ข้าในตอนนี้คือหลานเสวี่ย บุตรีขุนนางที่ถูกเนรเทศ และยังเป็นพระชายาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ถ้าอิงตามธรรมเนียมแล้วควรที่จะได้เป็น ฮองเฮาแท้ ๆ แต่เพราะครอบครัวเลยถูกเนรเทศมาอยู่ตำหนักเย็น
หลานเสวี่ยนึกถึงความทรงจำของตัวเองก็พอรู้นิสัยใจคอของฮ่องเต้บ้าง คนผู้นี้ เลือดเย็นเหลือเกิน แถมยังโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนเป็นผักปลาตอนที่เขาขึ้นครองราชย์
ส่วนหลานเสวี่ยในยามนี้ไร้อำนาจ มีเพียงใช้ชีวิตต่ำต้อยไปวัน ๆ ถูกกักขังในตำหนักเย็นมาเกือบสามปี ถ้าจะออกไปไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ เพราะเพียงแค่ร่างของสตรีผู้นี้ก้าวออกจากธรณีประตู เกรงว่าหัวของนางคงหลุดออกจากบ่าทันที คนผู้นั้นไม่ปล่อยเอาไว้แน่
ใบหน้าสวยครุ่นคิดหาวิธีที่จะออกไปอย่างปลอดภัย ก่อนจะหันมาสนใจบ่าวรับใช้สองคนที่กำลังยกผักที่ล้างสะอาดมาให้ หลังจากที่หลานเสวี่ยบอกว่าจะทำอาหารให้ด้วยการใช้เวทมนตร์ พวกนางสองคนก็ทำหน้าดีใจเอามาก ๆ
หลานเสวี่ยจึงให้ทั้งสองออกไปนอกห้องครัว จากนั้นก็เข้าไปในมิติระบบ เข้ามาข้างในหลานเสวี่ยรู้สึกว่าในมิติระบบ อากาศสดชื่นดีมาก ก่อนที่จะสังเกตเห็นผลผลิตกำลังถูกเก็บเกี่ยว ทำเอาตกใจไม่น้อยที่ใช้เวลาปลูกไม่ถึงแปดชั่วโมงด้วยซ้ำ
และได้รับคะแนนจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตครั้งแรก 100 คะแนน ทำให้ตอนนี้ได้คะแนนทั้งหมด 256 และได้โบนัสพิเศษอีก นั่นคือพื้นที่การเพาะปลูกอีก ห้าตารางเมตรทำให้หลานเสวี่ยมีที่ดินเพิ่มขึ้นและเพาะปลูกเพิ่มขึ้น
“ระบบปลูก มันฝรั่งกับ กะหล่ำปลี ผักกาดขาว กับต้นหอม"
(ระบบกำลังดำเนินการ)
หลานเสวี่ยยิ้มอย่างพอใจ ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ชีวิตต่อจากนี้คงไม่ลำบากเพราะมีระบบสุดวิเศษแบบนี้อยู่ จากนั้นก็ไปแลกของในร้านค้า แล้วเอาไปใส่ในถุงมิติเพราะจะได้ดึงออกมาใช้ได้ง่ายไม่ต้องเจ้ามาในมิติทุกครั้ง
ของที่แลกคือ เนื้อหมู 1 กิโลกรัมใช้ 7 คะแนน ถูกแบบนี้เอามาเลย 3 กิโล ต่อมาคือเกลือกับผงชูรส ขวดละ 1 คะแนน ซอสปรุงรสสำหรับใช้ผัดอาหาร 3 คะแนน และที่ขาดไม่ได้คือ ผ้าห่มผืนหนา หลานเสวี่ยจงใจเลือกอันที่คล้ายกับยุคนี้ เพื่อไม่ให้เตะตาเกินไป
