะ กลับมาเหนื่อยๆ พักผ่อนซะหน่อย หิวหรือไม่ให้ยาย ทำอะไรให้กินสักหน่อยไหม”

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าไม่เหนื่อย อีกอย่างข้ากินซาลาเปาที่ท่านยายให้ข้าไปแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อบอกแม่เฒ่าสวีแล้วยิ้มอย่างประจบเอาใจ

“มาดูสมุนไพรที่ข้าเก็บมาดีกว่าเจ้าค่ะว่าสามารถขายได้หรือไม่” เสี่ยวหลันจื่อหยิบสมุนไพรหลายชนิดออกมาจากตะกร้า อาศัยช่วงที่แม่เฒ่าสวี มัวแต่ดูสมุนไพรหยิบเอาโสมออกมาจากไอเทมบ๊อกของนาง เสียงคุยกันของสองสตรี ดังไปถึงหลังบ้าน เฒ่าหลิวที่กำลังสานตะกร้าไม้ไผ่อยู่ถึงกับเดินออกมาดู ว่าพวกนางกำลังทำอะไรกัน

สองสามีภรรยาถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก เมื่อเห็นโสมภูเขาที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เขาเกิดมานอนอยู่ก้นตะกร้า แม่เฒ่าสวีดีใจจนร้องไห้ออกมา ลูบหัวของเสี่ยวหลันจื่อแล้วเอาแต่พูดว่าเด็กดี เด็กดี

“เรื่องโสมนี่ต้องเก็บไว้เป็นความลับรู้หรือไม่ โดยเฉพาะแก ตาแก่ อย่าได้เที่ยวเอาไปพูดที่ไหนเชียว สิ่งของยิ่งมีค่ายิ่งอันตราย”

แม่เฒ่าสวีหันไปกำชับเสี่ยวหลันจื่อแล้วจึงหันไปกำชับสามีของตนที่ชอบออกไปคุยเล่นกับสหายชราหลังอาหารเย็นทุกวัน หนึ่งเด็กสาวหนึ่งชายชราพยักหน้าขึ้นลงซ้ำๆ พร้อมกัน อย่างกับไก่กำลังจิกข้าวสาร มองดูแล้วน่าขันนัก

แม่เฒ่าสวีถึงกับหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา นี่คงเป็นเพราะสวรรค์เมตตา เห็นนางสองสามีภรรยาเฒ่าไม่มีสายเลือดสืบสกุล จึงส่งเด็กสาวคนนี้มาให้พวกเขา แม่เฒ่าสวียกมือพนมแล้วพึมพำอามิตตาพุทธเบาๆ สายตาก็มองดู

เสี่ยวหลันจื่อที่กำลังแยกสมุนไพรอย่างอ่อนโยน

วันต่อมาสามคนบ้านผู้เฒ่าหลิวขี่เกวียนเข้าไปในอำเภอที่อยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ เสี่ยวหลันจือที่นั่งอยู่ท้ายเกวียนฮำเพลงเบาๆ อย่างสบายอารมณ์ เพราะวันนี้เป็นวันที่นางจะได้เงินแล้ว ในปากก็คาบยอดหญ้าหางกระรอกที่ดึงมาจากข้างทางชมนกชมไม้ไปเรื่อย เสี่ยวหงที่นั่งอยู่บนตักของนาง ก็เลียนแบบท่าทางการกระทำของเสี่ยวหลันจื่อเพียงแต่มันไม่ได้ฮำเพลงออกมาเท่านั้น หนึ่งคนหนึ่งสัตว์โยกหัวไปมาพร้อมกับฮำเพลงอย่างอารมณ์ดี แม่เฒ่าสวีมองดูเสี่ยวหลันจื่อกับเสี่ยวหง แล้วสะกิดให้สามีเฒ่าของตนเองดูทั้งสองถึงกับยิ้มออกมาพร้อมกัน

เมื่อเกวียนมาถึงด้านหน้าทางเข้าของอำเภอหยู่เปิง ผู้เฒ่าหลิวจอดเกวียนไว้ด้านนอก จ่ายเงินให้คนดูแลวัวของตนจากนั้นทั้งสามคนก็เข้าไปด้านใน เสี่ยวหลันจื่อสังเกตรอบๆ ตลอดทางที่ผู้เฒ่าหลิวพาไป อำเภอหยู่เปิงเป็นอำเภอใหญ่ที่เป็นทางผ่านเข้าเมืองหลวง

