“เอ ป่านนี้คุณสิบจะนอนหรือยังนะ”
ร่างอรชรในชุดนอนบางเบานอนอมยิ้มอยู่บนเตียงนุ่มสีชมพูสดใสของตน นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองรูปภาพของเขาที่อยู่บนฝาผนังห้องด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ นึกเสียดายที่วันนี้เธอติดธุระด่วน ไม่อย่างนั้นก็คงจะได้อยู่กับเขานานกว่านี้
“ลองโทร.ไปหาดีกว่า ไม่ลองก็ไม่รู้สิยายผิง”
ว่าแล้วตรีชฎาก็ตัดสินใจคว้าโทรศัพท์มาไว้ในมือ แล้วกดหาเบอร์ที่บันทึกไว้จนมาหยุดอยู่ที่ชื่อ ‘สิบทิศที่รัก’ ริมฝีปากอวบอิ่มก็คลี่ยิ้มออกมาจนเห็นลักยิ้มน่ารักบนแก้มใสทั้งสองข้าง
ร่างสูงกำยำเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว ชายหนุ่มก้าวพ้นประตูห้องน้ำยังไม่ทันจะถึงสามก้าว เครื่องมือสื่อสารคู่ใจก็กรีดร้องขึ้นเป็นจังหวะตามที่ตั้งไว้ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างนึกแปลกใจ เวลาดึกดื่นป่านนี้ ใครโทร.มาหาเขากัน
สิบทิศเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางไว้อยู่บนหัวเตียง นัยน์ตาคมมองดูเบอร์ที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอ เขาก็ต้องแปลกใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อเลขสิบหลักที่โชว์อยู่นั้น เขาไม่คุ้นเอาเสียเลย ชายหนุ่มปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังอยู่ชั่วขณะ นิ้วเรียวยาวถึงได้ตัดสินใจกดรับสาย แนบโทรศัพท์ไว้กับหู แล้วกรอกเสียงทุ้มพูดกับคนต้นสายทันที
“สวัสดีครับ ผมสิบทิศพูดครับ”
ทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มหวานของเขา หัวใจของเธอก็เต้นไม่เป็นส่ำด้วยความตื่นเต้น นึก ๆ แล้วเธอก็อายอยู่เหมือนกันที่เป็นฝ่ายโทร.ไปหาเขาก่อน แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ถ้าขืนรอให้เขาเป็นฝ่ายโทร.มาเอง เธอคงต้องรอชาติหน้าตอนบ่าย ๆ แล้วล่ะ
“คุณสิบขา นี่ผิงเองนะคะ คุณสิบทำอะไรอยู่คะ ยังไม่นอนอีกเหรอ”
เสียงหวานใสรัวคำถามมากมายใส่เขาไม่ยั้ง
“นี่คุณเองเหรอตรีชฎา คุณไปเอาเบอร์มาจากไหน แล้วโทร.มาทำไม ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ยังจะโทร.มารบกวนคนอื่นอีก มีมารยาทบ้างหรือเปล่าฮะ”
เมื่อรู้ว่าคนที่โทร.มาหาเขาเป็นใคร เสียงห้วนก็รัวคำถามกลับไปทันที ถึงว่าสิใครที่ไหนโทร.มาเอาป่านนี้ ที่แท้ก็แม่นางยั่วหน้าด้านหน้าทนนี่เอง
“เอาทีละคำถามสิคะคุณสิบขา ผิงงงไปหมดแล้ว ไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี”
น้ำเสียงกระเง้ากระงอดบอก เพราะไม่รู้ว่าเธอจะเริ่มตอบคำถามไหนก่อน
“ไปเอาเบอร์มาจากไหน เท่าที่จำได้ ผมไม่เคยให้เบอร์ใครมั่วซั่ว โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างคุณ”
สิบทิศยิงคำถามแรกให้หญิงสาวตอบ
“เรื่องแค่นี้จิ๊บ ๆ ผิงก็ไปสืบหามาสิคะ หาเบอร์โทรศัพท์ของคุณสิบ ง่ายนิดเดียว”
เสียงหวานบอกอย่างยั่วเย้าชวนให้เขานึกโมโห
“แล้วโทร.มาทำไม”
น้ำเสียงแข็งกระด้างและเย็นชาถามเป็นคำถามที่สอง
“อยากรู้จริง ๆ เหรอคะ คุณสิบขา...”