เธอเลือกมาเผื่อสองคนด้วย สามชิ้น 15 คะแนน ถือว่าไม่แพง แต่ที่สำคัญที่สุดคือครีมอาบน้ำอันนี้ล่อตาล่อใจจริง ถ้าไม่มีมันจะอาบน้ำได้อย่างไร จริงไหมถ้างั้นก็จัดไปอย่าให้เสีย 20 คะแนนสำหรับครีมอาบน้ำ และ อีก 10 คะแนนสำหรับ ครีมนวดผม และ แชมพู เท่านี้ชีวิตสุขสบายของหลานเสวี่ยก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว
“เกือบลืมซื้อยา อันนี้สำคัญมากนะ ถ้าเกิดป่วยอีกพวกหมอในวังไม่มีทางมารักษา หรือต่อให้ไปขอย่าพวกนั้นก็ไม่ให้แน่”
หลานเสวี่ยซื้อยาสามัญประจำบ้านมาสองสามอย่าง แต่ทว่าราคามันสูงมาก อย่างละ 20 คะแนน รู้สึกจนขึ้นมาเลย
สุดท้ายวันนี้ก็ให้คะแนนไป 221 เหลือ 35 คะแนน พอออกมาข้างนอกก็เอาผักกับเนื้อออกมา รวมถึงเครื่องปรุงต่าง ๆ หลานเสวี่ยจงใจเลือกของที่เป็นแบบย้อนยุคหน่อย ราวกับว่ามันเป็นของที่ทำจากที่นี่เลย
“พวกเจ้าสองคน เข้ามาได้แล้ว”
สองบ่าวรีบผลักประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน ทั้งสองคนอ้าปากค้างมองหน้ากัน สลับกับมองดูข้างของที่แสนล้ำค่า ผักกาดขาวน่ากิน ไร้ร่องรอยของแมลง และเนื้อหมูแดงสดแบบนี้ แม้แต่ในวังยังหายาก
“คุณหนู ท่านเอาของพวกนี้มาได้อย่างไรเจ้าคะ” หยางหยางถามด้วยความสงสัย
หลานเสวี่ยยกยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงความลำบากของทั้งสอง การได้พบกับอาหารมากมายแบบนี้นับว่าเป็นเรื่องที่เกินฝันของบ่าวสองคนไปแล้ว “ของพวกนี้ข้าเอามาจากดินแดนของเซียน เป็นของวิเศษ ดีกว่าอาหารจากโลกมนุษย์มากนัก”
“คุณหนูของบ่าวเป็นเซียนหรือเจ้าคะ บ่าวดีใจเหลือเกิน” หยางหยาง มองหลานเสวี่ยด้วยสายตาชื่นชม
“ในที่สุดพวกเราจะได้กินเนื้อแล้วท่านพี่หยาง”
หลานเสวี่ยไม่รู้หรอกว่าเซียนคืออะไร ได้ยินแต่ในหนังก็เลยตามน้ำไป ยังไงก็ดีกว่าให้พวกเธอเข้าใจผิด
“แต่ว่า ทั้งสองคนต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ อย่าให้คนอื่นรู้ ไม่เช่นนั้นตัวข้าจะเป็นอันตรายถึงชีวิต”
ถ้าคนอื่นรู้เดี๋ยวก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีต หรือพวกแม่มดเหมือนในหนัง แล้วถูกนำไปประหารต้องตายสถานเดียวสิ
“พวกเราจะทำอาหารให้คุณหนูเอง ท่านไปพักผ่อนเถิด ดูสิมือของท่านเย็นหมดแล้ว”
หยางหยาง รีบจับมือของหลานเสวี่ยมากุมไว้อย่างทะนุถนอม
“ไม่เป็นไร วันนี้ข้าจะทำอาหารให้พวกเจ้าทานเอง เอาล่ะไปเตรียมผักมาให้ข้าหน่อย”
“ไม่ได้นะ คุณหนูเป็นถึงพระชายา จะทำแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ ให้บ่าวสองคนจัดการเถิด”