ดังนั้นที่นี่จึงคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนและเหล่าพ่อค้าที่เดินทางผ่านไปมาเพื่อนำสินค้าไปขาย ทั้งนำเข้าไปขายในเมืองหลวงและนำออกไปขายยังเมืองต่างๆ เสี่ยวหลันจื่อฟังผู้เฒ่าหลิวเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอำเภอหยูเปิงให้ฟังระหว่างเดินไปร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ และยังมีสาขามากมายกระจายไปตามอำเภอต่างๆ

เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้ารับผู้เฒ่าหลิวเป็นพักๆ เพื่อบ่งบอกว่านางกำลังตั้งใจฟังอยู่ โดยที่ไม่รู้ว่าทั้งสามคนกำลังตกเป็นเป้าความสนใจของผู้คนรอบด้าน ถ้าจะให้เจาะจงคือคนที่พวกเขาสนใจคือเสียวหลันจื่อ แม้จะใส่เสื้อผ้าที่เก่าแถมยังมีรอยปะชุน แต่กลับไม่สามารถ บั่นทอนความงามของนางได้เลย ตลอดทางจนกระทั่งถึงร้านขายยา เริ่นโส่วถัง ผู้คนเอาแต่เหลียวมองนางเป็นตาเดียวกัน

“ถึงแล้วที่นี่แหละ ร้านขายยาที่ใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอหยู่เปิง และข้ารับรองว่าที่นี่จะให้ราคายุติธรรมแน่นอน สมัยยังหนุ่มข้าเคยเอาโสมหัวเล็กๆ มาขายที่นี่ครั้งหนึ่ง ได้ตั้งยี่สิบตำลึงแนะ จำได้ไหมยายเฒ่า”

ผู้เฒ่าหลิวหันมาหาคู่ชีวิตเพื่อขอให้นางสนับสนุนคำพูดของตน

     

“พูดมากจริงเชียว” แม่เฒ่าหลิวหันไปเอ็ด สามีหนึ่งทีจากนั้นจึงควงแขนของเสี่ยวหลันจื่อเข้าไปข้างใน เริ่นโส่วถัง

“มาซื้อหรือมาขายยาสมุนไพรขอรับ” เด็กหนุ่มที่ดูแลหน้าร้านรีบกุลีกุจอเข้ามาถามแม่เฒ่าสวี ใบหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู แอบเหลือบมองเสี่ยวหลันจื่อเป็นระยะ

“พวกเรามาขายสมุนไพร เจ้าช่วยตามผู้ดูแลมาได้หรือไม่” ทันทีที่เสี่ยวหลันจื่อเปล่งเสียงออกมา ร่างของเด็กหนุ่มที่มาทำหน้าที่ต้อนรับถึงกับแทบเหลวเป็นน้ำ เขาสามารถพูดได้เลยว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ยินเสียงที่ไพเราะขนาดนี้มาก่อน จากใบหน้าที่แดงก่ำอยู่แล้วของเด็กหนุ่มกลับยิ่งแดงเป็นกุ้งเผามากกว่าเดิม เสี่ยวหลันจื่อที่เห็นเขายืนก้มหน้าไม่ได้ตอบรับคำพูดของตนจึงเดินเข้าใกล้กว่าเดิมเพราะคิดว่าเขาไม่ได้ยิน เด็กหนุ่มเห็นนางเดินมาใกล้ตนเองก็ได้สติกลับมา รีบลนลานวิ่งเข้าไปด้านในทันที

“เป็นอะไรของเขานะ รีบลนลานอะไรขนาดนั้น” เสี่ยวหลันจื่อที่อุ้มเสี่ยวหงอยู่ในอ้อมแขน ลูบขนมันเล่นไปมาหันไปหาแม่เฒ่าสวีเพื่อถามนาง แม่เฒ่าสวีสายหน้าเป็นเชิงบอกว่านางก็ไม่รู้เหมือนกัน

ไม่นานผู้ดูแลวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีก็เดินออกมาพร้อมเด็กหนุ่มคนเดิม ทันทีที่เขาเห็นหน้าของเสี่ยวหลันจื่อก็ชะงักงันไปครู่หนึ่งจากนั้นก็ยกมือป้องปากกระแอมไอเบาๆ เป็นเพราะผ่านประสบการณ์มามากมายเขาจึงควบคุมสีหน้าได้เก่งกว่าเด็กหนุ่มคนนั้น