ตรีชฎาลากเสียงยาวถาม จนสิบทิศชักรำคาญ
“ไม่ต้องมาเล่นลิ้นตรีชฎา ที่โทร.มาจะมีอะไร นอกจากเรื่องไร้สาระของคุณ”
ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เสียงหวานใสก็รีบแย้ง
“ใครว่าเรื่องไร้สาระกันคะ ผิงบอกก็ได้ ที่ผิงโทร.มา ก็เพราะผิงคิดถึงคุณสิบยังไงล่ะคะ ที่รักขา”
คนปลายสายเบ้หน้าอยากจะอาเจียนกับคำตอบที่ได้รับมา
“หึ น้ำเน่าสิ้นดี”
เขาเค้นเสียงพูด จนคนที่ได้ยินถึงกับห่อเหี่ยวใจ แต่ก็ยังใจกล้าพูดกับเขาต่อ
“แล้วคุณสิบล่ะคะ ไม่คิดถึงผิงบ้างเหรอ ไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนวัน ผิงคิดถึ้งคิดถึงคุณสิบใจแทบขาด”
ตรีชฎาหยอดคำหวาน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาจะตอบกลับมาว่าอย่างไร และแล้วเธอก็ทายถูกจนได้
“จะคิดถึงทำไมกัน ผมจะบอกให้นะตรีชฎา ไม่เจอคุณผมรู้สึกว่าโลกทั้งโลกมันสดใสมากเลยล่ะ ไม่เหมือนตอนเจอคุณ มองไปทางไหนก็เจอแต่ความมืดมิดอย่างกับตกนรกขุมอเวจี”
สิบทิศเน้นคำสุดท้ายชัดถ้อยชัดคำ ชัดเจนไปถึงทรวงในของตรีชฎา
“คนใจร้าย ผิงงอนคุณสิบแล้ว”
เสียงหวานปนความเง้างอนพูดเหมือนเขาจะมางอนง้อเธอเสียอย่างนั้น
“ปัญญาอ่อน ที่โทร.มา มีแค่นี้ใช่ไหม ผมจะได้วาง เสียเวลานอน”
สิบทิศรีบตัดบท เพราะไม่อยากจะเสวนากับหญิงสาวนาน ๆ ยิ่งได้ยินเสียงก็ยิ่งเสียอารมณ์
“ถ้าอย่างนั้นผิงวางก็ได้ค่ะ คืนนี้หลับฝันดีนะคะ ฝันถึงผิงด้วยนะ อ้อ แล้วอย่าลืมห่มผ้าด้วยนะคะคุณสิบขา ตอนกลางคืนมันหนาว เดี๋ยวจะไม่สบาย เจอกันพรุ่งนี้นะคะที่รัก บายค่ะ จุ๊บ!”
ตรีชฎาบอกด้วยความห่วงใย แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาจุ๊บหนึ่งที สิบทิศก็รีบดึงโทรศัพท์ออก เขากดตัดสายทันที เพราะรู้สึกสะอิดสะเอียนกับจูบที่เธอส่งมา
“หลับฝันดีนะคะ ห่มผ้าด้วยนะคะ เดี๋ยวจะไม่สบาย เหอะ ถึงเธอไม่บอก ฉันก็ต้องห่มผ้าอยู่แล้วล่ะ ยายโง่”
มือหนาโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงอย่างไม่สนใจไยดี ก่อนจะเดินไปหยิบชุดนอนมาสวมใส่ เมื่อเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงก็ล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวัน
จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากบางเฉียบ ซุกไซ้ซอกคอขาวเนียน สูดดมความหอมละมุนจากกลิ่นกายของภรรยาสาว ยิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งคลั่งไคล้ในตัวเธอ ลิ้นอุ่นชื้นไล้เลียละเลียดไปตามผิวเนื้อนวลลออราวกับกำลังกินเค้กหน้านิ่มก็ไม่ปาน“เมียผมหอมจังเลย”เขาค่อย ๆ แทะเล็มขบเม้มทั่วลำคอระหง ใช้ปากร้อนงับติ่งหูของเธอสลับกับไล้ปลายลิ้นไปตามใบหูช้า ๆ จนตรีชฎาต้องหลับตาพริ้ม เบี่ยงหน้าไปอีกทาง เพราะความสยิวลามไปทั่วกลางหลัง ก่อนที่เขาจะจูบพรมไล่ตามซอกคอลงมาถึงเนินอกอวบอิ่มสิบทิศดึงเชือกคล้องคอชุดของขวัญวาบหวิว จับรั้งโบตรงช่วงอกลงมาให้เต้าทรวงหลุดออกจากพันธนาการฝ่ามือหนากอบกุมข้างหนึ่ง เคล้นคลึงเบา ๆ ก่อนใช้ปลายนิ้วสะกิดยอดอก อีกข้างก็ใช้ริมฝีปากครอบครอง ดูดดื่มปทุมถันอย่างหิวกระหาย“นมผิงอร่อยที่สุดเลย”เสียงทุ้มพร่าเอ่ยชม ลิ้นหนาตวัดเลียเม็ดบัวสีหวาน ซึ่งเป็นจุดกระตุ้นอารมณ์ของเมียรักได้เป็นอย่างดี“คุณสิบขา”ดวงตากลมโตหยาดเยิ้มปรือมองดูสามีกำลังดูดเลียปลายถันที่แข่งกันชูชันทั้งสองข้างของเธออย่างเมามัน เขาปลุกเร้าเธอจนเสียวซ่าน เสียงหวานครางเบา ๆ แอ่นอกประเคนตัวเองอยากให้เขาใช้ปากอันร้อนรุ่มสัมผัสปทุมถันของเธอซ้
‘อย่าลืมนะครับ คืนนี้เรามีนัดแกะของขวัญกัน’ตรีชฎานึกถึงประโยคที่สามีย้ำเตือน ก่อนที่เธอจะเข้ามาอาบน้ำ หญิงสาวมองดูตัวเองในกระจกแล้วก็ต้องอมยิ้มให้กับชุดของตัวเองของขวัญที่สิบทิศพูดถึงหมายถึงตัวเธอ เป็นของขวัญวาเลนไทน์ที่เขาควรจะได้เมื่อวานแต่ก็ไม่ได้ เพราะติดที่ลูก ๆ มานอนด้วย เธอเลยต้องเลื่อนวันมาให้เขาในคืนนี้แทน“ผลัวะ” เสียงเปิดประตูห้องน้ำ ทำให้ร่างสูงที่สวมชุดนอนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงกว้างต้องหันมามองโดยอัตโนมัติภาพที่ปรากฏในดวงตาคมกริบ สิบทิศถึงกับคำรามในลำคอทันที ร่างบางระหงในชุดผูกคอ ช่วงอกแต่งเป็นโบขนาดใหญ่ทำด้วยผ้าสีแดง ปล่อยห้อยชายผ้าลงมาตรงหน้าท้องแบนราบ มีสายเส้นเล็กสองเส้นแนบขนาบลำตัว เชื่อมโยงกับกางเกงชั้นในที่เป็นแค่ผ้าสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ปกปิดจุดสงวน กำลังเยื้องกรายมาหาเขาแค่เห็นเลือดในกายก็พุ่งพล่าน ปลุกให้ความเป็นชายแข็งผงาด ทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัสร่างกายกันด้วยซ้ำ ให้ตายเถอะนี่เขากำลังจะได้เมียผูกโบของแท้“ชุดอะไรของผิงเนี่ย”สิบทิศดีดตัวลุกนั่งทันทีที่ภรรยาสาวก้าวขึ้นเตียงมานั่งใกล้ ๆ ไล่มองชุดตั้งแต่บนลงล่างไม่วางตา ก่อนจะรั้งตัวเธอให้มานั่งคร่อมตักแกร่ง“ก็