ทั้งสองคนคุกเข่าอยู่กับพื้นเย็น ๆ โดยไม่รู้สึกอะไร นางสองคนรับใช้คุณหนูมาตั้งแต่เด็ก ย่อมไม่อยากให้เจอความลำบาก ตอนนี้ก็เช่นกัน
“ลุกขึ้นมาเลย พวกเจ้าคงไม่รู้อะไร ตอนที่ข้ากำลังเดินไปเส้นทางแห่งยมโลก จู่ ๆ ก็มีท่านเซียนยื่นมือมาช่วยเหลือทำให้ข้าได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย แม้จะผ่านไปไม่ถึงชั่วยาม แต่เวลาในนั้นผ่านไปเป็นสิบปี” หลานเสวี่ยพูดพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ตลอดเวลาที่ข้าฝึกฝนกับท่านเซียน ข้าได้เรียนรู้หลายอย่างมาก พวกเจ้าสองคนอย่าได้ห่วงไปเลย” เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องแต่งของจางเสี่ยวหลง
แต่มันได้ผล เพราะหลังจากที่หลานเสวี่ยฟื้นขึ้นมาจากความตาย นางก็กลายเป็นคนละคน หยางกับเหมยที่รับใช้มานานย่อมรู้ดี คุณหนูที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนไป ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น สวยขึ้นเป็นกองอีกด้วย มาถึงตอนนี้ทั้งสองจึงเข้าใจ
“ในที่สุด สวรรค์ก็เมตตาคุณหนูของบ่าวแล้ว ดีจังเลย ต่อไปนี้คุณหนูต้องการสิ่งใดบอก บ่าวสองคนได้เลย”
“ใช่แล้วเจ้าคะ”
เมื่อจัดการให้พวกเขาเข้าใจอย่างดีแล้ว หลานเสวี่ยก็สั่งให้เหมยติดไฟให้ เพราะไม่ค่อยมีประสบการณ์ติดไฟด้วยมือมาก่อน แล้วให้หยางล้างผักให้สะอาด ส่วนเธอเป็นคนจัดการกับเนื้อ
หลานเสวี่ยพันแขนเสื้อขึ้น มือเรียวรวบผมยาวสลวยขึ้นไปม้วนอย่างสวยงามเผยให้เห็นลำคอเรียวระหงขาวเนียน ชุดผ้าไหมของนางไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเข้าครัวแบบนี้ แต่ระดับเชฟมือโปรแค่นี้จิ๊บจ้อย
“เอามันฝรั่งพวกนั้นไปล้างด้วยนะ แล้วเอาไปต้มอีกเตา จะได้สุกเร็วขึ้น”
“เจ้าคะ” สองบ่าวรับคำอย่างว่าง่าย แม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่พวกนางคิว่าคงเป็นเหมือนมันทั่วไปไม่มากก็น้อย
พอติดไฟได้แล้วก็เอาหม้อไปตั้งไฟ ใส่มันหมูไปเจียวให้ให้มีน้ำมันค่อยใส่เนื้อหมูตามลงไป ผัดให้เข้ากันจากนั้นใส่เครื่องปรุงรสที่เตรียมไว้ ไม่นานก็มีกลิ่นหอมออกมา แม้เครื่องปรุงไม่ครบ แต่รสชาติออกมาดีมาก
อร่อยกว่าเนื้อหมูที่เธอเคยทานเมื่อตอนที่เป็นจางเสี่ยวหลงอีก ผักกาดขาวก็อร่อย ไม่คิดว่าของจากระบบจะดีอย่างที่เคยบอกไว้