“ข้าคือผู้ดูแลของเริ่นโส่วถัง แซ่เฉิน มีนามว่าเฉินคุนเจ้าเรียกข้าว่าผู้ดูแลเฉินก็ได้ ไม่ทราบว่าแม่นาง.........มาขายสมุนไพรชนิดใด”

เสี่ยวหลันจื่อหันไปหาสองสามีภรรยาเฒ่าทันที ผู้เฒ่าหลิวรีบเดินขึ้นมาด้านหน้า

“ข้าน้อยแซ่หลิวนี่ภรรยาและหลานสาวของข้า เรานำสมุนไพรมาขายหลายชนิด รบกวนผู้ดูแลเฉินช่วยตีราคาให้สักหน่อย” ผู้ดูแลเฉินเหลือบมองเสี่ยวหลันจื่อเล็กน้อยจากนั้นจึงพยักหน้า

"ท่านทั้งสามตามข้ามาที่ห้องส่วนตัวด้านในเถอะ อาเป่า ยกน้ำชากับขนมมาให้ผู้เฒ่าทั้งสองกับแม่นางที” ผู้ดูแลเฉินหันมาสั่งเด็กหนุ่มคนเดิม

หลังจากเข้ามาในห้องส่วนตัวแล้วสองผู้เฒ่าก็เอาแต่นั่งเกรงไม่กล้าดื่มชาหรือกินขนม ต่างจากเสี่ยวหลันจื่อกับเสี่ยวหงที่กินอย่างสบายๆ คล้ายกับอยู่บ้านตัวเอง ขนมดอกกุ้ยฮวานี่อร่อยจริงๆ ไม่กินเสียดายแย่ ของฟรีเชียวนะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ไม่เคยได้กินของหวานเลยมีโอกาสต้องกอบโกยสักหน่อย เสี่ยวหลันจื่อคิดในใจ

ผู้ดูแลเฉินมองเสี่ยวหลันจื่อกินอย่างเอร็ดอร่อย กระพุ้งแก้มสองข้างพองออกมา ท่าทางเหมือกระรอกที่ซ่อนอาหารไว้กินยามหิว ดูน่ารักน่าชังยิ่งนัก แล้วมองลงไปที่เจ้าสัตว์ตัวเล็กสีแดงเพลิงนี่อีกท่าทางไม่ต่างจากเจ้านายของมันจริงๆ ผู้ดูแลเฉินยกถ้วยชาขึ้นบังริมฝีปากของตนที่โค้งขึ้นเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดี

“ไม่ทราบว่าพวกท่านมีสมุนไพรอะไรมาขายให้เริ่นโส่วถังหรือ”  ผู้ดูแลเฉินเปิดประเด็นหลังจากที่รอมานานพวกเขาก็ยังไม่มีท่าทางว่าจะนำสมุนไพรออกมา เสี่ยวหลันจื่อเปิดผ้าที่คลุมตะกร้าออก หยิบเอาสมุนไพรหลายอย่างออกมาจนกระทั้งอย่างสุดท้ายที่ถูกห่อด้วยผ้า

ตามประสบการณ์ที่ผ่านมาของผู้ดูแลเฉินเขาพอจะเดาได้ว่าสิ่งที่อยู่ในห่อผ้าคืออะไรแต่ที่เขาตกตะลึงคือ มันใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา เสี่ยวหลันจื่อแกะผ้าที่ห่อโสมออก

“ไม่ทราบว่าผู้ดูแลเฉิน จะให้ราคาโสมหัวนี้เท่าไหร่”

เสี่ยวหลันจื่อไม่อ้อมค้อม ถามเข้าประเด็นทันที ผู้ดูแลเฉินหยิบโสมนั้นออกมาดูอย่างเบามือ เขาถนอมมันยิ่งกว่าลูกในไส้เสียอีก เมื่อเห็นปฏิกิริยาของผู้ดูแลเฉินเสี่ยวหลันจื่อก็ยกยิ้มมุมปากบางๆ

 หลังจากที่ดูจนพอใจผู้ดูแลเฉินก็ได้สติกลับมากเขากระแอมไอเบาเพื่อขับไล่ความเขินอายที่ตนเองเสียกิริยา “เรื่องนี้......พวกท่านรอสักครู่ได้หรือไม่เดี๋ยวข้ากลับมา”

ผู้ดูแลเฉินเดินออกไปจากห้องส่วนตัวทันที แต่ยังมิวายหันไปสั่งอาเป่าให้นำขนมดอกกุ้ยฮวาเข้ามาให้สามคนในห้องรับรองกิน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติไปเป็นตัวละครลับของท่านอ๋องอำมหิต   ตอนพิเศษ2