“คุณสิบจะแกะเส้นนี้ออกทำไมคะ” เสียงหวานท้วง“อ้าว ก็นี่มันแค่สร้อยลูกปัดธรรมดา เอาออกเถอะครับ เดี๋ยวผมจะใส่เส้นนี้ให้แทน”“ไม่เอาค่ะ กำไลเส้นนี้เป็นเส้นแรกที่คุณสิบซื้อให้ผิง มันเป็นความประทับใจนะคะ”เขาปลาบปลื้มใจในคำตอบของเธอ จนอยากมอบจูบหวาน ๆ สักจูบสองจูบเพื่อเป็นรางวัล กำไลลูกปัดเส้นนี้ เขาซื้อให้เธอเมื่อครั้งไปฮันนีมูนครั้งแรก แม้เวลาจะผ่านมาหกปีแล้ว เธอก็ยังใส่ติดตัวไว้ตลอด แถมยังรักษาไว้เป็นอย่างดีอีกด้วย“ก็ได้ครับ ไม่ถอดก็ได้ งั้นผมใส่เส้นนี้ให้เลยแล้วกันนะครับที่รัก”ว่าแล้วสิบทิศก็สวมกำไลข้อมือราคาแพงให้ภรรยาคนสวย แล้วยกมือบางขึ้นจูบแผ่วเบา“ขอบคุณค่ะ ผิงก็มีของขวัญให้สามีของผิงเหมือนกันค่ะ เดี๋ยวนะคะ ขอผิงหยิบก่อน”ตรีชฎาวางช่อดอกกุหลาบ เดินไปหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ให้สามีสุดที่รัก ซึ่งเป็นปากกาด้ามทอง สลักชื่อเธอกับเขาไว้ด้วยกัน“ปากกาด้ามนี้ คุณสิบต้องเอาติดตัวตลอดนะคะ ผิงรักสามีที่สุดเลยค่ะ”เธอยื่นปากกาสวยหรูให้เขา โถมตัวกอดเขาด้วยความรักสุดหัวใจ แล้วจูบปลายคางอย่างออดอ้อน“ขอบคุณนะครับที่รัก เอ ผมให้ของขวัญผิงตั้งสองอย่าง แต่ผิงให้ผมแค่อย่างเดียวเองนะครับ”“อ้าว ผิงม
“ฮือ ๆ ฮือ ๆ”ไอ้เสือน้อยที่กำลังยื่นลูกโป่งให้น้องสาว หันไปตามเสียงสะอึกสะอื้น นัยน์ตาสุกใสเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้น ร้องไห้งอแงไม่ยอมหยุด แถมที่หัวเข่าก็ถลอกแดงเหมือนหกล้ม เด็กชายสรวิศจึงรีบเดินเข้าไปหา ซึ่งเด็กหญิงสิราวรรณก็เดินตามไปด้วย“น้องหกล้มเหรอครับ เป็นอะไรมากไหม ขอพี่ผลดูหน่อยนะครับ”มือเล็กของไอ้เสือน้อยจับหัวเข่าของเด็กหญิงเพื่อสำรวจดู แต่ร่างเล็กก็สะดุ้งชักขาออกทันที“เจ็บ ฮือ ๆ ฮือ ๆ”เสียงเล็กใสสะอึกสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บ “พี่ผล เราจะทำยังไงกันดี น้องหกล้มจนหัวเข่าถลอกเลย อ้อ น้องผักบุ้งนึกออกแล้ว เดี๋ยวน้องผักบุ้งไปตามคุณพ่อคุณแม่มาดูน้องนะคะ”ริมฝีปากจิ้มลิ้มเจื้อยแจ้วบอกพี่ชาย ก่อนจะรีบวิ่งไปตามบิดามารดาที่อยู่ในร้านไอศกรีม“ไม่ร้องนะครับคนเก่ง เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้วครับ”เด็กชายสรวิศปลอบประโลมเด็กหญิง เหมือนที่คุณพ่อกับคุณแม่ชอบปลอบเวลาเขาหกล้มเสมอ เมื่อเห็นน้ำตาที่เปรอะเปื้อนใบหน้าเล็ก มือน้อยจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อนักเรียน มาเช็ดน้ำตาให้เด็กหญิง“พี่ผล คุณพ่อกับคุณแม่มาแล้วค่ะ”น้องผักบุ้งวิ่