“กลิ่นหอมน่าทานจังเลยเจ้าคะ"
“พี่หยาง ลองชิมได้ไหม”
เหมยหิวจนตาลาย พอได้กลิ่นหอมของอาหารยิ่งหิวมากกว่าเดิม
“ไม่ได้นะ นี้เป็นอาหารของคุณหนู ห้ามแตะต้องเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้า”
หยางเป็นคนควบคุมตัวเองตลอด นางเคร่งครัดในกฎระเบียบ ค่อยจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ในความทรงจำของหลานเสวี่ยนางเป็นบ่าวที่ชื่อตรงและภักดีที่สุด
”ไม่เป็นไรหรอก พี่หยาง พวกท่านชิมได้คนละสองคำ อาหารพวกนี้เป็นของพวกเราสามคน ใครบอกว่าเป็นของข้าคนเดียว” หลานเสวี่ยกอดอกพูด ด้วยริมฝีปากเล็กมันวาว เพราะชิมเนื้อหมูไปสองชิ้น
“อย่าเลยคุณหนู อาหารพวกนี้ล้ำค่ามากนัก พวกเราทานไปก็เสียของเปล่า ๆ พวกเราสองคนทานแค่อาหารจากห้องครัววังก็ได้เจ้าคะ”
“ใช่แล้ว บ่าวผิดเองที่ลืมคิดเรื่องนี้ ให้อภัยบ่าวด้วยเจ้าค่ะ”
หยางกับเหมย นางสองคนคุกเข่าอีกแล้ว ทำเอาหลานเสวี่ยที่มาจากอนาคตอันไกลไม่ชอบใจเท่าไหร่
“ต่อไปพวกเจ้าไม่ต้องคุกเข่าเวลาอยู่กับข้าสองคนอีกนะ อยู่ด้วยกันที่นี่ไม่ต้องมากพิธีหรอก อีกอย่างอาหารพวกนี้มีเยอะแยะไม่ต้องเป็นห่วง ข้าสัญญากับพวกเจ้าไว้แล้วว่า ต่อไปเราจะไม่กินอาหารสุนัขแบบนั้นอีก”
ใบหน้าสวยฉายแววเด็ดเดี่ยว ดวงตาของนางเปร่งประกายออร่าออกมา เมื่อนึกถึงอาหารพวกนั้นนางก็คับแค้นใจจริง ๆ
ทั้งสองคนซาบซึ้งตรึงใจมาก ๆ ทั้งสองปาดน้ำตาด้วยความปีติ ยิ่งดีใจมากกว่าเดิมที่คุณหนูเป็นห่วงพวกนางมากขนาดนี้
“ขอบคุณมากเจ้าคะที่คิดถึงพวกบ่าวสองคน เหมยเหมย เจ้าลองชิมดูสิ คุณหนูอนุญาตแล้ว”
“ขอบคุณเจ้าคะ”
หลานเสวี่ยมองพวกนางสองคนด้วยความเอ็นดู แม้อายุของเธอตอนนี้จะเป็นเด็กน้อยอายุสิบเจ็ด แต่เธอก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ไม่ต่างจากที่เธอจะเป็นพี่ของหยางและเหมย
“เอาละ มันฝรั่งสุขได้ทีแล้ว ข้าจะทำมันบดให้ทานเอง ถึงเครื่องปรุงจะไม่ครบ แต่อร่อยแน่นอน”
มือเรียวตัดมันฝรั่งออกมาจากหม้ออย่างคล่องแคล่ว เอาเปลือกออก แล้วบดให้ละเอียดใส่เกลือเล็กน้อยเพิ่มรสชาติได้ดีเท่านี้ก็เรียบร้อย
“ตั้งโต๊ะได้เลย”
ในที่สุดอาหารจานแลกหลังจากทะลุมิติมาก็สำเร็จ ทุกอย่างออกมาดีมากจริง ๆ ผัดหมูผักกาดขาว กับมันบดแสนอร่อย แม้จะเป็นแค่เมนูธรรมดา แต่รสชาติไม่ใช่อย่างที่ตาเห็นแน่นอน
“จะให้พวกเราทานร่วมโต๊ะกับคุณหนูจริงเหรอเจ้าคะ แบบนี้จะ ...”