    ตอนพิเศษ2“คิดจะพาลูกของข้าหนีไปที่ใด เจ้าตัวแสบ”เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากทางหน้าเรือนเสี่ยวหลันจื่อก็หันขวับไปทันที นางเห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าเรือน บุรุษที่ เหล่อเหลาที่สุดของนางบุรุษที่นางคิดถึงอยู่ทุกวันแม้ในยามหลับฝัน บุรุษของนางกลับมาแล้ว เสี่ยวหลันจื่อวิ่งเข้าสู่อ้อมแขนที่กำลังยกขึ้นเพื่อรอรับนาง“ยินดีต้อนรับท่านอ๋องของข้า”เสี่ยวหลันจื่อยิ้มทั้งน้ำตา ในที่สุดเขาก็กลับมาอย่างปลอดภัย“ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก ทำไมท่านไม่ส่งจดหมายกลับมาหาข้าบ้างเลย”เซียวอี้เหิงลูบผมยาวนุ่มสลวยของนางอย่างแสนคิดถึง“ข้าได้อ่านจดหมายของเจ้าทุกฉบับ แต่ที่ข้าไม่ได้ตอบกลับมาก็เพราะข้าอยากมาตอบเจ้าด้วยตนเอง” เซียวอี้เหิงก้มลงจูบปากอวบอิ่มของสตรีที่เขารักประหนึ่งดวงใจ เนิ่นนานกว่าเขาจะปล่อยนางเป็นอิสระ“ข้ากลับมาแล้วชายารัก ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน”เสี่ยวหลันจื่อโผเข้ากอดร่างสูงอีกครั้งอย่างมีความสุข หลังจากที่ทุกคนกลับมาก็ได้รับข่าวดีว่าเสี่ยวหลันจื่อตั้งครรภ์ แม้แต่ผู้ปกครองทั้งวังหน้าและวังหลังก็ยังส่งของมาร่วมยินดีกับว่าที่บิดามารดามือใหม่ที่จวนอ๋อง แต่เจ้าของจวนทั้งสองกลับไม่มีใครอ

  • ทะลุมิติไปเป็นตัวละครลับของท่านอ๋องอำมหิต   ตอนพิเศษ1

    ตอนพิเศษ.......เซียวอี้เหิงได้รับสามรลับมาจากชายแดนว่าแคว้นฉู่ได้ยกทัพมาประชิดชายแดนเมืองชิงโจวแล้ว สี่ยวหลันจื่อที่รู้เข้าก็ตกใจอดีต รัชทายาทถูกจับกุมแล้วตระกูลกู้ก็ถูกประหารแล้วเหตุใดสงครามยังมีอยู่อีก แสดงว่านางไม่สามารถเปลี่ยนเนื้อเรื่องทั้งหมดได้ เสี่ยวหลัน จื่อเดินวนไปวนมานางกำลังกังวลเรื่องสงคราม แต่เซียวอี้เหิงกลับมีท่าทีสบายๆ“ท่านไม่กังวลใจเลยหรือ สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะเหตุใดท่านจึงยังสบายอกสบายใจได้อยู่อีก”เสี่ยวหลันจื่อเอ็ดเซียวอี้เหิงเสียงเขียว นางกังวลใจจะตายอยู่แล้วเจ้าตัวที่ต้องนำทหารออกรบกลับยังทำหน้าระรื่นอยู่อีก“จื่อเอ๋อเจ้าจะกังวลไปใย การลงสนามรบของข้าก็เป็นเพียงการคืนสู่เหย้าเท่านั้น ฉู่หมิงเทียนจะทำอันใดได้ ดูท่าจะยังไม่รู้เรื่องที่พันธมิตรของเขาล่มไปแล้ว ข่าวสารแคว้นฉู่ช่างล่าช้าเสียจริง”ความจริงเซียวอี้เหิงให้คนของเขาสกัดสายลับของแคว้นฉู่เอาไว้ไม่ให้ส่งข่าวไปที่รัชทายาทฉู่หมิงเซียว เขาอยากจะใช้สงครามครั้งนี้กำหราบเจ้าโง่ที่ชอบอวดตัวว่าตนเองแข็งแกร่งทั้งที่รู้เรื่องการรบแค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น ทั้งยังเอาแต่ยั่วยุทหารของเขาที่ชิงโจวแต่กลับไม่กล้าสู้กันซึ่ง