“รักเหรอครับ เหมือนที่น้องผลกับน้องผักบุ้ง รักคุณพ่อกับคุณแม่ใช่ไหมครับ”ริมฝีปากสีแดงสดคลี่ยิ้มให้บิดามารดาอย่างน่ารัก มือหนาจึงเอื้อมมาลูบศีรษะทุยของลูกชายเบา ๆ“ไม่ใช่ครับลูก มันไม่เหมือนกัน รักของน้องมินที่มีให้น้องผล ก็เหมือนกับที่พ่อมีให้คุณแม่ไงครับ อืม เอาไว้น้องผลโตขึ้น เดี๋ยวน้องผลก็จะเข้าใจเอง หมดข้อสงสัยหรือยังเจ้าตัวแสบ ไปกินไอศกรีมกันดีกว่านะลูก”สิบทิศอุ้มเจ้าตัวแสบที่ยังคงทำหน้าสงสัยขึ้นรถ ตามด้วยลูกสาวคนสวย ก่อนจะเปิดประตูให้ภรรยาสาว ส่วนตัวเขาก็เดินอ้อมไปขึ้นรถทางฝั่งคนขับ แล้วขับรถออกจากโรงเรียนไปยังห้างสรรพสินค้าทันทีครอบครัวธาราธรณ์พากันมาร้านไอศกรีมที่ตกแต่งด้วยสีสันน่ารัก สิบทิศเลือกที่นั่งด้านใน ซึ่งเป็นโต๊ะโซฟายาว น้องผลนั่งฝั่งเดียวกับคุณพ่อสุดหล่อ ส่วนน้องผักบุ้งก็นั่งฝั่งเดียวกับคุณแม่คนสวย“พี่สาวคนสวยครับ น้องผลเอารสช็อกโกแลตนะครับ เอาแบบรูปนี้เลยครับ”เมื่อพนักงานในร้านมารับออร์เดอร์ เด็กชายสรวิศก็สั่งไอศกรีม พร้อมกับชี้รูปในเมนูให้ดู“น้องผักบุ้งจะทานไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รีค่ะ เอาแบบเดียวกับพี่ผลด้วย”นางฟ้าน้อยบอกพนักงานเสิร์ฟเจื้อยแจ้ว“คุณแม่จะทานรสอ
“พี่ผล”เสียงเล็กใสของใครคนหนึ่งเรียกชื่อไอ้เสือน้อย เจ้าตัวเลยต้องหันไปตามเสียง แล้วส่งยิ้มให้คนที่ยืนเหนียมอายอยู่ตรงประตูห้องเรียน“อ้าว น้องมิน ยังไม่เข้าเรียนอีกเหรอ”เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยถามน้องมินที่เรียนอยู่คนละชั้นปีกับตน ก่อนจะเดินไปหาร่างเล็กในชุดกระโปรงแบบเดียวกับน้องสาว เด็กน้อยหางเปียติดกิ๊บรูปกระต่ายสีชมพู ยื่นดอกกุหลาบให้เด็กชายสรวิศ ก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองหน้าเด็กชาย“น้องมินให้พี่ผลค่ะ”ไอ้เสือน้อยเจ้าเสน่ห์ยื่นมือมารับดอกกุหลาบจากมือเล็ก เพียงเท่านั้นเด็กหญิงตัวเล็กก็รีบวิ่งหนีไปอย่างเขินอาย นัยน์ตาสีนิลมองตามหลังเด็กหญิงด้วยความไม่เข้าใจ ว่าทำไมจะต้องวิ่งหนีเขาด้วยเวลาบ่ายสามโมง สิบทิศกับตรีชฎาก็มารับลูกชายลูกสาวเฉกเช่นทุกวัน ทั้งสองจะมารับลูกด้วยตัวเองเสมอ นอกเสียจากว่าวันไหนติดธุระไม่สามารถมารับลูก ๆ ได้ สิบทิศถึงจะส่งบอดี้การ์ดของเขามารับลูก ๆ แทนเจ้าหนูน้อยทั้งสองวิ่งมาหาคุณพ่อคุณแม่พร้อมด้วยของพะรุงพะรัง ไอ้เสือน้อยกับนางฟ้าน้อยหอมแก้มผู้เป็นบิดามารดา ก่อนจะถูกคุณพ่อยังหนุ่มกับคุณแม่ยังสาวหอมแก้มนุ่มนิ่มกลับคืน“น้องผล ของอะไรน่ะลูก ทำไมถือมาเต็มมือไปหมดอย่างนี