“แบบนี้ดีแล้ว ตอนนี้ข้าหิวมาก ๆ เราทานกันเลยดีกว่า”
หลานเสวี่ยตักอาหารเข้าปากคำหนึ่ง ก็รู้สึกเหมือนมีพลังเต็มเปี่ยม อร่อยจนลืมอาหารของเชฟมิชลินห้าดาวไปเลย วัตถุดิบพวกนี้สามารถทำอาหารธรรมดาให้เป็นอาหารวิเศษได้จริง ๆ
“อร่อยมาก ๆ เลยเจ้าคะ บ่าวไม่เคยทานอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”
“พี่หยาง หยิกข้าที ตอนนี้ข้าฝันไปอยู่ใช่ไหม”
หลานเสวี่ยหัวเราะออกมากับท่าทางของสองคน ดูแล้วพวกนางคงจะชอบอาหารที่ตนทำ แบบนี้ก็ดีแล้วนับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี
หลังจากทานอาหารเสร็จหลานเสวี่ยก็มาเดินสำรวจรอบ เพื่อย่อยอาหารพลางหาหนทางจะออกไปจากที่นี้ แต่เดินมาจนรอบตำหนักก็พบว่าถูกล้อมด้วยกำแพงทั้งสี่ด้าน ไม่สามารถปีนออกไปได้
จากนั้นก็มานั่งคิดหาวิธีอื่นจนหัวหมุนไปหมดก็ยังไม่เจอคำตอบอะไร
“คุณหนูท่สนคิดอะไรอยู่เจ้าคะ”
“พี่หยาง ท่านพอมีวิธีออกไปจากที่นี่หรือเปล่า”
หยางครุ่นคิดหนักเพราะเธอก็เป็นแค่บ่าวรับใช้ ความรู้ก็มีน้อยนิด
“ตอนนี้คุณหนูถูก กักบริเวณห้ามก้าวขาออกจากตำหนักเย็น บ่าวคิดว่าไม่มีทางอื่นนอกจากทำให้ฝ่าบาททรงอภัยโทษให้”
หลานเสวี่ยนอนฟุบลงเตียงอย่างหมดแรง การจะให้คนแบบเขาอภัยโทษให้ ยากเกินไป เขาไม่สังหารหลานเสวี่ยก็ดีแค่ไหนแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำแต่เพราะเขาขึ้นครองราชย์จึงอภัยโทษทั่วแผ่นดิน ทำให้เธอยังมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้
“ถึงจะได้รับการ อภัยโทษแต่จะออกจากวังได้ต้องมีป้ายคำสั่งเจ้าคะ ไม่ก็ต้องมีทองเยอะ ๆ ไว้ติดสินบนทหารยาม”
ทองเหรอจะหามาจากไหนกันนะ เอาผักไปขายจะมีคนซื้อหรือเปล่า? หลานเสวี่ย ครุ่นคิดในใจ
“ถ้าข้าฝากของให้พวกเจ้าเอาไปขายจะได้หรือเปล่า แล้วที่นี่ของแบบไหนที่ราคาแพง และหายาก”
“ที่นี่เป็นวังหลัง ของที่มีราคาต้องเป็นของใช้สำหรับสตรีเจ้าคะ”
หลานเสวี่ยคิดอะไรดี ๆ ออกแล้ว สินค้าสำหรับผู้หญิงเธอถนัดมาก เพราะเป็นคนชอบซื้อของเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผู้หญิงชอบอะไรเธอรู้หมด จากนั้นก็แค่หาคะแนนไปแลกในร้านค้า แล้วเอามาขายในราคาแพง ๆ เหล่าคนมีเงินพวกนี้ไม่มีทางปฏิเสธแน่
“แต่การจะไปขายตรง ๆ ต้องถูกตัดหัวแน่นอน จะต้องขายอย่างลับ ๆ เท่านั้น”
ทว่าอุปสรรคก็มักจะขัดขวางตลอด เธอจะขายสินค้าให้พวกเขาได้อย่างไรดี