  • ทะลุมิติไปเป็นตัวละครลับของท่านอ๋องอำมหิต   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายเซียวอี้เหิงพาเสี่ยวหลันจื่อกลับไปที่จวน เขาขังนางเอาไว้ในห้องกับตนเองถึงห้าวันเพื่อเป็นการลงโทษเสี่ยวหลันจื่อขอร้องเขาอย่างไรเซียวอี้เหิงก็ไม่ใจอ่อน แม้นางจะบีบน้ำตาก็ตาม จะไม่ให้เสี่ยวหลันจื่ออ้อนวอนเขาได้อย่างไรการลงโทษของเซียวอี้เหิงนั้นช่างวาบหวิวน่าอายนัก เจ้าคนเย็นชานี่ไม่นึกเลยว่าเมื่อได้ลองเรื่องนี้แล้วจะติดใจจนแทบไม่ปล่อยนางลงจากเตียง ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรียวแรงมากที่ใดเคี่ยวกรำเสี่ยวหลันจื่อทั้งวันทั้งคืนนจนนางระบบไปหมดแล้วเขาคิดว่าตนเองแค่เล็กๆ อย่างนั้นหรือ“ท่านอ๋องข้าขอร้อง ข้ารับไม่ไหวแล้วส่วนล่างของข้าระบมไปหมดแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อโอดครวญเสียงหวาน“ข้าเคยได้ยินท่านหมอบอกว่าเมื่อเราเป็นแผลที่ใดให้ใช้น้ำลายแตะก็จะหายเร็ว มาเถอะชายารักข้าจะใช้น้ำลายช่วยรักษาให้เจ้าเอง”เซียวอี้เหิงจับขาทั้งสองข้างของเสี่ยวหลันจื่อชันขึ้นแล้วเขาก็ก้มตัวลงไปละเลงลิ้นบนความชุ่มฉ่ำของนางรียกเสียงครางหวานออกมาจากริมฝีปากแดงช้ำเพราะถูกจูบเซียวอี้เหิงจูบจนนางแทบสำลักลมหายใจเสี่ยวหลันจื่อตอนนี้ในหัวของนางขาวโพลน ไม่รู้ว่าเซียวอี้เหิงวางยาอะไรนางแต่ตอนนี้นางต้องการเขาให้เติมเต็มส่วนล่า

  • ทะลุมิติไปเป็นตัวละครลับของท่านอ๋องอำมหิต   ภาพจำสุดท้าย

    เสี่ยวหลันจื่อร้อนใจเป็นอย่างมากรีบพาเซียวอี้เหิงกับองครักษ์หลายนายตรงไปที่เรือนหลังหนึ่งทางทิศใต้ของเมืองหลวง เรือนหลังนี้ไม่โดดเด่นนักเหมือนกับเรือนหลังอื่นในระแวกนี้ แต่ครั้งก่อนที่นั่นมีทางลับที่องค์ชายสามทำเอาไว้ เขาไม่มีโอกาสได้ใช้แต่เป็นกู้รั่วอวิ๋นต่างหากเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนยังไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่ เพราะเมื่อคืนมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ถ้ามีคนมาที่นี่จะต้องมีรอยเท้าอย่างแน่นอน“นางยังมาไม่ถึงที่นี่ อาจเพราะมีทหารออกค้นหาทั่วเมืองจึงทำให้นางไม่สะดวกประกฏตัว” เซียวอี้เหิงวิเคราะห์“จื่อเอ๋อ เจ้ากลับไปรอฟังข่าวที่จวนดีหรือไม่ที่นี่อันตรายนัก หากกู้รั่วอวิ๋นกับพวกของนางมาที่นี่จะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่”เสี่ยวหลันจื่อทำท่าไม่ยินยอม นางอยากเห็นกับตาว่ากู้รั่วอวิ๋นถูกจับไม่อย่างนั้นนางไม่สบายใจ“ท่านอ๋องคนของเรามากเพียงนี้ยังต้องกลัวนางอีกหรือ ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่เถอะ ข้ารับรองจะอยู่ด้านหลังตลอดไม่ทำตัวเป็นฮีโร่แน่”เซียวอี้เหิงถอนหายใจอย่างจนใจกับความดื้อดึงของเสี่ยวหลันจื่อแม้เขาจะไม่รู้ว่าฮีโร่คือสิ่งใดเเต่เขาก็ยอมตามใจนาง “เช่นนั้นเจ้าอย่าออก