หลานเสวี่ยเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวัน แต่นางยังคงเป็นกังวลเรื่องหลงเยี่ยน แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าไม่ควรสนใจ แต่ภาพของเขายังคงวนเวียนอยู่ในใจ ตลอดเวลาหลายวัน นางนอนพลิกไปพลิกมา เพราะเรื่องเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนป่านนี้คงกลับโลกเดิมไปแล้ว เพราะคะแนนเพียงพอ แต่นางยังคงรอให้เขากลับมาก่อน “หวังว่าเขาจะปลอดภัย” นางพึมพำก่อนหลับตาลงวันรุ่งขึ้นก็มีข่าวจากสนามรบมาถึงเมืองหลวง โดยมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ได้ยินว่าท่านแม่ทัพบาดเจ็บ ก็ทำเอาหลานเสวี่ยใจคอไม่ดี รีบเตรียมน้ำวิเศษเอาไว้รอเขา ร่างเพรียวบางสวมอาภรณ์สีน้ำเงินอ่อน เดินไปมาหน้าจวนตั้งแต่ที่รู้ข่าวว่าได้รับชัยชนะนางก็มารอ แม้ทหารยามจะบอกว่าอีกสี่ห้าวันถึงจะมาถึงแต่นางไม่อาจอยู่นิ่งได้ ราวกับมีก้อนไฟที่สุมอยู่ในอกข้างซ้าย นางถึงขั้นนั่งรอตั้งแต่เช้ายันฟ้ามืด โดยหารู้ไม่ว่าหลงเยี่ยนมาถึงแล้ว แต่ใช้ประตูมิติไปที่ห้องหนังสือแทน พอรู้ว่านางรอเขาก็ได้แต่หัวเราะออกมา “ต่อให้ทำดี ข้าก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะ” เขาได้แต่มองนางอยู่ข้างในจวนราวกับว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ความรู้สึก และความต้องการที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ทำให้เ
เช้าตรู่ของวันใหม่ เสียงฝีเท้าหนักแน่นของทหารดังสะท้อนไปทั่วจวน ก่อนที่ทหารคนหนึ่งจะเดินเข้ามาในห้องหนังสือ ท่าทีเร่งรีบของ แม่ทัพเฉินพร้อมใบหน้าเคร่งขรึมเดินเข้ามา “กราบทูลท่านแม่ทัพ! ทัพศัตรูจากแคว้นกุ้ยโจว กับแคว้นหานโจวได้เคลื่อนพลประชิดชายแดนแล้วขอรับ!”หลงเยี่ยนที่กำลังอ่านรายงานอยู่ เงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาคมปลาบแสดงถึงความมุ่งมั่นที่เด็ดเดี่ยว ก่อนจะออกคำสั่ง “จัดเตรียมกองกำลัง ข้าจะออกไปบัญชาการศึกด้วยตัวเอง”แม่ทัพเฉินคำนับและออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหลงเยี่ยนลุกขึ้นและเดินผ่านห้องโถง หลานเสวี่ยที่เพิ่งตื่นและได้ยินข่าวลือในจวน รีบตรงไปหาหลงเยี่ยน นางเอกก็แปลกใจอยู่หลายส่วน เพราะต้าเหยียนไม่ใช่เมื่อก่อนที่ขาดแคลนเสบียง แถมตอนนี้กำลังทหารน่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนกุ้ยโจว กับ หานโจ คิดทำอันใดอยู่ถึงกล้าทำเช่นนี้ นางเดินมาส่งหลงเยี่ยนอย่างจำใจ ถ้าหากเขาออกไปแล้วนางก็จะไม่ขออยู่จวนแม่ทัพอีก “ท่านแม่ทัพ ข้าได้ยินว่าศัตรูมาประชิดชายแดน ท่านจะไปออกศึกหรือเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของหลานเสวี่ยเจือความกังวล แม้จะพยายามปกปิดความดีใจของตน“เจ้าคงดีใจ และสาปแช่งให้ข้ามีอันเป็นไปกระมัง ถึงยิ้มออกน
หลานเสวี่ยถูกกักบริเวณไว้ในจวนของแม่ทัพ นางไม่สามารถออกไปได้เพราะมีทหารเฝ้าอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะคะแนนความดีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ที่แปลกคือเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ราวกับว่านางเปิดร้านเป็นร้อยสาขาไม่นานก็ตกเย็นยังไม่เห็นเงาของหลงเยี่ยนเลย แต่ก็ดีนางคิดในใจ ก่อนจะเดินไปมาในจวน แล้วนึกขึ้นได้เมื่อเห็นทหารยาม“ข้าถามอะไรได้หรือไม่” นางเดินมาถามทหารยาม เมื่อเห็นว่าเป็นหลานเสวี่ย ทหารยามก็ทำความเคารพอย่างเคร่งครัด สงสัยคงไม่ได้รู้เรื่องของนาง นับว่าฮ่องเต้บ้าอำนาจยังเป็นคนดีอยู่บ้าง“มีอันใดให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ” ทหารยามก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพ“แค่อยากถามเท่านั้นเอง แล้วท่านแม่ทัพหายไปไหนหรือ มืดค่ำเช่นนี้ยังไม่กลับมาอีก” สงสัยคงไม่อยากเจอหน้านางหรือ“ท่านแม่ทัพออกไปแจกเสบียงขอรับ” “เสบียงอะไรหรือ” “แม่นางคงยังไม่รู้ ท่านแม่ทัพเอาเงินส่วนตัวมาซื้อเสบียงแจกจ่ายให้กองทัพ เห็นที่ร้านสะดวกซื้อของท่านสินค้าคงไม่เหลือแล้ว” ทหารยามพูดไปยิ้มไป หลานเสวี่ยจึงพอเข้าใจ ที่แท้เป็นเขาเองหรือที่อยากให้นางกลับโลกเดิมเร็ว ๆ จนใช้วิธีนี้ ชิงชังกันขนาดนั้นเชียวหรือ นางกัดฟันแน่นคิดแล
ร่างเพรียวถอยห่างแต่ก็ถูกมือหนาคว้าเอาไว้ ไม่ยอมให้ริมฝีปากหวานหนีพ้น มือเล็กอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน เสียงหัวใจพลันเต้นโครมครามราวกับกลองศึก เลือกในกายสูบฉีด ไปต่างจากคนตัวโตที่ทุบกำแพงสูงใหญ่ข้ามความกลัวของตัวเอง เพียงแค่ริมฝีปากสัมผัสกัน เขาก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยนางไปอีกครั้ง ต่อให้นางยอมตรอมใจตายตามคนอื่น เขาก็จะชุบชีวิตนางขึ้นมา หลงเยี่ยนกอดรัดร่างแบบบางให้แนบชิดแผ่นอก ริมฝีปากหนักหน่วงดันลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจโพรงปากหวาน หลานเสวี่ยตาเบิกกว้างเมื่อสัมผัสลิ้นนุ่ม ทว่าทุกอย่างราวกับสายฟ้าแลบ เพียงชั่วอึดใจ นางก็ถูกหลงเยี่ยนดูดดึงลิ้นเล็กอย่างเอาแต่ใจ ความหิวโหยหนักหน่วงไม่ลดละ เข้าไม่ปล่อยให้นางได้หลีกหนี ร่างสูงรวบตัวยาวขึ้นก่อนจะเดินไปที่ห้องนอน หลานเสวี่ยอายจนหน้าแดงก่ำ แต่นางกลัวมากเมื่อรู้ว่าถูกพาเข้ามาในห้อง“ฝ่าบาทจะมำอันใดหรือเพคะ...” นางพูดเสียงสั่นเครือ เรียกด้วยสถานะจริงของเขา “ทำเช่นนี้ไม่เหมาะกระมัง” หลานเสวี่ยไม่อยากฉวยโอกาส ใช้ร่างกายของคนอื่น แม้ว่าหัวใจนางจะปลิวละล่องไปตามเขาแล้ว“วันนี้เรามาเข้าหอกันใหม่ ข้าไม่ปล่อยเจ้าอีกแล้ว เป็นของข้าทั้งตัวทั้งใจเถิด