  • ทะลุมิติไปเป็นตัวละครลับของท่านอ๋องอำมหิต   จับกุม

    “ท่านยาย”ประโยคแรกที่เสี่ยวหลันจื่อเอ่ยขึ้นหลังจากที่นางได้สติ เสี่ยวหลันจื่อโผเข้าหาแม่เฒ่าสวีทันทีกอดนางร้องไห้ออกมาเสียงดังจนทุกคนในเรือนตกใจ พวกเขาสงสัยว่านางเป็นอะไรหลังจากที่ตื่นเหตุใดจึงได้ร้องไห้คร่ำครวญเพียงนั้น แม่เฒ่าสวีทำอะไรไม่ถูก็ได้แต่กอดปลอบนาง เซียวอี้เหิงสังเกตทุกอิริยาบทของเสี่ยวหลันจื่อ ตอนแรกเขาคิดว่านางกำลังละเมอแต่ว่าไม่ใช่“แม่นางเจ้า.....รู้จักข้าหรือ” เม่เฒ่าสวีถามเสี่ยวหลันจื่ออย่างไม่เเน่ใจหลังจากที่นางตั้งสติได้แล้ว เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าให้แม่เฒ่าสวีอย่างจริงจัง“ไม่เพียงแต่ท่านที่ข้ารู้จัก ข้ารู้ยังจักทุกคนเกินครึ่งหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าท่านไม่เชื่อข้าสามารถบอกชื่อพวกเขาให้ท่านฟังได้นะ”เเล้วเสี่ยวหลันจื่อก็เอ่ยชื่อของชาวบ้านที่นางรู้จักบางคนแม้กระทั่งว่าบ้านของพวกเขาตั้งอยู่ตรงไหนของหมู่บ้านนางก็สามารถบอกได้ถูก แม่เฒ่าสวีรู้สึกอัศจรรย์ยิ่งนัก แม้แต่เซียวอี้เหิงที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ก็ยังคล้อยตาม“ข้าดีใจจริงๆ ที่พวกท่านทั้งหมดยังอยู่ ข้าสัญญาว่าจะต้องปกป้องท่านเอาไว้ให้ได้” แม้แม่เฒ่าสวีจะยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มให้กับท่าทางที่น่

  • ทะลุมิติไปเป็นตัวละครลับของท่านอ๋องอำมหิต   ข้ากลับมาแล้ว

    เมื่อเสี่ยวหลันจื่อหลับไป ภายในความฝันร่างของนางค่อยๆ ล่องลอยไปไกล จนถึงสถานที่แห่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาตอนนี้นางกำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่นางรู้สึกคุ้นเคยเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้ว่านั่นเป็นบ้านของใครแต่นางกลับรู้สึกคิดถึงที่นี่มาก คล้ายกับว่าตนเองเคยอยู่เมื่อนานมาแล้ว นางผลักบานประตูที่ทำจากไม้เนื้อแข็งดูเก่าเหมือนจะถูกสร้างมานานหลายปีแล้วแต่ยังดูเเข็งเเรงเมื่อเดินเข้าไปในบ้านเสี่ยวหลันจื่อเห็นต้นอู๋ถงที่ล้านหน้าบ้านออกดออกบานสะพรั่งสวยงาม นางเดินไปเก็บดอกที่หล่นบนพื้นขึ้นมาดม เสียงพูดคุยภายในเรื่อนหลังน้อยแต่ดูอบอุ่นเรียกความสนใจของเสี่ยวหลันจื่อให้หันไป นางเดินตามเสียงนั้นผ่านห้องโถงเลยไปจนถึงห้องครัวนางพบสองผู้เฒ่าวัยชราที่กำลังถกเถียงกันอยู่เหมือนสองผู้เฒ่าจะรู้การมาของนางทั้งสองหันมายิ้มให้เสี่ยวหลันจื่อและพูดกับนางบางอย่าง แต่เสี่ยวหลันจื่อไม่ได้ยิน นางพยายามที่จะฟังแต่เหมือนเสียงนั้นจะค่อยๆ ห่างไกลออกไปนางรู้สึกเหมือนจะขาดใจเสี่ยวหลันจื่อร้องไห้ออกมาพร้อมทั้งตะโกนเรียกทั้งสองคนเสียงดัง“จื่อเอ๋อ! จื่อเอ๋อ! ตื่นร็วเกิดอะไรขึ้น” เป็นเซียวอี้เหิงที่เขย่าตัวปลุก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status