หลงเยี่ยนกระชากแขนเรียวดึงเข้าหาตัว สายตาพลันจับจ้องดวงหน้าสวย ทั้งคู่มองตาไม่กะพริบ มือเรียวดันแผ่นอกเอาไว้ หลงเยี่ยนมองนางด้วยสายตาสับสน เหมือนความคิดของเขาที่ไม่ตรงกัน ยิ่งหลานเสวี่ยบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกความจริง หัวใจของเขาพลันเจ็บแปลบขึ้นมา ใบหน้าคมสวยไม่กล้าสบตาคู่นั้น หันไปมองโคมไฟข้างฝาแทน แต่มือหนาประคองแก้มนวลให้หันมาสบตาเช่นเดิม“เจ้าไม่ไว้ใจข้าหรือ ถึงขนาดนี้เจ้ายังมองข้าเป็นคนอื่นหรือไร บอกความจริงเถิด” หลงเยี่ยนคิ้วขมวดเข้าหากันจนเป็นปม ใบหน้าแสดงออกถึงความสับสนและร้อนรุ่มในใจ แต่จะให้หลานเสวี่ยทำอย่างไร หากบอกไปชีวิตนางจะยังเหลือให้กลับบ้านอีกหรือ นางกลัวจนหัวใจเต้นระรัว ร่างกายแบบบางสั่นเทา “ข้าน้อยบอกไม่ได้...ข้าน้อยไม่มีทางคิดเป็นอื่น” นางกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สายตาคู่งามยามจ้องมองฉายแววเศร้าหมอง คิ้วสวยหักลงยามที่นึกถึงชะตากรรมตัวเอง เขารักหลานเสวี่ยมากเท่าใดไม่ใช่ว่านางจะไม่รู้ หากทุกอย่างเปิดเผยถึงคราวนั้นชีวิตจางเสี่ยวหลงจะเป็นยังไง “เหตุใดถึงปากแข็งนัก แค่เจ้าพูดมาข้าก็ช่วยเจ้าได้ หรือที่เจ้าไม่พูดเพราะเกี่ยวกับกวนเหยาหมิง” หลงเยี่ยนพูดพลางบีบมือเรียวสุด
หลังจากเดินทางมายาวนานก็มาถึงเมืองหลวง หลานเสวี่ยที่ไม่มีอะไรทำมาหลายวันก็ตรงไปที่หอการค้าร้านสะดวกซื้อทันที ทว่าเมื่อนางมาถึงก็ทำให้ผู้คนตามสองข้างทางมองตามไม่กะพริบตา สตรีที่งดงามเช่นนี้มีในเมืองหลวงด้วยหรือ ทุกสายตาต่างสงสัยผู้คนรายล้อมมองดู ต่างก็ไม่รู้ว่านางเป็นคนตระกูลไหน การมาถึงของหลานเสวี่ยทำให้พ่อสื่อแม่สื่อมีงานล้นมือเป็นแน่ เพราะเหล่าชายโสดต่างติดต่อถามไถ่ถึงนางกันทั่วหน้า หลานเสวี่ยเดินไปไม่สนสายตาของผู้คน เหล่าชายหนุ่มตระกูลสูงศักดิ์หรือสามัญชนคนธรรมดาก็ไม่อยู่ในสายตา เพียงแค่นางก้าวเดินคนก็พร้อมจะเปิดทางให้อย่างเต็มใจ จนมาถึงหอการค้าของตน คนคุ้มกันก็ยืนทำหน้าที่อย่างทุกวันแต่วันนี้คนคุ้มกันตกตะลึงจนหันไปมองตาม แค่นางเข้ามาในร้านยิ่งดูโดดเด่น เสี่ยวเอ้อร์ในร้านต่างก็มาให้การบริหารอย่างเต็มใจ ใบหน้ายิ้มแย้ม พวกเขาถามกันไปมาว่าแม่นางผู้นี้เป็นคุณหนูบ้านไหนกัน เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลย“แม่นางต้องการสิ่งใดบอกข้าน้อยได้เลยขอรับ” หลานเสวี่ยยิ้มอย่างเบาบางแต่ไม่ตอบอะไร เพราะเป็นหน้าที่ของหยางในการเปิดเผยเรื่องนี้ “ทุกคนมารวมตัวกันตรงนี้ ข้ามีเรื่องจะแจ้ง” หยางได้ส่งจดหมายใ